http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-02-11

นพดล: ความรัก ความใคร่ คู่ขนานวันวาเลนไทน์/ พจนา: กุหลาบแดง Rouge Royale..

.
โพสต์เพิ่ม - เรื่องสนุกๆ ในวันวาเลนไทน์ โดย พิศณุ นิลกลัด

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ความรัก ความใคร่ คู่ขนานวันวาเลนไทน์
โดย นพดล มหกรรมโกลา
บทความพิเศษ ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1643 หน้า 54


14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก แน่นอนไม่ใช่วัฒนธรรมไทย แต่ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหลุดรอดเข้าสู่สังคมเปิดอย่างประเทศไทยที่พร้อมรับวัฒนธรรมชาติอื่นอย่างไม่ขวยเขิน และด้วยความเป็นสากล วันวาเลนไทน์จึงมีอิทธิพลต่อคนไทย โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิงชายที่ลื่นไหลไปตามกระแสเฉกเช่นวันสำคัญอื่นๆ

ความสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าควรทำตามค่านิยมนี้หรือไม่ แต่อยู่ที่มีความเข้าใจและปฏิบัติถูกต้องตามความหมายที่ลึกซึ้งดีพอหรือไม่

14 กุมภาพันธ์ ไม่ได้เป็นวันที่ดอกกุหลาบมีราคาแพงสูงสุดเพียงอย่างเดียว

แต่หลายคนถือเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกว่าเป็นวันของกันและกัน เป็นวันของการอุทิศความบริสุทธิ์ทางเพศ เป็นวันที่เหมาะสมที่สุดที่จะได้มีความสัมพันธ์ทางเพศ

และเชื่ออย่างฝังใจว่า การแสดงออกเช่นนั้นสื่อถึงความรักแท้ รักจริง ซึ่งเป็นความรู้สึกนึกคิดที่ผิดอย่างมหันต์ แท้จริงแล้ว เป็นวันฉกฉวยโอกาสเสียมากกว่า!

สำหรับปี 2555 จึงควรเป็นปีแห่งการเตือนใจ เตือนสติ เตือนจิตวิญญาณ

ให้ประพฤติ ปฏิบัติในวันแห่งความรักอย่างถูกต้อง

วัยรุ่นคนใดที่มีแผนจะไปฉลองวันแห่งความรัก ก่อนจะถึงวันนั้นขอให้อ่านบัญญัติ 10 ประการ *รักนวล สงวนตัว*

เพื่อให้ทุกคนสนุกได้ สนุกเป็น สนุกอย่างมีสติ มีความสุข ปราศจากทุกข์อกตรมในภายหลัง



ประการที่ 1 เรียนผูก ต้องรู้จักเรียนแก้ พึงระลึกไว้ว่าคนในสังคมยังมองว่าความเสียหายที่เกิดจากเรื่องเพศนั้น ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่วันยังค่ำ

ไม่ได้เป็นคนก่อ ไม่ได้เป็นใจ ไม่ได้พร้อมใจก็ตาม

การขอรับความเป็นธรรมกลายเป็นการประจานตัวเอง นำความเสียหายสู่ครอบครัววงศ์ตระกูล

ด้วยทัศนคติที่ฝังรากลึกมานานแม้การต่อสู้เรียกร้องขององค์กรต่างๆ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคระหว่างหญิงชายในสังคมไทย จะก้าวหน้าไปอย่างมาก ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวคิดนี้ได้หมดทุกคน

ผู้หญิงที่ถูกกระทำจึงไม่กล้าแจ้งความ ไม่กล้าเปิดเผยความเลว ความเฮงซวยของกากเดนสังคมที่มักเรียกตัวเองอย่างไม่อายปากว่า สุภาพบุรุษ

คดีความการถูกล่วงละเมิดทางเพศ การข่มขืนกระทำชำเรา จึงมีน้อยกว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทำให้คนชั่วลอยนวลไปประกอบกรรมชั่วไม่รู้จบ

สหประชาชาติ ได้สำรวจพบว่าในชั่วชีวิตหนึ่งของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลก 1 ใน 3 เคยถูกทุบตี ล่อลวง หรือถูกล่วงละเมิด โดยทุก 15 นาที จะมีผู้หญิงถูกข่มขืน 20 คน และร้อยละ 40 มีอายุไม่ถึง 15 ปี

รู้อย่างนี้ผู้หญิงอย่างเราคงฉลาดพอที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อในเรื่องเพศ จริงไหม?

ใครอวดเก่ง อวดดี ประมาท ไม่พร้อมเรียนผูก ไม่กล้าเรียนแก้

จะได้แผลสะกิดใจนอนสะดุ้งทุกค่ำคืน!!!


ประการที่ 2 ผู้ชายหลายผู้หลายคน มีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า หากได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกันแล้ว จะเป็นการผูกมัดผู้หญิงไม่ให้ไปปันรักให้ใครอีก

เป็นสัญญาณอันตรายที่แผ่รังสีแรงกล้าของคนเห็นแก่ตัว คนขาดความมั่นใจในตัวเอง ไร้ซึ่งความจริงใจ

ผู้หญิงอย่างเราอย่าเปิดช่อง อย่าเผลอตัวสร้างโอกาสให้เขาเป็นอันขาด

ในอีกฟากหนึ่งก็มีทัศนคติที่ดีๆ ของลูกผู้หญิงที่ควรมี ควรเป็น แต่ปัจจุบันกลับลดถอยขาดการเห็นคุณค่าไปมาก

การเสียสาว เสียความบริสุทธิ์ เสียพรหมจรรย์ เป็นความศักดิ์สิทธิ์ในชีวิต!

เมื่อใดที่ตกลงปลงใจมอบให้ใครแล้ว คนนั้นจะเป็นที่รักที่เทิดทูนตลอดไป

ไม่ว่าสุดท้ายแล้ว จะมีอันต้องเลิกราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา

ความระลึกถึงก็ยังคงอยู่ เป็นความทรงจำที่ไม่มีผลร้ายต่อวิถีชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไปแต่อย่างใด เพียงเพราะเขาเป็นชายคนแรกในดวงใจ!

เรื่องที่จะปล่อยกาย ปล่อยใจง่ายๆ ให้ใคร อย่าคิด อย่าหวัง

ต้องพิถีพิถัน ดูใจกันจนถึงก้นบึ้ง ปักใจได้ ไร้กังวลนั้นแหละจึงจะมีคำตอบ

แนวคิดนี้จะช่วยรั้งไม่ให้ใจเตลิดเกิดมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร


ประการที่ 3 ความต้องการทางเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ

ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องรังเกียจ ไม่ต้องอาย อยู่กับเขาด้วยความเข้าใจ!

เมื่อถึงเวลาอันสมควร ความต้องการทางเพศก็จะค่อยๆ ปะทุขึ้นทั้งในเด็กผู้หญิงผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงเราจะเกิดอารมณ์ทางเพศมากกว่าปกติในช่วงก่อนมีประจำเดือน ส่วนผู้ชายไม่ต้องไปพูดถึงหรอก คนหนุ่มมีอารมณ์ทางเพศแทบจะทุกลมหายใจเข้าออก และเมื่อเกิดขึ้นมักจะควบคุมตัวเองได้ยาก

หากจะเปรียบเทียบก็คงคล้ายกับภูเขาไฟที่คุกรุ่นพร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา หากมีเชื้อปะทุเข้ามาใกล้ เข้ามาเติมทุกอย่างก็จะพินาศ

แล้วคุณผู้หญิงจะเสี่ยงปีนขึ้นไปบนยอดเขาหรือ ระเบิดขึ้นมาเมื่อไรก็รู้กันทั้งบาง

เพราะอะไรรู้ไหม

ก็นิสัยผู้ชายเป็นประเภทชอบโชว์ได้ผู้หญิงคนไหน ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง!

โฆษณาไปทั่วไม่ให้เกียรติผู้หญิง เข้าทำนอง

"กินในที่ลับ ไขในที่แจ้ง"

อย่างนี้ต้องร้องเพลง "ไม่เอานะเกรงใจ" ดีกว่า มีอย่างที่ไหน รู้เห็นกันสองคน กลายเป็นรู้กันทั้งห้อง ทั้งโรงเรียน ทั้งชุมชน!


ประการที่ 4 ขอครั้งเดียว พฤติกรรมอีกอย่างที่เด็กและเยาวชนจะถูกกระตุ้นโดยธรรมชาติ คือ การอยากลอง เมื่อทราบแล้วก็กรุณาอย่าคิดลองเป็นอันขาด ไม่ว่าเรื่องยาเสพติดหรือเรื่องเพศ วัยรุ่นที่พลาดมักจะเป็นคนที่พูดกับตัวเองว่า

"ขอครั้งเดียว"

หารู้ไม่ ครั้งเดียวก็เกินพอ

ยิ่งพวกผู้ชายที่มีความคิดแบบข้อที่ 1

ว่าเป็นผู้ชายมีแต่ได้ ไม่มีเสียนี้แหละ ตัวก่อปัญหา

ส่วนพวกติดยายิ่งต้องหลีกหนีให้ไกล เพราะยาเสพติดจะกระตุ้นความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้นอีก บวกกับการขาดสติทำให้กล้าที่จะทำในสิ่งที่เลวร้าย

อย่าได้ประมาทผู้ชายประเภทนี้เด็ดขาด อยู่ให้ห่างเข้าไว้ เรียกได้ว่าห้ามกะพริบตาเลยทีเดียว หากจำเป็นต้องเข้าใกล้


ประการที่ 5 ให้ลืมไปได้เลยกับคำว่า "ไม่เห็นเป็นไรเลย"

รู้กันหรือยังว่าภัยอันตรายมักเกิดขึ้นในสถานที่ หรือคนที่เราคุ้นเคย

ไอ้ตัวคุ้นเคย คุ้นชิน นี้ล่ะ! ที่ทำให้เราน้ำตาตกในมานักต่อนักแล้ว

เหตุการณ์ลวนลามทางเพศ ข่มขืนกระทำชำเรา ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสถานที่ที่ผู้ถูกกระทำใช้สัญจรเป็นประจำ และกับคนรู้จักหน้าค่าตากันเป็นอย่างดีนี่เอง

"อะไรที่ว่าปลอดภัยที่สุด ก็คือ อันตรายที่สุด"


ประการที่ 6 ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ "ผู้ชาย" เป็นอสรพิษ สามารถแว้งกัดได้แม้กระทั่งคนใกล้ชิด คนที่ชอบ คนที่รัก

โปรดอย่าได้หลงกับคำว่า "ชอบ" "รัก" จากลมปากผู้ชายเป็นอันขาด ผู้หญิงเรามักหลงไปกับคำป้อยอ คำหวานๆ เป็นน้ำผึ้งเดือนห้า หรือนิยมชมชอบกับของฝากติดไม้ติดมือ

ชื่นชม แอบมาเชยชม เป็นของดี ของเด่น ของรัก ของหวง

หารู้ไม่ อันตรายกำลังก้าวเข้ามาใกล้ เงาตัวเองกำลังจะถูกกลืน!

ผู้ชายเมื่อรู้จุดอ่อนของผู้หญิง ก็ใช้จุดนี้เป็นจุดแข็งของเขา

น้ำหยดบนหินทุกวันหินมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับหัวใจน้อยๆ

เผลอหน่อยเดียวเสียรู้เขาแล้ว! นั่งมือก่ายหน้าผากน้ำตาเช็ดหัวเข่ายันตาตุ่ม


ประการที่ 7 คำว่า "ผู้ชาย" ส่องกล้องดูรายละเอียดสามวันก็ไม่หมดจด โบราณจึงสั่งสอนไว้

"เป็นหญิงอย่าอยู่กับชายในที่ลับตาคน"

ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร พี่น้อง ญาติ ครู พระ แม้กระทั่งพ่อตัวเอง!

แต่ใช่ว่าเราจะกลัวคนเหล่านี้ไปเสียหมด

คำนึงถึงเวลา สถานที่ สถานการณ์ และความเหมาะสมไว้แล้วกัน

อย่าให้ผู้ใหญ่พลอยเสียคน ถูกถอนหงอกไปด้วย

แม้นไม่มีเหตุเกิดขึ้น แต่สังคมก็มองไปในทางไม่ดีแล้ว เข้าตำรา

"นินทากาเลเหมือนเทน้ำ..."


ประการที่ 8 คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล ยังใช้ได้เสมอไม่ว่าโลกนี้ โลกหน้า

ลางบอกเหตุอันตรายอีกอย่าง คือ เพื่อนสุดเลิฟ!

เพื่อนบางคนไม่อยากให้เราได้ดี ขี้อิจฉา ขี้ฟ้อง ขี้ใส่ร้าย

เพื่อนเฮงซวยอย่างนี้เรามักดูไม่ออกเลยหลวมตัวง่ายๆ

บางคนชอบทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชัก (ชักศึกเข้าบ้าน) ชวนไปเที่ยว ชวนดื่มของมึนเมา ชวนเล่น ชวนเสพ สารพัดจะสรรหามาให้ และที่หนักไปกว่านั้น คือ มันสมรู้ร่วมคิดกับผู้ชายเลวมากระทำต่อเรา!

เพื่อนอย่างนี้กากบาทตัดหัวได้เลย!


ประการที่ 9 ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี แต่ความเกรงใจคนบางครั้งนำผลเสียมาให้เราชนิดตั้งตัวไม่ติด คิดไม่ถึง

เชื่อได้ว่าหลายคนมักจะมีความเกรงใจเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะเพื่อนมักได้รับอภิสิทธิ์ แต่การเกรงใจบางอย่างไม่ได้ทำร้ายเพียงตัวเราแต่จะเป็นเพื่อนด้วย

เพื่อนขอลอกการบ้าน เราก็ให้ลอก เพื่อนเลยไม่มีความรู้

เพื่อนขอดูคำตอบเวลาสอบ เราก็ให้ดู

เราสอบได้ เพื่อนก็สอบได้ แต่เพื่อนไม่มีความรู้

ครูจับได้เราสอบตก เพื่อนก็สอบตก ซวยทั้งคู่!

ไปเที่ยว ไปดื่ม เพื่อนคะยั้นคะยอให้ดื่มของมึนเมา หรือน้ำแปลกปลอมที่ไม่รู้จักต้องปฏิเสธให้ได้ ของมึนเมาทำให้การควบคุมสติของเราสั่นคลอน

จะลุกไปเข้าห้องน้ำ ให้ดื่มน้ำแก้วของเราให้หมดก่อน

ป้องกันผู้ไม่หวังดีเอาอะไรใส่ลงไป กลับมาก็สังเกตด้วยมีอะไรผิดปกติหรือไม่

เที่ยวกลางคืนยิ่งอันตราย เพราะมันมืด โอกาสพลาดมีเยอะ

ความเกรงใจเพื่อนไม่กล้าปฏิเสธ

เป็นพฤติกรรมเกิดจากกลัวเพื่อนจะไม่รู้จัก กลัวไม่มีเพื่อน กลัวเพื่อนน้อยใจ กลัวเสียเพื่อน เขาเรียกว่า โรคคนขี้เหงา ขาดความเชื่อมั่น ไม่กล้าตัดสินใจ

ในที่สุดกอดกันตกเหวทั้งคู่

จงกล้าปฏิเสธในสิ่งไม่ถูกต้อง ต้องฉุดเพื่อนให้หลุดพ้นด้วย ทำให้เพื่อนตาสว่าง ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นทั้งคนเก่ง คนดีที่แท้จริง



ประการที่ 10 จากข้อที่ 1 ถึงข้อที่ 9 อ่านแล้วรู้หมด เข้าใจได้

แต่วัยรุ่นอย่างฉันจะทำได้หรือ?

ได้สบายมาก อย่าห่วง ไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่จะทำให้วัยรุ่นทุกคนทำได้ ไม่เฉพาะแต่เรื่องรักนวล สงวนตัว เท่านั้น แต่สามารถทำในสิ่งดีๆ สิ่งสร้างสรรค์เพื่อตัวเอง ครอบครัว และสังคมได้

การศึกษาและศาสนา เป็นอาวุธสำคัญ และเป็นเกราะป้องกันที่ดีสุดยอด

โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ เพราะหนังสือคือ "เพื่อนแท้"

อ่านมากก็ยิ่งได้เพื่อนมาก

การศึกษาและศาสนาทำให้แยกแยะสิ่งดี ไม่ดีได้

การศึกษาและศาสนาทำให้เราคิดได้ คิดเป็น

การศึกษาและศาสนาทำให้เรามีสติเตือนตนได้เสมอ

การศึกษาและศาสนาทำให้เราเป็นทั้งคนเก่ง คนดี และเป็นคนที่มีความสุข

วันแห่งความรักปีนี้ จึงขอให้รักความรัก ความใคร่ เดินคู่ขนานไปก่อน แต่เป็นคู่ขนานที่มีวันบรรจบเมื่อถึงเวลาอันสมควร ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป!


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

หมายเหตุ บทความดีฯ นำเสนอบทความนี้ เฉพาะเพื่อส่งเสริมการมีความรักความใคร่เต็มที่อย่างมีสติ มีกรอบความคิดในความปลอดภัยของตนเองเป็นสำคัญ โดยถือว่าการกระทำของตนจากการกล้าตั้งคำถามต่อเรื่องจริงเบื้องหน้าหรือกำลังจะเกิด เป็นเสรีภาพที่เราจะรับหรือหลบหลีกก็ได้เพื่อความสุขอย่างมีพลัง-มีอนาคต
ขอตั้งข้อสังเกตุว่า การเอารัดเอาเปรียบกันทางเพศจะมีอย่างคึกคะนองในสังคมแบบอำนาจนิยม เพราะผู้มีอำนาจในสังคมและเส้นสายจะไม่ยำเกรงกฎหมาย สังคมเผด็จการและจารีตศาสนาจะกดอารมณ์ความรู้สึกทุกชนิดให้เกิดแต่ความกลัว ความไม่กล้าคิดไม่กล้าตั้งคำถาม ไม่ฝึกฝนสติปัญญาเป็นตัวของตัวเอง ให้เชื่อแต่คำพูดของผู้ได้เปรียบในสังคม ..ทั้งๆเป็นพวก"ปากว่า ตาขยิบ"ที่ชีวิตประจำวันก็ติดยึดอย่างล้นเกินในโลภ โกรธ หลงต่อวัตถุวิสัยนั่นแหละ(ระดับที่คนธรรมดาซึ่งไม่ถืออำนาจเช่นนั้นไม่มีทางยอมรับหรือคาดคิดได้) สังคมอำนาจนิยมจะเต็มไปด้วยข้อห้ามสำหรับประชาชน แต่ผู้มีอำนาจกลับไม่ควบคุมผลประโยชน์ที่ล้นเกิน ไม่รับการตรวจสอบ ถือตนอยู่เหนือกฎหมาย ..นักการศึกษา นักอวดศีลธรรมที่พร่ำสอน เช่นเรื่องรักนวล สงวนตัว พรหมจรรย์ศักดิ์สิทธิ์ ฯ กลับชื่นชมเมื่อผู้มีอำนาจเหนือตนฝ่าข้ามข้อห้าม หรือมีสื่อและเครือข่ายกฎหมายคอยปิดกั้นข้อเท็จจริงไว้ให้



++

Rouge Royale กุหลาบแดงที่ชื่อขัดแย้งอยู่ในตัว
โดย พจนา นาควัชระ
รายงานพิเศษ ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1643 หน้า 55


ผมมีกุหลาบสีแดงดอกใหญ่และหอมมากอยู่ต้นหนึ่ง ปลูกมาได้ประมาณ 4 ปีแล้ว

เป็นกุหลาบที่แข็งแรง โตเร็ว กิ่งก้านใหญ่ ใบกว้างสีเขียวเข้ม

กุหลาบต้นนี้มีอะไรพิเศษหลายอย่าง ต่างไปจากกุหลาบอื่นที่ผมมีอยู่ในสวน

ผมได้พันธุ์มาจากเพื่อนที่ปลูกกุหลาบด้วยกัน เมื่อได้มาก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ เพราะต้นเล็กนิดเดียว เพิ่งจะติดตา และยังไม่มีดอก มิหนำซ้ำป้ายชื่อที่ติดมากับต้นก็สะกดตัวอักษรผิด ทำให้ค้นหาประวัติไม่ได้เป็นกุหลาบอะไร

เมื่อออกดอกมาทีแรก ดูจากลักษณะดอกและกลิ่นหอมก็เข้าใจว่าคงต้องเป็นกุหลาบอังกฤษ (English Rose) หรือไม่ก็กุหลาบสมัยเก่า (Old Garden Rose) พันธุ์ใดพันธุ์หนึ่ง

แต่พอต้นโตเต็มที่ก็เริ่มเห็นว่าลักษณะต้นไม่ใช่กุหลาบทั้งสองกลุ่มที่ว่า


แล้ววันหนึ่ง ด้วยความบังเอิญไปพบในหนังสือทะเบียนรายชื่อกุหลาบ มีกุหลาบชื่อหนึ่งที่สะกดตัวคล้ายๆ กับชื่อกุหลาบที่ผูกป้ายติดมากับต้นนี้ ตรวจสอบลักษณะที่เขาบรรยายไว้ ปรากฏว่าตรงกับกุหลาบต้นที่ผมมีอยู่

จึงเป็นอันยืนยันได้ว่ากุหลาบต้นนี้ชื่อ Rouge Royale เป็นภาษาฝรั่งเศส อ่านว่า รู้จ รัว ยาล เป็นกุหลาบไฮบริดที (กุหลาบลูกผสมระหว่างกุหลาบฝรั่งกับกุหลาบจีน ที่เราปลูกกันแพร่หลายอยู่ขณะนี้)

บริษัท ไมย็อง (Meilland) ประเทศฝรั่งเศส เป็นผู้ผสมพันธุ์และออกตลาดเมื่อ ค.ศ.2001 (พ.ศ.2544) หรือ 10 ปีมานี้เอง

เขาบรรยายลักษณะว่า เป็นกุหลาบสีแดงเข้ม แบบแดงกำมะหยี่ (velvet red) ส่วนด้านหลังกลีบเป็นสีแดงสด (geranium red)

กุหลาบที่หน้ากลีบและหลังกลีบสีต่างกันนั้น ในวงการกุหลาบเรียกว่า กุหลาบสองสี (bi-colour) ขนาดดอกอยู่ในเกณฑ์ใหญ่มาก คือ 6-7 นิ้ว กลีบแน่น เรียงกันแบบกุหลาบสมัยเก่าที่เรียกว่า rosette แปลว่าโบว์ (ที่ไว้ติดกระเป๋าเสื้อคนที่เป็นกรรมการจัดงาน ฯลฯ)

และที่กุหลาบต้นนี้มีความพิเศษก็คือ หอมมาก จนได้รับรางวัล Perfume Prize ของเมือง Orleans ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ ค.ศ.2006 (พ.ศ.2549)



พูดถึงกลิ่นหอมของกุหลาบ ตำราเรื่องกุหลาบหอมแจกแจงกลิ่นกุหลาบออกไปหลายแบบ มีตั้งแต่กลิ่นผลไม้ เช่น กลิ่นแอปเปิ้ล กลิ่นลูกพีช กลิ่นเครื่องเทศ อย่างเช่น ลูกจันทน์ กานพลู ไปจนถึงกลิ่นน้ำผึ้งก็มี

แต่สำหรับผมเองเกือบจะเป็นคน "บอดกลิ่น" เหมือนคนตาบอดสี รู้แต่เพียงหอม-ไม่หอม และหอมมากหอมน้อยเท่านั้น จึงบอกไม่ได้ว่าดอกกุหลาบต้นนี้หอมเหมือนอะไร

อย่างไรก็ตาม ยืนยันได้ว่า รู้จรัวยาล หอมแน่ๆ และหอมมากด้วย

กุหลาบรู้จรัวยาลต้นนี้แม้จะเป็นกุหลาบไฮบริดทีซึ่งอยู่ในกลุ่มกุหลาบสมัยใหม่ แต่กลีบดอก ทรงดอก และหน้าดอกกลับไม่เหมือนกุหลาบไฮบริดทีทั่วไปเอาเสียเลย เหมือนกับจะเป็นกุหลาบผ่าเหล่า เพราะรู้จรัวยาลมีกลีบดอกค่อนข้างสั้น ทรงดอกจึงแบนและเป็นรูปถ้วย (pupped)

หน้าดอกมีกลีบที่เรียงหยุกหยิกเหมือนโบว์ (rosettle) ซึ่งเป็นลักษณะของกุหลาบสมัยเก่า (Old Garden Rose) หรือกุหลาบอังกฤษ (English Rose - คือกุหลาบสายพันธุ์ที่ผสมขึ้นใหม่ โดย นายเดวิด ออสติน นักผสมพันธุ์ชาวอังกฤษ ที่รวมลักษณะดีของกุหลาบสมัยเก่าและสมัยใหม่ไว้ในต้นเดียวกัน)

ในขณะที่กุหลาบไฮบริดทีส่วนใหญ่จะมีทรงดอกสูง กลีบค่อนข้างยาว และหน้าดอกมีกลีบจัดเรียง วนเป็นก้นหอยอย่างมีระเบียบ

อันที่จริง รู้จรัวยาลเป็นกุหลาบที่ออกจะขี้ริ้ว ดอกทำท่าจะเหมือนกุหลาบอังกฤษ แต่ก็ขาดลักษณะ "ผู้ดีอังกฤษ" เพราะไม่มีความเรียบร้อยนิ่มนวล หน้าไม่สวย กลีบไม่เป็นระเบียบ

ยิ่งรูปถ่ายที่เอามาลงพิมพ์ให้ดู ก็แย่กว่าตัวจริงแบบรูปถ่ายบัตรประชาชนเสียอีก

จึงนับว่าเป็นรูปที่ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมแก่ "เธอ" เลย


ที่ผมคิดว่ารู้จรัวยาลเป็น "เธอ" ก็เพราะภาษาฝรั่งเศสนั้นมีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง ที่ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มี ต้องมีเพศและต้องบอกให้คนรู้ด้วย โดยคำนำหน้านาม และคำคุณศัพท์ที่ใช้

ชื่อกุหลาบต้นนี้ใช้คำคุณศัพท์ royale ที่แสดงเพศหญิง (ถ้าชายก็ต้องเป็น royal) แต่กุหลาบต้นนี้กลับเป็นกุหลาบชายชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกที่สีแดงเข้มจัด กลีบหนา กิ่งก้านใหญ่ และแข็งตรง แสดงความบึกบึน

ถ้าอย่างนั้นทำไมผมจึงได้หลงเสน่ห์กุหลาบอย่างนี้

คงจะเป็นเพราะสีแดงเข้มฉาดฉาน กลิ่นหอมพิเศษ หรือไม่ก็ความแข็งแรงบึกบึนของ "เธอ"

คนปลูกกุหลาบนั้น ไม่มีใครอยากเอากุหลาบที่บอบบางอ่อนแอและขี้โรคมาเลี้ยง

ความแปลกพิเศษของกุหลาบต้นนี้ไม่ได้มีเพียงแค่นั้น แม้ในชื่อ Rouge Royale ก็มีความแปลกอย่างน้อยก็สำหรับคนคิดมาก!


Rouge Royale เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลเป็นอังกฤษว่า Royal Red ชื่อนี้ฟังดูขัดๆ นักภาษาเรียกคำประเภทนี้ว่า paradox คือคำหรือข้อความที่มีความหมายขัดกันในตัวเอง

เพราะโดยสากลถือกันว่า แดงคือคอมมิวนิสต์ คือสังคมนิยม แดงคือซ้าย แดงจึงไม่เอากษัตริย์

ดังนั้น รู้จรัวยาล หรือรอยัลเรด หรือ "แดงเจ้า" หรือ "เจ้าแดง" ย่อมเป็นเรื่องแปลก

แต่ที่รู้สึกอย่างนั้นก็เพราะเราไปดึงเอาการเมืองหรือลัทธิการเมืองมาเกี่ยวกับกุหลาบ โดยที่คนตั้งชื่อให้กุหลาบเขาอาจไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นเลย

กุหลาบที่มีชื่อนำด้วย Royal มีมากมาย นับได้ถึง 91 สายพันธุ์ในบัญชีกุหลาบนานาชาติ มีตั้งแต่ Royal Air Force, Royal America, Royal Dream ไปจนถึง Royal Smile แต่ไม่มี Royal Red

ชื่อกุหลาบมีความเฉพาะตัวอย่างมาก เพราะแม้ว่า Rouge Royale จะแปลว่า Royal Red แต่ก็ไม่มีกุหลาบชื่อ Royal Red

กุหลาบพันธุ์นี้ในบ้านเรามีขายที่ไหน?

ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ จะให้ดีลองถามร้านขายต้นพันธุ์กุหลาบที่เขาขายกุหลาบแบบรู้จักชื่อพันธุ์ น่าจะรู้จัก และหามาให้ได้



+++

เรื่องสนุกๆ ในวันวาเลนไทน์
โดย พิศณุ นิลกลัด คอลัมน์ คลุกวงใน
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1643 หน้า 96


วันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์กำลังจะมาถึงแล้วครับ

ผมเองแม้ว่าจะหน้าตาจะทันสมัยคล้ายคนกรุงเทพฯ แต่จริงๆ แล้วเป็นคนบ้านนอกครับ เกิดและเติบโตที่อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ไม่เคยรู้เรื่องวาเลนไทน์กับเขาหรอก
กระทั่งปี 2511 เข้ามาเรียนมัธยมต้นที่กรุงเทพฯ ถึงได้รู้จักว่าวันวาเลนไทน์คืออะไร

วันวาเลนไทน์นอกจากเป็นวันแห่งความรักแล้ว ยังเป็นวันแห่งการจับจ่ายใช้สอยด้วย

วันอังคารที่ผ่านมามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยผลการสำรวจการใช้จ่ายของคนไทยในวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง บอกว่าจะเพิ่มกว่าปกติ 2,790 ล้านบาท ถัวเฉลี่ยใช้จ่ายคนละ 1,348 บาท

ในวันแห่งความรักเขาทำอะไรให้คนรักบ้าง?

48.60 เปอร์เซ็นต์ ออกไปทานอาหารนอกบ้าน
38.10 เปอร์เซ็นต์ ซื้อช็อกโกแลต
34.80 เปอร์เซ็นต์ ซื้อดอกกุหลาบและดอกไม้
31.40 เปอร์เซ็นต์ ดูหนัง และ 24.80 เปอร์เซ็นต์ ซื้อของขวัญ

เห็นตัวเลขแล้วทำให้ทราบว่าบางคนทำอะไรดีๆ ให้คนรักมากกว่า 1 อย่าง



ที่อเมริกาเขาก็มีการทำสำรวจเหมือนกัน ได้ตัวเลขและเนื้อหาน่าสนใจและสนุกมาก แยกเป็นข้อๆ ได้ดังนี้

1. วันวาเลนไทน์แต่ละปีคนทั้งโลกให้ดอกกุหลาบกันกว่า 50 ล้านดอก

2. 73 เปอร์เซ็นต์ของคนซื้อดอกกุหลาบเป็นผู้ชาย ส่วน 27 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้หญิง

3. ผู้หญิงในอเมริกา 15 เปอร์เซ็นต์ ส่งดอกไม้ให้ตัวเองในวันวาเลนไทน์ เวลาร้านขายดอกไม้นำมาส่งให้ที่ออฟฟิศเพื่อนในที่ทำงานก็จะเห็นว่า "ชั้นก็มีคนส่งดอกไม้ให้เหมือนกัน"

4. เฉพาะในอเมริกา ทุกปีมีการส่งการ์ดวันวาเลนไทน์กว่า 1,000 ล้านใบให้กัน เป็นรองเฉพาะเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น

5. จากการสำรวจของสมาพันธ์ขายปลีกแห่งชาติ (The National Retail Federation) ของอเมริกา สำรวจคนกว่า 9,317 คน พบว่าปีนี้ผู้ชายอเมริกันจะใช้เงินในวันวาเลนไทน์คนละประมาณ 168.74 ดอลลาร์ หรือ 5,315 บาท โดยใช้เงินไปกับการซื้อของให้คนรัก และแม่ ของที่ซื้อ ได้แก่ เพชร พลอย เสื้อผ้า ดอกไม้ ช็อกโกแลต บัตรอวยพร พาไปทานอาหาร ผู้ชายใช้เงินมากกว่าผู้หญิงเกือบสองเท่า โดยผู้หญิงอเมริกันจะใช้เงินประมาณ 85.76 ดอลลาร์ หรือ 2,700 บาท

6. วันวาเลนไทน์ปีนี้จะมีการจับจ่ายใช้สอยในอเมริกาสูงถึง 17,600 ล้านดอลลาร์ หรือ 554,400 ล้านบาท

7. ในอเมริกา 3 เปอร์เซ็นต์ของคนที่มีสัตว์เลี้ยง ซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์ให้สัตว์เลี้ยง

8. ห้างสรรพสินค้าเซียร์ส (Sears) ซึ่งเป็นห้างชั้นนำในอเมริกาเพิ่งทำการสำรวจ คนอเมริกัน 1,008 คน (เป็นผู้หญิง 600 คน โดย 454 คนมีแฟนหรือสามี ส่วนอีก 146 เป็นโสด ผู้ชาย 408 คน ทุกคนมีแฟนหรือภรรยา) โดยถามผู้หญิงว่าถ้าหากเลือกของขวัญวันวาเลนไทน์ได้เพียงชิ้นเดียว อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ ผลออกมาดังนี้

อันดับ 1 เพชร พลอย เครื่องประดับ 29 เปอร์เซ็นต์, อันดับ 2 ดอกไม้ หรือช็อกโกแลต 20 เปอร์เซ็นต์, อันดับ 3 น้ำหอม 9 เปอร์เซ็นต์, อันดับ 4 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ ไอแพด ไอโฟน หรือชุดชั้นใน 8 เปอร์เซ็นต์

เวลามอบหรือรับของขวัญ มีสำนวนฝรั่งว่า it"s the thought that counts มีความหมายว่า "ของขวัญที่ให้กันนั้นราคาค่างวดไม่สำคัญเท่ากับคุณค่าของความระลึกถึงที่มีต่อกัน" ดังนั้น เวลาที่ได้ของขวัญที่มีราคาค่างวดน้อยก็อย่าน้อยใจ ให้นึกถึงเจตนาดีของผู้ให้

แต่ปรากฏว่าในการสำรวจโดยห้าง Sears พบว่า ผู้ชาย 61 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่าซื้อของขวัญวาเลนไทน์ให้คนรักแบบขอไปที ไม่ได้นึกถึงความหมายลึกซึ้งอะไร ขณะเดียวกับผู้หญิง 8 ใน 10 คนก็บอกว่าเคยได้ของขวัญวันวาเลนไทน์ที่ได้รับแล้วรู้สึกว่าไม่มีความหมายลึกซึ้งอะไรเลย

9. เมื่อปี 2010 นิตยสาร Men"s Health ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำที่เสนอเรื่องการออกกำลังกายและการรักษาสุขภาพของผู้ชาย ได้ทำโพลที่น่าสนใจสำรวจความเห็นของผู้หญิง 1,000 คน และชาย 1,000 คน เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ในหัวข้อต่างๆ ซึ่งได้ผลการศึกษาน่าสนใจ

โดยพบว่าผู้ชายก็ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ไม่ต่างจากผู้หญิงเลย


ต่อไปนี้คือคำถามและคำตอบของโพล

คาดหวังที่จะได้กุ๊กกิ๊กในวันวาเลนไทน์หรือเปล่า?
หญิงตอบว่าใช่ 43.1 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่าไม่ 56.9 เปอร์เซ็นต์, ชายตอบว่าใช่ 50.1 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่าไม่ 49.9 เปอร์เซ็นต์

ใครควรเป็นผู้วางแผนฉลองวาเลนไทน์?
หญิงเห็นว่าเป็นหน้าที่ฝ่ายชาย 30.3 เปอร์เซ็นต์, หน้าที่ฝ่ายหญิง 1.6 เปอร์เซ็นต์, หน้าที่ร่วมกัน 68.1 เปอร์เซ็นต์, ชายเห็นว่าเป็นหน้าที่ฝ่ายชาย 56.9 เปอร์เซ็นต์, หน้าที่ฝ่ายหญิง 4.5 เปอร์เซ็นต์, หน้าที่ร่วมกัน 38.6 เปอร์เซ็นต์

ใครควรจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายการฉลองวันวาเลนไทน์?
หญิงเห็นว่าเป็นหน้าที่ฝ่ายชาย 40.3 เปอร์เซ็นต์, หน้าที่ฝ่ายหญิง 0.4 เปอร์เซ็นต์, ออกคนละครึ่ง 24.8 เปอร์เซ็นต์ ใครวางแผนวันวาเลนไทน์ คนนั้นก็เป็นคนออกเงิน 34.4 เปอร์เซ็นต์
ชายเห็นว่าเป็นหน้าที่ฝ่ายชาย 71.7 เปอร์เซ็นต์, หน้าที่ฝ่ายหญิง 0.9 เปอร์เซ็นต์, ออกคนละครึ่ง 11.1 เปอร์เซ็นต์, ใครวางแผนวันวาเลนไทน์ คนนั้นก็เป็นคนออกเงิน 16.3 เปอร์เซ็นต์

รู้สึกอย่างไรเมื่อไม่มีคนฉลองวาเลนไทน์ด้วย? (สำหรับคนโสด)
หญิงรู้สึกแย่มาก (Horrible) 20.7 เปอร์เซ็นต์ ไม่รู้สึกอะไรเลย 79.3 เปอร์เซ็นต์
ชายรู้สึกแย่มาก 21.9 เปอร์เซ็นต์ ไม่รู้สึกอะไรเลย 78.1 เปอร์เซ็นต์

มีนัดบอด หรือ Blind Date วันวาเลนไทน์เอามั้ย
หญิงได้เลย 38.4 เปอร์เซ็นต์ ไม่เอา 61.6 เปอร์เซ็นต์, ชายได้เลย 46.2 เปอร์เซ็นต์ ไม่เอา 53.8 เปอร์เซ็นต์

ของขวัญวันวาเลนไทน์ สำคัญมากแค่ไหน?
หญิง หากอีกฝ่ายลืมให้ ตัดขาดกันแน่นอน 15 เปอร์เซ็นต์ ไม่สำคัญเลย 85 เปอร์เซ็นต์, ชาย หากอีกฝ่ายลืมให้ตัดขาดกันแน่นอน 14.4 เปอร์เซ็นต์ ไม่สำคัญเลย 85.6 เปอร์เซ็นต์


สุดท้าย เขามีคำแนะนำที่ผมเห็นว่าเป็นสากลที่ผู้ชายประเทศไหนๆ ก็ควรถือปฏิบัติ รวมทั้งผู้ชายไทยด้วย คือของบางอย่างห้ามมอบให้ภรรยาในวันวาเลนไทน์โดยเด็ดขาด ซึ่งมีดังนี้ครับ

1. ตำราทำกับข้าว เพราะทำให้ภรรยาเข้าใจว่าที่ผ่านมาทำอาหารไม่ได้เรื่องเลย

2. หนังสือคู่มือลดน้ำหนัก หรือดีวีดี ออกกำลังกาย เพราะภรรยาจะโมโหว่าสามีเห็นว่าเธออ้วน

3. ชุดชั้นในเซ็กซี่เกินเหตุ เพราะภรรยาจะรู้สึกว่าสามีซื้อให้ตัวเอง อยากให้ภรรยาอยู่ในชุดเซ็กซี่ ไม่ได้เลือกชุดชั้นในที่คิดว่าภรรยาชอบ เผลอๆ เธออาจจะคิดว่าไปเห็นตัวอย่างที่ไหนมารึเปล่าเนี่ย

4. อย่าซื้อของลดราคา เพราะภรรยาจะน้อยใจว่าสามีขี้ตืดแม้กระทั่งภรรยา

นอกจากนี้ของขวัญที่ซื้อให้ภรรยานั้นต้องมีการ์ดแนบด้วย และอย่าลืมเขียนว่ารักภรรยาสุดขีดเพียงใด

และอย่าบอกภรรยาว่าให้เพื่อนร่วมงานผู้หญิงหรือเลขาฯ ช่วยเลือกของขวัญวันวาเลนไทน์ให้โดยเด็ดขาด



.