http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2556-09-26

ทางคู่ โดย ฐากูร บุนปาน +..ฯประกบ“2 ล้านล้าน” ดู“เนื้อใน”ใครคุ้ม

.
บทความ 2 - ไทยเข้มแข็ง 2020 ประกบ“2 ล้านล้าน” ดู“เนื้อใน”ใครคุ้ม

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ทางคู่
โดย ฐากูร บุนปาน

ใน www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1380104368
วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 21:30:22 น.

( ที่มา : คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12  นสพ.มติชนรายวัน 25 ก.ย.2556 )


มองโลกในแง่ดีเข้าไว้นะครับ

วันนี้พรรคเพื่อไทยทำอะไร พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำออกมาประกบตลอด
พอฝ่ายหนึ่งเริ่มเดินเรื่องปฏิรูปการเมือง อีกฝ่ายก็ตัดหน้าเดินงานปฏิรูปทันที
พอกฎหมายลงทุน 2 ล้านล้านบาทผ่านสภา ประชาธิปัตย์ก็มี 2 ล้านล้านบาทอีกแบบออกมาให้เลือก

แต่ไม่รู้ว่าทำไมยังใช้ชื่อ "ไทยเข้มแข็ง" ซึ่งเสียหายยับเยินไปแล้วตั้งแต่ตู้น้ำที่ไม่มีน้ำ หรือโรงพักที่มีแต่เสา

ไม่เป็นไร บอกแล้วว่ามองโลกในแง่ดี
คิดช้าก็ยังดีกว่าไม่คิดเลย


และดีกว่าตีรวน ป่วนสภา หรือยกพวกกันขึ้นไปด่าฉอดๆ บนเวทีด้วยคำหยาบคายเป็นไหนๆ

ควรจะอนุโมทนาด้วยซ้ำไปที่กลับตัวได้ และต้องอวยชัยให้พรให้เลือกแนวทางนี้ต่อไปให้ตลอดรอดฝั่ง



อย่ามาแต่เปลือก อย่าแค่สร้างภาพ

เช่นการปฏิรูปการเมืองที่ชิงตัดหน้าเดินสายไปหาคนนั้นคนนี้ เดินแล้วก็ต้องไม่แค่เดินเฉยๆ

แต่เดินเสร็จแล้วต้องมีทางเลือกทางออกมาให้ชาวบ้านพิจารณาด้วยว่า

การเมืองที่ไม่อับอยู่แต่ในตรอกตันนั้นมีทางเลือกทางออกตรงไหนบ้าง



หรือ 2 ล้านล้านแบบไทยเข้มแข็ง อย่ามาแค่ตัวเลขกลมๆ ดูสวยหรูแต่ไม่มีเนื้อใน

2 ล้านล้านของรัฐบาลนั้นยังพอรู้กันอยู่ว่ามี 53 โครงการ จะไปลงตรงไหนบ้าง ทำอะไรก่อนหลังบ้าง

ถ้าไทยเข้มแข็งบอกว่ารางอย่างเดียวไม่พอ ต้องไปเน้นคน และทุ่มไปที่โรงเรียนวิทยาศาสตร์-มหาวิทยาลัยวิจัย 150,000 ล้านบาท

ก็ต้องบอกได้ว่าจะใช้เงินอะไรมหาศาลขนาดนั้น

หรือรถไฟความเร็วสูงที่ตัดไปจนจุ๊ดจู๋เหลืออยู่แค่ 36,722 ล้านบาท

ต้องบอกว่าจะให้วิ่งกี่เส้น กี่สาย กี่กิโลเมตร รถไฟความเร็วสูงอะไรถึงได้ลงทุนถูกขนาดนั้น

พัฒนาโรงพยาบาล 12,000 แห่งทั่วประเทศ 100,000 ล้านบาท จะออกมาแบบเดียวกับไทยเข้มแข็งเดิมที่เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนป้าย เปลี่ยนหลังคา เท่านั้นหรือเปล่า


จะฟังหรูดูดี ต้องมีไส้ข้างในด้วยนะครับ



จะเป็น "ทางคู่" วิ่งขนานไปกับแนวทางของรัฐบาล เป็นทางเลือกสำหรับให้ชาวบ้านพิจารณา 
ต้องมีเนื้อหา มีกึ๋นด้วย

ยุคนี้หล่ออย่างเดียวหากินไม่คล่องแล้ว


อย่าให้ซ้ำรอยในอดีตที่เมื่อพรรคไทยรักไทยเข้า
มาสมัยแรกแล้วตัดสินใจทำโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือ 30 บาทรักษาทุกโรคทันที แล้วมีผู้ใหญ่ของประชาธิปัตย์บอกว่า จริงๆ ศึกษามาไว้ก่อนแล้ว


ชาวบ้านเขาอาจจะต้องการรัฐบาลที่ศึกษาอะไรให้รอบคอบก่อนลงมือทำ
แต่ที่ต้องการมากกว่าคือรัฐบาลที่กล้าตัดสินใจ และทำเป็น


เขาไม่ค่อยสนใจหรอกครับ ใครจะศึกษามากี่สิบปี

เขารู้แต่ว่า ใครตัดสินใจลงมือทำให้เขาเห็น

ไม่อย่างนั้นถ้ามีแต่เปลือกอย่างเรื่องโลโก้
ลอกเขามาก็ยอมรับไป

จะแถทำไมให้เสียรังวัดซ้ำสอง



++

ไทยเข้มแข็ง 2020 ประกบ“2 ล้านล้าน” ดู“เนื้อใน”ใครคุ้ม
ใน www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1380184713
วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 15:40:16 น.

( ที่มา : นสพ.มติชนรายวัน 26 กันยายน 2556 )


23 กันยายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมแกนนำพรรค อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ร่วมแถลง "โครงการสร้างอนาคตไทยเข้มแข็ง 2020"

โครงการที่ผลักดันขึ้นมาเป็นภาพเปรียบเทียบคู่ขนานกับกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของรัฐบาล

โดยระบุว่าแผนกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลมีปัญหาหลัก 4 ข้อ คือ
1.เป็นการกู้เงินที่ขาดวินัย ขาดการตรวจสอบ และขาดความโปร่งใส
2.ตอบโจทย์ความต้องการด้านเดียวคือคมนาคม
3.รายละเอียดโครงการขาดความพร้อม ไม่มีความชัดเจน
4.การประเมินความคุ้มค่าโครงการมีปัญหา มีการเปลี่ยนแปลงตลอด



หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุด้วยว่า เงินไทยเข้มแข็ง 2 ล้านล้านทั้งหมดจะอยู่ในระบบงบประมาณ มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และจะจัดสรรเงินดังนี้

โครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคม 1.2 ล้านล้าน, การศึกษา พัฒนาและวิจัย 4 แสนล้าน, สาธารณสุข 2 แสนล้าน ระบบชลประทานเพื่อการเกษตร 2 แสนล้าน


มีรายละเอียดเบื้องต้นคือ

1.โครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคม ประกอบด้วย รถไฟความเร็วสูง 36,722 ล้านบาท รถไฟทางคู่ 397,377 ล้านบาท รถไฟทางคู่สายใหม่ 110,555 ล้านบาท รถไฟฟ้า 410,996 ล้านบาท ปรับปรุงระบบรถไฟ 20,912 ล้านบาท ถนนทั้งระบบและสถานีขนส่ง 198,422 ล้านบาท ท่าเรือ 26,622 ล้านบาท

2.การศึกษา ประกอบด้วย โรงเรียนวิทยาศาสตร์, มหาวิทยาลัยวิจัย 150,000 ล้านบาท อาชีวะสร้างชาติ 50,000 ล้านบาท ครูพันธุ์ใหม่ พัฒนาคุณภาพครู และ Excellent Centre 110,000 ล้านบาท ปรับปรุงอุปกรณ์และสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 90,000 ล้านบาท

3.สาธารณสุข ประกอบด้วย พัฒนาโรงพยาบาล 12,000 แห่งทั่วประเทศ 100,000 ล้านบาท พัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสถานศึกษาด้านสาธารณสุข 100,000 ล้านบาท

4.พัฒนาระบบนํ้าเพื่อการเกษตร ลงทุนพัฒนาการชลประทานสำหรับพื้นที่เกษตร 75 ล้านไร่ทั่วประเทศ 200,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ เชื่อว่าไทยเข้มแข็ง 2020 นั้น

1.รักษาเสถียรภาพทางการคลังได้ดีกว่า
2.โปร่งใสและสามารถลดทุจริตคอร์รัปชั่นได้มากกว่า
3.ตอบโจทย์ความต้องการในการพัฒนาประเทศได้ดีกว่า
4.เป็นการใช้ "เงินแผ่นดิน" ที่มีความยุติธรรมและเป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน ทุกชนชั้นมากกว่า




ปฏิกิริยาที่ตามมาภายหลังการนำเสนอแนวทางการต่อสู้ทางการเมือง ที่กลับมา "เข้ารูปเข้ารอย" ของพรรคประชาธิปัตย์มีอยู่ 2-3 ด้านที่น่าสนใจ

ด้านหนึ่ง กลุ่มที่ไม่เชื่อถือ หวาดระแวง และมี "แผลในใจ" อยู่กับประชาธิปัตย์อยู่แล้วเป็นทุน ปรามาสคาดหน้า ไม่เชื่อว่าข้อเสนอข้างต้นจะเป็นจริงขึ้นมาได้
พร้อมยกตัวอย่างว่า แม้แต่โลโก้ของโครงการยัง "ลอก" รัฐบาลมา
แล้วจะเชื่อถืออะไรกับเนื้อหาภายใน


ด้านหนึ่ง กลุ่มที่เป็นขาประจำ-แม่ยก ผู้เชื่อถือเชื่อมั่นในทุกท่วงท่าอิริยาบถของประชาธิปัตย์ ก็ส่งเสียงเชียร์กันอย่างกึกก้องกัมปนาท

แต่ที่ค่อยๆ รวมตัวกันขึ้นมาเป็นหมวดหมู่และมีน้ำหนัก มีผู้รับฟังมากขึ้น
คือด้านของคนที่ "เป็นกลางๆ"



ซึ่งด้านหนึ่งแม้จะยินดีที่ประชาธิปัตย์กลับหลังหันจากแนวทาง "เกเร" มาเป็นการคัดค้านและตรวจสอบรัฐบาลตามหลักการและมาตรฐาน

แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังตั้งข้อสงสัยเอากับ "เนื้อใน" ของข้อเสนอจากฝั่งประชาธิปัตย์


ไม่ว่าจะเป็นที่มาที่ไปของแนวคิด หรือรายละเอียดที่จับต้องได้ของวงเงินที่แยกไว้แต่ละประเภท

อาทิ ทำไมรถไฟความเร็วสูงจึงลดงบประมาณลงมาเหลือเพียง 36,722 ล้านบาท
จะสร้างกี่เส้น ระยะทางเท่าไหร่ หรือมีแนวทางอื่นๆ อย่างไร

อาทิ แม้ประเทศไทยมีความต้องการสถาบันการศึกษาที่จะเข้ามาเสริมพื้นฐานด้านการค้นคว้าวิจัย แต่งบประมาณที่จะใช้กับโรงเรียนวิทยาศาสตร์และมหาวิทยาลัยวิจัย จะสูงถึง 150,000 ล้านบาทดังที่ตั้งไว้หรือไม่ 

สามารถแจกแจงรายละเอียดออกมาได้หรือไม่



เพราะเมื่อในคำแถลงของพรรคประชาธิปัตย์เอง ระบุว่า
ส่วนหนึ่งปัญหาของโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทอยู่ที่
- 3.รายละเอียดโครงการขาดความพร้อม ไม่มีความชัดเจน
- 4.การประเมินความคุ้มค่าโครงการมีปัญหา มีการเปลี่ยนแปลงตลอด
ขณะที่ตัวโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านมีรายละเอียด 53 รายการ ไปจนกระทั่งถึงกำหนดการว่าทำอะไร ที่ไหน และเมื่อไหร่


ประชาธิปัตย์ก็พึงแสดงให้เห็นถึงความชัดเจนและคุ้มค่ากว่าของไทยเข้มแข็ง 2 ล้านล้าน

แบบที่จับต้องได้จริงด้วย




* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline



.