http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2557-02-22

ติดน้ำท่วมกับติดจรวด โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

.
บทรายงานเพิ่ม - ผู้สื่อข่าวยียวน เขียน เงื่อนไขเดียว
__________________________________________________________________________________________

ติดน้ำท่วมกับติดจรวด
โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

ใน www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1392987035
. . วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 21:03:51 น.

( ที่มา: คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12 นสพ.มติชนรายวัน 21 ก.พ. 2557 )
( ภาพจากเวบบอร์ด ไม่เกี่ยวกับผู้เขียนและมติชน )


นายวิชา มหาคุณ กรรมการและโฆษก ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 28 มกราคม ถึงการสอบสวนคดีทุจริตการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2552-2553

ตามที่มีการร้องเรียนโดย ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมจึงล่าช้ามาก
ยิ่งมีคดีจำนำข้าวในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นข้อเปรียบเทียบ

นายวิชายืนยันว่า คดีระบายข้าวยุคอภิสิทธิ์นั้น เร่งไต่สวนอยู่แทบทุกวัน ไม่ได้หยุด แต่เกิดปัญหาเรื่องเอกสารหลักฐาน บางหน่วยงานไม่ได้ส่งให้ อ้างว่าเอกสารเหล่านั้นถูกน้ำท่วมไปเมื่อปี 2554

นักข่าวเลยถามว่า แต่ทำไมคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเสร็จเร็วกว่า นายวิชาตอบว่า "เพราะกรณีของคุณยิ่งลักษณ์ เอกสารหลักฐานมันสดๆ ร้อนๆ จะเห็นว่าเมื่อถูกร้องท่านก็ยังอยู่ในตำแหน่ง เอกสารหลักฐานจะได้มาง่ายกว่า"


บางคนฟังคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวแล้วก็เข้าใจและเห็นใจ


แต่บางคนก็ได้ข้อสรุปเชิงเปรียบเทียบว่า คดียุคอภิสิทธิ์

ปี 2552 ป่านนี้ยังไม่เสร็จด้วยเหตุผลเพราะติดน้ำท่วม


แต่คดียิ่งลักษณ์รวดเร็ว ด้วยเหตุผลเพราะเรื่องมันเกิดสดๆ ร้อนๆ

สรุปจบก็ได้แต่ส่ายหน้า

ช่างน่าทึ่งจริงๆ คดีหนึ่งติดน้ำท่วม อีกคดีติดจรวด


ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เอง ตั้งข้อสงสัยว่า ป.ป.ช.ได้ให้ความยุติธรรมต่อตนเองในการสอบสวนคดีจำนำข้าวหรือไม่

"หากรวมเวลานับแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งคณะกรรมการไต่สวน เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2557 จนถึงวันที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาต่อดิฉัน ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ รวมเวลาที่ใช้ในการดำเนินคดีเพื่อแจ้งข้อหากับดิฉันเพียง 21 วัน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนที่กรรมการ ป.ป.ช.เคยปฏิบัติต่อการไต่สวนในคดีทางการเมืองอื่นๆ อย่างเช่นคดีของดิฉัน"

นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังทวงถามกรณีที่ได้ขอให้กรรมการ ป.ป.ช. รายอื่นทำหน้าที่กรรมการผู้รับผิดชอบสำนวนการไต่สวนแทนนายวิชา โดยได้ยื่นหนังสือจำนวน 2 ฉบับ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปตั้งแต่เมื่อ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ จนบัดนี้ยังไม่เคยมีคำตอบจาก ป.ป.ช.เลย




จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องข้าวมาร์คกับข้าวปูเท่านั้น

ยังต้องนึกถึงคดีร้องเรียนในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์อีกหลายต่อหลายคดีที่ค้างเติ่งไปหมด เช่น คดีเครื่องตรวจระเบิดทีจี 200 คดี 396 โรงพักที่มีแต่เสา ฯลฯ

รวมทั้งยังเคยมีคำถามต่อ ป.ป.ช.ในความแตกต่างระหว่างคดีสลายม็อบ 7 ตุลาคม 2551 ยุครัฐบาล สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งรวดเร็วปานติดจรวดเช่นกัน ใช้เวลาแค่เดือนเดียว เชือด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. รวมทั้งตำรวจใหญ่อีกหลายนายตกเก้าอี้ไปตามๆ กัน ผู้รับผิดชอบในรัฐบาลก็โดนกันระนาว

แต่คดีสลายม็อบเสื้อแดงยุคอภิสิทธิ์ ปี 2553 จนป่านนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งนายวิชาเคยชี้แจงทำนองว่า เนื่องจากมีการสอบสวนเป็นคดีอาญา ทำให้ ป.ป.ช.ต้องรอผลทางอาญาก่อน

นี่ก็ทำนองติดจรวด กับติดผลอาญา


ทั้งที่ความรุนแรงของคดีปี 2553 นั้นระดับ 99 ศพ ต่างกับคดีปี 2551 อย่างสิ้นเชิง

แม้ว่าศพประชาชนเพียงแค่ศพเดียวก็ไม่ควรจะให้ต้องล้มตาย แต่ยุคอภิสิทธิ์ล้มตายถึง 99 ศพทีเดียว



มีคนกล่าวว่า บ้านเมืองเรามีปัญหาวนเวียนแบบนี้มาตั้งแต่วิกฤตปี 2549 จนถึงวิกฤตปี 2557 นี้ ก็เรื่องทำนองเดียวกัน ตัวละครเดียวกัน

ถ้ายังเล่นกันแบบนี้ ก็ไม่มีทางจบสิ้น

คนกำหนดบทคนชักใย ไม่เคยสรุปบทเรียน



+++

ผู้สื่อข่าวยียวน เขียน เงื่อนไขเดียว
ใน www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1393051805
. . วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 13:55:10 น.

( ที่มา: คอลัมน์ ต้มยำทำข่าว โดย ผู้สื่อข่าวยียวน นสพ.มติชนรายวัน )
( ภาพจากเวบบอร์ด ไม่เกี่ยวกับผู้เขียนและมติชน )


สถานการณ์ของรัฐบาลตอนนี้เป็นรอง ตกชะตาตั้งรับ

พลิกกลับ จากได้เปรียบเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ม็อบแผ่วๆ หาของมาปลุกขึ้นได้ยาก มาเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำอีกครั้ง

ปัญหาก็เรื่องจำนำข้าวนั่นแหละ ไม่มีเงินจ่าย กู้ไม่ได้ แบงก์ไหนคิดช่วย ได้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้วว่า เกมนี้โหดร้ายมากไม่สนใจใครเดือดร้อน เกษตรกรชาวไร่ชาวนาก็ไม่เว้น

ทีนี้พอบีบแบงก์ กดดันด้วยวิธีการต่างๆ นานา รุกไล่จนล่าถอย มันก็เป็นอะไรที่หลายเด้ง นอกจากคงไม่มีใครกล้าแหลมมาช่วยอีก ที่ตรงๆ เลยก็คือ ไม่มีเงินจ่ายหนี้ ชาวนาก็ต้องไม่พอใจ ฮือทวง บีบหามาจ่ายให้ได้เป็นธรรมดา


องค์กรอิสระก็ได้ที บี้ติด โทษว่า นี่ไง ผลของการทำอะไรต่อมิอะไรในทางไม่ดี แบบนี้ก็ยุ่งน่ะสิ

ทุกอย่างกลับมาตึงเครียด จากคุมเชิงห่างๆ เริ่มกลับมาเผชิญหน้า ทำท่าเหมือนว่า สุดท้ายต้องจบที่รบกันหรืออย่างไร


แต่ช้าก่อน ไม่น่าถึงขนาดนั้น
รู้ไหมว่าอีกเวทีเริ่มมีไฟเปิดสว่างอีกครั้งแล้ว


หลังจากล้มวงเจรจาแก้ปัญหาขัดแย้งชั่วคราว เวทีใหม่เรื่องเก่าได้ฤกษ์เปิดใหม่ เที่ยวนี้จะคืบหน้าแค่ไหน ไม่มีใครกล้าการันตี เนื่องจากเปิดมาแล้วหลายรอบ หลายเวที ไม่มีสัญญาณจะคลิกได้

อย่างไรก็ตาม กระนั้นก็ดี ผู้สื่อข่าวยียวนยกธงเชียร์เต็มที่ เจรจาต้าอวย เป็นแนวทางสันติวิธีที่ทั่วโลกใช้แก้ปัญหาความขัดแย้ง ยังไงเสียก็ต้องดีกว่าการใช้กำลัง ความรุนแรงอยู่แล้ว

รอบนี้จะคลิกหรือไม่ อย่างที่เกริ่นไว้ ไม่กล้าการันตี

เอาเป็นว่า ขณะนี้ เหลือ-ติดแค่เงื่อนไขเดียว ข้อเดียวโดดๆ นี้ ใครอย่าคิดว่า ทำไมไม่ยอมกันซะที จะได้จบๆ บ้านเมืองเดินต่อไปได้

เพราะมันเป็นระดับข้อเรียกร้องใหญ่


ฝ่ายไม่เอารัฐบาลยืนกรานสถานเดียว ยิ่งลักษณ์ต้องออกจากรักษาการ



เรื่องบิ๊กเบิ้ม ตรงนี้แหละ ที่ทำให้การเจรจาไปไม่ถึงไหน

การหารือรอบใหม่ ก็คงเปิดเจรจา เริ่มต่อรองกันที่หัวข้อนี้อย่างเคย แต่ที่เปลี่ยนไปคือสถานการณ์โดยรวม ที่รัฐบาลตกเป็นรอง ถูกบีบคั้น รุกประชิดทุกด้าน

สำหรับคนทั่วไป หากตกอยู่ในภาวะแบบนี้
อาจมีทางเลือกแค่ 2 คือยอมจำนน ทำตามข้อเรียกร้อง หรือไม่ก็สู้ตาย ไม่ยอมถอย ชนิดเป็นไงเป็นกัน


แต่สำหรับแวดวงการเมือง แวดวงธุรกิจ คนซึ่งไม่สิ้นไร้ไม้ตอก เขาคิดไม่เหมือนชาวบ้าน ยังไงก็ต้อง ดิ้นรนต่อรองไม่ให้เสียหาย โดยที่ไม่เหลืออะไรเลย และก็ไม่เสี่ยงที่จะสู้แตกหักด้วย
ก็ไม่รู้สินะว่า เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน จะทำให้การเจรจาเปลี่ยนหรือไม่


แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ เป้าชัดมาก


เดิมมี 3 ข้อ คือ 1.เลื่อนเลือกตั้ง 2.ปฏิรูปก่อน  3.ปูออกไป ตอนนี้สองข้อแรกหายต๋อม

ใครที่ไม่รู้ว่า ครั้งนี้เขาสู้อะไรกัน คงตาสว่างหมดแล้ว




.