http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2557-01-21

จากบรรทัดทอง,อนุสาวรีย์ชัยฯ มือที่เริ่ม′มองเห็น′

.

จากบรรทัดทอง,อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มือที่เริ่ม′มอง เห็น′
ใน www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1390291308
วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 15:05:25 น.

( ที่มา: นสพ.มติชนรายวัน 21 มกราคม 2557 )


ในสถานการณ์อันเลวร้ายของการ "ขว้าง" ระเบิดจากบนถนนบรรทัดทอง ย่านเจริญผล ไปยังบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

มี "ข้อดี" ปรากฏให้เห็น

แน่นอน ความสูญเสีย 1 ศพ บาดเจ็บร่วม 40 เมื่อวันที่ 17 มกราคม กับ ความสูญเสียจากการบาดเจ็บ 28 คน

เป็นเรื่องน่าเสียใจ


แต่ภาวะอัน "คลี่คลาย" ประการ 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมาก คือ ท่าทีของ กปปส.ที่มิได้ปฏิเสธบทบาทของ "ตำรวจ" อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

เพราะมีบทเรียนมาแล้วจากกรณี "บรรทัดทอง"

ที่ถนนบรรทัดทอง การต่อต้านการเข้ามาตรวจสอบของตำรวจทำให้ความเป็นจริงต้องยืดระยะเวลาให้เนิ่นยาวออกไป

เมื่อถึง "ชัยสมรภูมิ" จึงอ้าแขน "ต้อนรับ"

ถามว่าบทสรุปอันรวดเร็วของ กปปส.ครั้งนี้สะท้อนอะไรไปไม่ได้ นอกเสียจากบทสรุปที่ว่าศัตรูของ กปปส.กับของตำรวจเป็นอย่างเดียวกัน

นั่นก็คือ มือที่ 3 ป่วน "สถานการณ์"


หากเปรียบเทียบกับเหตุร้ายอันไต่ระดับนับแต่มีมาตรการ "ชัตดาวน์" กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 13 มกราคม เป็นต้นมา

1 อุกอาจมากขึ้น

จากที่เคยลอบซุ่มโจมตีทีเผลอในยามรัตติกาล เหิมเกริมถึงกับเป็นเวลากลางวันแสกๆ ทำกันต่อหน้าต่อตาเลย

นั่นก็คือมิได้มาจากไหน หากอยู่ในที่ชุมนุม

หากสังเกตภาพคนร้ายซึ่งกล้องซีซีทีวีจับได้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิก็เด่นชัดว่ามีนกหวีดสายธงไตรรงค์คล้องคอ

แต่งตัวเนียนไปกับ "มวลมหาประชาชน"

ขณะเดียวกัน จากระเบิดที่เป็นอาร์ดีจี 5 เหมือนกันทั้งบนถนนบรรทัดทองและเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สะท้อนถึงความต่อเนื่องยึดโยง

เป็นกลุ่มเดียวกัน ขบวนการเดียวกัน

เด่นชัดยิ่งว่า เป้าหมายเพื่อเป็นการเสี้ยมให้เกิดความเข้าใจผิด ขยายและพัฒนาความขัดแย้งให้บานปลายออกไป และเป็นปฏิบัติอันเสมือน "บัตรเชิญ" ให้นำไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้นกระทั่งจำเป็นต้องมีการใช้อำนาจทางการทหาร

จัดการ "รัฐบาล" จัดการ "ยิ่งลักษณ์




เป้าหมายนี้ของกลุ่มอันสามารถเรียกได้ว่า "มือที่ 3" มวลชนที่อยู่ในสถานชุมนุมมองออก เห็นได้จากที่เปิดทางให้ตำรวจเข้าแสดงบทบาทมากยิ่งขึ้น

เพราะไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง

เพราะประจักษ์ว่าเจตนาและเป้าหมายของกลุ่มมือที่ 3 นี้มิได้ปรารถนาดีกับ "มวลมหาประชาชน" อย่างแท้จริง

จึงเห็นบทบาทของตำรวจอย่างเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น

ตรงนี้ฝ่ายการเมืองควรส่งเสริมและขยายบทบาทของตำรวจให้เดินหน้าปฏิบัติการคลี่คลายข้อสงสัยต่างๆ ให้บังเกิดความกระจ่าง

เพราะ "มือที่ 3" เหล่านี้ย่อมไม่ธรรมดา

จากการที่สามารถนำยุทโธปกรณ์ทั้งที่เป็นระเบิด ทั้งที่เป็นอาวุธปืนเข้าไปปะปนอยู่ในที่ชุมนุมโดยลอดมือของการ์ด กปปส.โดยลอดมือของด่านตำรวจไปได้ แสดงว่าต้องเป็นมืออาชีพต้องผ่านการฝึกปรือมาแล้ว

เห็นได้จากความเลือดเย็นบนถนนบรรทัดทองและที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

เป็นไปได้ว่า คนเหล่านี้มิได้ทำงานอย่างเอกเทศ หากแต่ดำเนินไปอย่างเป็นกลุ่มเป็นทีม มีการประสานอย่างสอดคล้อง

หากคลี่คลายออกมาได้ก็โป๊ะเชะ


จากนี้จึงเด่นชัดยิ่งของนักฉวยโอกาสที่จะเสพเสวยประโยชน์จากความขัดแย้งเป็นภักษาหาร

คนเหล่านี้อำมหิตพอจะส่งคนออกปฏิบัติการอย่างเหี้ยมโหด ไม่คำนึงถึงชีวิตของผู้คน
คนเหล่านี้เลือดเย็นพอที่จะผลักดันตนเองเข้ามาในจังหวะอันงดงาม


เป็นการนั่งมาและแสดงบท "อัศวินม้าขาว" บนกองเลือดและชีวิตประชาชน

..................



.