http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2557-01-26

สุวพงศ์: เสร็จ‘มือล่องหน’?, รับ‘บัตรเชิญ’เสียดีๆ

.

เสร็จ‘มือล่องหน’?
โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
  คอลัมน สถานีคิดเลขที่ 12
ใน www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1390746522
. . วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 21:27:51 น.

( ที่มา: นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2557 หน้า 2 )


อนาคตของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ง่อนแง่นเต็มที
"การเลือกตั้ง" ที่เป็นจุดแข็งสุด
ก็อยู่ในภาวะไม่แน่นอน ว่าจะต้อง "เลื่อน" ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปอีกนานเท่าใด

3 เดือน หรือ 6 เดือน ล้วนมีความหมายทั้งสิ้น

เพราะ "มือล่องหน" กำลังเร่งทำงานพัลวัน เพื่อเช็กบิลรัฐบาลและเพื่อไทย

เหตุระเบิด เหตุลอบยิงม็อบ ที่ทำให้มีคนตายและบาดเจ็บจำนวนมากโดยยังจับมือใครดมไม่ได้นั้น
กดดันให้รัฐบาลตัดสินใจใช้ พ.ร.ก.บริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ซึ่งกำลังถูกจับตาว่า รัฐบาลได้มากกว่าเสียหรือไม่


เพราะแค่เริ่มต้น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ทำให้สังคมเห็นว่า "กองทัพ" ไม่ได้ยืนข้างรัฐบาล

ไม่ว่ากองทัพบก ที่นอกจากขอยืนอยู่แถวหลังแล้ว

การคงรถหุ้มเกราะไว้ที่ราบ 11 ไม่ยอมเอากลับหน่วยหลังเสร็จสิ้นภารกิจสวนสนามวันกองทัพไทยก็ทำให้คนขี้ระแวงสงสัยว่ามีอะไรมากกว่านั้นหรือไม่

ด้านกองทัพอากาศ การปฏิเสธไม่ให้ตั้งศูนย์ "ศรส." ในพื้นที่ก็ชัดเจนถึงการขอมี "ระยะห่าง" กับรัฐบาล

ส่วนกองทัพเรือ การจับ 3 ทหารหน่วยซีลที่ป้วนเปี้ยนอยู่กับม็อบ ตามด้วย "จุดยืน" ทะลุปรอทของ พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ที่เคียงข้างม็อบ กปปส. แบบไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม พร้อมข้อมูลเขย่ารัฐบาล เรื่องการขนต่างชาติ 10 คันรถตู้เข้ามาใน กทม.นั้น

แม้ผู้บัญชาการทหารเรือ จะบอกว่ากองทัพเรือ "เป็นกลาง"

แต่ก็ดูจะเป็นกลางใจในหัวใจม็อบมากกว่า

จึงไม่แปลก ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจ "ผมไม่เชื่อว่าจะสามารถส่งทหารบก เรือ อากาศ เอาอาวุธร้ายแรงมาทำร้ายผู้ชุมนุม"

เป็นการส่งสัญญาณให้มวลมหาประชาชน รับรู้ว่ากองทัพอยู่ข้าง

เพียงแต่ยังไม่เต็มตัว ถึงขั้นออกโทรทัศน์ไล่รัฐบาล อย่างที่นายสุเทพ ร้องขอเท่านั้น


แต่ถามว่า มีโอกาสไหม

ก็คงอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกนั่นแหละ "แล้วแต่สถานการณ์กำหนด"

ซึ่งหาก "มือล่องหน" เร่งลั่นเสียงปืน เสียงระเบิดให้ "รุนแรง" ขึ้นไม่หยุด

ทั้งต่อฝ่ายม็อบ กปปส.เอง

และทั้งต่อฝ่ายคนเสื้อแดง อย่างกรณีมือมืดถล่มอาก้า นายขวัญชัย ไพรพนา

เชื้อความรุนแรง ถูกฉีดเข้าไปในใจของทุกฝ่าย ที่เข้ามาเล่นหรือถูกบีบให้เข้ามาเล่นในเกมอำมหิตมากขึ้นตามลำดับ

อะไรก็เกิดขึ้นได้ ทุกวินาทีต่อจากนี้


และที่เจ็บปวดไปกว่านั้น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กำลังจะกลายเป็นอาวุธกลับมาเชือดคอรัฐบาลเสียเอง

เมื่อ ส.ว.สรรหาและประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่าการที่รัฐบาลเพื่อไทยซึ่งส่งคนลงสมัคร ส.ส. แล้วใช้อำนาจประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และยังถือเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น

จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยกเลิกคำสั่งดังกล่าวและให้ยุบพรรคเพื่อไทย

ยิ่งไปกว่านั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งก็ยังออกมารับลูก แถลงว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล ส่อเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ รวมทั้งระเบียบ กกต.ด้วย

รับลูกเป็นทอดๆ

ซึ่งเมื่อเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ผลที่ออกมาหวาดเสียวต่อรัฐบาลอย่างยิ่ง

นี่เป็นการจัดการของ "มือล่องหน" อีกหรือไม่ เชื่อว่าหลายคนคงเดาได้ไม่ยาก


จึงไม่แปลกที่พรรคเพื่อไทยจะประเมินว่า การเลื่อนเลือกตั้งออกไป 3-6 เดือน ที่แท้ก็คือการเปิดโอกาสให้องค์กรอิสระทั้งหลายเร่งสะสางคดีความของพรรคเพื่อไทยนั่นเอง

และมีจุดหมายที่การยุบเพื่อไทยนั่นเอง



++

รับ‘บัตรเชิญ’เสียดีๆ
โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร 
คอลัมน สถานีคิดเลขที่ 12
ใน www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1389585931
. . วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 11:12:05 น.

( ที่มา: นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2557 )


กองทัพบกแถลงย้ำจุดยืนอีกครั้ง ว่า กองทัพบกทำหน้าที่ตามพันธกิจภายใต้กรอบกฎหมาย

"สิ่งที่ยึดมั่นอยู่เสมอคือ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ตราบใดที่ทั้ง 4 สถาบันหลักยังไม่ถูกทำลายโดยคนกลุ่มใด กองทัพจะยังเป็นกองทัพที่มีระเบียบ วินัยอยู่เสมอ...ทหารจะไม่ยอมให้ถูกมองว่าเป็นฝ่ายใด เพราะทหารจะต้องเป็นผู้รักษากฎ ระเบียบ กติกาของสังคม และหยุดความแตกแยกให้ได้ เพื่อนำพาประเทศให้ปลอดภัย"

สอดประสานกับกองทัพภาคที่ 1 เจ้าของพื้นที่ "ปิดกรุงเทพฯ"
ยืนยันต่อสาธารณชนว่า
"เชื่อมั่นในจุดยืนและการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหาร ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและมุ่งมั่นที่จะนำพากองทัพไปบนแนวทางที่ถูกต้อง รักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญให้สามารถปฏิบัติภารกิจหน้าที่ทั้งปวงภายใต้กฎระเบียบและข้อบังคับของกฎหมายที่มีอย่างดีที่สุด"

ภายใต้ "กรอบกฎหมาย" ที่ว่า จึงน่าจะอนุมานได้ว่าคงจะรวมถึง การไม่ปฏิวัติรัฐประหาร ด้วย

ซึ่งก็คงต้องฟัง
และให้เกียรติกองทัพว่าจะรักษา "คำมั่น" นั้นเอาไว้


กระนั้น แม้กองทัพจะยืนยันว่าไม่ทำ

แต่คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ก่อนหน้านี้ ที่ว่า "แล้วแต่สถานการณ์กำหนด" นั่นต่างหากคือปัญหา

กล่าวคือ ถึงกองทัพจะไม่ได้ทำหรือสร้างเงื่อนไขเพื่อปูทางไปสู่การปฏิวัติ

แต่เราก็สามารถจับอาการของผู้ที่พยายามยัด "บัตรเชิญ" ให้กองทัพและทหารออกมา "รัฐประหาร" ได้ "ชัดเจน"


อย่างน้อยที่สุด การ "ปิดกรุงเทพฯ" ที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 13 มกราคม แม้ กปปส.จะอ้างถึงการชุมนุมสงบ สันติ อหิงสา
แต่ดูเหมือนคนจะไม่เชื่อมั่นเช่นนั้น
เพราะการเอาคนไปนั่งๆ เดินๆ บนถนน 7 จุด ก็ไม่น่าจะสร้างแรงกดดันบีบคั้นให้รัฐบาลต้องพ่ายแพ้

จึงมีความเชื่อค่อนข้างมาก ว่า จะมีผู้เติมเชื้อและจุดไฟ ให้การปิดกรุงเทพฯครั้งนี้ต้องแตกหัก
และ "เลือด" ก็เริ่มไหลนองแล้ว

แม้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส.จะอ้างถึงความสามารถในการควบคุมสถานการณ์

แต่มีคนมากมายเชื่อว่า นอกเหนือตัวละครที่โลดแล่นบนท้องถนนอย่างนายสุเทพแล้ว

ยังมี "ผู้กำหนดพิมพ์เขียว" เพื่อให้สถานการณ์เป็นไปอย่างที่พวกเขาต้องการ ยังดำรงอยู่ 


และขณะนี้มีการขับเคลื่อน สอดคล้อง เป็นเครือข่าย เพื่อทำให้ สถานการณ์กระชับมั่นไปสู่เป้าหมายสุดท้าย นั่นคือ การยึดครองอำนาจเบ็ดเสร็จ

รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเพื่อไทย ตกอยู่ในสถานการณ์ถูกไล่บดขยี้อย่างหนัก 
นอกเหนือจากต้องลุ้นว่า การปิดกรุงเทพฯจะนำไปสู่สถานการณ์ร้ายแรงขนาดไหนแล้ว
ความชอบธรรมที่หวังพึ่ง โดยเฉพาะการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ ก็เข้าสู่ภาวะ "เดดล็อก" ยิ่งขึ้นทุกที

กกต.เสนอทุกโอกาสและจังหวะให้เลื่อนเลือกตั้ง
ขณะที่ภาวะ "สันหลังหวะ" ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชี้ช่องไว้ก็มี อีกาเข้าจิกตีและขยายแผลกันยกใหญ่

องค์กรอิสระ ไม่ว่า ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการการเลือกตั้ง ทำงานกันคึกคัก
ซึ่งความคึกคักนั้น ชาวบ้านไม่ได้โง่ และย่อมสามารถต่อจิ๊กซอว์เอง ได้ว่า มี "นัยยะ" อย่างไร

ภาวะที่คับขันเข้าไปทุกทีนี้


ที่สุดก็จะกลายเป็น "สถานการณ์กำหนด" ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกองทัพไม่มีทางเลือกอื่น

นอกจากต้องยื่นมือ รับ "บัตรเชิญ"

เพื่อทำรัฐประหาร ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะโดยเปิดเผยหรือซ่อนรูป

ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว!?!

...........


.