http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2557-01-24

ประวิตร: จิปาถะข้อสังเกตวิกฤตการเมือง, +จดหมายถึงผู้ชุมนุมผู้มีอันจะกินชาวกรุงเทพฯ

.

ประวิตร โรจนพฤกษ์: จิปาถะข้อสังเกตวิกฤตการเมือง
ใน http://blogazine.in.th/blogs/pravit/post/4569 
. . ศ 24 มกราคม, 2014 - 08:28
| โดย pravit


วิกฤติการเมืองปัจจุบันอาจทำให้หลายคนหน้ามืดตามัวตกหล่มความเกลียดชัง
แต่สำหรับผม ผมถือว่ามันช่วยให้ผมได้คิดและเข้าใจสังคมไทยดีขึ้น

เหล่านี้คือข้อสังเกตโดยสังเขป

1)           คนไทยควรเรียนรู้ที่จะสื่อสารพูดจากันโดยไม่ต้องพึ่งนกหวีด ตีนตบ ระเบิดมือหรือปืนอาก้า
2)           แดงเคยต่อต้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างไรในปี 53 วันนี้พวกคุณก็ควรต่อต้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เช่นกันแม้ใช้กับฝ่ายตรงข้าม >กฎหมายเผด็จการย่อมเป็นกฎหมายเผด็จการอยู่วันยังค่ำ
3)           หาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แก้ปัญหาได้จริง ปัญหาคงจบสิ้นไปตั้งแต่ตอนอภิสิทธิ์ใช้แล้ว หรือถ้ายังไม่เข้าใจ ขอให้ดูสามจังหวัดภาคใต้เป็นตัวอย่างเสริม
4)           ระหว่างเลือกตั้งกับเทือกตั้ง ผมคงไม่ต้องบอกนะว่าผมเลือกอะไร
5)           เวที กปปส. มักมีการแสดงฉ่อยสลับกับการพูดถ่อยๆ แต่เวทีแดงก็ไม่น้อยหน้าเช่นเดียวกัน
6)           ตอนปี 53 คนตายรวมทุกฝ่าย 99 ศพ คุณยังไม่เคยเรียกร้องให้อภิสิทธิ์ลาออก มาอาทิตย์ที่แล้วตายหนึ่งศพเพราะระเบิด คุณกลับบอกยิ่งลักษณ์หน้าด้านไม่ยอมลาออกเสียที
7)           เวลาคุณดูถูกความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น ไม่ว่าเพศหญิงหรือเกย์ตุ๊ด คุณกำลังประจานตนเอง
8)           เวลาคุณสะใจกับความตายของฝ่ายตรงข้าม คุณกำลังสูญเสียความเป็นคนของคุณเอง
9)           บางทีความเกลียดชังอาจทำลายผู้ที่เกลียดมากกว่าผู้ที่ถูกเกลียดเสียอีก
10)   Respect My Vote แปลว่า เห็นหัวกูหน่อย
11)   สิ่งตรงข้าม Respect My Vote คือ Respect My Privileges  (..เอกอภิสิทธิ์)
12)   กรุงเทพฯ มิใช่ประเทศไทยทั้งหมดหากเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประเทศ
13)   กรุงเทพมหานครหาใช่สุเทพมหานครไม่
14)   คุณจะเอา ‘สภาประชาชน’ คุณเคยถามผมและคนอีกหลายล้านหรือยัง? ทำไมเราตัดสินเรื่องนี้ผ่านประชามติกันไม่ได้?
15)    ผมจะไม่ยอมให้ กปปส. ละเมิดสิทธิทางการเมืองของผมและของคนอีกนับสิบล้าน
16)   เวลาคุณเป่านกหวีดดังๆ ปี้ดๆ คุณมักไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงนกหวีดของคุณเอง
17)   เสื้อแดงควรมีขันติต่อผู้ชุมนุม กปปส. เพราะตอนปี 53 พวกคุณก็ปิดถนนอยู่เป็นเดือน ทำผู้อื่นเดือดร้อนมิใช่น้อยเช่นเดียวกัน
18)   ถ้าคุณคิดว่าเลือกตั้งแล้วทุกอย่างจบ ขอให้คิดใหม่ ถ้าคุณคิดว่ามีสภาประชาชนแล้วจบ ขอให้คิดใหม่ ถ้าคุณคิดว่ามีรัฐประหารแล้วทุกอย่างจบ ขอให้เลิกคิด
19)   ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของทักษิณอาจเป็นตัวทักษิณเอง
20)   เผื่อคุณยังไม่ทราบ: การขับไล่ทักษิณยิ่งลักษณ์เกี่ยวพันกับความรู้สึกไม่มั่นคงอย่างยิ่งยวดในสถาบันกษัตริย์ในช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างปฏิเสธมิได้ เสื้อยืดประเภท ‘รักที่สุดคือในหลวง’ หรือ ‘ประชาชนของพระราชา’ จึงหาดูได้ไม่ยากในม็อบ กปปส. บรรดาคนรักเจ้าอย่างไม่รู้จักพอเพียงรับไม่ได้ที่จะยอมให้ทักษิณยิ่งลักษณ์มีอำนาจในช่วงเปลี่ยนผ่านรัชกาล
21)   ความเกลียดชังมิสามารถรังสรรค์ประชาธิปไตยได้
22)   ความเห็นต่างทางการเมืองเป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย การฆ่ากันเพราะความเห็นต่างตะหากที่ไม่ปกติ
23)   ผมยังรอคำขอโทษจากยิ่งลักษณ์เรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษเหมาเข่งอยู่
24)   เหตุผลที่ผมต้านสภาประชาชนคือเหตุผลเดียวกับที่ผมต้านการฆ่าตัดตอนของสงครามยาเสพติดยุคทักษิณ >มันไม่ชอบธรรมและละเมิดสิทธิผู้อื่น
25)   ประชาธิปไตยมิอาจสร้างได้ด้วยวิธีอันเป็นเผด็จการ
26)   ผมเข้าใจว่าทำไมวันนี้คุณมองว่ารัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมแล้ว แล้วพวกคุณเข้าใจไหมว่าทำไมคนอื่นถึงมองวิธีไล่รัฐบาลของพวกคุณว่าไม่ชอบธรรม?
27)   ผมไม่มีปัญหากับการปฏิรูป แต่ผมมีปัญหากับการปฏิรูปแบบเผด็จการอันปราศจากความชอบธรรม
28)   กรุงโรมมิได้สร้างภายในหนึ่งวันฉันใด ประชาธิปไตยก็มิอาจสร้างได้โดยการไล่คนที่คุณเกลียดออกจากอำนาจฉันนั้น
29)   พวกคุณ shutdown กรุงเทพฯ ได้ แต่พวกคุณชนะใจผมไม่ได้
30)   เห็นต่างไม่จำเป็นต้องฆ่ากัน
31)   สังคมที่พยายามทำให้ทุกคนคิดเห็นเหมือนกันเรื่องการเมือง คือสังคมที่ไม่ต้องการให้ประชาชนคิดเอง
32)   ผมเคารพสิทธิไม่ไปเลือกตั้งของพวกคุณ แล้วพวกคุณเคารพสิทธิเลือกตั้งของผมไหม?
33)   หากคุณสะใจกับความตายของฝ่ายตรงข้าม ขอให้คุณตรวจเช็คความเป็นคนของคุณด่วน!
34)   หากคุณเกลียดคนที่เห็นแตกต่างจากคุณทางการเมือง ผมเกรงว่าคุณอาจมิได้ชื่นชมประชาธิปไตยอย่างที่คุณหลงคิด 



++

ประวิตร โรจนพฤกษ์: จดหมายถึงผู้ชุมนุมผู้มีอันจะกินชาวกรุงเทพฯ
ใน http://blogazine.in.th/blogs/pravit/post/4492
. . พ 11 ธันวาคม, 2013 - 19:06
| โดย pravit


วันก่อนพวกคุณได้ร่วมการถกเถียงเรื่องที่ว่าม็อบวันจันทร์ที่ 9 ธันวา ที่ผ่านมามีคนมาร่วมชุมนุมถึงห้าล้านอย่างที่ท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ อ้างหรือเพียงแค่แสนห้ากันแน่หรือไม่ -ผมอดนึกมิได้ว่าการถกเถียงอย่างดุเดือดเรื่องนี้ในโซเชียลมีเดียโยงกับความรู้สึกไม่มั่นคงเรื่องความชอบธรรมและข้อสงสัยที่ว่าพวกคุณเป็นคนส่วนน้อยหรือส่วนใหญ่ในสังคมกันแน่

ท่านสุเทพทำผมตาค้างแทบตกเก้าอี้เมื่อผมได้ยินท่านผู้นำสูงสุดของพวกคุณประกาศตอนบ่ายแก่ๆวันจันทร์ว่าอีกไม่นานท่านจะขึ้นมาแถลงบนเวทีหน้าทำเนียบฯในนามของมวลมหาประชาชนไทยทุกคน เอ่อ…คือ… คือผมจำไม่ได้จริงๆว่าผมเคยยินยอมให้ท่านสุเทพหรือผู้นำของพวกคุณเอาหนึ่งเสียงของผมไปอ้างตั้งแต่เมื่อไหร่ และผมก็มั่นใจว่าลึกๆพวกคุณก็คงทราบดีว่าคนไทยอีกหลายสิบล้านก็มิเคยได้มอบอำนาจให้แก่ท่านสุเทพเช่นกัน

แต่ไม่ว่าจำนวนผู้ชุมนุมบนท้องถนนในวันนั้นจะมากถึงห้าล้านหรือแค่แสนห้า ความจริงก็คือว่าไม่มีผู้ใดจะสามารถอ้างว่าตนพูดในนามของประชาชนทั้งประเทศได้ ผมอยากย้ำเตือนชนชั้นกลางและชนชั้นสูงชาวกรุงเทพฯผู้มีอันจะกินอย่างพวกคุณทุกคนที่ได้ออกไปใช้สิทธิทางการเมืองโดยการชุมนุมประท้วงมา ณ ที่นี้ด้วยว่าพวกคุณมิใช่คนส่วนใหญ่ของสังคม และเมืองไทยก็มิใช่สมบัติของชนชั้นกลางและชนชั้นสูงในกรุงเทพฯ เท่านั้น กรุงเทพฯเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประเทศไทย และประเทศเป็นของคนไทยทุกคนร่วมกัน


ผมทราบดีว่าพวกคุณคงรู้สึกอกหักช้ำใจ เพราะพรรคการเมืองที่ประกอบไปด้วยนักการเมือง ‘ดีๆ’ ผู้ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศมาอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจาก Oxford Cambridge หรือ Ivy League กลับพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างซ้ำซาก แล้วพวกคุณก็ต้องทนกับนายกรัฐมนตรีที่พูดภาษาอังกฤษห่วยแตก แถมออกเสียงคำภาษาไทยบางคำก็ยังผิด แถมยังต้องมาทนกับพี่ชายแสนดีของเธอที่พยายามบริหารราชการแผ่นดินผ่านโทรศัพท์มือถือไม่รู้กี่เครื่องที่แกมี

ผมทราบดีว่าพวกคุณรู้สึกว่าทักษิณ ยิ่งลักษณ์นั้นชั่ว กร่าง โกง กิน ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิด ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ -ในบางแง่ผมก็เห็นด้วย ก็ดูการผลักดันร่างนิรโทษกรรมเหมาเข่งตอนตีสี่ที่่ทักษิณได้ประโยชน์สิ มันหน้าด้านมาก แม้ญาติคนเสียชีวิตปี 53 อย่างแม่น้องเกดหรือคนเสื้อแดงที่ไม่เห็นด้วยเขาก็ไม่แคร์

ผมทราบดีเช่นกันว่าพวกคุณชินกับการชี้นิ้วสั่งลูกน้องสั่งคนขับรถ สั่งเด็กเสิร์ฟ ออเดอร์สาวอาบอบนวดและชนชั้นแรงงานให้ทำโน่นนี่ตามใจชอบ พวกคุณจึงรู้สึกรับไม่ได้ที่บรรดาผู้ที่มีการศึกษาต่ำและคนจนเหล่านั้นดันกลับมีบทบาทชี้ชะตาสังคมผ่านการเลือกตั้ง ผมเคยได้ยินบางคนในกลุ่มพวกคุณพูดแม้กระทั่งว่า เมืองไทยน่าจะมอบสิทธิเลือกตั้งเฉพาะคนที่จบปริญญาตรีหรือจ่ายภาษีรายได้ทางตรงเท่านั้น บรรดา ‘ควายแดง’ คนชนบทที่ด้อยการศึกษามิควรมีโอกาสกำหนดทิศทางการเมืองสังคมไทย เพราะคนพวกนี้โง่ จน และถูก ‘ไอ้เหลี่ยม’ หลอกซ้ำซากไม่รู้จักจบ แต่เวลาผมได้ยินเช่นนี้ ผมกลับอดนึกถึงระบอบเหยียดสีผิวในแอฟริกาใต้สมัยหลายสิบปีก่อนมิได้

นี่มิใช่หนทางรอดหรือทางออกของสังคมไทยสำหรับพวกเรา ผมใช้คำว่า ‘พวกเรา’ เพราะผมก็เป็นคนกรุงเทพฯ และกำพืดก็มิได้ต่างจากพวกคุณที่มักทา sunblock ก่อนออกไปตากแดดชุมนุมหรือชอบหลบไปนั่งร้านกาแฟเย็นๆ ติดแอร์มีลาเต้รสดีให้ดื่มเอาแรงระหว่างรอออกไปเดินขับไล่ทักษิณยิ่งลักษณ์ต่อ ความจริงคือว่า สังคมไทยคงเดินต่อไปลำบากยิ่ง หากเรายังดันทุรังกดหัวคนส่วนใหญ่ในสังคมมิให้พวกเขามีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมเรา -มันเหมือนรถสิบล้อที่เคลื่อนที่โดยอาศัยล้อเพียงล้อเดียว



เราควรพยายามสื่อสารกับคนอื่นที่เห็นต่างจากเรามากกว่านี้ หันไปมองมนุษย์เป็นมนุษย์เช่นเดียวกันไม่ว่าการศึกษาในระบบเขาจะน้อยเพียงไร เราควรจะพยายามพูดจากันอย่างสันติด้วยเหตุผล แทนที่จะตะโกนด่าว่ากันด้วยคำหยาบสารพัดอย่างไร้สติและเกลียดชังจนไม่มีใครฟังใคร หรือเกลียดกันจนไม่รู้สึกอะไรเวลาผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้ามถูกทำร้ายจนเสียชีวิต

สังคมต้องการพื้นที่ให้ประชาชนมีสิทธิมีเสียงโต้เถียงกันด้วยเหตุผลอย่างสันติและขันติ ระบอบประชาธิปไตยไทยยังเยาว์และเปราะบางบางนัก แต่ผมหวังว่าทั้งประชาธิปไตยและประชาชนทั้งสังคมจะมีโอกาสได้เดินหน้าเติบโตไปพร้อมกัน และนั่นหมายความว่าเราไม่สามารถปล่อยให้คนไม่กี่คนแอบอ้างเสียงคนทั้งชาติและกำหนดชะตาสังคมอย่างเผด็จการได้ เพราะฉะนั้นอย่าพยายามลากรถถังออกมาอีก และกรุณาอย่าเข้าใจผิดคิดว่าม็อบคน ‘ห้าล้าน’ มีสิทธิตัดสินใจแทนคนทั้งแผ่นดิน

เราทุกคนคงจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันท่ามกลางความเห็นที่แตกต่างทางการเมืองอย่างสันติและสร้างสรรค์ เคารพเสียงทุกเสียง ยอมรับเสียงส่วนใหญ่และเคารพรับฟังเสียงส่วนน้อย

ผมได้ยินเสียงพวกคุณชัดแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป่านกหวีดบ่อยๆ จนแก้วหูพัง ทีนี้ช่วยกรุณาไปบอกท่านสุเทพด้วยว่า ท่านควรเลิกอ้างเสียงมวลมหาประชาชนคนทั้งประเทศได้แล้ว

ด้วยความจริงใจ

ประวิตร โรจนพฤกษ์
นสพ. The Nation
11 ธันวาคม 2556

ปล. ถอดความดัดแปลงจากจดหมายภาษาอังกฤษในหนังสือพิมพ์ The Nation วันที่ 11 ธันวาคม 2556 หน้า 11A ชื่อ A letter to the well-heeled protesters of Bangkok by Pravit Rojanaphruk



.