http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2557-01-19

มุกดา: Bangkok Shutdown.. Power play 2557 เริ่มยาก เล่นยาก..จบแบบโศกนาฏกรรม

.

Bangkok Shutdown... Power play 2557 เริ่มยาก เล่นยาก...จบแบบโศกนาฏกรรม
โดย มุกดา สุวรรณชาติ
คอลัมน์ หลักศิลา กลางน้ำเชี่ยว
ใน www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1390123905
. . วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 22:15:08 น.

( ที่มา: มติชนสุดสัปดาห์ประจำวันที่ 17- 23 มกราคม 2557 ปี34 ฉ.1744 หน้า20 ) 


เกมปิดกรุงเทพจะจบลงอย่างไร ?

เกมรุกด้วยการปิดถนนกลางเมือง ปิดสถานที่ราชการ โดยหวังให้กรุงเทพฯ SHUT DOWN คนบางส่วนแม้ไม่ต้องมาทำงาน 4-5 วัน อาจไม่มีปัญหาในการดำรงชีวิต แต่คนหาเช้ากินค่ำ คนค้าขาย ที่มีการลงทุน ส่งเงินต้นส่งดอกเบี้ย มีหนี้สิน ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างมาก

บางธุรกิจที่ต้องขนส่งสินค้าผ่านเมืองก็กระทบหนักเช่นกัน วันที่ 13 มกราคม ซึ่งมีการปิดถนนวันแรก ทีมงานของเราไปสำรวจที่ตลาด อตก. ลูกค้าที่เดินซื้อของอยู่ในตลาดขนาดใหญ่นั้น มีไม่ถึง 20 คน ไม่มีนักท่องเที่ยวแม้แต่คนเดียว สำหรับพ่อค้าแม่ค้าต้องเรียกว่า เจ๊งสนิท

ถ้าการปิดเมืองยืดเวลาไปอีกสองสามวัน ความขัดแย้งจะเริ่มจากจุดเล็กๆ แล้วขยายออกไปใน 24 ชั่วโมง ภายใน 48 ชั่วโมง ปัญหาอาจจะแรงขึ้น

เมื่อครบ 3 วัน ถ้าทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่าย กปปส. ไม่คลี่คลายปัญหา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น จะร้อนเหมือนไฟที่เผาทั้งรัฐบาลและฝ่ายที่ปิดถนน

การปะทะ การบาดเจ็บ การตาย การเผา ความเสียหายต่อทรัพย์สินในเหตุการณ์นี้ ต้องถือเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากยุทธวิธี ที่ใช้วิถีชีวิตประชาชนชาวเมืองเป็นตัวประกันส่งผลกระทบโดยตรงต่อบางคนบางอาชีพ ความขัดแย้งจึงจะต้องเกิด แต่ถึงอย่างไร ก็คาดว่า เหตุการณ์ร้ายแรงจะไม่ยืดเยื้อถึง 10 วัน 20 วันอย่างที่สุเทพบอกไว้


แต่ก็ยังมีคนอารมณ์ดีตั้งกระทู้สนทนา มาในพันทิป ราชดำเนิน...

จะไปตื่นเต้นอะไรกันนักหนา กับแค่คุณสุเทือก ปิดกรุงเทพฯ
แค่คุณสุเทือก บอกว่าจะปิดกรุงเทพฯ รัฐบาล+ประชาชน ตื่นเต้นกันยกใหญ่
เขาจะปิดก็ให้เขาปิดไป มันเรื่องของเขา เราก็อย่าไปยุ่ง มองโลกในแง่+
การที่ปิดกรุงเทพฯ ครั้งนี้ก็เหมือนกับการจัดงานบางกอกเฟสติวัน 2014
เพียงแต่ปีนี้จัดใหญ่หน่อยเท่านั้นเอง ประชาชนสามารถออกมาทำกิจกรรม
เดินถนนเลือกซื้อของได้ตามสะดวก โดยไม่ต้องกลัวว่ารถจะเฉี่ยวรถจะชน


จะปิดจัดงาน นานเท่าไหร่มันก็เรื่องของเขา รัฐมนตรี นายกฯ ก็ไม่ต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นประธานเปิดงานแต่อย่างใด เพราะเขาไม่ได้เชิญ ก็อยู่ต่างจังหวัดทำงานไป ทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ชาวนา เรื่องจำนำข้าว ทำไมถึงยังไม่ได้ตังค์ ถ้ามันสนุกสนาน บนความทุกของคนแถวนั้น เดี๋ยวคนแถวนั้น ก็เรียกร้องให้มันปิดงานเร็วๆ ก็เท่านั้นเองเรื่องเล็กนิดเดียวทำเป็นเรื่องใหญ่ ต้องออก พ.ร.บ. พ.ร.ก. ทำไม ทำอะไรให้วุ่นวายออกไป บังคับใช้ได้ไหม หมายจับกบฏสุเทพก็มีอยู่ในมือยังไม่มีปัญญา แล้วจะไปออกนู่น ออกนี่อีก

แต่รายนี้เดือดร้อน...

คนต้องกินต้องใช้ พี่เขยกุงานไม่มี ฝรั่งหาย
แฟนกุงานไม่เข้าต่างชาติไม่เข้ามาจ้างนั่งตบยุงมาสองเดือนแล้ว

ใช่สิ เมิง คนกรุงเทพฯ รวยมีชาติตระกูล มีสมบัติ คนใต้มีสวนยาง
แต่กุคนทำมาหากิน มนุษย์เงินเดือน เดือดร้อนเฟ้ย

อยากปิดอยากประท้วง นู่นเลยสวนยางบ้างเมิงอ่ะ
ประท้วงสามปีก็ไม่มีใครว่า ไปเลย ไป ไปเลย




ความเป็นไปได้ของเกมปิดกรุงเทพฯจะจบลง 2 แบบ

1. ยุติแบบ กปปส. ไม่ชนะ แต่การเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไป โดยรัฐบาลเดิมยังรักษาการอยู่ แกนนำ กปปส. คงไม่ถูกจับเหมือนแกนนำเสื้อแดงในครั้งก่อน และการต่อสู้แบบวุ่นวายแบบยืดเยื้อยังจะคงอยู่ต่อไป

ในกรณีนี้กระแสต้านปิดกรุงเทพฯ ต้องแรงพอ และการสนับสนุน กปปส. จะลดลงตามเวลาที่ปิด คือยิ่งปิดนาน คนต่อต้านการปิดถนนยิ่งมาก กำลังหนุนที่มาจากภาคใต้ก็ต้องกลับบ้าน ม็อบจะถูกโจมตีทั้งทางการเมือง การทหาร แบบที่ ม็อบเสื้อแดง เคยโดนมาแล้ว

แต่เมื่อรัฐบาลไม่มีนโยบายปราบ เกมจึงอาจ อ่อนลงและจบด้วยการเจรจา หาทางออกผ่านคนกลาง ซึ่งไม่มีใครได้ทั้งหมดหรือเสียจนอยู่ไม่ได้ เกมนี้ไม่ชนะไม่เลิก แต่ลดความแรงลง


2. จบแบบรัฐบาลถูกยุบหรือถูกยึด ซึ่งจะทำให้สถานการณ์พลิกกลับขั้ว โดยฝ่ายรัฐบาลเดิม จะต้องเป็นฝ่ายต่อต้านซึ่งดูแล้วเกมจะแรงกว่าเดิม แม้ขณะนี้การประท้วงของม็อบจำนวนมากในกรุงเทพฯ ทำให้รัฐบาลดูคล้ายกับโดดเดี่ยว เพราะไม่มีฝ่ายสนับสนุนออกมาชุมนุมในกรุงเทพฯ เพื่อคานกำลัง

แต่หลังจากเกมปิดกรุงเทพฯ เริ่มเดินไปแล้ว ไม่ว่าจะกี่วันก็ตาม และไม่ว่าจะตามด้วยใช้กำลังทหารยึดอำนาจ หรือใช้ตุลาการภิวัฒน์ ภาพที่ออกมาจะคล้ายกระบวนการยึดอำนาจแบบปี 2551 เพียงแต่ไม่ยึดสนามบิน ใช้การยึดเมืองแทน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็จะมีภาพว่า ถูกโค่นล้มด้วยกระบวนการรัฐประหาร จากนั้นก็จะมีการต่อต้านผู้ยึดอำนาจ ซึ่งจะเป็นการต่อต้านที่รุนแรงยิ่งกว่าการปิดกรุงเทพฯ เพราะมีขอบเขตทั่วประเทศ หรือแม้แต่ในต่างประเทศ


ส่วนการปิดกรุงเทพฯ ที่มีคนหวังว่า จะจบแบบการประท้วงของคนเสื้อแดง ปี 2553 คือมีการกระชับพื้นที่ และแกนนำ กปปส. ต้องมอบตัว ในสถานการณ์ปัจจุบันแทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลไม่มีนโยบายปราบและสลายการชุมนุมของ กปปส. ดังนั้น แกนนำ กปปส. จึงอยู่ภายใต้การห้อมล้อมของมวลชนและกระแสการเมืองตลอดเวลา ต้องรอจนกว่ากระแสสูงของ กปปส. ตกลง

แต่ถ้ากระบวนการยุติธรรมยังเป็นแบบเดิมอยู่ แกนนำ กปปส. ก็จะอยู่ได้แบบสบายๆ เช่นเดียวกับแกนนำเสื้อเหลืองที่เคยยึดสนามบินในปี 2551




วิเคราะห์ข่าวรัฐประหาร ประจำสัปดาห์

เนื่องจากการรัฐประหารในปัจจุบันมิได้ถูกกำหนดให้ต้องทำอย่างแน่นอนแต่สถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดแนวโน้มหลักคือไม่จำเป็นจริงๆไม่ทำ แต่การมีข่าวก็มีสาเหตุ มีที่มา

การเคลื่อนกำลังทหารเข้าจุดสำคัญต่างๆ เช่น สถานีโทรทัศน์ถือเป็นความจำเป็นของผู้รับผิดชอบด้านการทหารโดยเฉพาะกองทัพบก และผู้บังคับบัญชากองกำลังที่มีหน้าที่รักษาพื้นที่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากข่าวรัฐประหารดังหนาหูมาก ผบ.ทบ. เอง ก็ออกมาปฏิเสธ ยืนยันว่าตนเองไม่ทำ แต่ถ้ามีคนอื่นทำ ในฐานะผู้รับผิดชอบ จะเป็นเรื่องเสียหน้ามาก

ดังนั้น ถ้าไม่ทำเอง จะปล่อยให้คนอื่นทำไม่ได้เด็ดขาด การเคลื่อนกำลังทางยุทธวิธีต่างๆ เช่น ทหารราบ รถถัง รถหุ้มเกราะ และอาวุธหนักอื่นๆ จึงมีความจำเป็น มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น ถ้าเกิดความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องใช้กำลังเพื่อการใดก็ตาม ก็จะเป็นการชิงความได้เปรียบ ในทางยุทธศาสตร์ แน่นอนว่า อาจเป็นที่ไม่ไว้วางใจ เพราะกำลังและอาวุธเหล่านั้น สามารถใช้ต้านรัฐประหารได้ และทำรัฐประหารก็ได้เช่นกัน

ฝ่ายประชาธิปไตยจึงต้องติดต่อผู้ที่บังคับควบคุมกำลังและอาวุธเหล่านั้นให้ดีและต้องเข้าใจว่าวันนี้ไม่มีใครอยากออกหน้ามาทำรัฐประหาร 
แต่ถ้าจำเป็น ก็อาจต้องใช้กองกำลังหยุดการปะทะกันหรือการจลาจล ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องจบด้วยการรัฐประหาร

ส่วนพวกที่อยากทำรัฐประหารใจจะขาด ไม่ได้ถือปืน เหมือนคนที่อยากกินแกงไก่ แต่ไม่ยอมลงมือเชือดคอไก่ ผลักให้คนอื่นเชือดแทน เพราะกลัวจะเป็นบาป จากนั้นก็เอาแกงสักถ้วยไปถวายพระเพื่อหวังจะได้บุญ แกงที่เหลืออีกเกือบเต็มหม้อ ก็นำมาแบ่งกันกิน

ทหารวันนี้ไม่อยากเป็นคนเชือดคอไก่ แล้วได้แค่น้ำแกง



ความยากลำบากหลังยึดอำนาจไม่ว่าด้วยวิธีใด

ถ้ามีการล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะได้อำนาจการปกครองมาแบบคนกลาง เทพประทาน ตุลาการภิวัฒน์ หรือรัฐประหาร ถ้าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง คำถามที่ต้องตอบ และปัญหาที่ต้องแก้จะมีมากมาย...

1. ถ้ารัฐบาลเดิมที่มาจากการเลือกตั้งไม่ยอมรับ และตั้งเป็นรัฎฐาธิปัตย์ แข่งกับผู้ยึดอำนาจ และมีประชาชนจำนวนมากยังสนับสนุนอยู่จะทำอย่างไร?

2. ถ้านานาชาติส่วนใหญ่ยังสนับสนุนรัฐบาลจากการเลือกตั้งเดิม และไม่ยอมรับรัฐบาลใหม่ จะทำอย่างไร?

3. ถ้ามวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลเดิม ทำการต่อต้านรัฐบาลใหม่ โดยใช้วิธีการแบบ กปปส. ทุกอย่าง ในมาตรฐานเดียวกันจะแก้ไขอย่างไร?

4. เมื่อเกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นตามมา จากการถอนทุน การดึงเงินกลับ ของต่างชาติ ปัญหาการตกต่ำของการค้าระหว่างประเทศ จะตามมา ความวุ่นวายจะทำให้สภาพการเป็นเมืองท่องเที่ยวของไทยลดคุณค่าลงไปอย่างมากในระดับนานาชาติ

ส่วนนโยบายประชานิยม รัฐบาลใหม่จะกล้ายกเลิกหรือไม่

5. ถ้าเห็นว่าไปไม่ไหว หวังจะแก้ไขโดยสร้างประชาธิปไตย ให้มีการเลือกตั้ง แล้วอยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบบปฏิรูปการเมือง ก่อนการเลือกตั้ง จะทำได้หรือ?


ในเมื่อคนที่เป็นนักปฏิรูปเหล่านี้ ทำมาแล้วจนได้รัฐธรรมนูญ ปี 2540 ต่อมาก็สรุปว่าไม่ดี เมื่อฉีกทิ้ง ร่างใหม่สอดไส้ อำนาจตามสั่งไว้มากมาย จนได้รัฐธรรมนูญ 2550 แต่เมื่อแพ้เลือกตั้ง ก็สรุปว่าไม่ดี ต้องปฏิรูป ยิ่งร่างใหม่ ยิ่งลดอำนาจประชาชนลง

ผลสุดท้ายชาวบ้านคงไม่ยอมรับ จะกลายเป็นวิกฤติใหม่แน่นอน


และถ้าเลือกแล้วแพ้อีก จะต้องยึดอำนาจซ้ำอีกหรือ จะวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ ไปอีกนานเท่าไร

นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่การยึดอำนาจแบบด้านๆ เลียนแบบ ยุคสฤษดิ์หรือยุคถนอมไม่ถูกนำมาใช้ในช่วงเวลานี้ เพราะนี่เป็น Power play ยุคโลกไร้พรมแดน ยุคการสื่อสารแบบหูตาทิพย์


แต่ไม่ว่า เกมนี้จะจบอย่างไรประชาชนทั้งประเทศก็จะต้องร่วมรับชะตากรรม เพราะมีคนไปจุดไฟขึ้นในบ้าน แม้มีคนพยายามดับ แต่ก็มีคนจุดขึ้นใหม่ เมื่อไฟไหม้บ้าน ทุกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านต้องได้รับผลกระทบ แม้แต่คนที่คิดว่าไม่อยากมีปัญหากับใคร บทเรียนของการปิดกรุงเทพฯ คือสิ่งที่เตือนทุกคนว่าการอยู่นิ่งเฉยเป็นไทยอดทน อย่าคิดว่าจะรอดจากปัญหาต่างๆ ไปได้

Power play ยุคใหม่เล่นยากจริงๆ เมื่อก่อนใช้ม็อบไม่ต้องมาก วันนี้ต้องระดมเป็นหมื่นเป็นแสน ใช้เวลายาวนาน เมื่อเริ่มเกมด้วย Bangkok Shutdown ก็จะหาทางลงยาก ปี 2549-2553 นับว่าเล่นยาก ต้องใช้ดารานำเป็นตัวช่วยหลายตัว

แต่ Power play จากปี 2557 จะยิ่งเล่นยากกว่าหลายเท่าสงสัยต้องใช้ผู้กำกับมาเป็นตัวช่วย และตอนจบจะเป็นโศกนาฏกรรมแน่นอน


. . . . . . . . . . . . . . .


_________________________________________________
ร่วมคลิกไลค์แฟนเพจมติชนสุดสัปดาห์ผ่านทางเฟซบุ๊กได้ที่
www.facebook.com/matichonweekly




.