http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2554-12-09

ฯหนุ่มๆ ถอยไป, "..พาลพาไปหาผิด", "การค้าเสรี" มีได้ก็ต้องมีเสีย, ป้องกัน..เยียวยา แล้วก็.. โดย นกุล ว่องฐิติกุล

.


งานนี้หนุ่มๆ ถอยไป
โดย นกุล ว่องฐิติกุล คอลัมน์ จากญี่ปุ่น
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1634 หน้า 44


ความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจในทุกวันนี้ทำให้สาวๆ ชาวญี่ปุ่นส่วนหนึ่งหันมาสนใจเลือกคู่ครองที่สูงวัยและแน่นอนว่าต้องมีฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคงมากกว่าชายหนุ่มที่มีอายุในรุ่นราวคราวเดียวกันกับตนเอง

ผลที่ตามมาก็คือบรรดาชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่นอกจากจะต้องประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจหางานประจำที่มีรายได้เพียงพอแก่การครองชีพได้ยากแล้วยังหาผู้หญิงที่จะแต่งงานด้วยยากยิ่งขึ้นไปอีก

หญิงสาวโสดชาวญี่ปุ่นหลายคนบอกว่าต้องการแต่งงานกับบุรุษที่สูงวัยกว่าเพราะนอกจากจะเป็นผู้ใหญ่มีความคิดสุขุมเป็นผู้นำได้ดีแล้วที่สำคัญก็ยังมีหน้าที่การงานเป็นหลักเป็นฐาน มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงสามารถเป็นหลักประกันของชีวิตอนาคตอีกด้วย

บริษัทจัดหาคู่ให้บริการด้านสื่อสัมพันธ์และการแต่งงานอันเป็นเรื่องปกตินิยมในสังคมญี่ปุ่นหลายแห่งบอกว่าลูกค้าสตรีหลายคนมีแนวโน้มที่ต้องการมองหาคู่ชีวิตที่มีวัยสูงและเน้นเรื่อง "ความมั่นคงด้านเศรษฐกิจกับความสามารถในการพึ่งพาอาศัย" เป็นสำคัญ

บริษัทบริการการแต่งงาน IBJ Inc. ที่เพิ่งจัดงานพบปะให้แก่ชาย-หญิงที่กำลังมองหาคู่ครองเมื่อเร็วๆ นี้บอกว่า ลูกค้าจำนวนสิบคนที่มาร่วมงานเป็นลูกค้าหญิงวัย 22-28 ปี ห้าคนกับลูกค้าชายวัย 35-48 ปี อีกห้าคน

ปรากฏว่าการพบปะระหว่างหญิงชายต่างวัยได้ผลดีเกินคาด พวกผู้หญิงพากันรู้สึกว่าฝ่ายชายที่มีอายุมากกว่านั้นเป็นผู้รับฟังที่ดีสามารถให้คำปรึกษาและความเห็นที่เป็นประโยชน์

ในขณะที่พวกผู้ชายต่างรู้สึกว่าเป็นการพบปะพูดคุยที่น่าเพลิดเพลินทำให้รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยที่สำคัญทำให้รู้สึกว่าเป็นหนุ่มขึ้นเป็นกอง

เจ้าหน้าที่ของบริษัทจัดการเรื่องการแต่งงานชื่อดังอีกแห่งหนึ่งคือ O-net Inc. บอกว่า คู่แต่งงานที่ผ่านการจัดการของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีอยู่ 5% ที่มีอายุแตกต่างกันเกินกว่า 10 ปี ซึ่งมากกว่าสถิติในปี 2000 ถึงสองเท่าตัว

สาวญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้มักประสบปัญหาไม่มีงานทำหรือมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ย่ำแย่ทำให้พวกเธอมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะมีชีวิตซึ่งดีกว่านี้

ทางออกที่ดีที่สุดก็คือแต่งงานกับผู้ชายซึ่งมีการงานมั่นคงและมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดี

ไม่เฉพาะในกลุ่มหญิงสาวเท่านั้นที่นิยมมีคู่ที่สูงวัย แม้ในหมู่ชายหนุ่มก็มีแนวโน้มที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่มีวัยสูงกว่ามากยิ่งขึ้น

จากสถิติด้านประชากรของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นพบว่าในปี 1970 มีคู่สมรสที่แต่งงานกันเป็นครั้งแรกโดยฝ่ายชายมีอายุน้อยกว่าฝ่ายหญิงอยู่ 10.3% ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าเท่าตัวเป็น 23.6% ในปี 2010



เรื่องแบบนี้ไม่เว้นแม้แต่ในวงการศาสนา ศาสนาพุทธนิกายมหายานแบบญี่ปุ่นซึ่งมีการแบ่งแยกออกเป็นนิกายย่อยๆ อีกนับสิบนับร้อยนิกายที่พระสงฆ์ในบางนิกายก็สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้

ในวันนี้ที่อัตราการเกิดของประชากรญี่ปุ่นกำลังถดถอยลงอย่างน่าเป็นห่วง จำนวนคนหนุ่มสาวในวัยทำงานลดน้อยลงบวกกับความผันผวนทางเศรษฐกิจทำให้คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ยังคงครองความเป็นโสดไม่กล้าแต่งงานมีครอบครัว

ทั้งนี้รวมถึงจำนวนพระสงฆ์หนุ่มและไม่หนุ่มที่ยังเป็นโสดไม่มีภรรยาและพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าอาวาสแต่ไม่มีบุตรชายเป็นทายาทรับช่วงการปกครองวัดจนเป็นที่วิตกว่าจะหาผู้มาสืบทอดศาสนาไม่ได้ในอนาคต

จากการสำรวจพบว่าจนถึงปี 2010 ยังคงมีวัดทั่วประเทศญี่ปุ่นอีก 41.9% ที่ยังไม่มีการกำหนดตัวทายาทผู้สืบทอดวัด

เพื่อจัดให้ผู้คนในศาสนาที่กำลังมีปัญหาแบบเดียวกันนี้ได้มีโอกาสพบกัน บรรดาองค์กรศาสนาเจ้านิกายจึงถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องจัดการให้พระสงฆ์ที่ยังครองความเป็นโสดได้มีโอกาสพบปะกับสตรีที่เหมาะสมจนกลายเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลกเมื่อมีการจัดงานหาคู่ให้แก่พระสงฆ์ในนิกายนิจิเร็นชูโดยสำนักใหญ่ในกรุงโตเกียว งานจับคู่ที่ถูกจัดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีสถานที่จัดงานอยู่ในตึกสูง 30 ชั้นกลางกรุงโตเกียวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามของสะพานเรนโบว์และโตเกียวทาวเวอร์

มีชายหนุ่มหัวโล้นที่ล้วนเป็นพระสงฆ์ในนิกายนี้ผู้สลัดจีวรมาสวมใส่ชุดสูทมาร่วมงาน 22 ราย เพื่อพบปะทำความรู้จักคุ้นเคยกับหญิงสาวที่ส่วนใหญ่เป็นบุตรสาวของเจ้าอาวาสวัดหรือไม่ก็เป็นบุตรหลานญาติมิตรหรือได้รับการรับรองจากผู้มีอุปการคุณหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับวัดนับรวมได้ 29 คน เป็นผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานที่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มบริการโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

หญิงสาววัย 24 ปีคนหนึ่งที่มาร่วมงานเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดไอจิ เธอมีพี่สาวอีก 3 คน และปรารถนาที่จะได้แต่งงานกับพระสงฆ์ผู้สามารถรับสืบทอดวัดของครอบครัวได้

หญิงสาวอีกรายหนึ่งซึ่งไม่ได้เป็นบุตรหลานเจ้าอาวาสบอกว่า หากเธอได้แต่งงานกับพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าอาวาสเธอก็จะไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องสามีต้องตกงานอีกต่อไป ข่าวบอกด้วยว่ามีการแต่งงานไปแล้ว 5 คู่ จากการจัดงานแบบนี้

ยังคงมีสำนักสงฆ์ในอีกหลายนิกายที่ได้จัดให้มีงานจัดหาคู่ครองให้แก่พระสงฆ์ในรูปแบบเดียวกันนี้ เช่น นิกาย โจโดะ ชินชู ฮองวันจิ-ฮะ ที่เปิดบริการ จัดหาคู่ NET Enishi ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2007 งานจัดหาคู่ที่เมืองเกียวโตในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วทำให้เกิดการแต่งงานระหว่างพระสงฆ์กับหญิงสาวที่มาร่วมงานแล้วถึง 12 คู่ เช่นเดียวกับนิกายชินกอนชุ จิซัน-ฮะ ที่ได้เปิดบริการจัดหาคู่แก่พระสงฆ์มาแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมาเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดแคลนทายาทผู้สืบทอดวัดต่อจากเจ้าอาวาสที่ยังเป็นโสดหรือที่ไม่มีบุตรชาย

การที่ผู้หญิงส่วนหนึ่งหันมาสนใจพระสงฆ์เจ้าอาวาสวัดมากขึ้นเนื่องจากพระสงฆ์นั้นจะมีฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคงกว่า เจ้าหน้าที่ของวัดแห่งหนึ่งบอก



สมุดปกขาวที่ว่าด้วยเรื่องเด็กและการเลี้ยงดูเด็กซึ่งจัดทำโดยสำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า ฐานะทางการเงินและรายได้ที่มั่นคงจะเป็นตัวนำไปสู่การแต่งงานมีครอบครัว โดยผู้ชายชาวญี่ปุ่นอายุระหว่าง 30-34 ปี ผู้มีงานประจำที่มั่นคงจะมีโอกาสได้แต่งงานมากกว่าผู้ชายวัยเดียวกันที่ไม่มีงานประจำทำถึงสองเท่า

สอดคล้องกับผลการสำรวจของสถาบันประชากรและสังคมแห่งชาติญี่ปุ่นซึ่งจะกระทำกันทุกห้าปีที่พบว่าญี่ปุ่นกำลังมีอัตราส่วนของชายโสดและหญิงโสดที่ไม่แต่งงานเพิ่มมากขึ้นทุกที

การสำรวจเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วพบว่า 61% ของผู้ชายที่ยังไม่แต่งงานและ 50% ของผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานนั้นไม่เคยคบหากับเพื่อนต่างเพศและหลายคนไม่สนใจที่จะคบหากับเพื่อนต่างเพศเสียด้วยซ้ำ

ในจำนวนนี้มีผู้ชาย 44% และผู้หญิง 42% ที่เห็นว่าการแต่งงานเกี่ยวข้องกับเรื่องของเศรษฐกิจมากที่สุดและสาเหตุของการไม่แต่งงานก็คือไม่มีเงินนั่นเอง

นักสังคมวิทยาเห็นว่าทางออกทางเดียวคือรัฐต้องจัดให้ประชาชนมีงานประจำที่มั่นคงสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นในหมู่ประชากร

เมื่อไรที่ผู้คนไม่ต้องเป็นห่วงกังวลว่าจะต้องถูกเลิกจ้างหรือต้องตกงาน เมื่อนั้นชายหนุ่มก็จะได้แต่งงานกับหญิงสาว ไม่ต้องถอยฉากหลีกทางให้ชายแก่หรือพระสงฆ์อย่างที่กำลังเป็นอยู่ในทุกวันนี้


++

"คบคนพาล พาลพาไปหาผิด"
โดย นกุล ว่องฐิติกุล คอลัมน์ จากญี่ปุ่น
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 02 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1633 หน้า 46


แม้จะเป็นองค์กรที่ทางการตำรวจญี่ปุ่นเรียกว่าเป็น "Boryokudan" หรือกลุ่มมาเฟียญี่ปุ่นซึ่งรู้กันดีว่าเป็นองค์กรที่เข้าไปพัวพันกับกิจการนอกกฎหมายนานาประเภททั้งการพนัน ยาเสพติด อาวุธเถื่อน โสเภณี ขู่กรรโชก ปั่นหุ้น เรียกค่าคุ้มครอง ฯลฯ

แต่ กลุ่มยากูซ่าก็ยังสามารถจดทะเบียนก่อตั้งองค์กรของตนขึ้นได้ตามกฎหมายภายใต้สำนักงานโอ่อ่าในรูปของสมาคมหรือบริษัทการค้าที่ดำเนินกิจการอย่างถูกกฎหมายเป็นการบังหน้า

และก็เป็นองค์กรที่เข้าไปพัวพันกับวิถีชีวิตของประชาชนชาวญี่ปุ่นที่ใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ พ่อค้า นักแสดง นักกีฬาหรือแม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าหากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้วก็จะตกเป็นข่าวอื้อฉาว ถูกสังคมจับจ้องติเตียนจนถึงขั้นหมดอาชีพต้องออกจากวงการไปเลยก็มี

ในจำนวนสมาชิกภายใต้สังกัดขององค์กรยากูซ่าที่มีอยู่ประมาณ 86,000 คนทั่วประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 55,000 คนจะสังกัดกลุ่ม ยามากูจิ-งูมิแห่งเมืองโกเบซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดและร่ำรวยที่สุดของประเทศโดยสามารถรวบรวมเอาแก๊งต่าง ๆ มารวมกันจนสามารถขยายเขตอำนาจเข้าไปสู่เมืองอื่น ๆ เช่นโตเกียวทำให้เกิดการต่อสู้ฆ่าฟันชิงอำนาจกับแก๊งเจ้าถิ่นอยู่หลายครั้ง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้สุจริต ถูกต่อต้านจากสังคม

จนทางการตำรวจญี่ปุ่นต้องประกาศกวาดล้างกลุ่มนอกกฎหมายเหล่านี้อย่างจริงจัง กลุ่มนี้ยังมีสาขาอยู่ในต่างประเทศทั้งในเอเชียและอเมริกาอีกหลายแห่ง ว่ากันว่ารายได้ของกลุ่มยามากูจิ-งูมิมีมากถึงปีละ 20,000 ล้านเหรียญอเมริกัน



คงจะจำกันได้ถึงเรื่องอื้อฉาวเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วในวงการซูโม่ญี่ปุ่นที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มยากูซ่าจนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนในสมาคมซูโม่รวมถึงนักมวยปล้ำมีอันดับบางคนต้องลาออก มีการยกเลิกการแข่งขันไปหลายนัดสร้างความเสื่อมเสียอับอายให้แก่วงการกีฬาซูโม่ซึ่งถือเป็นกีฬาประจำชาติที่ชาวญี่ปุ่นเคยศรัทธาและภาคภูมิใจ

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2010 มีการจับกุมตัวนายคิโยชิ ทากายามะ รองหัวหน้ากลุ่มยามากูจิ-งูมิในข้อหาขู่กรรโชกทรัพย์จำนวน 400,000 ดอลลาร์จากนักธุรกิจก่อสร้างรายหนึ่งและเขาถูกตัดสินโทษจำคุก 2 ปี

เดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เอง นายเค็นอิจิ ชิโนดะ วัย 69 ปี หัวหน้าแก๊งเดียวกันที่ต้องโทษจำคุกมาแล้วประมาณ 6 ปีในข้อหามีอาวุธปืนโดยผิดกฎหมายและฆ่าคู่ต่อสู้จนถึงแก่ชีวิตด้วยมีดดาบซามูไรก็ได้พ้นโทษจากคุกฟุจุที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว

หลังออกจากห้องขังเขาก็เดินทางกลับสู่บ้านในเมืองโกเบทันที ก่อนต้องโทษจำคุก นายเค็นอิจิ ได้ประกาศว่าจะขยายเขตอำนาจของกลุ่มออกไปให้กว้างใหญ่ที่สุด

การพ้นโทษของเขาในครั้งนี้น่าจะสร้างความหนักใจแก่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองและสุจริตชนอยู่ไม่น้อย มีการจับตามองความเคลื่อนไหวจากเจ้าหน้าที่และการต่อต้านจากสังคมที่เข้มข้นยิ่งขึ้น



แม้แต่วงการศาสนาและพระสงฆ์ก็ยังพลอยได้รับผลกระทบไปด้วยเมื่อมีข่าวแพร่ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ว่า วัดเอ็นไรยากูจิซึ่งเป็นวัดศาสนาพุทธนิกายเท็นไดในจังหวัดชิกะของญี่ปุ่นซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึง 1,223 ปีและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกตั้งแต่ปี 1994 ได้ประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมหรือประกอบพิธีกรรมใดร่วมกับสมาชิกของกลุ่มยากูซ่ารวมถึงสมาชิกในครอบครัวและห้ามบุคคลเหล่านั้นเหยียบเข้ามาในเขตวัด

โดยมูลเหตุเกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2006 ซึ่งเป็นช่วงที่กลุ่มยากูซ่าก่อเหตุอื้อฉาวร้ายแรงอย่างหนัก วัดเอ็นไรยากูจิ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาป้ายวิญญาณของอดีตหัวหน้ากลุ่มยากูซ่ายามากูจิ-งูมิที่เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่คนที่หนึ่งถึงคนที่สี่ได้ประกอบพิธีเซ่นไหว้วิญญาณของเหล่าอดีตหัวหน้ากลุ่มซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีโดยมีสมาชิกระดับสูงและหัวหน้ากลุ่มต่าง ๆ เดินทางมาร่วมพิธีนับร้อยคน

มีการมอบ "ซอง" ช่วยงานที่ตำรวจสงสัยว่าจะเป็น "ส่วย" จากผู้เข้าร่วมงานมูลค่าหลายสิบล้านเยน

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ทางวัดถูกโจมตีติเตียนจากประชาชนอย่างรุนแรงเป็นเหตุให้กรรมการผู้บริหารวัดทั้ง 7 นายต้องแสดงความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่งในอีกหนึ่งเดือนต่อมา

นับจากนั้นทางวัดจึงได้จัดระเบียบอนุญาตให้เพียงครอบครัวผู้เสียชีวิตมาทำพิธีเคารพป้ายวิญญาณประจำปีเมื่อได้รับแจ้งจากทางวัดเท่านั้น แต่ก็ยังคงมีสมาชิกคนอื่น ๆ ของกลุ่มยากูซ่าเดินทางมาร่วมพิธีอยู่ด้วย

จนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เองเพื่อเป็นตัดความสัมพันธ์โดยสิ้นเชิงกับกลุ่มยากูซ่าและเพื่อยืนหยัดอยู่ข้างศีลธรรมอันดีของสังคมทางวัดจึงได้ตัดสินใจแจ้งไม่อนุญาตให้สมาชิกกลุ่มหรือครอบครัวของอดีตหัวหน้ากลุ่มเข้ามาทำพิธีใด ๆ ในวัดอีกต่อไป

และทางกลุ่มก็ได้ตอบรับทราบการตัดสินใจของทางวัดแล้ว

ส่วนป้ายวิญญาณของอดีตหัวหน้ากลุ่มทั้ง 4 คนนั้นทางวัดยังคงเก็บรักษาไว้ด้วยเหตุผลทางศาสนา



ไม่นานก่อนหน้านี้ นักแสดงดาราตลกผู้จัดรายการทางทีวีคนดังคือ นายชิสุเกะ ชิมาดะ หรือชื่อจริงว่า นายคิมิฮิโกะ ฮาเซกาวะ วัย 55 ปี ก็ต้องประกาศอำลาวงการแสดงเพราะเข้าไปมีความสนิทสนมกับสมาชิกระดับสูงของกลุ่มยากูซ่ายามากูจิ-งูมิ

โดยเขายอมรับว่าได้รับการชักนำให้รู้จักกับสมาชิกคนดังกล่าวผ่านทางเพื่อสนิทคนหนึ่งที่คนใกล้ชิดบอกว่าคืออดีตนักมวยแชมเปี้ยนโลก จิโระ วาตานาเบะ ในช่วงที่เขากำลังมีปัญหาเมื่อ 6 ปีก่อน

และบุคคลทั้งสองคือผู้ให้ความช่วยเหลือโอบอุ้มจนเขาพ้นจากความยุ่งยากและกลายเป็นคนดังในวงการทีวีเป็นผู้จัดรายการยอดนิยมหลายรายการ

ข่าวที่ปรากฏออกมาเป็นการตอกย้ำความเคลือบแคลงของสังคมที่มีมาอย่างยาวนานว่ากลุ่มยากูซ่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจบันเทิงทำให้ผู้คนในวงการบันเทิงรวมถึงต้นสังกัดต้องกดดันให้นายชินสุเกะออกไปจากวงการ

ก่อนหน้านี้ในปี 2004 นายชินสุเกะต้องคดีทำร้ายร่างกายพนักงานหญิงคนหนึ่งในบริษัทต้นสังกัดของตนจนถูกปรับเป็นคดีอาญา 300,000 เยน และถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจนต้องจ่ายค่าเสียหายแก่คู่กรณีไป 10 ล้านเยนเมื่อปีที่ผ่านมา

ส่วนเพื่อนรักของเขา นายจิโระ วาตานาเบะ กำลังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์คำตัดสินจำคุก 2 ปีในคดีพยายามกรรโชกทรัพย์

คนญี่ปุ่นบอกว่าแก๊งยากูซ่าที่เป็นองค์กรอาชญากรรมจัดตั้งนั้นเป็นเหมือนสิ่งชั่วร้ายที่จำเป็นเพราะช่วยลดอาชญากรรมตามข้างถนนหรือ "โจรกระจอก"ที่มีอันตรายมากกว่า ? " the only thing worse than organized crime is disorganized crime."

Jake Adelstein นักข่าวอเมริกัน ผู้ใช้เวลาเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับแก๊งยากูซ่าในญี่ปุ่นอยู่นานถึง 12 ปี บอกกับ BBC ในตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2010



++

"การค้าเสรี" มีได้ก็ต้องมีเสีย
โดย นกุล ว่องฐิติกุล คอลัมน์ จากญี่ปุ่น
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1632 หน้า 42


หลังตรึกตรองชั่งใจอยู่นานที่สุด รัฐบาลญี่ปุ่นโดยนายกรัฐมนตรี โยชิฮิโกะ โนดะ ก็ได้ตัดสินใจประกาศเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า จะเสนอตัวเข้าร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่ม Trans-Pacific Partnership (TPP) เป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจในเขตการค้าเสรีของกลุ่มประเทศภาคพื้นแปซิฟิกที่ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่แล้วรวม 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ชิลี และเปรู

เป็นการประกาศก่อนการออกเดินทางไปเข้าร่วมประชุม APEC หรือ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกที่เมืองฮอนโนลูลู มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเพียง 1 วัน

แม้ว่าจะมีเสียงท้วงติงคัดค้านจากหลายฝ่ายว่าการเข้าร่วม TPP นั้นจะทำให้ญี่ปุ่นต้องเปิดเสรีการค้าซึ่งจะกระทบกระเทือนอย่างยิ่งต่อสินค้าและบริการของญี่ปุ่นหลายรายการ เช่น สินค้าจากภาคการเกษตรโดยเฉพาะข้าว และธุรกิจการประกันโดยเฉพาะการประกันสุขภาพซึ่งจะมีผลต่อเนื่องถึงวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ

ซึ่งนายกรัฐมนตรี โยชิฮิโกะ โนดะ ก็ให้คำรับรองโดยยกเอาพื้นเพความเป็นลูกชาวนาของตนเป็นประกันว่าจะต้องทำทุกวิถีทางที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติ รักษาวิถีชีวิตของชาวนาและพื้นที่นาให้คงอยู่ตลอดไป

ส่วนการประกันสุขภาพนั้นจะต้องเป็นบริการที่บริหารจัดการโดยรัฐบาลดังเดิม

ก่อนหน้านี้รัฐบาลของ นายโยชิฮิโกะ โนดะ ได้จัดตั้งคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยนักการเมืองที่เป็นแกนนำพรรคคนสำคัญ คนในคณะรัฐบาลร่วมกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ระดับสูงทำหน้าที่พิจารณาศึกษาเหตุผลที่ญี่ปุ่นสมควรเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนใน TPP พร้อมๆ กับการกลั่นกรองจัดทำข้อเสนอในนามของรัฐบาลญี่ปุ่นด้วยความระมัดระวัง

มีการพิจารณาถกเถียงกันอย่างยืดยาวจนถึงนาทีสุดท้ายจึงมีการประกาศอย่างเป็นทางการถึงการตัดสินใจด้วยถ้อยคำที่สั้น ง่ายต่อการเข้าใจและตรงไปตรงมาเพื่อหลีกเลี่ยงการตีความที่ผิดพลาดหนึ่งวันก่อนวันออกเดินทางสู่เมืองฮอนโนลูลูมลรัฐฮาวายประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าร่วมประชุมกับสมาชิก 21 ชาติในกลุ่ม APEC ระหว่างวันที่ 12-13 พฤศจิกายนของ นายโยชิฮิโกะ โนดะ พร้อมกับข้อเสนอการเข้าเป็นหุ้นส่วนของ TPP ต่อสมาชิกทั้ง 9 ชาติซึ่งล้วนเป็นสมาชิกของกลุ่ม APEC ด้วยเช่นกัน

โดยฝ่ายญี่ปุ่นบอกว่าเป็นเพียงข้อเสนอขอเข้าร่วมมิใช่การตกลงเข้าร่วมซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีการเจรจากับแต่ละประเทศในกลุ่มเพื่อให้บรรลุข้อตกลงที่ชัดเจนเสียก่อน


ในการพบปะเจรจาเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐอเมริกา นอกจากจะมีการยื่นข้อเสนอแสดงเจตจำนงจะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วน TPP แล้ว นายกรัฐมนตรี โยชิฮิโกะ โนดะ ยังได้ระบุถึงความชัดเจนเรื่องการโยกย้ายฐานทัพสหรัฐบนเกาะโอกินาวาว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะพยายามหาข้อยุติเรื่องสิ่งแวดล้อมกันประชาคมชาวโอกินาวาให้ได้ภายในสิ้นปีนี้

พร้อมกันนี้ยังพูดถึงความร่วมมือกับจีนกับเกาหลีใต้ผู้เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่มิได้เป็นหุ้นส่วนสมาชิกของ TPP ด้วยเช่นกัน

สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นหัวหอกของการก่อตั้ง TPP ที่มีหลักการสำคัญในการเปิดเสรีทางการค้าและบริการและยกเลิกการเรียกเก็บอากรศุลกากรสำหรับสินค้าทุกประเภทในกลุ่มประเทศสมาชิกกำลังพยายามผลักดันให้บรรดาประเทศสมาชิกหาข้อยุติในการเจรจาภายในปี 2012

ในขณะที่ภาคธุรกิจของสหรัฐอเมริกาซึ่งจะได้รับผลประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้าในภูมิภาคแปซิฟิกได้เร่งรัดให้รัฐบาลวอชิงตันเร่งผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงให้ได้ภายในกลางปี 2012 ญี่ปุ่นซึ่งเคยเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดได้จำกัดการนำเข้าสินค้าเนื้อวัวจากสหรัฐอเมริกาด้วยกฎระเบียบอย่างเข้มงวดตั้งแต่ปี 2003 จากสาเหตุการแพร่ระบาดของโรควัวบ้า ญี่ปุ่นยังมีการปกป้องเกษตรกรภายในประเทศโดยเฉพาะชาวนาด้วยการเรียกเก็บอากรขาเข้าสำหรับสินค้าข้าวสูงถึง 778%

หลังการพบปะหารือระหว่างสองผู้นำ ทำเนียบขาวได้ออกข่าวว่าทางฝ่ายญี่ปุ่นพร้อมจะเปิดเสรีสำหรับสินค้าและบริการทุกประเภทให้เป็นไปตามหลักการของ TPP

ในขณะที่ทางฝ่ายญี่ปุ่นระบุว่าข้อเสนอนั้นเป็นเพียงการเตรียมตัวในขั้นต้น ส่วนข้อตกลงทั้งหลายทั้งปวงจะมีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อญี่ปุ่นได้เจรจากับแต่ละประเทศสมาชิกในกลุ่มแล้วเท่านั้น



การเปิดเสรีทางการค้าถือเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนสำหรับการเมืองของประเทศญี่ปุ่นที่มีการตั้งกำแพงภาษีที่สูงลิบลิ่วร่วมกับกฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อปกป้องสินค้าและบริการที่ผลิตภายในประเทศ

แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัตน์ร่วมกับภาวะถดถอยของประชากรภายในประเทศทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องยอมปรับเปลี่ยนเปิดเสรีทางการค้ามากขึ้น

"เป็นโอกาสสุดท้ายที่ญี่ปุ่นจะกลับคืนชีพทางเศรษฐกิจ" และ "เป็นความจำเป็นเพื่อเปิดทางให้ประเทศเข้าสู่ความมั่งคั่งและมั่นคงทางเศรษฐกิจอีกครั้ง" คือเหตุผลของฝ่ายสนับสนุนที่บอกว่า TPP มีกรอบข้อตกลงที่ครอบคลุมสินค้าและบริการที่กว้างขวางกว่าข้อตกการค้าเสรีอื่นๆ เช่น มีการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งเป็นรายการสินค้าที่ถูกละเมิดมากที่สุดสำหรับผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นทั้งสินค้าวัฒนธรรมร่วมสมัย อานิเมะ เกมส์ เครื่องเล่น ฯลฯ

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังตั้งเป้าที่จะร่วมมือกันออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในการต่อต้านการผูกขาดกำหนดราคาสินค้ายาและเวชภัณฑ์ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

พร้อมๆ กันนี้ก็มีเสียงคัดค้านที่ว่าการเปิดเสรีทางการค้าจะทำให้กระทบกับสินค้าที่ผลิตภายในประเทศหลายรายการ เช่น ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะผลิตผลทางการเกษตรซึ่งอาจจะทำให้รายได้ของภาคการเกษตรภายในประเทศลดลงถึง 25% รวมทั้งการบริการอื่นๆ เช่น การจ้างงานและการประกันสุขภาพ

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี โยชิฮิโกะ โนดะ ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภาถึงข้อเสนอเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วน TPP ของประเทศญี่ปุ่นว่าเป็นเพียงการเตรียมตัวเข้าสู่การเจรจาและรัฐบาลของเขาจะทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและการดำรงชีวิตของประชาชน

และการเข้าเป็นหุ้นส่วนใน TPP จะทำให้ญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในฐานะตัวเชื่อมระหว่างกลุ่มสมาชิก TPP กับกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกคือจีนและเกาหลีใต้


ก่อนหน้านี้ไม่นาน จีนซึ่งเกรงว่าอาจจะต้องตกขบวนในเที่ยวนี้เมื่อเห็นว่าประเทศญี่ปุ่นแสดงเจตนาจะร่วมเป็นหุ้นส่วนใน TPP ได้เร่งเจรจาความร่วมมือไตรภาคีกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้โดยกำหนดให้มีการบรรลุข้อตกลงกันโดยเร็วที่สุดภายในสิ้นปีนี้

จากการสำรวจความเห็นของประชาชนชาวญี่ปุ่นโดยสื่อหลายแขนงปรากฏว่า มีผู้ให้การสนับสนุนและคัดค้านการเข้าร่วม TPP ของญี่ปุ่นในจำนวนที่ใกล้เคียงกันฝ่ายละประมาณ 50%

โดยภาคธุรกิจและสื่อส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับการตัดสินใจของรัฐบาลญี่ปุ่นในครั้งนี้

แม้จะต้องเสียเลือดเนื้อบางส่วนเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ก็คงต้องยอมกันบ้างแล้วคราวนี้



++

ป้องกัน รับมือ เยียวยา แล้วก็ฟื้นฟู
โดย นกุล ว่องฐิติกุล คอลัมน์ จากญี่ปุ่น
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1631 หน้า 42


เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทยหรือที่เราตั้งชื่อให้แล้วว่าเป็น "มหาอุทกภัย" บ้าง "สึนามิน้ำจืด" บ้าง ซึ่งเข้าโจมตีภาคกลางของประเทศไทยมาตั้งแต่เดือนกันยายนและได้แผ่ขยายลุกลามลงมาถึงตอนเหนือของกรุงเทพฯ ในช่วงเดือนตุลาคมสร้างความสูญเสียทั้งแก่ชีวิต ทรัพย์สินแก่ประชาชนไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านครัวเรือน

ยังไม่นับรวมความสูญเสียทางธุรกิจ ความเชื่อมั่นและความบั่นทอนของสภาพจิตใจซึ่งยากที่จะประเมินค่าความเสียหายได้

ในการติดตามทีมข่าวและช่างภาพโทรทัศน์จากประเทศญี่ปุ่นออกไปทำงานในพื้นที่น้ำท่วมในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้คนที่เกี่ยวข้องหรือได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้มากหน้าหลายตาตั้งแต่ชาวบ้าน แม่ค้า ม็อบทั้งฝ่ายที่ต้องการให้เปิดและต้องการให้ปิดบานประตูกั้นน้ำ นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ ทหารตำรวจและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วยความเหนื่อยยากเสียสละฯลฯ

ได้เห็นชุมชน หมู่บ้านจัดสรรที่รวมตัวช่วยกันป้องกันตนเองอย่างเหนียวแน่น

ได้เห็นมนุษย์เงินเดือนที่ยังคงต้องเดินลุยน้ำท่วมสูงระยะทาง 2 กิโลเมตรออกมาที่ถนนใหญ่เพื่อไปทำงานทุกเช้า-เย็น

ได้เห็นคนขับรถบรรทุกที่ตะโกนเชิญชวนให้ผู้คนที่กำลังเดินลุยน้ำอาศัยขึ้นรถเข้าไปในเขตน้ำท่วมด้วยใจอารี

ได้เห็นคนมีสตางค์ (บางคน) ที่ขับรถโฟร์วีลยกสูงวิ่งผ่านหน้าผู้คนที่กำลังเดินลุยน้ำไปด้วยสีหน้าภาคภูมิหยิ่งผยองมิได้สนใจว่ารถที่วิ่งด้วยกำลังสูงจะทำให้คนที่กำลังเดินอยู่ในน้ำต้องเสียหลักซวนเซและแรงกระแทกของน้ำจะสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนที่อยู่สองข้างทางแต่อย่างไร

และก็ได้เห็นความเป็นมิตรและความแบ่งปันของผู้คนที่ได้กลายเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขในท่ามกลางมวลน้ำที่รุมล้อมอยู่รอบๆ ตัว


หลายคนที่ถูกสัมภาษณ์อดไม่ได้ที่จะโยงเหตุการณ์น้ำท่วมในบ้านเรากับสึนามิที่เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมหรือเมื่อแปดเดือนที่แล้ว

มีการเปรียบเทียบในแง่ของความรุนแรง ความเสียหายตลอดจนการดูแลช่วยเหลือจากทางการ

และเรื่องที่เกือบทุกคนไม่เว้นที่จะต้องกล่าวถึงก็คือ ความมีวินัย ความเสียสละแบ่งปันและการรับมือกับภัยพิบัติอย่างมีสติและสงบของชาวญี่ปุ่น

บางคนถึงกับตั้งความหวังว่าชาวไทยน่าจะปฏิบัติตนเยี่ยงเดียวกันในยามที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติเช่นนี้

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตที่เสี่ยงกับภัยธรรมชาติทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุไต้ฝุ่น และสึนามิ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการเตรียมพร้อมในการป้องกันและรับมือกับพิบัติภัยทางธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นต้องจัดให้มีการซักซ้อมการรับมือกับภัยธรรมชาติอยู่เป็นประจำ

เด็กนักเรียนญี่ปุ่นจะต้องเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับภัยธรรมชาติและการปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น

แม้ว่าภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่และสึนามิทางภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนผู้ประสบภัยไม่มีโอกาสได้เตรียมตัวหรือป้องกันจนทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล

แต่ผู้คนที่รอดชีวิตมาได้ก็มีความพร้อมในการรับมือและเผชิญหน้ากับพิบัติภัยอย่างเข้มแข็งอดทนผ่านพ้นช่วงวิกฤติเข้าสู่กระบวนการของการเยียวยา

จนถึงวันนี้ก็นับได้แปดเดือนเศษๆ การฟื้นฟูจึงเริ่มปรากฏออกมาเป็นรูปธรรมในภาคโตโฮคุอันเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติครั้งนั้น



ธุรกิจ ร้านค้าและโรงงานเริ่มเปิดกิจการ เกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตที่เริ่มปลูกไว้ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาส่งออกขายสู่ตลาด

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมาโรงงานของ Taiheiyo Cement Corp. ในเมืองโอฟุนาโตะของจังหวัดอิวาเตะเริ่มเดินเครื่องผลิตซีเมนต์อันเป็นปัจจัยหลักของวัสดุก่อสร้างสำหรับการฟื้นฟูเป็นครั้งแรกหลังต้องปิดซ่อมแซมความเสียหายจากภัยสึนามิไปนานกว่าครึ่งปี

ส่วนผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ของญี่ปุ่น Kirin Brewery Co. ได้เริ่มจัดส่งเบียร์ล็อตแรกที่ผลิตจากโรงงานในเมืองเซ็นไดจังหวัดมิยากิออกสู่ตลาดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมาโดยระบุว่าเบียร์ล็อตนี้เป็นผลผลิตจากภาคโตโฮคุทั้งหมดเพราะวัตถุดิบคือฮ็อบซ์นั้นก็เป็นผลผลิตของฤดูร้อนในปีนี้จากเมืองโตโนะของจังหวัดอิวาเตะในภูมิภาคเดียวกัน

ประเมินกันว่าบรรดาโรงงานและอุตสาหกรรมใน 6 จังหวัดของภาคโตโฮคุที่ถูกทำลายโดยสึนามินั้นจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูยาวนาน 5-10 ปีกว่าจะสามารถกลับคืนสู่สภาพดังเดิมได้

ประชาชนชาวบ้านก็ได้เริ่มขออนุญาตปลูกสร้างบ้านใหม่เพื่อทดแทนบ้านที่ถูกทำลายต่อทางราชการกันแล้ว

พร้อมๆ กับที่การฟื้นฟูทางประเทศญี่ปุ่นกำลังดำเนินไปอย่างเต็มรูปแบบ ผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้ทำให้ทางฝ่ายญี่ปุ่นต้องเตรียมตัวรับมืออีกครั้ง

ความตื่นตระหนกทำให้ชาวญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ในประเทศไทยที่มีทั้งสิ้นประมาณ 47,000 คน ส่วนหนึ่งโดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กต้องอพยพหนีภัยกลับสู่ประเทศญี่ปุ่น นักเรียนจำนวนกว่า 2,000 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 2,588 คน ในโรงเรียนสมาคมไทย-ญี่ปุ่นย่านลาดพร้าวในกรุงเทพฯ ที่ต้องหยุดการเรียนการสอนมาตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม ตามคำสั่งของกระทรวงศึกษาธิการได้เดินทางกลับสู่ประเทศญี่ปุ่นเป็นการชั่วคราว

และทางกระทรวงศึกษาฯ ของญี่ปุ่นต้องขอให้โรงเรียนระดับประถมและมัธยมในท้องถิ่นเปิดรับนักเรียนอพยพเหล่านี้ให้เข้าเรียนเป็นกรณีพิเศษด้วยแล้ว

โดยทางฝ่ายโรงเรียนในประเทศไทยจะเปิดให้มีการเรียนด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ของโรงเรียนและวางแผนจะเปิดการสอนเสริมในวันเสาร์เมื่อโรงเรียนเปิดสอนได้อีกครั้ง


นอกจากผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจและอุตสาหรรมของนักลงทุนจากญี่ปุ่นในประเทศไทยโดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและกล้องถ่ายรูปแล้ว ธุรกิจอื่นๆ อย่างอาหารและค้าปลีกในประเทศญี่ปุ่นก็ยังพลอยต้องได้รับผลกระทบไปด้วย

เป็นต้นว่า การขาดแคลนวัตถุดิบ เช่น เนื้อไก่แช่แข็งของร้านอาหาร

ร้านแว่นตาไม่สามารถรับใบสั่งซื้อจากลูกค้าเนื่องโรงงานของผู้ผลิตเลนส์รายใหญ่คือ Hoya Corp. ในประเทศไทยถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด

ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในญี่ปุ่นต้องประสบกับภาวการณ์ขาดแคลนอุปกรณ์โดยเฉพาะ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ที่นอกจากจะหาซื้อได้ยากแล้วยังมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอีกสองเท่าตัว

บรรดาผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป ฯลฯ ที่กำลังมีแผนเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่เพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ในช่วงนี้ต้องพากับระงับแผนการตลาดไปเสียสิ้น

เขียนต้นฉบับนี้ไปพร้อมๆ กับรอลุ้นเส้นทางของน้ำที่กำลังผุดขึ้นตามท่อระบายน้ำย่านสุทธิสารห่างจากบ้านไปไม่ถึง 2 กิโลเมตรดี ผู้เขียนซึ่งอยู่ในภาวะเตรียมตัว "ป้องกัน" มาแล้วเกือบเดือนอาจจะกำลังเข้าสู่ภาวะ "รับมือ" ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ก็ได้แต่หวังว่าคงไม่ต้องถึงขั้นต้อง "เยียวยา" หรือ "ฟื้นฟู" กันเลยนะ เจ้าประคู้น!.



* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ** * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
www.youtube.com/watch?v=jaPv9lOij8s
Japan Tsunami 2011 with Kitaro (Original HD) fortunaTV




.