http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2557-06-18

ไม่ชูสามนิ้วต่อต้าน แต่ชาวบ้านเรียกร้องเรื่องใหญ่ เรื่องยาก โดย มุกดา สุวรรณชาติ

.

ไม่ชูสามนิ้วต่อต้าน แต่ชาวบ้านเรียกร้องเรื่องใหญ่ เรื่องยาก
โดย มุกดา สุวรรณชาติ คอลัมน์ หลักศิลา กลางน้ำเชี่ยว
ใน www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1403032697
. . วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 08:00:00 น.
( ที่มา: มติชนสุดสัปดาห์ ประจำ13-19 มิ.ย.57 ปี34 ฉ.1765 หน้า 20 )


ใครก็ตามเมื่อกระโดดเข้ามารับเป็นรัฏฐาธิปัตย์ จะมีอำนาจเต็มแต่ก็ต้องมีหน้าที่ควบคู่กันไป คนต่อต้านไม่ว่าจะชูสามนิ้วหรือกี่นิ้วก็ตาม ปรากฏตัวไม่นานก็จากไป ดูแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่โต

แต่เรื่องใหญ่ คือทุกข์ของชาวบ้านทั่วไป

พวกเขาจะมีข้อเรียกร้อง ต้องการให้ผู้มีอำนาจแก้ไขเรื่องใหญ่ ถ้าไม่สำเร็จ เขาจะเรียกร้องไปเรื่อยๆ

เมื่อไปสัญญากับประชาชนว่าจะคืนความสุขให้ประเทศไทย ขอให้รอหน่อย ก็จะต้องสนใจข้อเรียกร้องใหญ่ของประชาชน

ซึ่งน่าจะแบ่งได้สามด้าน




เรื่องแรก
ให้ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน


ปัญหาปากท้อง ความอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นของคนทุกกลุ่มทุกอาชีพเป็นเรื่องปกติ แต่มิใช่เรื่องที่ทำให้สำเร็จได้ง่าย เพราะพวกเขาส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่มีรายได้น้อย

ปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ไม่ใช่แก้ไขได้ง่ายๆ เช่น

ปัญหาชาวนา ...รัฐต้องตัดสินใจในเชิงนโยบายว่า จะรับจำนำข้าวต่อไปหรือไม่?

หลักการจะช่วยเหลือชาวนาจนไม่เกิน 10 ไร่ หรืออุดหนุนทั้งหมด จะส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตต่อไร่อย่างไร? ซึ่งจะมีผลไปกำหนดวิธีรับจำนำว่า หนึ่งปีควรจะให้ครั้งเดียวหรือไม่ ครอบครัวละไม่เกินเท่าไร (ไม่รับทุกเม็ด) ราคารับจำนำควรเป็นเท่าไร

ถ้าทำแบบนี้จะมีข้าวเหลือตกไปถึงมือพ่อค้าแน่นอน พ่อค้าอาจชอบใจ แต่ก็จะกดราคาข้าวให้ต่ำลง


ถ้าไม่มีโครงการรับจำนำข้าว ชาวนาก็จะลดการปลูกข้าวลงเพราะทำแล้วขาดทุน ชาวนาจะเปลี่ยนอาชีพไปทำอะไร

พื้นที่ทำนาจะถูกแปรเปลี่ยนไปทำอะไร ตกเป็นของใคร

ถ้าชาวนาจำนวนมากไม่มีเงิน จะช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจให้พวกเขาอย่างไร

ตามข่าวล่าสุดชาวนาขอจำนำ ข้าวตันละ 12,000 ส่วนข้าวหอมมะลิ ขอตันละ 16,000

ปัญหาชาวสวนยางพารา ...ปัจจุบันนี้พื้นที่ปลูกยางพาราทั่วทั้งอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างมากมายโดยเฉพาะกัมพูชา พม่า ลาว ส่วนมาเลเซียและอินโดนีเซียปลูกเยอะอยู่แล้ว ปัจจุบันแม้แต่ในจีนตอนใต้ก็มีคนปลูกยาง

ราคายางพาราในวันนี้และในอนาคตคงไม่สูงขึ้นไปง่ายๆ รัฐบาลจะต้องกำหนดนโยบายว่าจะสนับสนุนการปลูกยางพาราให้เป็นสินค้าส่งออกต่อไปหรือไม่ เพราะยางพาราไม่ใช่พืชเกษตรที่กินได้

ในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อนมีการตั้งองค์กรเพื่อสนับสนุนการปลูกยางเป็นสินค้าส่งออกเพราะนำเงินให้ประเทศอย่างมากมาย

แต่ในอนาคตค่าใช้จ่ายในการผลิตยางพาราสูงขึ้นมาก ในขณะที่ราคาในตลาดโลกตกต่ำลงจะกลายเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า รัฐจะต้องตัดสินใจเชิงนโยบายต่อสินค้ายางพารา เพราะราคาพืชผลเกษตรไม่แน่นอน

ยางราคาขึ้นคนก็เฮ ราคาตกก็ร้องโวยวาย

ถึงวันนี้ชาวบ้านหลายแห่งโค่นต้นยางออกเปลี่ยนมาปลูกทุเรียน บางคนก็ยืนยันจะเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนและยังหวังว่ายางพาราราคาจะสูงขึ้นซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ยากมาก

เรื่องนี้จะช่วยเหลือชาวสวนยางอย่างไร พื้นที่ปลูกยางที่บุกรุกทำลายป่า จะช่วยหรือไม่

ที่ยกมาเป็นเพียงแค่พืชเกษตรสองตัวอย่าง แต่สำหรับชาวบ้านแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นชีวิตของพวกเขาเพื่อครอบครัว เพื่อลูก หลายคนทุ่มเทลงไปในเส้นทางที่ตัวเองถนัด เส้นทางที่สืบทอดต่อมาจากบรรพบุรุษ เพราะสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือเป็นเกษตรกร

แต่ปัญหาไม่ใช่มีแค่ชาวนาและชาวสวนยาง ยังมีสวนผลไม้ พืชไร่อีกหลายสิบชนิด ไม่ว่าจะเป็นมันสำปะหลัง อ้อย ถั่ว พริก หอมกระเทียม ถ้ารัฐจะช่วยทุกคนเพื่อให้ขายพืชผลให้ได้ราคาดีจะช่วยด้วยวิธีใด

ถ้าช่วยแล้วรัฐต้องขาดทุนจะยอมรับได้หรือไม่

การจ่ายเงินค่าข้าวให้ชาวนาวันนี้พอแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปได้ แต่การจะพยุงราคาสินค้าเกษตรทุกชนิด ในอนาคตจะเป็นเรื่องยากมาก ถ้าบอกว่าเป็นประชานิยมจะทำต่อหรือไม่ ต้องตัดสินใจ


นโยบายพลังงาน... ทุกวันนี้รัฐก็ต้องช่วยทั้งคนรวยคนจนอยู่แล้วเช่นการพยุงราคาก๊าซ พยุงราคาน้ำมัน แต่ทุกคนปิดปากเงียบไม่มีใครค้านเพราะต่างก็ได้ประโยชน์ ไม่มีใครโวยวายว่าเป็นเรื่องประชานิยม

ที่จริงการปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตลาดเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด คือรัฐไม่ต้องช่วยอะไรเลย แต่วิธีนี้บางคนก็บอกว่าเป็นการปัดปัญหาทิ้งเพราะถ้าทำอย่างนั้นก็ไม่ต้องมีรัฐบาลและถ้าคนเดือดร้อนมากปัญหาใหม่จะเกิดขึ้นและใหญ่กว่าเก่า

ถ้าอย่างนั้นจะยังมีกองทุนน้ำมันหรือไม่?

นี่ยังไม่นับความเดือดร้อนของกลุ่มอาชีพอื่น เช่น การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้กำลังเตรียมตั้งรับ นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ต้องทำ เช่นรถไฟทางคู่ ที่จะช่วยด้านการขนส่งคมนาคมได้มาก ควรรีบทำ โครงการน้ำ ซึ่งอาจพบการต่อต้านจากเจ้าของนา เจ้าของสวน กล้าจ่ายเงินเวนคืนราคาสูงหรือไม่

การป้องกันการทุจริตจะทำอย่างไร ในทุกโครงการ แค่มองผ่านๆ ปัญหายังเยอะขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงเวลาลงมือทำจริง



เรื่องที่สอง
การแก้ปัญหาความยุติธรรม


ชาวบ้านคิดว่า ความปรองดอง ความสงบสันติ จะยั่งยืนต้องอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม แต่ความยุติธรรมในขณะนี้กลับสร้างขึ้นมาได้ไม่ง่ายนัก ถ้าดูจากความขัดแย้งตลอดแปดปีที่ผ่านมา จะต้องมีการรื้อของเก่าบางส่วน ปรับปรุงบางส่วนและสร้างใหม่บางส่วน

1.ด้านกฎหมาย ตั้งแต่รัฐธรรมนูญจนถึงกฎหมายลูก กฎหมายประกอบต่างๆ วันนี้ธรรมนูญการปกครองชั่วคราวก็ยังไม่เห็น รัฐธรรมนูญถาวรถ้ามีการร่างใหม่ก็ต้องตั้งกรรมการซึ่งมาจากหลายฝ่ายและจะต้องให้ประชาชนยอมรับโดยผ่านการลงประชามติ แต่ถ้าจะปฏิรูปตามที่เรียกร้องกัน ก็ต้องให้ประชาชนทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ต้องใช้เวลา ถ้าทำมาแล้วสร้างปัญหาแบบฉบับ 2550 ปัญหาก็ไม่จบสิ้น

2.ด้านองค์กรในกระบวนยุติธรรม ทั้งอิสระและไม่อิสระ จะต้องให้เป็นที่ยอมรับทั้งที่มาและวิธีเลือกตัวบุคคล ระเบียบวิธีทำงาน ขอบเขตของอำนาจ การตรวจสอบ การปลด การลงโทษ บุคลากรที่มีอำนาจทุกคนทุกชั้นจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด สามารถเปลี่ยนแปลงและปลดออกได้ตลอดเวลา

นี่เป็นโอกาสดีที่สุดในช่วงแปดปีที่จะทำการปรับปรุงทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม

ในสภาพปัจจุบันอาจมีคนบางกลุ่มเรียกร้องให้ยุบองค์กรเหล่านี้จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนเป็นแสนๆ

แต่การมีองค์กรเหล่านี้ก็ยังเป็นเรื่องจำเป็น ถ้าจะยุบองค์กรเดิมก็ต้องคิดวิธีจัดตั้งองค์กรขึ้นมาทดแทน เช่น มาจากการคัดเลือกของสภาที่จะตั้งขึ้นมาใหม่ หรือวิธีการอื่น แต่ต้องให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน เพราะถ้าไม่เป็นที่ยอมรับ ความขัดแย้งก็จะปะทุขึ้นมาอีก

วันนี้คนส่วนใหญ่ยังให้โอกาส และรอคอย เพราะคิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น สร้างความยุติธรรมได้มากกว่าเดิม

แม้มีคนบางส่วนค้านว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะในสถานการณ์แบบนี้ไม่มีระบบตรวจสอบ แต่การให้โอกาสนี้จะถูกพิสูจน์ในเวลาไม่นานนี้ การจับมือสาบาน หรือจัดกิจกรรมร่วมกัน เป็นรูปแบบที่สร้างภาพทางจิตวิทยาได้ แต่ความยุติธรรมจากตัวกฎหมาย และจากองค์กรที่ปฏิบัติ จะทำให้คนเชื่อถือมากกว่า

ชาวบ้านกำลังจับตาดูในทุกตำแหน่งที่จะมีการตั้งขึ้นมาทั้งสภา ทั้งรัฐบาล ว่าจะมีการตั้งคนที่จะมีส่วนสร้างความขัดแย้งมามีอำนาจอีกหรือไม่? ไม่ว่าจะเป็น เสื้อแดง เสื้อเหลือง กปปส. เพื่อไทย ปชป. ถ้าดูแล้วไม่ชอบมาพากล คงเกิดปัญหาตามมาแน่นอน



เรื่องที่สาม
สิทธิเสรีภาพของประชาชน


ความหมายของสิทธิเสรีภาพในปัจจุบันไม่ใช่แค่สิทธิทางการเมือง หรือการไปเลือกตั้งเท่านั้นในโลกสมัยใหม่ที่ระบบสื่อสารทันสมัยสามารถส่งสัญญาณภาพ สัญญาณเสียงไปทั่วโลกในพริบตา ผู้คนจะเรียกร้องหาเสรีภาพทุกรูปแบบโดยไม่จำกัดเวลา เพียงแค่ระบบสื่อสารบางด้านหรือบางกลุ่มถูกบล็อกถูกปิดก็จะมีคนโวยวาย

ดังนั้น เรื่องสิทธิเสรีภาพจึงกลายเป็นปัญหาเฉพาะหน้า แม้คนที่อยากจะควบคุมต้องจัดการให้เหมาะสมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย การมีคนค้านการรัฐประหารเป็นเรื่องปกติ เพราะความคิดคนไม่เหมือนกันการเห็นด้วย หรือต่อต้าน ก็มีระดับ และรูปแบบก็หนักเบาต่างกัน ความเห็นของชาวบ้านในเรื่องสิทธิเสรีภาพ มีหลายเรื่อง...

เรื่องการควบคุมการต่อต้าน ไม่ควรทำแบบขี่ช้างจับตั๊กแตน คนประท้วงไม่กี่คน แต่ใช้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร หลายกองร้อย การปิดพื้นที่กระทบการค้าและจราจร ทางการเมืองก็กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ใครๆ ก็มองเห็นช้างก่อน และก็มองเห็นตั๊กแตน

เรื่องการเคอร์ฟิว หวังว่าจะถูกยกเลิกเร็วๆ นี้ ในสถานการณ์วันนี้ได้ไม่คุ้มเสีย เรื่องความมั่นคง คสช. มีเต็มร้อยอยู่แล้ว แต่เคอร์ฟิวช่วงนี้ไปส่งผลลบต่อเศรษฐกิจ และการเมืองมากกว่า

เรื่องการควบคุมสื่อ น่าจะทบทวนให้ละเอียด บางสื่อไม่ใช่สถานีการเมือง ใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่ทำงานไม่ได้ ควรใช้การควบคุมเนื้อหา รายการ ก็น่าจะทำได้

ทุกวันนี้คนทำข่าว หรือเขียนการเมือง ก็พอรู้ว่าต้องทำอย่างไร จึงจะทำให้ประชาชนได้รับรู้สถานการณ์


ส่วนสิทธิการเมืองเรื่องการเลือกตั้ง ไม่มีใครคิดว่าจะได้เลือกในเดือนสองเดือนนี้อยู่แล้ว แต่การบริหารงานแบบมีคณะรัฐบาล ย่อมให้ความมั่นในใจต่อผู้ลงทุน และนานาชาติมากกว่า ตอนนี้ งานมากเวลาน้อย จะมามัวทำเรื่องเล็กน้อยได้อย่างไร แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาทำเรื่องใหญ่

จากวันนี้ไป ต้องมีคนเก่ง คนดี มาพิสูจน์ฝีมือ ในสภาพที่มีอำนาจเต็ม เพียงต้องระวังอย่าให้สะดุดก้อนหิน หรือคนข้างๆ มาเตะตัดขาให้หกล้ม กระแสชื่นชมจะขึ้นสูง ไม่เกิน 1 เดือน จากนั้นต้องวัดที่ผลงาน

ตามทฤษฎีของอำนาจ อำนาจยิ่งรวมศูนย์ฐานจะแคบ ถ้ามีอะไรมากระทบจะล้มง่าย การกระจายฐานออกไปสู่ประชาชนจะมั่นคงกว่า




.