http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2556-01-22

เกรียนไม่เกรียน ยังคงเป็นประเด็น โดย จอห์น วิญญู

.

เกรียนไม่เกรียน ยังคงเป็นประเด็น
โดย จอห์น วิญญู spokedark.tv www.facebook.com/spokedarktv
( ในมติชน ออนไลน์  วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 08:45:00 น.
ที่มา มติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2556 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1692 หน้า 86  www.facebook.com/matichonweekly
. . ภาพประกอบในเพจนี้ ผู้เขียนและมติชนฯมิได้เกี่ยวข้อง-จัดวาง )



ยังคงเป็นประเด็นอยู่ครับ ในวาระสั่นสะเทือนความมั่นคงระดับชาติ 
คือการที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการให้ยกเลิกกฎบังคับนักเรียนชายให้ตัดผมเกรียน
และนักเรียนหญิงสามารถเลือกที่จะไว้ผมยาวหรือผมสั้นก็ได้---


เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีสถานีวิทยุโทร.มาถามความเห็นของผมอยู่
สังคมออนไลน์ก็ยังคงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อยู่อย่างฟ่างฝาง 
รายการทอล์กทางโทรทัศน์ก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมาคุยกันแบบเอิกเกริก



ความน่าสนใจมันอยู่ที่ระดับความรู้สึก"ไม่ปลอดภัย"ของคนที่พ้นวัยเกรียนไปแล้วจำนวนมากที่แสดงออกมาผ่านการประชดประชันการแสดงความ"เป็นห่วง"หรือบางทีไปไกลถึงขนาดข่มขู่กันแบบ"ลอยๆ"เลยทีเดียว ว่านี่แหละ คือจุดเริ่มต้นของจุดจบของความดีงามในสังคมไทย
ว่าไปนั่น


โทษนะครับพี่ครับ---เค้าแค่อนุญาตให้เด็กไว้ผม"รองทรง"ได้เท่านั้นเองแค่ไม่ต้องไถเกรียนสามด้านข้างหน้า5เซนติเมตรเท่านั้น กรุงโรมของพี่จะถล่มทลายเลยเชียว เล่นใหญ่อีกแระ

สังคมเรายังเหมือนเดิมอยู่นั่นแหละครับไม่ต้องตกใจน้า แต่ช้าแต่---เรายังเป็นสังคมที่รัฐ "ยังคง" ยืนยันที่จะยื่นจมูกเข้ามากำหนดว่าเด็กชายเด็กหญิงวัยรุ่นในโรงเรียนจะไว้ผมทรงไหนได้บ้างน่ะ ยังอยู่จ้า เค้ายังอยู่ 

การเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังในแนวที่จะเรียกได้ว่า "สะเทือน" พื้นฐานของสังคมสุดเพอร์เฟ็กต์ของท่านได้นั้น กระทรวงศึกษาธิการจะต้องออกมาบอกว่า "เฮ้ย --- หัวกบาลใครหัวกบาลมันว่ะ เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หัวของเอ็ง ข้าไม่เกี่ยว" นั่นแหละ กลุ่มผู้อนุรักษ์ความ "เหมือนเดิม" ถึงควรออกมาร้องแรกนะครับ

นี่แค่ออก "อนุญาต" ให้เด็กมันไว้ผมได้ยาวขึ้นอีกนิดหน่อย 
ยังคงยึดมั่นถือมั่นกับอำนาจที่จะ "อนุญาต" ได้เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่เป็นหัวกบาลของมัน มิได้หนักหัวกบาลของใครแต่อย่างใด

ไม่ต้องกังวลนะครับ หานมอุ่นๆ กินแล้วเข้านอนกอดตุ๊กตาหมีหลับให้สบาย เลิกหมกมุ่นนะตัวเธอว์!



จอห์น วิญญู ไม่ใช่คนประเภทได้คืบจะเอาศอกหรอกนะครับ ผมก็ดีใจกับน้องๆ ด้วย ที่ต่อไปนี้คุณจะได้มีอ็อพชั่นเพิ่มขึ้นในชีวิตบ้าง บางคนอาจจะสบายใจขึ้นที่ไม่ต้องเปลืองตังค์ตัดผมบ่อยๆ บางคนอาจจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้น บางคนอาจจะเลือกตัดผมเกรียนอย่างเดิมเพราะสบายหัว แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นทางเลือกของเราเอง

การที่เราได้รู้สึกว่าเรามีทางเลือกนั้นเป็นความรู้สึกที่สำคัญมากนะครับเพราะเมื่อเลือกแล้วก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เลือก ต้องอยู่กับมันให้ได้ โยนความผิดให้คนอื่นก็ลำบากเพราะเลือกเอง

ใจจริงของผมน่ะเชื่อว่าเมื่อยังอยู่ในวัยเรียนเด็กไม่ควรจะถูกบังคับในเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกอะไรเลยด้วยซ้ำ ในเมื่อวัยเรียนคือวัยแห่งการเรียนรู้ (แม้การเรียนรู้จะเกิดขึ้นต่อไปตลอดชีวิตก็ตาม เรียนรู้ให้ได้เยอะที่สุดตั้งแต่ตอนเรียนอยู่มันจะเป็นอะไรไป) ก็ควรจะได้เรียนรู้เรื่องการแต่งตัว แฟชั่น ภาพลักษณ์ และ กาลเทศะ ไปเลย จะไม่เป็นการเสียเวลานะครับ


ผมเห็นว่าช่วงเวลาแห่งการเป็นเด็ก หรือเป็นวัยรุ่นนั้นถ้าเด็กไทยได้ลองผิดลองถูกกับเรื่องการแต่งตัว ทำผม ไว้ผม และแฟชั่นเสีย เราจะมีผู้ใหญ่ที่แต่งตัวเก่ง แต่งตัวเป็น มีความสร้างสรรค์ และรู้จักกาลเทศะอย่างแท้จริงเพิ่มขึ้นอีกเยอะ นับเป็นคุณูปการต่อตลาดแรงงาน วงการแฟชั่น วงการบันเทิง และความสุขโดยรวมของประชากรเป็นอย่างยิ่ง  
จำนวนคนแต่งตัวผิดๆ แต่งตัวแย่ๆ แต่งตัวไม่เป็น แต่งตัวไม่ถูกกาลเทศะ ไม่รู้จักให้เกียรติสถานที่หรือคนอื่นจะลดลงจนน่าปลื้มใจมากทีเดียว

ไม่ใช่โตขึ้นมารู้จักแต่ว่าแต่งตัวดีต้องแบรนด์เนมไม่มีตังค์ก็ไปดิ้นรนหาของก๊อปปี้แต่งตัวอะไรก็แต่งตามๆกัน
เข้ากับสภาพอากาศหรือไม่ก็ไม่รู้เข้ากับรูปร่างและบุคลิกหรือไม่ก็ไม่รู้
ผู้ชายบางคนโตจนใกล้แก่ยังไม่เข้าใจคำว่า"สุภาพ" ไม่มีคอนเซ็ปต์เรื่องการให้เกียรติคนอื่นด้วยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เหมาะสม
พวกนี้คงเก็บกดมากกว่าคนอื่นเป็นพิเศษเห็นแล้วก็เศร้าใจ

เช่นเดียวกับการอนุญาตให้เด็กหญิงวัยแรกแย้มเริ่มรู้จักกับเครื่องสำอางและอุปกรณ์ดูแลความสวยความงามซะตั้งแต่เริ่มเป็นสาว 
ไม่ใช่ว่าห้ามกันแทบตายจนเข้ามหาวิทยาลัยได้เท่านั้นแหละโรงงิ้วแทบแตกไม่มีใครเลือกรองพื้นสีที่ถูกต้องกับสีผิวหน้าตัวเองได้ซักคนเดียว 
สยองอ่ะน้องเอ๊ย 
และนี่ไม่ใช่ความผิดของน้องด้วยซ้ำไป

ในสหรัฐอเมริกาเด็กหญิงมัธยมเป็นมนุษย์จำพวกที่แต่งหน้าเยอะที่สุดครับเพราะเพิ่งเริ่มรู้จักกับเครื่องสำอางก็ประโคมกันเข้าไปแบบไม่บันยะบันยังแถมแต่งตัวกันจัดมาก 
หลายคนโชว์เนื้อหนังกันอย่างเต็มที่ คืออีกนิดเดียวข้าน้อยก็หัวใจจะวายอยู่แล้วล่ะ แต่พอก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยหญิงสาวเหล่านั้นก็จะ"เบาลง" ครับ
ทั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจหรอกนะ แต่มันเหมือนได้ปล่อยผีไปเรียบร้อยแล้ว และได้ประสบกับความเข้าใจว่า ความพอดีสำหรับตัวเองนั้นมันเป็นอย่างไร ทำแค่ไหนจึงสวยพอดี แต่งตัวแค่ไหนถึงจะดูสวยแบบแพง ไม่ใช่สวยแบบถูกๆ หรือ สักแต่ว่าจะโชว์


คนเราต้องผิดพลาดมาก่อนครับ ถ้าไม่เคยทำผิดเลยแสดงว่ายังไม่เคยลองทำอะไรเลย

แล้วมันจะดีแค่ไหนถ้าได้เริ่มเรียนรู้เร็ว ไม่ใช่โดนเก็บดองไว้ให้เปลือกนอก "เป็นเด็ก" เพื่อสร้างความสบายใจให้กับผู้ใหญ่ให้นานที่สุดเพื่อที่จะมาปล่อยผีกันลับหลังหรือเมื่อถึงเวลาที่ผู้ใหญ่ "เห็นสมควร" เท่านั้น 
อย่าอยู่กันในความฝันมากนักเลยครับ 


เวลาพูดมากๆ ในความฝัน เค้าเรียกเพ้อ
เผลอตื่นเต้นมากไป จนลุกมาออกท่าออกทางทั้งๆ ที่หลับ เค้าก็เรียกละเมอ


จบนะครับ สวัสดีครับ



.
Admin ไม่สามารถเข้าถึงบทความประจำที่นำเสนอมาร่วม 2ปีเสียแล้ว จึงจะไม่ได้เสนอครบถ้วนเหมือนเคย ..ขออภัยผู้ติดตามทุกท่านด้วย