http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2556-01-12

กรงขังมโนธรรม โดย คำ ผกา

.

กรงขังมโนธรรม
โดย คำ ผกา
( ที่มา ในมติชน ออนไลน์  วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 23:00:00 น.
หัวเรื่อง - คำ ผกา เขียนถึงดราม่าของเหล่าคนดีในกรณี "เหนือเมฆ"
ผ่านบทความ "กรงขังมโนธรรม"
มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 11-17 มกราคม 2556
 www.facebook.com/matichonweekly ) 



"น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการ กสทช. ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ @supinya ระบุว่า ทางกฎหมาย กสทช. คงไม่อาจไปสั่งให้สถานีฉายหรือไม่ฉายละครเรื่องอะไร เพราะเป็นการตัดสินใจของสถานี แต่ถ้าถูกแทรกแซงทางการเมืองจริงก็ถือว่ากระทบเสรีภาพและเป็นเรื่องขาดวุฒิภาวะมาก ถ้าช่อง 3 ยอมให้แทรกแซงด้วยเหตุผลที่อ่อนแอก็เป็นปัญหาจริยธรรมและศักดิ์ศรีสื่อของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ส่วนตัวมองว่าสะท้อนวิกฤตศรัทธาต่อละครไทยในฟรีทีวีหนักขึ้น 
"ดิฉันจะเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุมบอร์ด กสทช. ในวันที่ 7 ม.ค.นี้แต่ไม่มั่นใจว่า กสทช. ท่านอื่นจะว่าอย่างไร เพราะอาจไม่ขัดข้อกฎหมาย ส่วนตัวคิดว่าเป็นปัญหาสิทธิเสรีภาพสื่อ อย่างไรก็ตาม แม้อาจไม่เข้าข้อกฎหมายตรง แต่เรื่องนี้ กสทช. แสดงท่าทีได้ โดยสำนักงาน กสทช. สามารถเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงในเวทีทวิภาคี หรือไตรภาคีได้"
น.ส.สุภิญญากล่าวว่า กสทช. "ควรเชิญตัวแทนช่อง 3 มาชี้แจงถึงเหตุผลในการปลดรายการกลางอากาศ เพราะกระทบคนรอดูปริมาณมาก" www.prachatai.com/journal/2013/01/44524


"อย่ากลัวที่จะทำดี อย่าอายที่จะทำดี" 
(สินจัย หงษ์ไทย) www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1357362913&grpid=01&catid=&subcatid=)


นายสมยศยืนยันว่าขณะนี้ถูกกักขังเพียงร่างกายเท่านั้น แต่จะไม่ยอมรับสารภาพโดยที่ไม่ผิด เพราะหากยอมรับสารภาพก็จะกับตกอยู่ในกรงขังมโนธรรมไปตลอดชีวิต รู้สึกขมขื่นใจและเจ็บปวด ที่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองจากกระบวนการยุติธรรมไทยที่ล้มเหลว ถึงตนต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในคุก แต่ก็พร้อมที่จะรักษาจุดยืนในการเรียกร้องเสรีภาพ ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงตายก็ยอม
www.prachatai.com/journal/2013/01/44508



มันน่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ที่ประเทศไทย ประเทศที่จากประสบการณ์ของฉันเป็นประเทศที่รังเกียจการเคารพในเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย (ซึ่งต่างจากการทำอะไรตามอำเภอใจ), มักแสดงอาการรังเกียจรังงอนแนวคิดว่าด้วยสิทธิมนุษยชนอย่างออกนอกหน้า (เช่น ยกย่องคนที่พูดว่า คนส่วนมากเรียกร้องสิทธิมนุษยชน คนมีปัญญาเรียกร้องหนทางพ้นทุกข์) แต่ฉับพลันทันทีเกิดจะรู้แจ้งรักในสิทธิเสรีภาพในการพูด คิด เขียน แสดงออกขึ้นมากะทันหันเมื่อมีการยกเลิกการออกอากาศละครเรื่องเหนือเมฆ

ผู้จัดละคร ผู้เขียนบท และคนที่เกี่ยวข้อง ต่างออกมาสื่อสารทางโซเชียลมีเดียเป็นนัยว่า "ละครเรื่องนี้ถูกแบนเนื่องจากมีเนื้อหาพาดพิงนักการเมือง จึงมีใบสั่งจาก "การเมือง" ให้ยกเลิกการออกอากาศตอนจบ" 
ผู้เขียนบทนั้นถึงกับบอกว่า "อิทธิฤทธิ์ของงานศิลปะของพวกเขาช่างทรงพลัง ถึงกับทำให้นักการเมืองชั่วอกสั่นขวัญแขวน"

พิโธ่ พิถังกะละมังแตก-คนเขียนบทท่านนั้นทำราวกับว่าประเทศตอแหล เอ๊ย ประเทศไทยนี้มีกฎห้ามด่านักการเมือง วันไหนใครหาญกล้าด่านักการเมืองโกงกิน คอร์รัปชั่น ชั่วช้าสามานย์ขึ้นมา คนที่ "กล้าหาญ" ออกมาด่าต้องกลายเป็นวีรบุรุษวีรสตรี


เพราะหากเป็นเช่นนั้น คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ไทยควรได้รางวัลโนเบลกันทุกคนเพราะด่านักการเมืองไฟแลบแสบตูดต่อเนื่องมาหลายทศวรรษแระ! (รวมทั้งตัวฉันด้วย)


หลังจากที่ผู้จัดละครและพวกออกมา "บอกใบ้" เช่นนั้นบรรดาสื่อมวลชนผู้รักในเสรีภาพของการทำข่าวเหนือสิ่งอื่นใดก็รีบกระโดดมางับ "ลูก" เช่น ออกมาบอกว่า "มาฉายที่ช่องอีชั้นสิคะ เราเป็นอิสระม้ากมากค่ะ ไอ้ อีนักการเมืองคนไหนก็มาแทรกแซงเราไม่ได้ เพราะเราใช้ภาษีเหล้าบุหรี่ของพวกจน เครียด กินเหล้า ตบเมียค่ะ" 
ชะรอยสื่อมวลชนท่านนี้จะลืมเลือนการ "เซ็นเซอร์ตนเอง" ของช่องข่าวที่ตนเคลมว่า "อิสระ" ในช่วงสลายการชุมนุมเมษายน-พฤษภาคม ที่พยายามจะบอกว่า "ไม่มี้ ไม่มีกระสุนจริงซักนัดเดียว"  
จริงของท่านว่า ช่องของท่านนั้น ไอ้ อี นักการเมืองคนไหนก็ไม่กล้าไปเซ็นเซอร์ เพราะพวกท่านเลือกกันเอาเองอยู่ว่าจะเลือกนำเสนออะไร และเลือกที่ไม่นำเสนออะไรอย่าง "อิสระ"-โคตรๆ-ปลอดจากทุกอุดมการณ์เพราะเป็นกลางสุดๆ



ประเด็นการร้องแรกแหกกระเชอที่กลายเป็นเรื่องชวนเสียดสีเย้ยหยันครานี้มีหลายประเด็นให้ค่อยลอกเปลือกออกทีละชั้นเหมือนการปอกหอม ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นเรื่องที่สังคมไทยทั้งหมดน่ะเข้าร่วมขบวนการต่อต้านการ "แบน" หนังสือ หนัง ละคร วรรณกรรม บทกวี งานศิลปะทุกแขนง

แต่ที่มันต้องกลายเป็นเรื่อง "อ้อล้อ" ไป มีชนวนให้สงสัย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการ "แบน" งานศิลปะ

ก่อนหน้านี้หนังเรื่อง "แมลงในสวนหลังบ้าน" และ "เชกสเปียร์ต้องตาย" ได้เรต "ห" หรือห้ามฉายมาแล้ว เราไม่เห็นว่า "กลุ่มผู้จัดละคร" และแฟนๆ ละครเหล่านี้ออกมาร้องกรี๊ดกร๊าด รับไม่ได้ ระหว่างที่เขาออกมาประท้วง เรียกร้อง เผาศพหนัง ก็เห็นคนเหล่านี้รักชาติ ศาสนา เป็นพลเมืองดี เคารพใน "กติกา" "อำนาจนำ" ที่อยู่สังคมไทยอย่างออกนอกหน้า เทิดทูนความดี ศีลธรรม กันตามประสา 
ไม่มีสักนิดที่ออกมาเป็นแนวร่วมต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออกและผลิตงานศิลปะแต่อย่างใดไม่ มิหนำซ้ำบางคนยังอยู่ในขบวนการ "ไล่คนคิดต่างออกไปอยู่ประเทศอื่น ชิ้วๆ" เสียด้วยซ้ำ


แล้วอย่างนี้ จะให้แมงหวี่สี่แปดที่ไหนไปเชื่อว่าท่านเป็นพวกเชื่อมั่นในเสรีภาพและการมีขันติธรรม น่าเยาะเย้ยไปกว่านั้นคือการเที่ยวประกาศว่าตนได้ "ทำความดี" อย่าท้อถอยในการทำความดี
โธ่เอ๋ย...เมื่อไหร่จะรู้มารยาทว่าการบอกว่าตัวเองเป็นคนดี หรือทำดี นั้นเราต้องรอให้คนอื่นมาพูดมาเยินยอ มิใช่ชิงเยินยอตนเอง มิใช่การเที่ยวไปป่าวประกาศว่า "ชั้นทำดีๆๆๆๆ เห็นไหมๆๆๆๆ"  
เฮ้อ-น่าเห็นใจ




สมมุติว่าเรื่องนี้มีใบสั่งจากนักการเมืองมาให้ "งดออกอากาศ" เข้าจริงๆ - สันดานคนเกลียดนักการเมืองเข้าไส้อย่างพวกท่านน่าจะฉวยโอกาสนี้ ลากไส้นักการเมืองผู้นั้นหรือกลุ่มนั้นออกมาให้ต้องเสียผู้เสียคนกันไปข้าง 
ประกาศชื่อออกมาให้นักการเมืองคนนั้นต้องสิ้นอนาคต มิใช่มาบอกใบ้กันลอยๆ ว่า "ผู้มีบารมี" นี่ นั่น นู่น ด่านักการเมืองไม่ผิดกฎหมาย ไม่ติดคุก


ประเทศนี้ด่านายกฯ เป็นกะหรี่ เป็นพริตตี้ โง่ ไม่มีสมอง ว.ห้า ว.เจ็ด อะไรก็ด่ากันมาแล้ว สำมะหาอะไรจะไม่กล้าเอ่ยชื่อนักการเมืองที่ออกใบสั่งมาให้ช่อง 3 
แต่นี่มานั่งตีกิน เรียกพรรคพวกให้ออกมาด่านักการเมือง ด่ารัฐบาล แล้วเปิดตูดหนี ไม่รับผิดชอบต่อคำพูดของตนเอง 
ไอ้คนที่มาเย้วๆ บางคนถึงกับปิดเฟซบุ๊กหายไปเลย-ป๊าดโธ่-เป็นคนดีมากเลยนะนั่น - ชมตัวเองอีกสิ ชมเข้าไป



โอละเห่ โอละพ่อ มากกว่านั้นเมื่อช่องสามออกมาแถลงว่าเป็นคนระงับละครเรื่องนี้เอง จากนั้นมีแถลงมาจาก พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ระบุได้พูดคุยผู้บริหารระดับสูงช่อง 3 และได้คำตอบว่า เนื้อหาสุ่มเสี่ยงขัดมาตรา 37 จึงต้องงดออกอากาศก็ตาม 
เมื่อเป็นเช่นนี้บรรดาคนดีที่ออกตัวล้อฟรีออกมาด่านักการเมือง ด่ารัฐบาลว่าออกใบสั่งใช้บารมีอิทธิพลแทรกแซงงานเสรีภาพของประชาชนก็มิได้นำพา ยังคงดาหน้าด่ารัฐบาลนี้ว่าเป็นนาซี บ้าอำนาจกันต่อราวกับคนอ่านหนังสือไม่ออก

บรรดาผู้จัดละครก็มิได้ออกมาตำหนิช่องสามต้นสังกัด นอกจากทำหน้ามึนๆ เหน็บแนมนักการเมือง ผู้มีอำนาจ อะไรก็ว่า คุณสุภิญญา กลางณรงค์ ที่เป็นหัว "คนดูจำนวนมาก" ที่ถูกลิดรอนเสรีภาพทางการดูละคร แถมยังเป็นห่วง ถึงขั้นใช้คำใหญ่ๆ อย่าง "วิกฤติศรัทธาที่มีต่อละครไทย"-วู้ฮู!!!! (แต่ไม่เคยเป็นกังวลต่อสิทธิของคนหมู่มากที่ถูกละเมิดจากการรัฐประหาร สลายการชุมนุม ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่าหน้าด้านๆ จากหน่วยงานทั้งอิสระ และรัฐบาล) ก็มิได้สานต่อความห่วงใยของเธอหลังจากมีการเปิดเผยเรื่อง มาตรา 37

ทั้งมิได้แสดงท่าทีที่จะออกมาเคลื่อนไหวแสดงความเห็นว่า กฎหมาย มาตรา 37 นี้จะขัดต่อหลักการสิทธิมนุษยชน ละเมิดสิทธิเสรีภาพของพลเมืองอันอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างไร



หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่ตามปกติไม่มีความสามารถพอที่จะสร้างผลงานได้ด้วยตนเองก็กระโดดไปงับประเด็นเขาเหมือนกัน ราวกับเป็นรถไฟที่กลัวตกขบวน (จริงๆ แล้วเฮียตกไปตั้งแต่รับตำแหน่งนายกฯ ที่เขาแต่งตั้งแล้ว แถมยังเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่มีคนตายจากการสลายการชุมนุมโดยรัฐมากที่สุด) ได้ออกมาโจมตีการระงับการออกอากาศของละครเรื่องนี้แถมยังออกมาให้กำลังใจผู้จัด (โถ...กลัวเค้าไม่รู้หรือว่าเป็นพวกเดียวกัน) อ่านข่าวแล้วขำกลิ้ง ท่านเป็นอดีตหัวหน้ารัฐบาลที่มีการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนรุนแรงที่สุดแต่ดั๊นมาผิวบางกับเรื่องนี้มากที่สุด - ฮ่าๆๆๆๆๆ - ไม่มีอะไรจะเขียน ขอหัวเราะแทนก็แล้วกัน
หรือท่านอาจดีใจที่ข่าวนี้มากลบข่าวหนีทหารที่ท่านหนีอย่างเป็นระบบและเป็นมหากาพย์อย่างยิ่ง


น่าขื่นขันกว่านั้น ในบรรดาคนที่ออกมาร้องแรกแหกกระเชอเรื่องการแบนเอยอะไรเอย เรื่องนาซีเอย เรื่องประชาธิปไตย หาได้สำเหนียกว่าตนนั้นอยู่ในประเทศที่มีการโฆษณาหลอกลวงล้างสมองอยู่ทุกวัน มีการแบนหนังสือมาแล้วไม่รู้กี่เล่ม แบนหนังมาแล้วไม่รู้กี่เรื่อง มีกวี ศิลปิน นักต่อสู้ทางการเมืองติดคุกมาแล้วไม่รู้กี่คน

อ้อ...ไม่ต้องถึงขนาดประวัติศาสตร์ยาวไกล กับกฎหมายหลายมาตรา อีกทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.การพิมพ์ที่มีเนื้อหาลิดริดรอนสิทธิเสรีภาพของพลเมืองอย่างยิ่งยวด คนเหล่านี้ยังอ้าขาผวารับความเป็นเผด็จการทุกรูปแบบนี้อย่างระรื่น หาได้พร่ำหาประชาธิปไตยอย่างที่กล่าวอ้าง 
ไม่นับ รธน. ที่มาจากการรัฐประหาร ก็ยังอยู่กันมาได้ มิหนำซ้ำยังอยากปกป้องสิ่งที่ไม่เป็นประชาธิปไตยหลายต่อหลายอย่างสุดชีวิต


ดราม่ามาเหนือเมฆคราวนี้ทำให้ได้รู้เช่นเห็นชาติว่า

พวกคนที่กล่าวอ้างว่าตนเป็นคนดี ทำแต่ความดีนั้นเนื้อแท้เป็นพวกรู้รักษาตัวรอด ป้ายขี้ใส่คนอื่นแล้วหายต๋อม ไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ไม่แม้แต่จะออกมาชี้แจงให้กระจะกระจ่างอย่างมนุษย์ที่มีอารยะพึงทำ

สอง ขอให้ย้อนกลับไปอ่านโควตคำพูดของ คุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ฉันยกมา เพราะอ่านแล้วจะได้ตระหนักว่า คนในคุกอย่างคุณสมยศต่างหากที่มีอิสรภาพ แต่คนนอกคุกอย่างเราๆ ท่านๆ นี่แหละที่มีอิสรภาพทางกายแต่ไร้อิสรภาพทางมโนธรรมและจิตวิญญาณ

ชัดนะ



.
Admin ไม่สามารถเข้าถึงบทความประจำที่นำเสนอมาร่วม 2ปีเสียแล้ว จึงจะไม่ได้เสนอครบถ้วนเหมือนเคย..ขออภัยผู้ติดตามทุกท่านด้วย