http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2558-01-09

หลังงุนงงในพฤติกรรมสลิ่ม โดย สมาชิกพันทิป1916617

.

หลังจากงุนงงในพฤติกรรมสลิ่มอยู่หลายปี ผมคิดว่าในที่สุดผมก็ได้คำตอบในสิ่งที่สงสัยมาตลอดแล้วล่ะ
โดย สมาชิกพันทิป1916617

ใน http://pantip.com/topic/33052320
. . 2 มกราคม 2558 เวลา 13:23 น.


หลังจากงุนงงในพฤติกรรมสลิ่มอยู่หลายปี ผมคิดว่าในที่สุดผมก็ได้คำตอบในสิ่งที่สงสัยมาตลอดแล้วล่ะ
....หลังจากได้อ่านกระทู้แนะนำนี้  " สลิ่ม " คุณไม่รู้ตัวจริงๆเหรอ ว่า คุณกำลังสนับสนุน กลุ่มคนที่จะมาริดรอนสิทธิ์ของตัวคุณเองน่ะ !!! ใน http://pantip.com/topic/33032022


เจ้าของกระทู้นั้นแกถามว่า สลิ่มไม่รู้ตัวจริงๆหรือว่า คุณกำลังสนับสนุนกลุ่มคนที่มาริดรอนสิทธิ์ของตัวคุณเองน่ะ !! คำตอบคือ ผมว่าเขารู้ตัวนะ แต่จะทำไมล่ะในเมื่อเขาไม่ได้เดือดร้อนและไม่ได้รับผลกระทบอะไรแต่แรก เขาไม่ได้แคร์กับการเลือกตั้ง หรือ ไม่เลือกตั้ง ไม่ได้สนว่าประเทศจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ เพราะชีวิตพวกเขา ครอบครัวเขา คนรอบข้างเขา อยู่ในระบอบที่ดีกว่าประชาธิปไตยอยู่แล้ว ระบอบที่ผมขอเรียกว่า "ระบอบอภิสิทธิ์" นั่นปะไร

ระบอบอภิสิทธิ์ ให้แปลตามตัวคือ ระบอบสิทธิมหาศาล เป็นระบอบที่อยู่คู่สังคมไทยมาช้านานก่อนประชาธิปไตยจะเกิดเสียอีก เป็นระบบที่ทำให้เขามีสิทธิ มีเสรีภาพมากกว่าระบอบประชาธิปไตยด้วยซ้ำ เทียบกันแล้วดีกว่ากันทุกประการ ประชาธิปไตยให้คุณได้แค่ 1 คนมีค่าเท่ากับ 1 เสียงเหมือนกันหมด แต่สิ่งที่ระบอบอภิสิทธิ์ให้คุณได้คือ ชีวิตเหนือระดับและ Conection ที่จะอำนวยสิทธิประโยชน์เหนือผู้อื่นให้คุณตลอดเวลา ถ้าพลังของระบอบประชาธิปไตยคือนโยบาย พลังของระบอบอภิสิทธิ์ก็คือ การอุปถัมป์ เส้นสาย และ ความเมตตากรุณาจากผู้ใหญ่ นโยบายส่งผลเป็นวงกว้างทั่วถึงแต่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงและผลกระทบไม่รวดเร็วทันใจเท่าระบบเส้นสายและ ความเมตตากรุณาจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่ส่งผลราวเนรมิตรให้ได้ราวปาฏิหาริย์ อยู่ประเทศไทยหากคุณสามารถเข้าถึงระบอบนี้ได้เมื่อไหร่อย่าแปลกใจที่ระบอบประชาธิปไตยในสายตาคุณจะเป็นขยะไร้ค่าไปเลย เพราะเทียบกันแล้วระบอบอภิสิทธิ์ดีกว่ากับชีวิตคุณทุกประการ ตั้งแต่ลูกเกิด เข้าโรงเรียน เข้ามหาวิทยาลัย ทำงาน เกษียร ยันตาย การศึกษาที่ดีกว่าช่องทางที่ดีกว่า โอกาสที่ดีกว่า ทางเลือกชีวิตที่ดีกว่า คุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ฯลฯ

ถามผม ผมก็ว่า ระบอบอภิสิทธิ์ดีกว่าระบอบประชาธิปไตย ผมนี้ยอมรับโดยดุษฎีเลย และ ถ้าเคยลิ้มลองระบอบอภิสิทธิ์ชนดูซักครั้งจะติดใจจนแทบไม่อยากกลับไป 1 เสียง 1 สิทธิ อีกเลย เช่น ได้ฝากลูกเข้าโรงเรียนดัง ได้รับฝากเข้าทำงานรัฐวิสาหกิจชื่อดัง สวัสดิการดี โบนัสเยี่ยมโดยสอบพอเป็นพิธี ได้งานราชการมูลค่าหลายล้านอย่างง่ายดายโดยยื่นซองไปตามระเบียบ ได้เลื่อนตำแหน่งปีละ 2 ขั้นเพราะนามสกุล ได้ทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ กลับมารับตำแหน่งหน้าห้องพ่อ ไม่ต้องคัดเลือกเกณฑ์ทหาร เมาแล้วขับรถชนคนตายก็ไม่ต้องติดคุก มีเรื่องที่ไหนก็ได้ถามคำถามคนอื่นว่าพ่อกุเป็นใคร ฯลฯ  การใช้ชีวิตของคนไทยธรรมดาๆที่ถูกต้องตามระบอบอภิสิทธิ์ คือ คุณต้องขยันเรียนให้สูงที่สุด อัพเกรดตัวเอง อัพฐานะ แต่งงานกับคนรวย ทำทุกอย่างให้ตัวเองเข้าสู่ระบอบนี้ให้ได้ แล้วชีวิตจะสบายเหนือเพื่อนร่วมชาติส่วนใหญ่ที่ไม่ดิ้นรน หรือ ไม่รู้ตัวว่าประเทศเรามีระบอบนี้ และหากคุณดิ้นรนแล้วแต่ยังเข้าไม่ถึงอาจเนื่องจากความสามารถไม่พอ เส้นสายไม่มี ทางเลือกของคุณคือจงเป็นเด็กดี เคารพ เชื่อฟัง และรอความเมตตากรุณาจากท่านอยู่นิ่งๆ แล้วทุกอย่างจะดีเอง ประเทศจะสงบสุข ปราศจากปัญหา เป็นเช่นนั้นจริงๆ

มีคนเคยเปรียบเปรยชาวบ้านที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งของตนในระบอบประชาธิปไตยว่า เลือกเพราะเห็นแก่เศษผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆที่นักการเมืองหยิบยื่นให้ แค่เขาแจกเงินให้ไม่กี่ร้อยก็ใช้สิทธิเลือกเขาไปแล้ว  เทียบกับชาวบ้านที่อยู่ในระบอบอภิสิทธิ์ที่ได้รับคำสั่งให้ สงบ นิ่ง รอ อย่างผู้ดี สุดแต่ท่านจะเมตตา อย่าเห็นแก่เศษเนื้อจนไม่รักษาอาการแม้ท้องหิว หรือ ยางเหลือโลสี่สิบ นั่นแหละดีมาก เด็กดี  แล้วก็ไม่รู้อันไหนมันน่าสมเพชน้อยกว่ากัน !!!

บางคนเหมือนคนเข้าใจโลก บอกว่าโลกนี้ไม่มีหรอกความเท่าเทียมกันน่ะ มันย่อมมีเหลื่อมล้ำต่ำสูงเป็นธรรมดาโลกอยู่แล้ว แต่เผือกไม่เข้าใจว่าไอ้ที่เขาเรียกร้องกันนี่ เขาไม่ได้ขอรวยเท่ากัน หล่อเท่ากัน ดีเท่ากันหมดทุกอย่างไป นิ้วคนยังยาวไม่เท่ากันเลยชาวบ้านเขารู้หรอก เขาเรียกร้องแค่สิทธิขั้นพื้นฐาน ย้ำอีกครั้งว่า พื้นฐาน เท่านั้นที่ขอให้เท่าๆกัน ไม่ได้ต้องการอภิสิทธิ์ แต่แค่สิทธิน้อยๆ ก็ยังให้เขาไม่ได้ คิดดูว่ามันอนาถาแค่ไหน

"รัฐประหารไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ได้ลิดรอนสิทธิ์ ไม่ได้ทำให้เงินเดือนต่ำลง โบนัสก็ออกเหมือนเดิม ไม่ได้ห้ามออกไปช๊อปปิ้ง ยังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติ  ไม่มีเลือกตั้งก็ไม่เห็นเป็นไร"  เป็นคำตอบที่ไม่น่าแปลกใจเลยสำหรับคนที่สบายดีหลวงพระบาง เอ้ย สบายดีไทยแลนด์อยู่ในระบอบนี้แล้ว ถึงจะเป็นปัญญาชน เรียนมาสูง และขัดแย้งกับหลักวิชา ตำราวิชาการที่เรียนมาอย่างไร หรือต่อให้ขัดแย้งกับความเห็นคนทั้งโลกแต่สุดท้ายแล้วมนุษย์ทุกคนย่อมเห็นแก่ตัวมากกว่าคนอื่น และมันก็ถูกของเขาจริงๆ เขาจะเดือดร้อนอะไรกับการริดลอนสิทธิเล็กๆน้อยๆ ในเมื่อที่ผ่านมาเขามีมันมากล้นจนเกินพอ !!! จะให้ไปหวงแหนสิทธิน้อยๆกระจ้อยร่อยอย่างหนึ่งคนหนึ่งเสียงเนี่ยนะ ใช่เรื่องมะนั่น

อ้าว !! แล้วถ้าระบอบอภิสิทธิ์มันดีปานนี้ทำไมเราไม่ Implement ระบอบนี้แทนประชาธิปไตยไปเลยล่ะ ดีกว่าเห็นๆ ดีกว่าทุกอย่าง คำตอบก็คือ เป็นไปไม่ได้ เพราะระบอบอภิสิทธิ์ ไม่สามารถทำให้ได้ทั่วถึงกันทุกคน ทันทีที่มีคนได้อภิสิทธิ์ หรือสิทธิมหาศาล 1 คน ก็จะมีคนเสียสิทธินับร้อยนับพันคน มีคนรวยกระจุกก็มีคนจนกระจาย และความเมตตากรุณาจากผู้หลักผู้ใหญ่ก็ไม่ใช่ฝนที่ตกทั่วฟ้าได้เหมือนนโยบาย และต่อให้เป็นผู้ใหญ่ที่ทรงอิทธิพล และ ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย ก็ไม่มีเงินมากเท่างบประมาณแผ่นดิน ทำให้การสร้างนโยบายผ่านงบประมาณแผ่นดินนั้น เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังกว่าการให้ความเมตตากรุณาไปในที่สุด ปัญหามันก็เกิดอิตรงนี้แหละ

พลังจากการขับเคลื่อนนโยบาย ผ่านงบประมาณแผ่นดิน และ ความเข้มแข็งของระบอบประชาธิปไตย ทำให้คนที่อยู่ในระบอบอภิสิทธิ์กลายเป็นเสียงส่วนน้อยไปในที่สุด และมีแน้วโน้มถูกคุกคามจากการเรียกร้องความเท่าเทียมกันที่หนาหูขึ้นเรื่อยๆ  แต่ถึงจะกลายเป็นส่วนน้อยแต่ก็เป็นคนส่วนน้อยที่มีอภิสิทธิ์อยู่ดี ถึงพรรคการเมืองตัวแทนฝ่ายตนจะไม่สามารถเอาชนะได้ในการเลือกตั้ง แต่อภิสิทธิ์ Connection ก็มี Power พอที่จะล้มการเลือกตั้ง หรือ ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและทำการปฏิรูปทุกอย่างให้เข้าทางฝ่ายตนให้มากที่สุด เกิดเป็นการแย่งชิงการนำ และนำมาสู่ความขัดแย้งเรื้อรังแก่ประเทศสิบกว่าปีอย่างที่เห็นและเป็นอยู่โดยไม่รู้จะไปจบลงที่ใด แต่คงจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะพ่ายแพ้ศิโรราบโดยสิ้นเชิง ว่าไปก็ยาวเปล่าๆกลับเข้าเรื่องต่อดีกว่า

ตามความเข้าใจของผม ถ้าจะให้แบ่งสายพันธุ์สลิ่มออกเป็น คงแบ่งออกได้เป็น 3  ประเภทใหญ่

1. กลุ่มที่อยู่ในระบอบอภิสิทธิ์ อยู่แล้วข้างต้น ซึ่งจากที่กล่าวมาคงตอบคำถามได้แล้วว่า ทำไมเขาไม่เดือดร้อนกับการรัฐประหาร หรือ ทำไมในใจเขาไม่มีประชาธิปไตยอยู่ในนั้น  ทำไมไม่เดือดร้อนกับการถูกลิดรอนสิทธิ ทำไมมองไม่เห็นความไม่ชอบมาพากลของเหล่าคนดี หรือ ไม่เห็นการทุจริตคอร์รัปชั่นของอภิสิทธิ์ชนด้วยกัน ป่วยการถามคำถามเหล่านี้กับสลิ่ม เขาเรียนมาสูง จบสูง ความคิดความอ่านก็มีไม่น้อยกว่าใครในแผ่นดินไทย มีหรือเขาจะไม่รู้ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เป็นไปและเป็นอยู่ เจอคนที่ยังมีสำนึกอยู่บ้างเขาก็เงียบเสีย คนที่พาลๆหน่อยก็จะออกเรื่องทักษิณไปนู้นเลย เปล่าประโยชน์จะคาดคั้นเอาความถูกต้องตามหลักวิชาจากเขา จนนักประชาธิปไตยบางคนถอดใจไปเลย ที่เห็นคนระดับปัญญาชนของประเทศยังเป็นอย่างนั้น แต่คิดในแง่ปุถุชน กินขี้ปี้นอนไม่ได้บรรลุโสดาบัน ถึงเป็นคนดี ก็เห็นแก่ตัว เห็นแก่ครอบครัว ญาติพี่น้อง พรรคพวกตน ก่อนคนอื่นๆ อยู่ดี เพียงแต่เขาไม่อยากรับความจริงเพราะมันดูเป็นคนไม่ดีเท่าที่เขาอยากจะเป็นเท่านั้นเอง แค่การเห็นด้วยกับการเบียดเบียนสิทธิของคนอื่น ก็คงไม่ได้บาปมากในทางศาสนามั้ง ประมาณไม่ได้ไปฆ่าใครตาย แถมเพราะกลุ่มเราเป็นคนมีคุณตะพาบกว่า รักชาติกว่า รักสถาบันกว่า ให้เราจัดแจงให้ทุกอย่างสุดท้ายแล้วอาจดีกับพวกเขากว่าแล้วก็ได้ คือสุดแต่จะจินนาการหลอกตัวเองให้รู้สึกผิดในการปล้นสิทธิคนอื่นน้อยลงไปล่ะนะ แต่โดยสถานะของกลุ่มนี้ประชาธิปไตยมันไม่เข้าทางพวกเขาจริงๆ เพราะเหมือนจะคุกคามสถานะเขาให้ด้อยลงกว่าที่เคยเป็นมา

2. ชาวบ้านธรรมดาที่ไม่ได้เป็นอภิสิทธิ์ชน แต่ชอบและบูชาในระบอบอภิสิทธิ์ ซึ่งได้รับคำสั่งให้ สงบ นิ่ง รอ อย่างผู้ดีคนดีมีการศึกษาและรู้จักคำว่าพอเพียงสุดแต่ท่านจะเมตตา ได้แค่ไหนจงพอใจแค่นั้น ที่สำคัญ เราคือฝ่ายธรรมะ เขา คือฝ่ายอธรรม และ ธรรมมะยอมชนะอธรรม ข้าราชการคนดี นักการเมืองล้วนโกงกิน ฝ่ายคนดีถึงจะมีจำนวนน้อยกว่าแต่สุดท้ายแล้วจะชนะเพื่อนร่วมชาติไทยที่เป็นฝ่ายคนชั่ว หรือ คนโง่ซึ่งถูกคนชั่วหลอกใช้ ลอร์ดโวลเดอร์มอร์ต้องถูกกำจัด แผ่นดินจะสงบร่มเย็นเหมือนที่เป็นมาชั่วกัลปาวสานอวาลอน ผมขอเรียกกลุ่มนี้ว่าพวกคนดีโลกสวย ความคิดสติสตังค์ไม่ค่อยอยู่กับความเป็นจริง สนใจการเมืองแค่ฉาบฉวยแฟชั่นแล้วแต่แกนนำจะนำพาโพกผ้า หรือ เป่านกหวีด รอบหน้าอาจเป่าทรัมเป็ตก็คงทำอีกน่ะแหละ ไม่ได้มีความคิดปฏิวัติ ปฏิรูปใดๆจริงๆจังๆ แค่มองหา แฮรี่พอตเตอร์ วีระบุรุษกู้ชาติซักคน แล้วก็โยนให้เป็นหน้าที่ฮีโร่ไป ตัวเองดกเบียร์เชียร์ หรือทำงานหาเงินเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลี อยู่บ้านพอแล้ว จึงไม่แคล้วถูกปลุกผีมาเป็นพักๆอยู่ร่ำไป

3. กลุ่มฐานคะแนนเสียงพรรคเก่าแก่ทางปักษ์ใต้ ซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดา มียากดีมีจนผสมปนเปกันเหมือนคนไทยภูมิภาคอื่นๆทั่วประเทศ และ ไม่ได้อยู่ในระบอบอภิสิทธิ์ใดๆเหมือนเขาหรอก แต่ภูมิใจในการปลูกฝังกันมาในการถือพรรคถือพวก และ ความรู้สึกมีส่วนร่วมในการเป็นพรรคคนใต้ พวกนี้ก็ไม่สนใจอะไรในประชาธิปไตยอยู่แล้ว สนแค่ว่าพรรคของตนจะชนะ หรือ แพ้เท่านั้น เอาหรอยเข้าว่าอย่างเดียว ขนาดความเดือดร้อนมาเยือนถึงชายคาบ้านก็ไม่ได้สนใจ ติดอยู่ในมายาคติของการถือพรรคถือพวก และ ความเกลียดทักษิณจนไม่ลืมหูลืมตาอันเกิดจากการยุแยงของนักการเมืองท้องถิ่น  เป็นคนบ้านนอกคอกนาเหมือนเพื่อนร่วมชาติภาคอื่นๆแท้ๆ แต่กลายเป็นเครื่องมือที่เข้มแข็งของอภิสิทธิ์ชนจากส่วนกลางไปซะงั้น

ทั้งสามกลุ่มนี้ ไม่กว่ากลุ่มไหน ก็ป่วยการคุยถึงหลักการประชาธิปไตย และ แน่นอน เขาไม่เดือดร้อนจากการถูกลิดรอนสิทธิกับการรัฐประหารแต่อย่างใด

และทั้งหมดนี้คือการแชร์ความเห็นผมจากการได้อ่านกระทู้แนะนำอันนั้นครับ


+ + + + + +
เชิญอ่านคำวิจารณ์และโต้แย้งทั้งรูปภาพ ที่ท้ายบทของต้นฉบับ http://pantip.com/topic/33052320
( และกระทู้ที่มาแต่แรก http://pantip.com/topic/33032022 )



.