http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2556-08-20

ข่าวสด: บนทาง 2 แพร่งของ ปชป., โทสาวาทของ ปชป.

.

บนทาง 2 แพร่งของ"ประชาธิปัตย์" ต่อสู้ การเมือง
ใน www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dOVEl3TURnMU5nPT0
ที่มา ข่าวสดรายวัน วันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2556 ปีที่ 23 ฉบับที่ 8300 หน้า 6 


การไปปรากฏตัวของ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ณ เวทีปราศรัย "กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" เมื่อตอนเย็นวันที่ 18 สิงหาคม
มิได้เป็นเรื่อง "นอกเหนือ" จากความคาดหมาย


ขณะเดียวกัน การตามขบวนไปด้วยของ นายกรณ์ จาติกวณิช และ นายกษิต ภิรมย์ ณ ที่ชุมนุมบริเวณสวนลุมพินี
ก็มิได้ดำเนินไปในลักษณะ "เปิดบริสุทธิ์" ทางการเมือง


อย่าลืมเป็นอันขาดว่า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ร่วมกับการชุมนุมของ "เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร" ตั้งแต่แรกดำเนินการในเวทีลีลาศสวนลุมพินีเมื่อปลายปี 2548 มาแล้ว
กระทั่ง นำเคลื่อนขบวนจาก "สวนลุมฯ" ไปยัง "ทำเนียบรัฐบาล" ด้วยซ้ำ


อย่าลืมเป็นอันขาดว่า เมื่อมีการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในทำเนียบรัฐบาล นายกษิต ภิรมย์ และ นายกรณ์ จาติกวณิช ก็เคยไปร่วม
อาหารดี ดนตรีไพเราะ


จากนี้จึงเห็นได้ว่าการพบระหว่าง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กับแกนนำบางคนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิป ไตยเมื่อ 2-3 วันก่อนเป็นไปตามคิว

ในจำนวนนั้นอาจมี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เป็นคนหน้าใหม่
แต่หน้าเก่าก็ยังมี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และ นายกษิต ภิรมย์ ซึ่งคุ้นเคยกับพันธมิตรอยู่แล้วเป็นอย่างดี

พันธมิตรนั้นเล่า นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อาจไม่คุ้นเคยนัก
แต่เมื่อมี นายประพันธ์ คูณมี อยู่ด้วยก็มิได้เป็นเรื่องแปลกใหม่ประการใด เพราะว่า นายประพันธ์ คูณมี เคยเป็นผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เคยเป็นที่ปรึกษา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เมื่อเป็นรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟัน



พลันที่ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ขึ้นเวทีปราศรัยของ "กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" ก็ทำให้เส้นแบ่งระหว่างการเมืองในระบบกับนอกระบบใกล้กันมากยิ่งขึ้น

แม้การขึ้นเวทีจะเป็นการเดินตาม นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
แม้การขึ้นเวทีจะเหมือนกับประสบการณ์เดิมซึ่ง คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เคยร่วมกับเวที "เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร" ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล

แต่ก็ทำให้ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดเข้าไปอีกหน่อย
นั่นก็คือสัมผัส "กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" แตะไปยัง "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"
"สวรรค์" น้อยๆ ย่อมอยู่ใน "วงรำ"



พรรคประชาธิปัตย์กำลังอยู่ระหว่าง 2 หนทางเลือกอันแหลมคมยิ่งในทางการเมือง ในทางการต่อสู้

หนทาง 1 คือ การต่อสู้ในระบบรัฐสภาอันสะสมความจัดเจนมาอย่างยาวนาน
หนทาง 1 คือ การต่อสู้นอกระบบรัฐสภา การต่อสู้บนท้องถนนอันเป็นประสบการณ์ใหม่ ความตื่นเต้นใหม่

ไม่นานหรอก การตัดสินใจจะระเบิดขึ้น



++

โทสาวาทของ ปชป.
โดย คาดเชือก คาถาพัน
ใน www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNVEUwTURnMU5nPT0
ที่มา: คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม ข่าวสดรายวัน วันพุธที่ 14 ส.ค. 2556 ปี23 ฉ.8294 หน้า6



คําพูดประเภท "ม็อบผู้ดี-ม็อบคนดี" ที่หลุดจากปากของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
และมีการนำไปเปรียบเทียบกับ "ม็อบไพร่" ก็ดี
หรือเสียงตะโกนโห่ลั่นของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
หรือบนเวทีปราศรัยนอกสภา ที่เรียกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกฝ่ายว่า "ขี้ข้า" ก็ดี


ไปจนกระทั่งถึงคำประกาศว่าด้วย "เผาบ้านเผาเมือง-คนชุดดำ" ที่ติดตามปาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ มาตลอด
แม้กระทั่งในวันที่ศาลมีคำพิพากษาและวินิจฉัยแล้วว่าไม่ใช่การเผาบ้านเผาเมือง และไม่มีชายชุดดำแล้วก็ดี


ล้วนเป็นคำพูดที่ อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ แปลจาก hate speechในภาษาต่างประเทศ เป็นไทยว่า "โทสาวาท" ทั้งสิ้น


โทสาวาทเหล่านี้ส่งผลชัดเจนหลายประการด้วยกัน

ประการแรก ก็คือไม่ทำให้คนรักกันนั้นแน่นอน ร้ายกว่านั้นก็คือจะยิ่งทำให้คนในสังคมแบ่งฝักฝ่ายและเกลียดชังกันมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้เหตุผลข้อเท็จจริงเข้ามารองรับ
ใช้แต่อารมณ์ความรู้สึกล้วนๆ

ประการต่อมา เมื่อเริ่มพูดจาภาษาเหล่านี้แล้ว พูดหนต่อไปก็มีแต่จะต้องเท่าเดิมหรือแรงกว่า ที่จะหันกลับมาเสียงอ่อยลง น้ำหนักหรือเนื้อหาเบาลงนั้นยากที่จะเป็นไปได้
ดูตัวอย่างจากพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ก็เห็นชัด

ประการถัดไป ก็คือเมื่อเดินลึกเข้าไปทุกที เหวี่ยงตัวเองออกไปอยู่สุดปลายของสังคมที่เป็นขั้วเป็นฝักฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ
ก็ยิ่งห่างไกลจากมวลชนส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงกลางมากขึ้นไปทุกที



เป็นเหตุผลหนึ่งว่า ทำไมประชาธิปัตย์ถึงแพ้เลือกตั้งใหญ่มาแทบทุกครั้งในระยะหลัง และยังมีแนวโน้มจะแพ้ในหนต่อๆ ไป 
ถ้ายังไม่ปรับปรุงตัวแก้ไขอะไร


ซึ่งดูจากสภาพความเป็นจริงแล้ว-ยากส์ 
มีแต่จะยิ่งเกรี้ยวกราดขึ้นไปอีก

เผื่อฟลุกลูกเดียว



.