http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2556-08-02

ฝันสุดท้าย เจ้าชายแช่แข็ง

.

ฝันสุดท้าย เจ้าชายแช่แข็ง
( www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1375461990 )
วันศุกร์ที่ 02 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23:50:09 น.
(ที่มา: มติชนสุดสัปดาห์ 26 ก.ค.-1 ส.ค.2556 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1719 หน้า 9)


แม้ภาพ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะมากด้วย "กิจกรรม"
ไม่ว่าเดินป่า โดดร่ม หรือการดำน้ำ
อย่างที่ปรากฏบนปก "มติชนสุดสัปดาห์" ฉบับนี้ เป็นกิจกรรมดำน้ำ ผูกทุ่นจอดเรือ ปล่อยหอยมือเสือ ในโครงการอาสาอนุรักษ์ท้องทะเลไทย ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา

แม้จะมากด้วยกิจกรรมมากมาย แต่ชื่อของ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ดูเหมือนจะไม่พ้นไปจากวังวน "การเมือง"

2 เหตุการณ์ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ก็คือ

การปรากฏชื่อในคลิปลับ การสนทนาของคนเสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่กล่าวหาว่าโอเวอร์รีแอ็ก เปิดปฏิบัติการถล่มปืนใหญ่เข้าใส่ฝ่าย "ตรงข้าม" ในพื้นที่ประเทศพม่า ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ต้องของบฯ จากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ นับพันล้านเพื่อ "ปิดปฏิบัติการ" และนำไปสู่ ความไม่วางใจอย่าง "ลึกซึ้ง" ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ พล.อ.สุรยุทธ์

เหตุการณ์ที่สอง ก็คือ การฟื้นกลับมาของ กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) หลังจากที่เคยนำม็อบออกขับไล่รัฐบาล จนถูกสลายอย่างหมดรูป เมื่อครั้งชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าปลายปี 2555 ที่ผ่านมา

มาคราวนี้ เปลี่ยนโฉมเป็น "กองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ" 
มีชื่อ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน
พล.ร.อ.ชัย ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นอดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 1 
ร่วมรุ่นกับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ผู้นำม็อบแช่แข็งรุ่นแรก
รุ่นเดียวกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี และองคมนตรี นั่นเอง



ทำให้การเคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาลครั้งนี้ ถูกเชื่อมโยงไปถึง พล.อ.สุรยุทธ์ ด้วย แม้เจ้าตัวเองอาจจะไม่รู้เรื่อง

แต่ก็ดูจะมีความจงใจทำให้เห็นสัมพันธ์ลึกๆ ที่หวังจะให้การขับเคลื่อนครั้งนี้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น

โดยประสานเคียงคู่ไปกับทีมงานขึงขังในนาม "คณะเสนาธิการร่วม" ของ "กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ" มี พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ,

พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ (อดีตนายทหารคนสนิท พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร), พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคณี อดีตโฆษก อพส., นายพิเชษฎ พัฒน

โชติ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 และ นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ เป็นผู้ประสานงาน



"กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ" ประกาศภารกิจสำคัญที่จะเคลื่อนไหว 6 ประการคือ

1. ให้รัฐบาลแสดงจุดยืนความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

2. ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ลาออกจากรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ทันที

3.ให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาข้าวยากหมากแพง ยุติการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม ลดราคาน้ำมันทุกประเภท ให้ ปตท. หยุดค้ากำไรเกินควร และปฏิรูป ปตท. ให้กลับมาเป็นของประชาชน โดยทันที

4. ให้ยุติโครงการกู้เงินบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และร่าง พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550

5. ให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทุกฉบับที่ล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ

6. ให้เอาผิดกับผู้ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวในทุกขั้นตอน ยกเลิกการสอบสวน น.ส.สุภา ปิยะจิต รองปลัดกระทรวงการคลัง รวมทั้งคืนตำแหน่งให้ นายถวิล เปลี่ยนศรี ตามคำสั่งศาล ทันที

โดยนัดจะแสดงพลังในวันที่ 4 สิงหาคม ก่อนการเปิดประชุมสภา

การปรากฏตัวขึ้นมาของ "กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ" ครั้งนี้ แม้จะมีคำถามโตๆ เกี่ยวกับศักยภาพของพลังมวลชน
แต่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็ได้ลองประเมินกำลังว่าจะเป็นไปได้แค่ไหน
พบว่าอาจมีผสานความเคลื่อนไหวเข้ากับกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ ที่ต่อต้านรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ อาทิ

กลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนไทย โดย นายสุชาติ ศรีสังข์ และ นายทองดี นามแสงโคตร ที่ชุมนุมบริเวณทางเดินสนามหลวง ตรงข้ามศาลฎีกามาระยะเวลาหนึ่งแล้ว
กลุ่มกิจกรรมวันอาทิตย์สีดำ
กลุ่มหน้ากากขาว (V For Thailand) ที่นัดรวมตัวกันในทุกวันอาทิตย์ที่ลานหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ 
กลุ่มนักรบนิรนาม นำโดย ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม
กลุ่มไทยสปริง ที่นัดทำกิจกรรมผ่านออนไลน์ ภายใต้การนำของ นายแก้วสรร อติโพธิ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร และ นายขวัญสรวง อติโพธิ

ซึ่งประเมิน "ภาพ" แล้วอาจดูคึกคัก แต่ก็ยังมีคำถามว่า เมื่อแปรไปสู่ การชุมนุม จะสามารถระดมพลออกมาได้เพียงใด




มีความเห็นและให้น้ำหนัก ต่อ ม็อบแช่แข็ง ภาคสอง แตกต่างกันไปในฝ่ายค้านและรัฐบาล

ฝ่ายค้านโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ค่อนข้างจะให้น้ำหนัก และเชื่อมั่นในคำทำนายที่ว่าเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ จะเกิดเหตุรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง

โดยมีการเปิดสภาวันที่ 1 สิงหาคม เป็นเงื่อนไขสำคัญ เพราะมีเรื่องใหญ่ 3 เรื่องที่ต้องสู้กัน ทั้งในและนอกสภา

เรื่องแรกคือ การออกกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท

เรื่องที่ 2 คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองบ้านเมือง

และเรื่องที่ 3 คือเขียนกฎหมายพิเศษล้มล้างความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมุนบริวาร

นายสุเทพเชื่อว่า "ถ้ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และจอมบงการที่ดูไบ ยังไม่เลิกข่มขู่คุกคามประชาชน ใช้พวกมากลากไปในสภา รับรองรัฐบาลนี้เจอประชาชนแน่นอน ถึงเวลาที่ประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศต้องลุกขึ้นสู้ และเตรียมพกนกหวีดไว้ ถ้าเสียงนกหวีดดังพร้อมกันเมื่อไหร่

เราจะได้เห็นกันว่าเดือนสิงหาคม และกันยายน จะเป็นไปตามคำทำนายของโหรหรือเปล่า"

ดูตามนี้ดูเหมือนนายสุเทพให้น้ำหนักม็อบแช่แข็งค่อนข้างสูง



ตรงกันข้าม ฝ่ายเพื่อไทย นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มองว่า เป็นความเคลื่อนไหวของพวกหลงยุค 
ยังคิดว่าจะแก้ไขปัญหาระบอบประชาธิปไตยโดยการรัฐประหาร ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับชาติมากกว่า

ขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ประเมินว่าต้องรอดูในวันที่ 4 สิงหาคม ก่อนว่า อพส. จะมีแนวร่วมมากน้อยเพียงใด

และต้องจับตาดูทางพรรคประชาธิปัตย์จะมีการกดดัน หรือนำคนเข้าสมทบกับเครือข่ายเหล่านี้ด้วยหรือไม่


หากประชาธิปัตย์เล่นเต็มตัว โอกาสที่จะเกิด "เหตุการณ์" อย่างที่นายสุเทพทำนายก็พอมี

แต่ประเมินท่าทีหลายฝ่ายในนาทีนี้ มองสอดคล้องกันว่า หากยังมีภาวะสับสนในกลุ่มนำอย่างที่เป็นอยู่

และหากสถานการณ์ยังไม่สุกงอมเพียงพอ

มวลชนที่ระดมได้ก็อาจอยู่ในระดับหลักพันหรือหลักหมื่นต้นๆ

แม้จะขับเคลื่อน หรือผลักดันหนักเพียงใด บทเรียนม็อบแช่แข็งก็อาจจะซ้ำรอยครั้งแรก

คือกลายเป็นฝันสุดท้าย ของ "เจ้าชายแช่แข็ง"  อีกรอบ




.