http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-07-11

(การ์ตูนที่รัก) หัวแตงโม หลายๆ ซีก โดย นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

.
การ์ตูนที่รัก - เดอะซีเคร็ทสตอรี่ โดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

หัวแตงโม หลายๆ ซีก
โดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์  คอลัมน์ การ์ตูนที่รัก
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1664 หน้า 78


หัวแตงโมออกมาหลายเล่มแล้ว รวมทั้งผลงานเล่มพิเศษบางเล่มของ องอาจ ชัยชาญชีพ สำนักเป็ดเต่าควาย เช่น ปรากฏการณ์ธรรมดา Phenomenon[e] ที่มีหัวแตงโมขึ้นหน้าปก ทุกเล่มขายดีพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง 
หัวแตงโมเป็นหนังสือการ์ตูนที่อาจจะต้องตั้งใจอ่าน บางเรื่องง่าย บางเรื่องยาก บางเรื่องเป็นนิทานประกอบภาพตามสมัยนิยมแต่ก็ต้องยอมรับว่าคุณภาพดีกว่านิทานประกอบภาพทั่วไป 

แทบทุกเรื่องมีคำคมหรือประโยคที่โดน แทบทุกเรื่องให้ข้อคิดเล็กๆ น้อยสำหรับชีวิตธรรมดาของคนเรา จะว่าอ่านเพลินก็ได้ จะอ่านให้ไม่เพลินก็ได้เหมือนกัน 
อ่านไม่เพลินเพราะแทบทุกเรื่องเล่าเรื่องความจริงอันโหดร้ายของชีวิตธรรมดา ธรรมดาเสียจนต้องเรียกเล่มพิเศษนั้นว่าปรากฏการณ์ธรรมดา เรื่องธรรมดาที่ว่าคือคนธรรมดามักถูกย่ำยี คนที่จริงใจ คนที่พูดความในใจตามที่เป็นจริง คนที่ไม่มือถือสากปากถือศีล คนเหล่านี้มักถูกย่ำยีเสมอ
หัวแตงโมเป็นคนแบบนั้น

หัวแตงโมซีกที่สี่ ลมพัดลมพัด แสดงให้เห็นว่าหัวแตงโมเป็นคนธรรมดาเสียจนอาจจะต่ำกว่าเส้นธรรมดาตามที่วัฒนธรรมไทยกำหนด "เพราะแววตานายน่ะ...มันเหมือนแววตาของหมาที่ถูกเจ้าของทิ้ง...ดูเหงาๆ เศร้าๆ อย่างกับตัวเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้" ธรรมดาเสียจนไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในรูปแบบปกติ 
หัวแตงโมจึงต้องกลายร่าง  
อันที่จริงหัวแตงโมได้ออกตัวไว้ในบทที่หนึ่งของทุกเล่มแล้วว่ายังไม่อยากเฉลยว่าทำไมเขาจึงต้องมาเป็นหัวแตงโม "ไม่ใช่จู่ๆ หัวคนเราจะกลายเป็นแตงโมได้หรอกนะ" หัวแตงโมมีเหตุผลของตัวเองที่ไม่ยอมเฉลยเสียที

อย่างไรก็ตาม เหตุผลของตัวเองอย่างไรก็เป็นเหตุผลของตัวเขาเอง พวกเรามีสิทธิและหน้าที่จะซุบซิบนินทาว่าทำไมเขาต้องเป็นหัวแตงโม 
ต่อไปนี้คือข้อสันนิษฐานของการ์ตูนที่รัก ซึ่งอาจจะผิด


สมมติฐานข้อที่ 1 มาจากความรู้ที่ว่าด้วย shapeshifting การแปลงร่างเป็นเรื่องเล่าที่มีมานมนานในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ส่วนใหญ่จะผูกพันกับเทพ ผี ผีบรรพบุรุษ พระเจ้า เพศสภาพ โดยมีวัตถุประสงค์ไม่ซับซ้อน เป็นเพียงการแสดงพลังเหนือธรรมชาติเพื่อเอาชนะข้อห้ามบางประการ 
เช่น การแปลงร่างระหว่างชายหญิงของเทพและเทพีต่างๆ (ซึ่งยังคงหลงเหลือมาจนถึงยุครันมา 1/2) การแปลงร่างเป็นแวมไพร์หรือมนุษย์หมาป่าเพื่อข้ามข้อกำหนดทางเพศ (ซึ่งยังคงหลงเหลือมาจนถึงยุคแฮร์รี พอตเตอร์ และทไวไลท์) หัวแตงโมไม่น่าจะเป็นพวก shapeshifter เพราะหัวแตงโมไม่เคยอยากมีอยากได้อยากปล้ำอะไรขนาดนั้น ในทางตรงข้ามหัวแตงโมออกจะเป็นพวกขี้หงอ ขี้แพ้ ชั้นต่ำ ต่ำกว่าปรสิต และพ่ายรักตลอดกาล

ในหนังสือปรากฏการณ์ธรรมดา มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับก้อนหินบนภูเขาที่ "แปลงร่าง" เป็นหญิงชราผมขาวซึ่งส่งผลกระทบต่ออนาคตของชายหญิงคู่หนึ่งที่ไม่กล้าทำตามใจตัวเองเสียที
เป็นเรื่องสั้นขนาดยาวกระท่อนกระแท่นที่ต้องติดตามอ่านอย่างละเมียดจึงจะได้


สมมติฐานข้อที่ 2 มาจากเรื่อง metamorphosis การกลายร่างเป็นปรากฏการณ์ทางชีววิทยาที่เราพบในหนอนผีเสื้อ จากไข่เป็นหนอน จากหนอนเป็นดักแด้ จากดักแด้เป็นผีเสื้อ จากไข่เป็นลูกน้ำ จากลูกน้ำเป็นดักแด้ จากดักแด้เป็นยุง
ในขณะที่ shapeshifter มักจะจำร่างเดิมและความทรงจำเดิมได้ แต่ metamorphosis เป็นปรากฏการณ์กลายร่างที่ทำให้ได้สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่อย่างสิ้นเชิง ไม่มีอะไรของเดิมหลงเหลืออีกเลยซึ่งอาจจะรวมทั้งความทรงจำด้วย (ถ้าหนอนและดักแด้มีความทรงจำอะนะ) 
แม้ว่าการกลายร่างจะเป็นเรื่องทางชีววิทยาแต่ก็มิวายมีนักเขียนคนสำคัญ เช่น Franz Kafka นำมาเขียนเป็นหนังสือที่ดีที่สุดในโลกเล่มหนึ่งคือ Metamorphosis ปี 1915 เล่าเรื่องเซลส์แมนชื่อ เกรเกอร์ แซมซา ที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งแล้วพบว่าตนเองเป็นแมลง

(มรดกตกทอดเรื่องนี้กลายเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเล่มเดียวจบของวิบูลย์กิจเมื่อหลายปีก่อนคือ ปริศนาหมานุษย์ ของ โนโบรุ โรกุตะ เมื่อตัวเอกกลายเป็นมนุษย์หน้าหมา)

ประเด็นทางจิตวิทยาของ เกรเกอร์ แซมซา คือเมื่อเขากลายเป็นแมลงเขาก็พ้นความรับผิดชอบในฐานะลูกชายของพ่อและพี่ชายของน้องสาวอีกต่อไป เขาพ้นความรับผิดชอบต่องานประจำที่แสนน่าเบื่อและภาระหนักอึ้งของชีวิตเพราะไม่มีใครคาดหวังอะไรจากแมลงอยู่แล้ว 
ประเด็นทางสังคมวิทยาคือเมื่อเขาไม่สามารถทำหน้าที่ตามที่สังคมคาดหวังเพราะเป็นแมลงเขาก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุนี้พ่อและน้องชายที่เคยเอาแต่งอมืองอเท้าพึ่งพา เกรเกอร์ แซมซา กลับพัฒนาตนเองขึ้นมามีบทบาทสำคัญและกำจัดแมลงไร้ประโยชน์ในที่สุด  
ประเด็นทางจิตวิเคราะห์คือ เกรเกอร์ แซมซา เผชิญกับการคุกคามของปมปิตุฆาตที่รุนแรงมากขึ้นทุกขณะ หากเขาไม่ทำลายพ่อลงแล้วกลายเป็นผู้ใหญ่เขาก็ต้องถูกทำลาย เมื่อเขาเลือกที่จะกลายเป็นแมลงเขาก็ไม่มีอะไรผูกพันกับพ่ออีก 

หัวแตงโมใกล้เคียงกับการกลายร่างมากกว่าการแปลงร่าง แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลายสมบูรณ์แบบเป็นแตงโมทั้งลูกโดยเปลี่ยนแปลงเฉพาะส่วนหัวก็ตาม แต่ด้วยวิธีนี้เขาพ้นจากความรับผิดชอบทั้งปวงในฐานะคนธรรมดาหรือต่ำกว่าธรรมดา เขากลายเป็นหัวแตงโมที่ทำอะไรก็ไม่ผิด พูดอะไรก็ไม่มีใครว่า 
แน่นอนว่ามีตัวละครอัดเขาเป็นระยะๆ แต่ก็เป็นการอัดลูกแตงโมมากกว่าที่จะอัดคนไร้มารยาทจริงๆ จังๆ ยิ่งไปกว่านั้นการปรากฏตัวของเขาในฐานะหัวแตงโมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่คนรอบข้างเสมอ
เหมือนกับการปรากฏตัวของแมลงที่ทำให้คนรอบข้างเกรเกอร์ แซมซา เปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมไป


สมมติฐาน ข้อที่ 3 มาจากความรู้เรื่องโรคทางจิตที่เรียกว่า Body Dysmorphic Disorder ซึ่งเป็นการจัดแบ่งกลุ่มโรคทางจิตเวชยุคใหม่ ที่จริงเรารู้จักโรคนี้มานานมากกว่าสองร้อยปีในชื่อ Dysmorphophobia ใช้บรรยายผู้ป่วยที่คิดว่าร่างกายหรือบางส่วนของร่างกายผิดปกติ หัวแตงโมคงมิใช่ผู้ป่วยประเภทนี้เพราะเขาดูจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับหัวที่กลายเป็นแตงโมมากนัก ในทางตรงข้ามลึกๆ แล้วเขาออกจะพอใจกับหัวแตงโมของตัวเองด้วยซ้ำ แม้ว่าอาจจะแสดงออกด้วยการประชดประชันเป็นบางเวลาเช่นตอนที่ตกจากรถหัวแตกดังโพละ! ในตอนต้นซีกที่ห้า -ใจบันดาลแรง


ถ้าหัวแตงโมมีหัวเป็นคน เชื่อได้ว่าคำพูดของเขาจะไม่คมและไม่โดนนักอ่านมากเท่านี้ แต่เพราะเขามีหัวเป็นแตงโม นักอ่านไม่เคยคาดหวังอะไรจากหัวแตงโมอยู่ก่อนแล้วอะไรที่หลุดปากออกมาจึงโดนมาก 
นอกจากนี้ หากเขามีหัวเป็นคน เขาคงไม่มีอิทธิพลต่อผู้คนมากเพียงนี้เพราะคนทุกคนล้วนอยู่ในกฎเกณฑ์ปกติของสังคม (social norm) แต่เพราะเขามีหัวเป็นแตงโม ใครๆ จึงคิดทำอะไรกับเขาก็ได้ พอทำอะไรกับเขาก็ได้เท่านั้นเองตนเองกลับเป็นฝ่ายหลุดออกจากกฎเกณฑ์ปกติของสังคมในทันที 
หากจะแจงเรื่องเล่าของเขาทุกเล่มทีละเรื่องคงเขียนตำราได้เป็นเล่มซึ่งไม่น่าจะขายดีเท่าที่ องอาจ ชัยชาญชีพ ได้เขียนเอาไว้แล้ว



+++

เดอะซีเคร็ทสตอรี่
โดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์  คอลัมน์ การ์ตูนที่รัก
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1663 หน้า 60


เดอะซีเคร็ทสตอรี่ ชื่อในภาษาอังกฤษให้ขีดค่าคำว่า The SEA-CRET story เป็นหนังสือเล่มพิเศษ 2 เล่มต่อจาก JOE the SEA-CRET agent เล่าเรื่องราวหลากหลายของตัวประกอบ

เล่มแรก หน้าปกสีส้มรูปฮิตเลอร์ อ่านดูจึงรู้ว่ามิใช่ฮิตเลอร์ แต่เป็นฮิตแมนซึ่งเป็นทายาทของฮิตเลอร์ เขามีชื่อจริงว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่ 1889

ตามท้องเรื่องเขาเป็นตำรวจใหม่ในเขตแอตแลนติกบรองซ์ นิวยอร์ก เวลาตามที่จักรวาลของสายลับโจหนวดปลาหมึกระบุ นั่นคือหลายศตวรรษหลังสงครามโลกครั้งที่สามเมื่อสัตว์น้ำวิวัฒนาการขึ้นบกอีกครั้งและกลายเป็นส่วนหนึ่งของประชากรโลกที่มนุษย์อาศัยอยู่ก่อน 
อันที่จริงภาพวาดของฮิตแมนและมุขเกี่ยวกับอดีตหรือการกระทำของเขาสุ่มเสี่ยงมาก หมายถึงสุ่มเสี่ยงต่อผู้เขียนซึ่งมีชื่อย่อว่า SS ทั้งนี้ ยังไม่นับเรื่องเครื่องหมายสวัสดิกะที่โปรยเต็มปกหน้าและปกหลังด้านใน  
ยังดีที่ความสุ่มเสี่ยงนั้นถูกลดทอนลงด้วยตัวประกอบเด่นอีกคนหนึ่งคือ เอสดี ฮุสเซน รับบทตำรวจแลกเปลี่ยนจากเอเชียที่มาเป็นคู่หูของฮิตแมน จุดเด่นของฮุสเซนคือไม่คิดอะไรมาก "ที่จริงแล้วเขาไม่คิดอะไรเลย" 
หนังสือเล่มแรกนี้โฟกัสที่ฮิตแมนเป็นหลัก เนื้อเรื่องออกแนวดาร์กแม้ว่าจะบ้าบอหลุดโลกตามสไตล์ แต่ละบทแต่ละตอนอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่จริงจังพอๆ กับเล่นมุขได้เรื่อยๆ ทั้งมุขการใช้ภาษาทะเลและความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสัตว์ทะเล


ตอนที่ 1 Night of the Living Babes เมื่อฮิตแมนติดตามคดีกินเด็กและพบว่าโจนักสืบปลาหมึกนั่งกินเด็กร่วมกับผู้ต้องสงสัยด้วย จะเห็นว่าจากความรู้เรื่องปลาทะเลบางชนิดกินลูกปลาจำนวนมหาศาลเป็นอาหาร สามารถแปลงเป็นเรื่องสยองขวัญของโลกอนาคตอย่างง่ายดายภายใต้จักรวาลของสัตว์ทะเลที่มีสำนึกของคน

ตอนที่ 4 Citizen Kane เล่าเรื่องตัวประกอบที่โดดเด่นมากสองชีวิต คือ Kane และ Undertaker ทั้งสองเป็นแพลงก์ตัน มีอายุ 49 วัน เกิดมาและรอตายหรือถูกกิน 
แต่เคนกับอันเดอร์เทกเกอร์มิใช่แพลงก์ตันประเภทงอมืองอเท้า เขาทำงานส่งยา อย่างที่เขียนในหนังสือว่า "ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป" ตอนนี้พวกเขามาส่งยาที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่ซึ่งลูกค้าสามตัวอ้าปากกว้างรอกินพวกเขาอยู่ 

มุขยิงกราดทะลุกรอบไปถูกตัวการ์ตูนในตอนอื่นๆ เป็นมุขที่น่าชมเชยมาก ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อนเลย
เรื่องจะดาร์กมากไปกว่านี้อีกในตอนท้ายเมื่อถึงวันที่ 49 ซึ่งเป็นเวลาที่สอง "สามี-ภรรยา!" ต้องตาย หรือว่าพวกเขาเป็นเกย์และเกย์ไม่มีวันตาย!

ตอนที่ 10 Adolf in Wonder Klans นำฮิตแมนและฮุสเซน สองทายาทจอมเผด็จการที่โหดร้ายที่สุดในโลกมนุษย์มาพบกับเคนและอันเดอร์เทกเกอร์สองอาชญากรแพลงก์ตันที่ชีวิตไม่มีอะไรจะเสียมันสองจึงโหดร้ายที่สุดในโลกสัตว์ทะเล

ก่อนจะปิดท้ายด้วยตอนที่ 13 The Man with True Brain ซึ่งพิมพ์สี่สีซ่อนไว้ที่ปกในเต็มปก เล่าเรื่องการปฏิสนธิของจอมอสูรในตระกูลของฮิตแมนว่าน่ากลัวเพียงใด 
นับเป็นการ์ตูนตลกร้ายที่ไม่เกรงใจศีลธรรมหรือระเบียบสังคมอะไรทั้งนั้น แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้เพราะระเบียบสังคมของมนุษย์ไม่มีอีกแล้ว ที่มีอยู่เป็นโลกใหม่ที่ซึ่งทุกคนหวนคืนมหาสมุทร



ในทางจิตวิเคราะห์ การ์ตูนชุด JOE the SEA-CRET agent รวมทั้งเดอะซีเคร็ทสตอรี่ ชื่อในภาษาอังกฤษให้ขีดค่าคำว่า The SEA-CRET story มีเนื้อเรื่องที่เข้าข่าย "บ้า" หรือ "หลุดโลก" อยู่มาก (out of reality) โดยสร้างเงื่อนไขว่าเป็นการหลุดโลกเพื่อหวนคืนไปสู่วันวานยังหวานอยู่ (nostalgia) ครั้งที่ชีวิตยังอยู่ในมหาสมุทร (oceanic feeling)

ครั้งที่แล้ว สูญ เล่าเรื่องพัฒนาการเด็กช่วงอายุ 6-12 เดือนที่เรียกว่า symbiotic ตอนนี้จะถอยไปอีกถึงช่วงอายุ 1-6 เดือนที่เรียกว่า autistic

ครั้งที่ทารกยังอยู่ในครรภ์มารดาเป็นวันเวลาที่ชีวิตจมอยู่ในทะเลน้ำคร่ำของมารดา เมื่อคลอดออกมาพร้อมน้ำคร่ำที่ทะลักและเหือดแห้งไป ชีวิตทารกถือกำเนิดใหม่บนโลกมนุษย์ ช่วงแรกของชีวิตเขาเป็นหน่วยเดียวกับคุณแม่ นั่นหมายความว่าแม่ทำอะไรเขาทำด้วย แม่ทำอะไรได้มากมายที่ยิ่งใหญ่มาก เช่น ให้นม อุ้มกอด 
จิตวิเคราะห์เรียกความสามารถยิ่งใหญ่ระดับให้นมและอุ้มกอดนี้ว่า omnipotence คือความสามารถที่ทำได้ทุกสิ่งดลบันดาลได้ทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาล มารดามีความสามารถระดับนี้ทารกก็มีด้วย
แต่ทารกโตขึ้นทุกวัน ถึงแม้พ้นหกเดือนแรกไปแล้วทารกยังพบว่าคุณแม่มีความสามารถระดับพระผู้เป็นเจ้าอยู่

แต่ด้วยกระบวนการทางธรรมชาติที่ทารกต้องเติบใหญ่และพัฒนาเป็นบุคคลอิสระในที่สุด เขาจะค่อยๆ ค้นพบด้วยความขมขื่นว่าเขาไม่ใช่เจ้าของความสามารถยิ่งใหญ่ระดับนั้น ที่แท้แล้วคนเป็นแม่ต่างหากที่มี มิใช่เขา 
ความจริงและความผิดหวังนี้เป็นต้นเหตุของอารมณ์เศร้าล้ำลึก (melancholia) คือชีวิตที่ไม่มีความหมาย เป็นสาเหตุทางจิตวิเคราะห์ของความพยายามฆ่าตัวตายไม่ว่าจะด้วยวิธีการที่ช้า เช่น ใช้ยาเสพติด หรือวิธีการที่รวดเร็ว นั่นคือลงมือทันที

วันเวลาที่คนเราทุกคนยังอยู่ในมหาสมุทรน้ำคร่ำและวันเวลาที่เราขึ้นมาจากน้ำใหม่ๆ จึงเป็นวันชื่นคืนหวานอันหาที่เปรียบมิได้ มนุษย์ทุกคนมีแรงผลักดันในจิตใต้สำนึกที่จะออกเดินทางกลับสู่มหาสมุทรอีกครั้งหนึ่ง 
ตอนที่จิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ถือกำเนิดขึ้นในโลก การเดินทางผจญภัยทางทะเลยังเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ การคมนาคมทางทะเลยังคงเป็นเส้นทางหลักของโลก คนที่มีโอกาสออกเดินทางไกลทำไปด้วยจิตใต้สำนึกที่จะกลับบ้าน (the long voyage home) คือเดินทางไกลกลับสู่ทะเล

โดยทั่วไปความสามารถระดับที่เรียกว่าทำอะไรก็ได้คือ omnipotence นี้เป็นความสามารถที่สร้างความเสียหายให้แก่เจ้าของเสมอ เป็นต้นเหตุของอาการทางคลินิกของผู้ป่วยที่หุนหันพลันแล่นอย่างมาก (impulse character) ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมตนเองได้ (เพราะคิดว่าตนเองทำอะไรก็ได้) 
และเป็นต้นเหตุของอาการทางจิตของผู้ป่วยจิตเภท (schizophrenia) คือหลุดโลก เวลาคนเรานึกจะทำอะไรก็ทำได้อย่างฮิตเลอร์หรือฮุสเซนก็ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าจะต้องหลุดโลกในเวลาไม่นาน


เล่มสองหน้าปกสีเหลือง รูปเจ้าพ่อปู เล่มนี้เล่าเรื่องเจ้าพ่อปูที่เป็นปู่ แพลงก์ตันคู่หู แก๊งปลาดูดจ๊วบ และเบ็ตตี้ทะ-เลขา (Sea-cretary) ของโจ เรื่องราวของเจ้าพ่อปูที่เป็นปู่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สนุกสนาน มีความลงตัวในตัวเอง และน่าชมเชยผู้เล่าเรื่องอย่างมาก 
โผล่ออกมาทีไรเป็นได้ขำกลิ้งทุกทีไป ทั้งมุขภาษาและมุขหักมุม 
ปิดท้ายด้วยเรื่องสั้นขนาดยาวตอนพิเศษ Missing in Hongkong รอยต่อที่สูญหายของสายลับโจหนวดปลาหมึก

โจมีตาข้างเดียว อย่างน้อยนักอ่านก็เห็นเขามีตาข้างเดียวเสมอ ผู้คนและตัวละครทะเลในจักรวาลของเขาคงเห็นเขามีตาข้างเดียวด้วย ตาข้างเดียวกลมโตใหญ่ผิดสัดส่วนบ่งบอกความปรารถนาที่จะสอดส่องและแอบดูผู้อื่น (voyeurism) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของสายลับ (และจิตแพทย์/นักจิตวิทยา) 
โจมีหนวดปลาหมึกยุ่มย่ามเต็มหัวไม่ต่างอะไรจากเมดูซา มิหนำซ้ำยังมีแขนขาและปืนเป็นอาวุธ

ในทางกายภาพโจจึงเป็นผู้รุกราน หากเขามีความสามารถระดับที่เรียกว่า omnipotence เขาจะกลายเป็นอาชญากรของโลกไม่ต่างจากจอมเผด็จการทั้งหลายที่คอยสอดส่องผู้คนและทำร้ายคนไม่เลือกหน้า (เพราะคิดว่าตนเองทำได้ทุกอย่าง) 
แต่โจไม่ได้มีความสามารถระดับนั้นเพราะเขามีสังคมและระเบียบสังคมที่ SS ได้สร้างขึ้นมากำกับไว้ เขาจึงยังอยู่ในร่องในรอยและทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ได้ในระดับที่ชีวิตธรรมดาเขาเป็นกัน

การหวนคืนสู่วันวานยังหวานอยู่เป็นสภาวะทางจิตที่ดีของทุกคน เป็นช่องทางระบายความกลัดกลุ้มที่ไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจในสังคมที่เป็นจริง (reality) 
สุทธิชาติ ศราภัยวานิช นำทะเลกลับมาสู่โลกและสร้างจักรวาลของสายลับโจได้อย่างน่ามหัศจรรย์



.