http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-07-24

เรื่องของเด็ก, ช่วยเก็บยาให้ห่างมือการเมืองด้วย โดย ศิลา โคมฉาย

.

เรื่องของเด็ก
โดย ศิลา โคมฉาย คอลัมน์ แตกกอ-ต่อยอด
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1665 หน้า 67 


เรื่องฉาวในโรงแรมม่านรูด ในโรงหนังของเด็กๆ ในชุดนักเรียน ทำให้ผมคิดถึงลูกสาววัยรุ่น 
บางทีคิดมาก คิดลื่นไหลไกลไปถึงขณะที่ลูกยังเป็นเด็กเล็ก 
เรื่องหนึ่งที่มักผุดขึ้นก่อนใคร แจ่มชัดทั้งดวงหน้า แววตา และน้ำเสียง มิเปลี่ยนแปลง คือการจับสลากแลกของขวัญปีใหม่ของนักเรียนชั้นประถม ในคราวหนึ่ง
เด็กเล็กขนาดนั้นพ่อ-แม่ ต้องเป็นฝ่ายคิดและจัดการจัดหาตามปกติ สิ่งของที่เราตระเตรียมไว้ให้ เป็นไปตามความเคยชิน คืออุปกรณ์การเรียน
ลูกมีปัญหาต่อต้านรุนแรง เธออยากได้ของเล่นไปให้เพื่อน 
ยืนหยัดและยืนยันไม่เอาของที่เราเตรียมให้อย่างเด็ดขาด

เมื่อซักไซ้ไล่เรียงคาดคั้นถามถึงเหตุผล จึงได้คำตอบที่ทำให้ต้องนิ่งอึ้ง 
อุปกรณ์การเรียน เป็นประโยชน์ แต่ของเล่นเป็นความสนุก 
ประโยชน์เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ สนุกสนานเป็นเรื่องของเด็ก

ลูกสาวเติบโตขึ้น เป็นวัยรุ่นที่มีปัญหาตามธรรมชาติของวัย ทั้งไม่ใช่คนรักเรียนแบบทุ่มเท ออกจะดื้อรั้น แต่ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงเกินกำลัง และเอาเข้าจริงถ้าเทียบกันแล้ว พ่อแม่ดื้อด้านกว่ากันเยอะ ขั้นเคยต่อต้าน แข็งข้อ ก่อกบฏ 
แต่เราก็คุยกันได้ทุกเรื่อง คุยกันสม่ำเสมอ บ่อยครั้งที่ลูกเป็นฝ่ายเปิดประเด็น ตั้งคำถาม มองปัญหาแสดงความคิดเห็น แบบรู้เข้าใจ ดูเป็นผู้ใหญ่อย่างเหลือเชื่อ 
เรื่องที่พ่อแม่กังวลเฝ้าพูดคุยแนะนำ ครูที่โรงเรียนเข้มงวดพร่ำอบรมสั่งสอน 
เธอรู้อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยคิดจะปฏิบัติตาม 
เหมือนจะบอกว่า ปัญหาเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องของเธอ หากเป็นของผู้ใหญ่



เรื่องฉาวโฉ่ที่ก่อผลสะเทือนต่อสังคม ของคนวัยเจริญพันธุ์ เกิดอย่างต่อเนื่องและเพิ่มแรงท้าทายหนักหนาสาหัส แต่ไหนแต่ไรมาการเข้าถึงข้อมูล ปมปัญหา การศึกษาวิจัยเพื่อแสวงหาหนทางแก้ไข มักได้มาจากองค์กร หน่วยงานทางวิชาการ 
ชื่อและรายงานปรากฏเผยแพร่อยู่สม่ำเสมอ ให้ได้ศึกษาเรียนรู้ ทำความเข้าใจ 
ไม่ว่าเครือข่ายทำงานด้านสิทธิสตรี เด็กและเยาวชน หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เครือข่ายการวิจัยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา สมาคมเพศวิถีศึกษา ฯลฯ 
มีข้อมูลเชิงลึกมากมาย

แต่ปัญหายังเกิดซ้ำซาก และยิ่งเลวร้ายหนักข้อยิ่งขึ้นในสังคมที่เปลี่ยนไป 
ผมไม่รู้ว่าผลจากการศึกษาวิจัยพวกนี้ ถูกนำไปใช้แก้ไขปัญหามากน้อยแค่ไหน มีเพียงพอและทันกาลกับความเปลี่ยนอันรวดเร็วในยุคสมัยที่เทคโนโลยีชั้นสูง ถูกใช้ขับเคลื่อนชีวิตสังคมหรือเปล่า 
จากการพูดคุยแลกเปลี่ยน และเฝ้าดูความเป็นไปของลูกอยู่ห่างๆ 
บางทีอาจจำเป็นต้องลงลึก ไปให้ถึงส่วนที่เป็นเรื่องของเด็ก

แง่มุมที่ว่า อาจจะได้จากคนที่เป็นตัวกลางประสานในหมู่แฟนคลับศิลปิน ปัจจุบันเป็นเครือข่ายข้ามชาติไปแล้ว 
แฟนคลับเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ มีกิจกรรมเฉพาะมากมาย เชื่อมโยงกันด้วยเครือข่ายออนไลน์ ประชุมสายใกล้ชิดกันสม่ำเสมอ 
ผมมีความรู้ใหม่ๆ จากลูก แม้แต่เรื่องความรักเพศเดียวกัน ในหมู่ศิลปินเกาหลี เธอพูดถึงมันด้วยภาษาและท่าทีปกติธรรมดาที่สุด 
พวกนั้นเรียกชายอ้อนแอ้นแบบบาง รักสวยรักงามว่า "เคะ" ขณะหนุ่มกำยำมาดแมนเรียกว่า "เมะ"
เป็นโลกเฉพาะที่อาจจำเป็นต้องเข้าถึง

หรืออาจต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญแฟชั่นแวดวงวัยรุ่น เช่น ผู้ที่อยู่ในกระแสวัฒนธรรมคาวาอิ กลุ่มก้อนผู้ชื่นชมความเท่เก๋ โดยเฉพาะแฟชั่นของกระจุกระจิก ดูแล้วไม่น่าตื่นเต้น แต่ได้รับความนิยมมากว่า สิ่งของซึ่งออกแบบอย่างประณีตวิจิตร 
หรือผู้สนใจระดับลึกต่อแวดวงการ์ตูนญี่ปุ่น ขั้นที่เรียกขานว่า โอตาคุ

กระทั่งนักผลิตสื่อผู้เกาะติดเทคโนโลยี และความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ ที่พบว่าหนังโป๊เลิกทำแผ่นซีดีวางแผง โยกย้ายตลาดเข้ามาในพื้นที่นี้แล้ว ใครๆ สามารถเข้าถึง ซื้อขายกันง่ายๆ ผ่านบัตรเติมเงิน สนนราคาค่าโหลดต่ำสุดแค่ 5 บาท 
การเข้าถึงโลกเช่นนี้ น่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา


ปัญหาฉาวโฉ่ในวัยเรียน ที่นำไปสู่การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ เสี่ยงต่อโรคร้าย เด็กไทยกลายเป็นแม่สูงสุดในโลก นอกจากจะต้องระดมข้อมูลข่าวสารทั้งกว้างและลึก ถูกต้องทันสมัย ครบถ้วน การศึกษาวิจัยที่เข้าถึงปมปัญหา มีผู้รู้และเข้าใจถ่องแท้ 
ทั้งสนใจกระโจนลงต่อสู้เพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง ชนิดกัดไม่ปล่อย 
กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพ

ต้องมีคนเช่นนี้ และการเมืองต้องให้โอกาส เปิดพื้นที่ให้ได้ ทำงานระดับนโยบาย มีกำลังพร้อมสรรพทั้งคนและเงิน มิใช่กันเก้าอี้ไว้ตามระบบโควต้า จัดระดับเกรดซี กระทรวงโหล่เปรต เครื่องประดับเกียรติวงศ์ตระกูล แบ่งปันในหมู่นักเลือกตั้ง
เน่ากันตั้งแต่การเมืองลามลึกไปถึงเรื่องของเด็ก



++

ช่วยเก็บยาให้ห่างมือการเมืองด้วย
โดย ศิลา โคมฉาย คอลัมน์ แตกกอ-ต่อยอด
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1666 หน้า 67 


ปกติผมไม่ค่อยสนใจจริงจังกับรายการประเภทพบหมอ...ใกล้หมอ...ชะลอวัย ใส่ใจสุขภาพ...อะไรเทือกนั้นในจอโทรทัศน์ 
แต่ในนั้นก็พบหมอที่ทำให้ตื่นเต้น ตื่นตัวได้ อย่างวันที่มีหมอแนะนำให้กินทุเรียน 
กินแบบเป็นยา

ในเนื้อนุ่มหนารสหวานมัน ประกอบด้วยแป้ง ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุ รวมถึงกำมะถัน ตัวที่มีผลต่ออาการร้อนใน และกลิ่นฉุนรุนแรงจนบางคนรับไม่ได้ 
แต่มันมีคุณสมบัติเป็นเสมือนยาปฏิชีวนะอ่อนๆ ช่วยในการฆ่าเชื้อ ความร้อนช่วยในการเผาผลาญ แถมกากใยในเนื้อเหลืองหอมหวานช่วยการระบาย 
ทุเรียนมีสารต้านอนุมูลอิสระชื่อ เคอซิทิน เป็นชนิดเดียวกับในหอมใหญ่ และองุ่น แถมสารประเภทนี้ยังมีมากกว่า มังคุด ลิ้นจี่ มะม่วง เสียด้วย
ที่สำคัญหมอว่า กินให้พอเหมาะ จะช่วยชะลอความแก่

เลือกแบบห่ามๆ เพราะน้ำตาลน้อย พูย่อมๆ 1 ขีดให้พลังงานพอๆ กับข้าวสวยถ้วยย่อมๆ กินสัปดาห์ละไม่เกิน 2 พู สำหรับผู้ไม่ค่อยขยับ ไม่นิยมออกกำลังกาย 
โอ..แหล่มไหมเล่า? อิ่ม อร่อย แล้วยังกระชุ่มกระชวยสดชื่น


ผมตื่นเต้นเพราะความเป็นครอบครัวกินทุเรียน แม้ไม่อาจเอ่ยอ้างได้ว่ากินกันมากน้อยขนาดไหน เอาเป็นว่ามักมีความคิดจะเป็นเจ้าของสวน ผ่านเข้ามาในใจอยู่บ่อยครั้ง ทั้งลงมือเสาะหาข้อมูลความรู้ ทุเรียนสวน ทุเรียนไร่ รับฟังนักวิชาการ ตัวเกษตรกรผู้มีประสบการณ์ จากรายการเกี่ยวกับการเกษตร รวมถึงคำแนะนำห่ามๆ จากเพื่อนมิตรแถวบ้านเกิด 
พวกนั้นว่า ถ้าสภาพแวดล้อมพอไปได้ ไม่มีอะไรยากเย็นเลย อยากได้สวนแบบพรหมคีรี ก็ขุดหลุมปลูกให้ทั้งกว้างและลึก เอารถขนดินจากพรหมคีรีมาใส่ อยากได้แบบเมืองจันท์ก็ใช้ดินจันทบุรี... 
รองรับประคับประคองในช่วงหยั่งรากระบัดใบ

ผมตื่นเต้นเพราะความรับรู้ผ่านจากภาพ บริโภคราชาผลไม้ขนานนี้แล้ว นอนอืดเป็นงูเหลือม ร้อนรุมจนต้องหามังคุด แตงโมดับพิษ รู้ทะลุไปถึงสรรพคุณทางยา ไม่ต่างจากพืชผัก ผลไม้ พื้นบ้านพื้นเมืองรายรอบตัว เกาะไต่อยู่ริมรั้ว อันเป็นที่รู้จักและใช้สอยกันมานาน 
สรุปชัดเจนว่าเป็นภูมิปัญญา ในการกินอยู่ดูแลสุขสุขภาพ



บางทีความตื่นเต้นอาจเพราะได้เห็นโครงการยาแลกไข่ 
ช่วงต้นเดือนเพียงสัปดาห์เดียว ยาเก่าค้างคาในมือชาวบ้าน ซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์ ถูกคืนกลับสู่หน่วยงานสาธารณสุขถึง 36,710,591 เม็ด
เปิดโปงสภาพการเข้าถึงยาแบบง่ายดาย และการบริโภคยาไม่บันยะบันยัง จนเกินความจำเป็น ทั้งตอกย้ำข่าวสารที่ระบุว่า คนไทยกำลังใช้ยาขั้นถลุงถึงวันละ 128 ล้านเม็ด  
หรือปีละ 4.7 หมื่นล้านเม็ด 
เสี่ยงตายแบบเงียบเชียบ ค่อยเป็นค่อยไป

ในการรักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายด้านยาของคนไทยสูงถึงร้อยละ 30 ขณะประเทศอื่นๆ อยู่ในราวร้อยละ 10 ขณะจากผลการวิจัยของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ระบุว่า ปี 2553 มูลค่าการบริโภคยาคิดเป็นเงินมากกว่าแสนสามหมื่นล้านบาท  
ส่วนข้างมากใช้ไปกับยานำเข้า ซึ่งนับวันจะถีบตัวแพงลิบ 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้นำในการขับเคลื่อนโครงการ ยาแลกไข่ เห็นปริมาณยาเก่าแล้ว มีความคิดจะเน้นส่งเสริมสุขภาพในหมู่ประชาชน ด้วยการรณรงค์อาหารสุขภาพ และการออกกำลังกาย สร้างสุขอนามัยให้ตนเอง
เพื่อลดปริมาณการใช้ยา


อันที่จริง แนวความคิดอย่างนี้ ผ่านการคิดและไปสู่การปฏิบัติจริงมานาน ก่อนการมาถึงของนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ด้วยซ้ำ
คำขวัญพื้นๆ ประเภท การป้องกัน ดีกว่าการรักษา หรือป้องกันก่อน รักษาทีหลัง ดังซ้ำๆ สะท้อนอยู่ในหมู่บุคลากรด้านสาธารณสุข ถือเป็นเป้าหมายสำคัญ ขณะโดดลงไปเคลื่อนไหวรณรงค์ให้ประชาชนเห็น และเข้าใจความสำคัญของสุขอนามัย ใส่ใจดูแล แล้วสร้างเสริมสมรรถนะตนเอง ห่างไกลจากโรคภัย 
ทั้งสร้างเครือข่ายเพื่อดูแลชุมชนใกล้ชิด

การป้องกัน ดีกว่า การรักษา เพื่อลดจำนวนคนป่วยที่เข้าถึงหมอ ลดให้น้อยเพื่อหมอจะได้ใส่ใจทุ่มเทให้กับรายซึ่งจำเป็นจริงๆ ลดการเข้าถึงยาซึ่งมีผลทั้งทางด้านการรักษาและการทำลาย ท้ายที่สุดย่อมเป็นการลดทอนค่าใช้จ่าย อันสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น
พวกเขาคิดถึงการลดลงในทุกส่วน จนสามารถให้บริการฟรี เต็มประสิทธิภาพ 
แต่การเมืองก็ทลายแนว เปิดให้ทุกคนกรูเข้าถึงหมอ ถึงยา รับบริการทางการแพทย์กว้างขวางมากมาย จนเกิดเป็นปัญหาระส่ำระสาย ตกสู่ความต่ำทราม เกิดคลินิกในโรงพยาบาล มียาหลายเกรดต่างคุณภาพ การเลือกปฏิบัติกับผู้ป่วยนอกข่าย...

แน่นอนว่า การเข้าถึงยาอย่างง่ายดายของประชน มาจากการมีระบบหลักประกันสุขภาพเป็นส่วนสำคัญ แต่ก็เป็นประชาชนที่การเมืองเปิดช่องกว้าง ให้ทุกอย่างสะดวกจนแทบไม่คิดลงมือปกป้องตนเอง 
ตั้งหน้าตั้งตาคอยรับการบริการ

คงถึงเวลาที่การเมืองจะผลักระบบสาธารณสุขไปสู่รูปรอยที่ควรจะเป็น



.