http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-11-28

CLOUD ATLAS “วัฏสงสาร” โดย นพมาส แววหงส์

.

CLOUD ATLAS “วัฏสงสาร”
โดย นพมาส แววหงส์  คอลัมน์ ภาพยนตร์
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1684 หน้า 87


กำกับการแสดง Tom Tykwer, 
                       Andy Wachowski
                      และ Lana Wachowski 
นำแสดง Tom Hanks
Halle Berry 
Jim Sturgess
Jim Broadbent
Hugh Grant
Donna Bae 
Ben Wishaw
James D"Arcy



Cloud Atlas สร้างจากนิยายขายดีชื่อเดียวกันของ เดวิด มิเชลล์ ที่เล่าเรื่องยืดยาวข้ามหลายศตวรรษ จากศตวรรษที่ 19 จนถึงโลกอนาคตในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า เรื่องราวกลายเป็นมหากาพย์ยืดยาวผ่านข้ามห้วงกาลเวลาโดยมีสิ่งเชื่อมโยงจากยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่ง 
สมดังคำโปรยโฆษณาที่ว่า "สรรพสิ่งเชื่อมโยงกันหมด"
เมื่อทำออกมาเป็นหนังด้วยฝีมือของผู้กำกับร่วมสามคนคือ ทอม ทิกเวอร์ กับสองพี่น้องตระกูลวาชาวสกี (ที่ทำหนังยอดนิยมตลอดกาลเรื่อง The Matrix) จึงเป็นหนังที่สวยงามสมบูรณ์ทั้งในด้านเนื้อหาแบบมหากาพย์ ภาพประทับตา การแต่งหน้ายอดเยี่ยมและดนตรีประกอบ
ที่น่าอัศจรรย์ใจคือเล่าเรื่องราวของกลุ่มตัวละครหกกลุ่มสลับกันไปมา โดยไม่ได้เล่าไปตามลำดับก่อนหลังทีละเรื่อง จึงไม่ใช่หนังที่ดูได้ง่ายๆ เลย โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่เรายังไม่รู้จักตัวละครที่มีอยู่มากมาย
ต้องชมฝีมือการตัดต่อของ อเล็กซานเดอร์ เบอร์เนอร์

ด้วยความยาวร่วมสามชั่วโมง ไม่ได้มีช่วงไหนน่าเบื่อหรือชักช้ายืดยาดเลย ทุกบททุกตอนตราตรึงไปหมด แม้ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกที่ยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยจะถูก เพราะมีเรื่องเล่าหลากหลายตัดสลับกันไป 
หนังประกอบด้วยเรื่องหกเรื่องที่มีตัวละครหลักหกคน แต่ละเรื่องมีโยงใยนำไปสู่เรื่องของตัวละครในยุคต่อมา ผู้กำกับฯ สามคนคงจะแยกกันกำกับคนละสองเรื่อง นักแสดงหลักจะเป็นคนกลุ่มเดียวกัน แต่งหน้าเสียจนแทบจำไม่ได้ในบทบาทต่างๆ บางครั้งก็ข้ามจากเพศชายเป็นหญิงหรือหญิงเป็นชายก็มี 
ถ้ามองจากความเชื่อทางพุทธ ตัวละครเหล่านี้ล้วนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏและกฎแห่งกรรมอันต่อเนื่องไปไม่มีที่สิ้นสุด 

แม้จะมีเรื่องราวแยกกันไปถึงหกสาย แต่ทุกเรื่องก็มีความเชื่อมโยงกันอย่างนึกไม่ถึง การกระทำของตัวละครในเรื่องหนึ่งส่งผลถึงวิถีทางของโลกที่เปลี่ยนแปลงต่อๆ มา
ดังที่ตัวละครตัวหนึ่งกล่าวไว้ว่า "เราเป็นผู้ให้กำเนิดอนาคตของเรา" และเมื่อถูกถามว่ากลัวไหมที่จะต้องตาย เธอตอบว่า ไม่กลัว เพราะความตายเป็นเพียงการปิดฉากชีวิตนี้ และเปิดประตูไปสู่ชีวิตอื่นต่อไปที่อาจจะดีกว่านี้ 
ดังนั้น เรื่องที่จบลงอย่างเศร้าสลด จึงมีตอนต่อมาที่จุดประกายความหวังขึ้นใหม่ การกระทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความการุณย์หรือความโหดเหี้ยมย่อมส่งผลตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย


ถ้ามองตามลำดับเหตุการณ์ก่อนหลังแล้ว เรื่องแรกเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์การค้าทาส อดัม อิววิง (จิม สเตอร์เจส) เป็นนักกฎหมายหนุ่มที่เดินทางไปในมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อทำสัญญาซื้อขายทาสชาวเมารี ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว 
ระหว่างการเดินทางขากลับ เขาช่วยทาสเมารีคนหนึ่งซึ่งหลบหนีลงเรือมาด้วย และได้รับความช่วยเหลือจากทาสผิวดำคนเดียวกันนี้ เขาเขียนบันทึกการเดินทางครั้งนั้น ซึ่งจะเป็นตัวเชื่อมระหว่างเรื่องตอนนี้กับเรื่องตอนต่อไป 

เรื่องที่สองเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1930 เป็นเรื่องของศิลปินหนุ่มนักแต่งเพลง โรเบิร์ต โฟรบิเชอร์ (เบน ไวชอว์) ที่มีความสัมพันธ์เพศเดียวกันกับเพื่อนหนุ่มนักฟิสิกส์ชื่อซิกสมิธ (เจมส์ ดาร์ซี) 
โฟรบิเชอร์เป็นผู้ช่วยของนักแต่งเพลงสูงวัย วิเวียน อายร์ (จิม บรอดเบนต์) และได้อ่านบันทึกการเดินทางของอิววิง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาแต่งเพลง Cloud Atlas Sextet ซึ่งจะเป็นตัวเชื่อมสำคัญกับเรื่องตอนต่อไป 

เรื่องที่สาม เกิดขึ้นเมื่อสี่สิบปีต่อมา เป็นเรื่องสืบสวนระทึกขวัญของฆาตกรรมและแผนการซ่อนเงื่อนเกี่ยวกับแหล่งปฏิกรณ์ปรมาณู ซิกสมิธเป็นชายชราและนักฟิสิกส์ชื่อดัง ซึ่งได้พบกับลุยซา เรย์ (ฮัลลี เบอรี) โดยบังเอิญ เธอเป็นนักข่าว เมื่อมีคนตายเกิดขึ้น เธอจึงลงมือสืบสวนเรื่องราวที่เธอเชื่อว่าเป็นฆาตกรรม และนำไปสู่การเปิดโปงเบื้องหลังฆาตกรรมนั้น

เรื่องที่สี่เป็นตลกร้ายเกี่ยวกับเจ้าของสำนักพิมพ์ ทิโมธี คาเวนดิช (จิม บรอดเบนต์) ที่มีปัญหาด้านหนี้สินกับอันธพาลที่ขู่จะฆ่าเขา เขาได้อ่านหนังสือของเรย์ ระหว่างเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย ซึ่งส่งตัวเขาไปอยู่ในบ้านพักคนชรา ท่ามกลางพยาบาลที่เข้มงวด เรื่องนี้เป็นความพยายามหนีสู่อิสรภาพของกลุ่มคนแก่ที่ถูกไล่ล่าอย่างไม่ยอมลดละ
เขาเขียนหนังสือการผจญภัยของเขา ซึ่งต่อมาได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ชีวประวัติของเขา

เรื่องที่ห้าเกิดขึ้นในอนาคต ในเมืองนีโอโซล หรือโซลใหม่ของเกาหลี เป็นเรื่องของซอนมี-451 ซึ่งเป็นหุ่นยนต์หน้าตาเหมือนมนุษย์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับใช้มนุษย์เยี่ยงทาส ต่อมาเธอได้ดูหนังชีวประวัติของคาเวนดิช และได้รับแรงบันดาลใจให้ต่อสู้กับอำนาจของรัฐที่กดขี่ ซอนมีออกอากาศกระจายเสียงอุดมการณ์ของเธอ ซึ่งนำไปสู่การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ 

เรื่องสุดท้ายเกิดในอนาคตไกลโพ้น ซึ่งอารยธรรมของโลกถูกทำลายไปแล้ว แซกรี (ทอม แฮงส์) เป็นคนป่าอาศัยอยู่บนเกาะกลางมหาสมุทร 
และได้เจอกับเผ่าพันธุ์ของอารยชนที่ยังเหลือรอดในโลกที่ถูกทำลายล้างไปแล้ว



นักแสดงหลักเปลี่ยนบทบาทกันไป เหมือนกลับชาติมาเกิดใหม่ในแต่ละยุคสมัย ไม่มีใครเป็นพระเอกนางเอกตลอดกาล 
นักแสดงหลักเล่นกันคนละห้าหกบทบาท โดยแต่งหน้าเสียจนแทบจำไม่ได้
เมื่อเรื่องราวในหนังจบลงแล้ว เครดิตตอนจบจึงเป็นช่วงเฮฮาสำหรับคนดูมาก เพราะเขาเอาภาพของนักแสดงแต่ละคนในบทบาทต่างๆ มาเรียงรายให้ดู บางบทก็จำไม่ได้เลยในระหว่างเรื่องว่าใครแสดง

เป็นหนังเรื่องเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ค่ะ และเป็นหนังที่ต้องดูหลายหนเพื่อเก็บรายละเอียด เชื่อว่าในการดูแต่ละครั้งมุมมองต่อเรื่องน่าจะเห็นอะไรใหม่ๆ ขึ้นเยอะเลย

สุดยอดค่ะ คอหนังพลาดไม่ได้เลยเชียวเรื่องนี้



.