http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-11-09

อายโลก, อาโอ๋-หลานโอ๊ค, ปฏิเสธศาล?, ศึกใหญ่ ในคอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

.
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม - สนับสนุนรัฐบาลเลือกตั้ง โดย วงค์ ตาวัน
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม - อย่าเปลี่ยนแนวทาง, กฐินหมวกกันน็อก โดย จ่าบ้าน


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

อายโลก
โดย สมิงสามผลัด  คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ในข่าวสดออนไลน์  วันศุกร์ที่ 09 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.
( ภาพจาก FB-maysaanitto )


ลุ้นกันด้วยใจระทึกมาตลอดสัปดาห์ว่าฟีฟ่าจะอนุญาตให้ใช้สนามบางกอก ฟุตซอล อารีน่า (หนองจอก) เป็นสังเวียนศึกฟุตซอลโลก 2012 หรือไม่ 
หลังตรวจแล้วตรวจอีกมาช่วงปลายเดือนต.ค. 
สุดท้ายฟีฟ่าประกาศเป็นทางการแล้วว่าจะไม่ใช้สนามหนองจอกตลอดทัวร์นาเมนต์
เพราะไม่ผ่านมาตรฐาน
มีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยของนักกีฬา รวมถึงผู้ชมที่เข้ามาชมเกมในสนามด้วย 
สรุปว่าสนามมูลค่า 1,200 ล้านบาท ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์


หากย้อนไปดูความเป็นมาของสนามแห่งนี้ 
ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพศึกฟุตซอลโลก 2012 ตั้งแต่เมื่อปี 2553 ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ในแผนก็เสนอสร้างสนามหนองจอก ซึ่งมีความจุ 1.2 หมื่นคน เป็นสนามกีฬาในร่มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ใช้เป็นสนามหลักทำพิธีเปิด-ปิด นัดเปิดสนาม-นัดชิงชนะเลิศ 
มี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. รับเป็นเจ้าภาพสร้างสนามหนองจอก 
นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ฟีฟ่าตัดสินใจให้ไทยเป็นเจ้าภาพ


สุดท้ายสนามก็สร้างไม่เสร็จตามกำหนด 
ทั้งที่มีเวลาเตรียมการตั้ง 2 ปี 
มีคำถามตามมาเป็นพรวน 
ทำไมสร้างสนามเสร็จไม่ทันกำหนดฟีฟ่า 
กทม.เซ็นสัญญาเริ่มก่อสร้างม.ค.2555 ทำไมมาโหมสร้างเอาช่วงเดือนสุดท้ายก่อนเริ่มแข่ง 
แล้วอีก 8 เดือนก่อนหน้านี้ทำอะไรกันอ
ยู่


ทำไมสนามที่สร้างออกมาไม่เหมือนกับแบบแปลนที่เสนอฟีฟ่า 
นี่เป็นคำถามง่ายๆ แต่บ่งบอกได้ชัดเจนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ

แต่แทนที่จะยอมรับความผิดพลาด-ล้มเหลว ผู้บริหารกทม.บางคนกลับโต้ว่าเป็นเกมการเมือง 
พูดทำนองว่า ที่กทม.สร้างสนามไม่ทันเพราะโดนฝ่ายตรงข้ามกลั่นแกล้ง 
เป็นเกมดิสเครดิต เพื่อหวังผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในต้นปีหน้า!?



ต้องย้ำว่าข่าวฟีฟ่ายกเลิกสนามหนองจอก เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก 
ต้องไม่ลืมว่าศึกฟุตซอลโลกเป็นมหกรรมกีฬาระดับโลก 
ถ่ายทอดสดไปกว่า 200 ประเทศ

แค่สร้างสนามไม่เสร็จก็อับอายพออยู่แล้ว
อย่าประจานตัวเองไปมากกว่านี้เลย




++

อาโอ๋-หลานโอ๊ค
โดย มันฯ มือเสือ  คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ในข่าวสดออนไลน์  วันพฤหัสบดีที่ 08 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น. 


จากกรณีทางการพม่าจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยใหญ่พร้อมลูกระเบิดอาร์พีจี
จะโยงใยไปถึงแผนสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ ด้านการข่าวของฝ่ายไทยยังสับสนและขัดแย้งกันเอง
โดย เฉพาะข้อมูลที่"หนุ่มโอ๊ค"พานทองแท้ ชินวัตร นำมาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ปรากฏว่าสวนทางอย่างจังกับการข่าวที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมได้รับรายงาน
หนุ่มโอ๊คระบุการจับกุมอาวุธดังกล่าว น่าจะเกี่ยว ข้องกับแผนลอบสังหารผู้เป็นบิดาโดยตรง
ซึ่งสอดรับกับการข่าวที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ได้รับจาก บช.ภาค 5 แล้วนำมาหารือกับพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯสมช. กระทั่งได้ข้อสรุปตรงกันว่า
มีความเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณโดยมีการว่าจ้างจากฝั่งไทย

แต่ ปรากฏว่าพล.อ.อ.สุกำพล กลับออกมาให้สัมภาษณ์ตรงกันข้าม ว่ากรณีดังกล่าวเป็นแค่การจับกุมจรวดอาร์พีจีแค่ 3 ลูก ไม่มีอาวุธปืน จึงไม่น่าเกี่ยวกับการลอบฆ่าพ.ต.ท.ทักษิณ
พล.อ.อ.สุกำพลยังเรียกหนุ่มโอ๊คว่า "น้องหนูพานทองแท้" อีกต่างหาก
อาการ"ผิด คิว"ของพล.อ.อ.สุกำพล ทำให้หนุ่มโอ๊คต้องงัดหลักฐานรูปถ่ายผู้ต้องหาชาวไทยใหญ่พร้อมอาวุธซึ่งมี ทั้งอาร์พีจี เอ็ม 79 และปืนเอ็ม 16 มาลงเฟซบุ๊ก 
โชว์ความเหนือกว่า "อาโอ๋" ในด้านความแม่นยำของข้อมูลหลักฐาน 


จากวิวาทะ"อา-หลาน"ว่าด้วยเรื่องแผนการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ 
สะท้อน ว่าพล.อ.อ.สุกำพลนั้น มองเรื่องที่เกิดขึ้นในแบบทหารมอง เลยไม่เห็นการเชื่อมโยงทางการเมืองเหมือนอย่างที่หนุ่มโอ๊คและร.ต.อ.เฉลิม เห็น 
ดีหรือไม่ดี ไม่รู้

แต่ท่าทีเช่นนี้ก็น่าทำให้ฝ่ายค้านสบายใจได้ว่า เรื่อง"ถอดยศ-เรียกคืนเบี้ยหวัด"ที่อยู่ในกำมือของพล.อ.อ.สุกำพลนั้น
ผลสรุปของมันจะไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน 



++

ปฏิเสธศาล?
โดย คาดเชือก คาถาพัน
  คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ในข่าวสดออนไลน์  วันพุธที่ 07 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.  ข่าวสดออนไลน์


แล้วประเด็นศาลอาญาระหว่างประเทศก็เป็นข้อขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมาตามความคาดหมาย 
ญาติของผู้ตายและคนบาดเจ็บในเหตุการณ์สลายม็อบปี 2553 ต้องหนุนแนวทางนี้อยู่แล้ว
เพราะไม่มั่นใจในความเที่ยงตรงของกระบวนการยุติธรรมไทย
มีอะไรมาเกาะเกี่ยวเผื่อไว้อีกอย่างก็ช่วยให้อุ่นใจขึ้น

ขณะที่นักวิชาการผู้ออกมาสนับสนุนก็เพราะเห็นว่าศาลนี้จะมาช่วย"ปราม"ไม่ให้ผู้ ปกครองในอนาคตใช้กำลังสลายการชุมนุมให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตายอีก

ขณะที่หัวหอกของกลุ่มคัดค้านที่เป็นหน้าเดิมอย่าง 40 ส.ว. ก็ใช้เหตุผลเดิมๆ มาระบุว่า ไทยจะไปรับขอบเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศไม่ได้
เพราะผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190

ทั้ง ที่มีผู้พยายามอธิบายแล้วว่า การประกาศรับขอบเขตอำนาจศาลนี้เป็นการ "ประกาศฝ่ายเดียว" ไม่เข้าข่ายสนธิสัญญา ไม่ต้องนำเข้าสภาเพื่อขออนุมัติตามมาตรา 190

ท่านก็ไม่ฟัง


ทั้งที่มีผู้อธิบายแล้วว่า ถึงรับขอบเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศไปแล้วก็ยังมีอีกตั้งสองขั้นตอนใหญ่ คือเขาจะรับคดีหรือไม่ก็ยังไม่รู้ และถึงเขาจะรับคดี ถ้ากระบวนการยุติธรรมในเมืองไทยตรงไปตรงมา เขาก็เข้ามาพิจารณาคดีไม่ได้

ท่านก็ยังไม่ฟัง

ทั้งที่มีผู้เสนอทางออกแล้วว่า ถ้ากลัวว่าจะเป็นการเอาผิดกับคนหรือกลุ่มคนที่ท่านรักเท่านั้น ก็ขยายเวลาในการรับขอบเขตอำนาจศาลให้ย้อนหลังไป จะเอาถึงกรณีฆ่าตัดตอนหรือสลายม็อบตากใบ

ท่านก็ไม่เอา



และ ทั้งที่ผู้ที่ให้ความเห็นชอบกับธรรมนูญกรุงโรมซึ่งเป็นต้นกำเนิดของศาลอาญา ระหว่างประเทศคือรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย-รัฐบาลที่รักของท่านทั้งหลายนี่แหละ
ท่านก็ไม่สนใจ

ท่านจะส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อล้างรัฐบาลนี้ลูกเดียว
หัวชนฝาไม่ฟังเหตุฟังผลนี่ พาคนฆ่ากันมาเยอะแล้ว
ยังไม่เบื่ออีกหรือ 




++

ศึกใหญ่
โดย มันฯ มือเสือ  คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ในข่าวสดออนไลน์  วันเสาร์ที่ 03 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.
( ภาพจาก FB-Red Intelligence )


น.ส.ยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ นำครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเย็นวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พร้อมนัดประชุมครม.ใหม่อย่างเป็นทางการทันทีวันรุ่งขึ้น 
ถึงแม้การปรับ "ครม.ปู 3" จะผ่านพ้นไปด้วยดี
แต่ การเมืองช่วงเดือนพ.ย. ก่อนสภาจะปิดสมัยประชุมวันที่ 28 ก็มีสัญญาณหลายอย่างบ่งชี้ว่าจะยังร้อนแรงและชวนให้ติดตามหลายเรื่องด้วยกัน 
หนักๆ เลยก็คือการยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านประชาธิปัตย์
ซึ่งในระยะหลังมานี้พรรคประชาธิปัตย์มักออกแนวคัดค้านแบบสะเปะสะปะ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน สำรวจโพลทีไรก็เลยถูกรัฐบาลเพื่อไทยทำแต้มทิ้งห่างออกไปทุกที 
ศึกอภิปรายซักฟอกที่กำลังจะมาถึง จึงเป็นเดิมพันชี้วัดว่าประชาธิปัตย์จะสามารถกอบกู้สถานการณ์ตีตื้นขึ้นมาได้บ้างหรือไม่ หรือว่าจะยิ่งอาการหนักกว่าเดิม

กับอีกเรื่องคือการเคลื่อนไหวนอกสภาของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามของพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย กับภาคีเครือข่าย
หลังจากการชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา
ถ้าวัดจากจำนวนคนที่มาร่วมชุมนุมเพียงอย่างเดียว โดยไม่พูดถึงประเด็นที่ใช้นำมาเป็นเหตุในการเคลื่อนไหว ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเกินเป้า
ทำให้เสธ.อ้ายตัดสินใจเป่านกหวีดนัดชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้าย ยกระดับเป้าหมายระดมคนมาร่วมให้ได้ 1 ล้านคน เพื่อขับไล่รัฐบาล

ใครต่อใครหลายคนออกมาส่งเสียงเตือนรัฐบาลว่า อย่ามองข้ามม็อบเสธ.อ้าย โดยเฉพาะบรรดา "มือ" ที่คอยหนุนหลังเสธ.อ้ายอีกที
ยิ่งต้องห้ามประมาทโดยเด็ดขาด

นั่นก็เพราะในจำนวนหลายๆ มือนั้น อาจจะมีอยู่ 1 มือที่กำลัง "จนตรอก" กับคดีสลายการชุมนุม 99 ศพ

พร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อล้มกระดานไม่ให้คดีเดินหน้าต่อไปได้
ไม่ว่าความหวังนั้นจะรางเลือนริบหรี่แค่ไหนก็ตาม



+++

สนับสนุนรัฐบาลเลือกตั้ง
โดย วงค์ ตาวัน  คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
ในข่าวสดออนไลน์  วันพุธที่ 07 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.  ข่าวสดออนไลน์


มีการขึ้นป้ายคัตเอาต์ขนาดใหญ่ไปทั่วประเทศ แทบทุกจังหวัดแล้วด้วยซ้ำ ด้วยข้อความที่อาจจะไม่เหมือนกัน แต่เนื้อหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ ประชาชนคนไทยขอสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
บางป้าย บางพื้นที่ อาจจะเพิ่มคำว่า ต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหารด้วย

การแสดงความเห็นผ่านป้ายเหล่านี้ แน่นอนว่าเพื่อตอบโต้คนกลุ่มหนึ่งที่มีแนวคิดล้าหลังเต่าพันปี
จู่ๆ เรียกร้องให้ออกมาชุมนุมโค่นล้มรัฐบาล ประกาศจะก่อวิกฤตเพื่อให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร
ลงเอยจะแช่แข็งประเทศสัก 5 ปี เพื่อจัดระเบียบ เสียใหม่ 
กินยาผิดซอง หรือหัวฟาดพื้น ตื่นขึ้นมาแล้วหลงเพ้อว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษหรือไง!?

คิดเองว่าพวกตนกลุ่มเดียวนี้ จะมาควบคุมและวางระบบระเบียบใหม่ 
ประชาชนทั้งหมดต้องหยุดคิดหยุดเคลื่อนไหว 
รอฟังแต่คนกลุ่มนี้กลุ่มเดียว 

เสียสติ ล้าหลัง แท้ๆ!!



ทั้งที่รัฐบาลนี้ทำงานไปตามปกติ ไม่ได้เก่งกาจนัก แต่ไม่ได้ทำผิดพลาดร้ายแรงอะไร 
ที่สำคัญมาจากการเลือกตั้ง ด้วยประชาชนที่แห่กันไปเทคะแนนให้กว่า 15 ล้านเสียง โดยไม่มีการซื้อเสียงด้วยซ้ำ
เพราะถ้าซื้อเสียงแม้แต่บาทเดียว เป็นโดนยุบไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่ไม่มีเส้น

ชนะเลือกตั้งท่วมท้น และเข้ามาเป็นรัฐบาลตามครรลองอันถูกต้อง
ไม่ใช้วิธีไปวิ่งราวส.ส. บีบพลิกขั้ว แล้วไปจัดรัฐบาลกันในค่ายทหาร
อีกอย่างที่แห่กันไปเลือกเป็นกระแสใหญ่เมื่อ 3 กรกฎาคม 54 นั้น เพราะแค้นเคืองในคดี 99 ศพ
ผู้มีอำนาจไม่ยอมรับผิดชอบต่อความตายของประชาชนขณะที่ตนเองบริหารประเทศ!

ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ความหวังประการหนึ่งของคนไปใช้สิทธิก็คือ สะสางคดี 99 ศพ
ตอนนี้คดีกำลังคืบหน้าไปเป็นลำดับ คาดว่าปลายเดือนนี้ คนตายจะได้รับความเป็นธรรมเสียที
ไม่รู้ว่าเป็นเหตุให้มีการดิ้นรนจะล้มรัฐบาลเพื่อชิงตัดหน้าคดีหรือเปล่า!?



แต่เอาเป็นว่า ประชาชนทั่วประเทศ กำลังแสดงออกให้รู้กันว่า ต้องการรัฐบาลที่มาอย่างชอบธรรมเท่านั้น 
เลือกตั้งด้วยมือประชาชน ไม่ใช่แต่งตั้งโดยคนกลุ่มแค่หยิบมือ 


ประเทศนี้ไม่ต้องการถอยหลัง แต่ต้องเดินหน้าไปสู่ความเจริญทางปัญญาและเสรีภาพ!



+++

อย่าเปลี่ยนแนวทาง
โดย จ่าบ้าน  คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ในข่าวสดออนไลน์  วันอังคารที่ 06 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.


ก่อนปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจะผ่านเลยไป มีเหตุปะทะกันในหลายพื้นที่ของสามจังหวัดชาย แดนภาคใต้ เป็นเหตุให้ผู้ก่อการร้ายเสียชีวิต 2 ศพ แต่ที่น่าสลดใจคือ ผู้ก่อการร้ายดักยิงนักการภารโรงซึ่งขับรถกระบะมีลูกชายอายุ 12 ปี เป็นนักเรียนชั้น ป.6 เสียชีวิตทั้งสองคน และเพื่อนของลูกชายที่โดยสารไปด้วย อายุ 10 ขวบบาดเจ็บสาหัส ไม่ทราบว่าวันนี้เสียชีวิตไปแล้วหรือไม่ เพราะเด็กทั้งสองคนถูกยิงเข้าที่ศีรษะ

วันนี้เหตุรุนแรงยังเกิดขึ้นเป็นประจำ ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมและวิสามัญฯ คนร้ายได้เช่นกัน
การจับกุมและวิสามัญฯ ผู้ก่อการร้ายของเจ้าหน้าที่แสดงว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เริ่มกระชับวงคนร้ายเข้าไปทุกขณะ หากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดำเนินการขยายผลต่อไป เชื่อได้ว่าวันหนึ่งไม่นานคงได้ตัวผู้ก่อความไม่สงบระดับหัวขบวนได้

ขณะนี้รัฐบาลปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนายกรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือน และไม่เคยรับราชการ รองนายกรัฐมนตรีที่มีอยู่ต่างไม่มีตำแหน่งทางทหาร มีแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเพียงคนเดียวที่เป็นทหารระดับผู้นำกองทัพ มาก่อน


วันนี้จึงมีเสียงวิจารณ์กันถึงการสั่งการในการแก้ปัญหาภาคใต้ว่าจะให้ใครเป็นผู้กุมสถานการณ์

คำตอบอยู่ที่ผู้บัญชาการทหารบก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ว่าขึ้นกับรัฐบาลจะสั่งการ เนื่องจากผู้ปฏิบัติหน้าที่ยังเป็นคนเดิม มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เมื่อศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชาย แดนภาคใต้ยังไม่เกิดขึ้นก็ต้องใช้การทำงานแบบเดิมไปก่อน

ห้วงเวลาที่ผ่านมาครึ่งหลังของปีนี้ดูเหมือนว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐจะรุกคืบ หน้าสามารถจับกุมและวิสามัญฯ ผู้ก่อการร้ายที่มีพฤติกรรมแห่งคดีและมีหมายจับได้หลายคน
ทำให้เห็นว่าผู้ที่ก่อความไม่สงบที่ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้ที่อาจร่วมมือกับขบวนการค้ายาเสพติด ของเถื่อน ของผิดกฎหมาย ดังที่ผู้บัญชาการทหารบกให้ข้อสังเกตไว้


หากเจ้าหน้าที่ยังดำเนินการให้ถูกทิศทาง สถานการณ์ก็น่าจะสงบได้เร็วกว่านี้ 



++

กฐินหมวกกันน็อก
โดย จ่าบ้าน  คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ในข่าวสดออนไลน์  วันอังคารที่ 05 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 02:44 น.  ข่าวสดออนไลน์


นับแต่มีกฎหมายบังคับใช้ให้ผู้ขับและผู้นั่งด้านหน้ารถยนต์ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย กับผู้ขับขี่จักรยานยนต์และผู้ซ้อนท้ายต้องสวมหมวกนิรภัย ปรากฏว่าผู้ขับรถยนต์และผู้นั่งด้านหน้าปฏิบัติตามกฎหมายมากกว่า
อาจด้วยเหตุผลบางประการที่ไม่เหมือนกัน คือการคาดเข็มขัดนิรภัยทำง่ายกว่าสวมหมวก ทั้งหากไม่คาดเข็มขัดรถยนต์บางรุ่นจะมีเสียงหรือไฟเตือน แต่การสวมหมวกกันน็อกไม่มีสัญญาณเตือน


มูลนิธิไทยโรดส์สำรวจข้อมูลเมื่อ พ.ศ.2554 พบว่า มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกกันน็อกมากถึงร้อยละ 54 และชมรมคนห่วงหัวในมูลนิธิเมาไม่ขับ พบว่าเด็กที่ผู้ปกครองปล่อยให้ใช้จักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกกันน็อกร้อยละ 93 ด้วยเหตุนี้กระทรวงสาธารณสุขจึงพบว่าในแต่ละปีเด็กไทยหัวถูกน็อกพื้นจากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ 5,000 ราย

นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการชมรมคนห่วงหัว ให้ความเห็นว่า พ่อแม่จะทะนุถนอมและเลี้ยงดูลูกตั้งแต่เป็นเด็กเล็กอยู่อย่างดี พาไปรับวัคซีนป้องกันโรคร้ายครบถ้วน เมื่อเด็กโตขึ้นรัฐมีสวัสดิการด้านการศึกษาให้เด็กเรียนฟรี ถึงขั้นแจกแท็บเล็ตให้เด็กประถมศึกษาปีที่ 1
แต่ทราบไหมว่าขณะนี้มีเด็กไม่น้อยตกอยู่ในภาวะเสี่ยงหัวน็อกพื้นจากการเดินทางโดยจักรยานยนต์ เพราะพ่อแม่เองมิได้คาดการณ์ว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับบุตรหลานของตน หากเกิดขึ้นก็คิดว่าเป็นเวรกรรม หรือโชคชะตา จึงไม่คิดจะป้องกัน ทั้งที่หมวกกันน็อกช่วยลดการบาดเจ็บทางสมองได้ถึงร้อยละ 67



ชมรมคนห่วงหัวมีการรณรงค์ให้ผู้ขับขี่และซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะเด็กสวมหมวกกันน็อกมาสองสามครั้งแล้ว ครั้งนี้จึงร่วมกับสำนักพุทธศาสนา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จัดทำโครงการเพื่อช่วยเหลือให้เด็กมีหมวกกันน็อกสวมใส่มากขึ้น ผ่านการทำบุญ เชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนทำบุญแนวใหม่ ถวาย "สังฆทานหมวก" ให้หมวกกันน็อกเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยวัตถุเพื่อให้สงฆ์นำไปมอบแก่เด็กที่มีความต้องการต่อไป

ที่สำคัญ ตำรวจต้องเข้มงวดกับการไม่สวมหมวกกันน็อกทั้งกับผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายด้วยวิธีการใดก็ได้ เพื่อให้เด็กไทยของเรามีนิสัยสวมหมวกกันน็อก ก่อนที่หัวจะน็อกพื้น



.