http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-11-27

หนุ่มเมืองจันท์: ไร้สาระ (1), (2)

.

ไร้สาระ (1)
โดย หนุ่มเมืองจันท์ www.facebook/boycitychanFC คอลัมน์ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1683 หน้า 24


วันหยุดที่ผ่านมา แวบไปเดินเล่นที่ "เซ็นทรัลลาดพร้าว"
เห็นคนยืนต่อคิวยาวเหยียดที่หน้าห้างเซ็นทรัลชั้นบน
ส่วนใหญ่เป็น "ผู้หญิง"

มี "ผู้ชาย" ยืนอยู่บ้างประปราย สังเกตจากใบหน้าที่ดูเซ็งๆ แล้วคาดว่าคงไม่ได้เป็น "ลูกค้า" แต่เป็น "แฟนลูกค้า" 
รอสาวเลือกรองเท้าลดราคา


ผมชะโงกดูตามประสาคนอยากรู้อยากเห็นว่าเป็นรองเท้ายี่ห้ออะไร

Fitflop ครับ
รองเท้า Fitflop รองเท้าเพื่อสุขภาพยี่ห้อดังที่เพิ่งเปิดสาขาในเมืองไทยมีโปรโมชั่นลดราคา 
ก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นคิวแบบนี้เซ็นทรัลเวิลด์มาแล้วครั้งหนึ่ง เขาให้คนยืนรอคิวแล้วเข้าไปเลือกรองเท้าเป็นรอบๆ 
คิวยาวเหยียดพอกัน

พอกลับบ้าน ผมเกิดแรงบันดาลใจจากใบหน้าหนุ่มๆ ที่ยืนรอสาวเลือกรองเท้า เขียนเล่นลงในเฟซบุ๊ก boycitychanFC 
"ไปเซ็นทรัลลาดพร้าววันนี้ เจอสาวๆ ยืนรอคิวเข้าไปซื้อรองเท้า fitflop ยาวเหยียด. 
...รอกันเป็นชั่วโมง. 
เห็นแล้วปลงจิต. เพราะไม่มีทางที่ "ผู้ชาย" จะทำอะไรไร้สาระแบบนี้ 
เฮ้อ. คืนนี้ถ่างตารอดูแมน ยูฯ ตอนเที่ยงคืนดีกว่า"

ครับ ในสายตาของ "ผู้ชาย" อาจมองว่าการต่อคิวซื้อสินค้าลดราคาของ "ผู้หญิง" เป็นเรื่องไร้สาระน่าดูเลย 
มี "ผู้ชาย" น้อยคนที่จะยอมยืนต่อแถวนานๆ เพื่อซื้อสินค้า 
ไม่ต้องต่อคิวซื้อสินค้าหรอกครับ แค่รอคิวร้านเอ็มเคสุกี้ ผมเคยถามสาวๆ ว่าถ้าต้องรอ 10 นาที รอหรือเปล่า
ทั้งหมด "รอ"
15 นาทีรอไหม?
ลดลงไปนิด แต่ส่วนใหญ่ก็ยัง "รอ"

แต่พอถาม "ผู้ชาย" บ้าง
10 นาทีรอไหม?
ประมาณ 70% รอ แต่อีก 30% ไม่รอ 
รอ 15 นาทีล่ะ
เชื่อไหมครับ หายไปเกินครึ่ง


แต่พอถามว่าไปกับแฟน 20 นาทีรอไหม
ผู้ชายทุกคนยกมือพร้อมกัน 
"รอ"
เป็นการแสดงให้เห็นว่า "ผู้ชาย" รักจริง
บ้า "ผู้หญิง" มากกว่า "เอ็มเคสุกี้"



การรอคิวซื้อสินค้าลดราคาสำหรับ "ผู้หญิง" ถือเป็นเรื่องปกติ 
ไม่ "ไร้สาระ" 
แต่สำหรับ "ผู้ชาย" ส่วนใหญ่มองตรงกันข้ามและบางครั้งก็เอามาเม้าธ์ในหมู่เพื่อน 
ในมุมกลับ กิจกรรมบางอย่างสำหรับ "ผู้ชาย" เช่น การอดหลับอดนอนดูฟุตบอล 
โดยเฉพาะช่วงฟุตบอลโลก หรือฟุตบอลยูโรฯ
"ผู้หญิง" ก็มองว่าเป็นเรื่องไร้สาระเช่นกัน

ในโลกที่คนคิดต่างกัน "ความไร้สาระ" ของคนหนึ่ง อาจเป็นเรื่องมี "สาระ" ของอีกคนหนึ่ง
เช่นเดียวกับเรื่องที่เปี่ยมด้วยสาระของคนหนึ่งก็เป็นเรื่อง "ไร้สาระ" ของอีกคนหนึ่งเช่นกัน

โดยเฉพาะ "ผู้ชาย" กับ "ผู้หญิง" ที่ว่ากันว่ามาจากดาวคนละดวง 
หลังจากผมโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร
ขำ-ขำ

แต่คนที่มาแสดงความเห็นต่อท้ายสิครับ
แม้ส่วนใหญ่จะเข้าใจในความหมายของการเสียดสี "ผู้ชาย" ด้วยกัน แต่กลับมีบางคนนึกว่าผมตั้งใจว่า "ผู้หญิง" 
"สาระมันต่างกัน เพราะผู้ชายมันยังแหกตาดูบอล ที่ไม่มีสาระอันใด หรือไม่ก็ไปต่อแถวซื้อมือถือ ค่ายแอปเปิ้ลนั่นไง ผู้ชายทั้งเพ" 
หรือประชดประชันแบบกึ่งเล่นกึ่งจริง "ถ่างตา ก็เป็นสาระดีนี่คะ" 
หรือบางคนก็แซวเล่นแบบมีอารมณ์ขัน 
"ไม่มีทางที่ผู้หญิงจะถ่างตารอเช่นนี้เหมือนกัน ไปนอนเอาสลัดผักโปะหน้าดีกว่าเป็นไหนๆ ฮาๆๆ" 

พอโทนเสียงต่อว่าเริ่มแรง ก็เริ่มมีคนมาช่วยเถียงแทนว่าให้อ่านดีๆ 
ผมไม่ได้ต่อว่า "ผู้หญิง" แต่เสียดสีตัวเอง 
มีคนแสดงความเห็นในกระทู้นี้เกือบ 200 คน
สนุกดีครับ

นั่งอ่านเล่นพักหนึ่งก็เกิดไอเดียหนึ่งขึ้นมา 
กะว่าจะโพสต์ข้อความใหม่ 
"วันนี้ เพื่อนผู้ชายคุยกันว่าจะถ่างตารอดูแมน ยูฯ ตอนเที่ยงคืน 
ฟังแล้วปลงจิต เพราะไม่มีทางที่ "ผู้หญิง" อย่างเราจะทำอะไรไร้สาระแบบนี้ 
เฮ้อ...คืนนี้รีบนอนดีกว่า พรุ่งนี้เช้าจะรีบไปเข้าคิวซื้อรองเท้า Fitflop"
ลงชื่อ "สาวเมืองจันท์"

เรื่องเดียวกัน แต่เปลี่ยนเป็นมองอีกมุมหนึ่งแทน 
แต่สุดท้ายผมตัดสินใจเขียนข้อความแบบ "เซน" ดีกว่า 
"ตอบ" โดย "ไม่ตอบ"

เมื่อต้องการจะบอกว่าคนเราทุกคนล้วนแต่มีเรื่อง "ไร้สาระ" กันทั้งนั้น 
เราเปิดประเด็นให้แฟนเพจเล่าเรื่องไร้สาระของตัวเองดีกว่า 
"ไหนๆ ก็คุยกันเรื่องความไร้สาระแล้ว 
อยากรู้ว่าใครเคยทำเรื่องที่คิดว่า "ไร้สาระ" ที่สุดบ้าง
เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ"


เชื่อไหมครับว่าไม่ถึง 10 นาที มีคนเขียนเล่าเรื่อง "ไร้สาระ" ของตัวเองมาเกือบ 50 คน 
แต่ละเรื่องสนุกทั้งนั้น 
สนุกจนอยากให้รางวัล 
โพสต์ข้อความเดิมอีกครั้ง แต่เพิ่มข้อความว่าจะแจกหนังสือเป็นรางวัล
ตอนแรก 5 เล่ม พอเรื่องเริ่มเยอะก็เลยเพิ่มเป็น 10 เล่มสำหรับ "เรื่องไร้สาระ" ที่โดนใจที่สุด

และสุดท้ายคงต้องเพิ่มเป็น 20 เล่ม
เพราะมีคนเข้ามาเล่าเรื่องไร้สาระของตัวเองถึง 500 กว่าคน 
สนุกมากครับ
อ่านไปหัวเราะไปทั้งคืน
ไม่นึกว่าคนเราจะสามารถทำเรื่อง "ไร้สาระ" ได้ขนาดนี้



มีตัวอย่างเรื่อง "ไร้สาระ" มาเล่าให้ฟังเพื่อเรียกน้ำย่อย 2-3 เรื่องครับ 
"โบกแท็กซี่ แล้วถาม ว่ากี่โมงแล้วค่ะ ตอนนี้ ^^" (คุณไม่ถือสา แต่ว่ารู้สึก
"เคยเข้าห้องน้ำแล้วห้องข้างๆ ตดเสียงดัง เราเลยพยายามจะเบ่งให้ตดดังกว่าเค้า แต่ไม่ออก ออกจากห้องน้ำมาเครียด แพ้เลย 55" (Anntie Ams
เฮ้อ คิดได้ไง


"จีบผู้หญิงคนแรก ไม่กล้าคุยกับเค้า ผมเป็นคนที่ชอบดูหนังจีนกำลังภายใน ประทับใจการสะกดรอยตามผู้ร้ายที่สุด 
ผมจึงเอาวิธีนี้มาประยุกต์ใช้ โดยการรอเวลาหลังเลิกเรียน เธอจะเดินไปขึ้นรถบริเวณใกล้ๆ ผมจะค่อยๆ เดินตามไม่ให้เธอรู้ตัว จนรู้ว่าเธอขึ้นรถประจำตรงไหน 
แต่อนิจจาเธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผมสะกดรอยตาม เธอฝากมาบอกเพื่อนของผมว่าเธอกลัวมาก 
ผมเลยกลายเป็นพวกโรคจิตในสายตาเค้าไปเลย 555 

ไร้สาระมั้ยครับ นี่แหละ การคิดจะจีบหญิงครั้งแรก ไม่เป็นท่าเลยครับ" (Valio Campione)   
ครับ นี่แค่ "ตัวอย่าง"

ฉบับหน้าขออีกตอน จะคัดอีก 17 เรื่องที่ได้รางวัลมาเล่าให้ฟัง
แล้วจะรู้ว่าคนเรา "ไร้สาระ" มากกว่าที่คุณคิด 

(ถ้าอยากอ่านเรื่องทั้งหมด ให้เข้าไปในเฟซบุ๊ก boycitychanFC ได้เลยครับ
รับประกันความฮา!!!
)



++

ไร้สาระ (2)
โดย หนุ่มเมืองจันท์ www.facebook/boycitychanFC คอลัมน์ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1684 หน้า 24


ต่อเนื่องจากฉบับที่แล้วครับ จากการเปิดประเด็นให้ "แฟนเพจ" เล่าเรื่อง "ไร้สาระ" ของตัว 
ฉบับที่แล้วลงไป 3 เรื่อง
ฉบับนี้ ขออนุญาตลงเรื่องที่คัดสรรมาแล้วว่า "ไร้สาระ-เพี้ยน" และขำสุดๆ อีก 17 เรื่องครับ 


กลุ่มแรก เป็นเรื่องความไร้สาระและไร้เดียงสาในวัยเด็ก 
"หยิกแขนคนข้างๆ เมื่อเจอรถเต่า และอธิษฐาน" Firstread Firstsight 
มีคนโพสต์ประเด็นนี้หลายคน แต่ Firstread Firstsight เป็นคนแรก
Bewitch ZAng "ตอนประถม ต้องกินยาแก้หวัด กินยาไปแล้วก็กินน้ำจากขวดเลยค่ะไม่ได้ใส่แก้ว แล้วยามันร่วงจากปากตกลงไปในขวด
แทนที่เราจะเทน้ำออก หรือเปลี่ยนยาเม็ดใหม่
ดันดื่มน้ำจากขวดต่อไป คิดว่าเม็ดยาจะไหลตามไป
ที่ไหนได้ จุกก็จุก

ที่สำคัญ "ทิฟฟี่" ยังอยู่ที่เดิม ไม่น่าเล้ย..."


Rina Sitt "ตอน ป.3 คุณครูสอนว่าต้นไม้ต้องการคาร์บอนไดออกไซด์ในตอนเช้าและจะปล่อยออกซิเจนออกมาให้เราแทน ... 
ในช่วงนั้น แม่ใช้ให้ปลูกต้นคุณนายตื่นสายตามข้างทางเข้าบ้าน (ก็ตื่นเต้นค่ะ ฝีมือเราปลูก) กลัวมันไม่โต กลัวเสียหน้าด้วย 
ตอนเช้าต้องตื่นมานอนราบกับพื้น ก้มหน้าลงไปให้ใกล้ดอกไม้ที่สุดแล้วถอนหายใจ(แบบถี่ๆ แรงๆ) 
เป็นการให้คาร์บอนไดออกไซด์กับดอกไม้ 
ลุกๆ นอนๆ กับพื้นอยู่นั่นแหละค่ะ พอให้คาร์บอนไดออกไซด์ต้นไม้เสร็จ ก็ต้องค่อยๆ ถอยกลับมาสูดออกซิเจนคืน 
...ปลูกต้นไม้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย ฮ่าๆๆ"

Natkrita Nhoojam "เรื่องนานมากแล้วอันนี้พยานเพียบ!! ตอนประถมกลับจากโรงเรียนตอนเย็นหิวน้ำมาก อยากดื่มน้ำเย็น เปิดตู้เย็นก็ไม่มีน้ำสักขวด ไม่รู้จะทำไงดี 
มองซ้ายมองขวาไม่มีคน เห็นที่ผนังของช่องแช่แข็งมันมีน้ำแข็งเกาะอยู่ ด้วยความหิวน้ำมากจึงเอามือแกะแต่มันก็ได้แค่นิดเดียว 
ตัดสินใจเอาหัวเข้าไป แล้วก็ใช้ลิ้นเลียน้ำแข็งเลย ปรากฏว่าไฟดูด ดึงออกก็ไม่ได้ ตกใจมากคิดว่าจะตายเป็นผีเฝ้าตู้เย็นแล้ว!!! 
แต่ดึงมันออกอย่างแรงอีกอีกครั้ง ลิ้นหลุดจากผนังช่องแช่แข็ง แต่เลือดออกเยอะมาก เลยวิ่งร้องไห้เข้าห้องไม่กล้าบอกใคร แล้วเอาผ้ามาอมไว้ไม่ให้เลือดไหล 
บังเอิญตอนที่วิ่งร้องไห้เข้าห้องน้องชายเห็นเลยตามเข้าไป เลยรู้กันทั้งบ้าน!!!! 
ไม่รู้ทำไปได้ไง"

Joy Siriporn "ตอนเด็กๆ พยายามตัดยางรถยนต์ แล้วขุดหลุมข้างบ้าน ขโมยเกลือของแม่ที่เตรียมไว้ทำปลาเค็มมาทั้งหมด นำไปเทลงในหลุม
เติมน้ำนิดหน่อย ใส่ยางรถยนต์ลงไป 
ด้วยหวังจะให้มันกลายเป็นยางลบ คิดได้อ่ะ"

Chanin Jobb "ตอน ม.3 ช่วงพักกลางวัน เคยร่วมกับเพื่อนๆ เกือบสิบคน ร้อง เฮ้ย!!! ดังๆ แล้ววิ่งกรูกันไปกลางสนามฟุตบอล
คนแตกตื่นและวิ่งตามไปดู 
3 นาที หลังจากนั้น นักเรียนเกือบครึ่งโรงเรียนลงไปอยู่กลางสนามฟุตบอล 
เรื่องนี้จบลงที่ ฝ่ายปกครองต้องประกาศให้นักเรียนอยู่ในความสงบและสั่งให้ทุกคนออกจากสนามฟุตบอล (ส่วนพวกเราก็ชิ่งออกมานั่งขำกันข้างสนามตั้งนานแล้ว)^^"

Suvallee Yamsart "ตอนเรียน ป.2 เอาชื่อพ่อกับแม่ของเพื่อนเกือบทั้งหมดในห้อง มาทำเป็นเพลงให้เพื่อนไว้ใช้ล้อชื่อพ่อชื่อแม่ให้เป็นเรื่องเป็นราว 555" 
คาดว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงประจำห้องที่ร้องเล่นในโรงเรียนเป็นประจำ 
ยกเว้น "วันแม่" และ "วันพ่อ"



กลุ่มที่ 2 เป็นเรื่อง "ความรัก"

มีสุข สิริยา "ที่บ้านชอบเลี้ยงหมา ทุกเย็นแฟนจะชอบมานั่งหาเห็บหาหมัด 
เห็นแฟนทำแบบนี้ทุกวันเซ็งจิตสุดๆ 
ไปตลาดนัดซื้อยาฆ่าเห็บที่ใช้ผสมข้าวให้หมากิน ใช้เวลา 7 วัน เห็บหมัดตายเกลี้ยง 
แทนที่แฟนจะดีใจที่เห็บตาย กลับต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องเห็บ  
แฟนบอกว่าการหาเห็บเป็นการใช้สมาธิและได้อยู่ในโลกส่วนตัว 
เฮ้อ มนุษย์หนอ..."

Phatcharin Thirarungsikul "หนูเลิกกับแฟนเพราะแฟนกินเค้กก่อนที่หนูจะถ่ายรูปแล้วอัพลงเฟซบุ๊ก 
ทะเลาะกันจนคว่ำจานทิ้งแล้วเลิกกันตรงนั้นเลย
พอมองย้อนกลับไป หนูว่ามัน...ไร้สาระ"

Chupong Ittiwut "สมัย สื่อสารทางเดียว ด้วย "เพจเจอร์" ซึ่งต้องโทร.เข้าศูนย์ฝากข้อความ 
ทะเลาะกับแฟน แฟนขึ้น ปอ.7 หนีกลับบ้าน 
ผ่านเยาวราช ไปพาต้า รถติดมาก ผมเลยเดินไล่ตามรถทันตลอดทาง และมีเวลาพอที่จะแวะตู้โทรศัพท์ เป็นพักๆ เพื่อเพจเข้าเครื่อง
ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง 
เดินตามรถไปได้เรื่อยๆ ด้วยความโมโห สุดท้าย รถขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้าฯ รถเมล์ไปได้ แต่คนเดินหาทางขึ้นไม่เจอ 
หาอยู่นานมาก จนหายโมโห
พอไม่เจอ เลยเลิก
ขากลับ สติคืนมา... รถติดกว่าเดิม เลือกการเดินอีกที 
โห...ไกลว่ะครับ ><"

Pennapa Jun "ตอนยังเป็นวัยรุ่น แฟนเก่าบอกเลิก ตกใจไม่รู้จะทำไงดี 
แต่จำฉากหนึ่งในละครได้ว่าเขาต้องโยนแหวนทิ้งและวิ่งจากไปทั้งน้ำตา เลยเอามั่งดีกว่า!!  
ถอดแหวนทองที่เขาเคยให้โยนทิ้งใส่เขา และวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา ประหนึ่งว่าเป็นนางเอกคนนั้น 
เฮ้อออ!! เสียดายจนถึงทุกวันนี้ รู้งี้เป็นนางร้ายเก็บแหวนไว้แล้วเอาไปขายดีกว่ายังได้ตั้งหลายตังค์

ทุกวันนี้จะจำไว้ว่า "ความรู้สึกดีๆ เก็บไว้ในความทรงจำ แต่ถ้าเป็นแหวนทองคำขอแลกเป็นตังค์จะดีกว่า"
ครับ ถือว่า "วุฒิภาวะ" ทาง "ความรัก" ดีขึ้น



กลุ่มสุดท้าย เป็นเรื่องอื่นๆ อีกมากมายครับ

Sagurong Max "ผมเคยนั่งนับเสาไฟ ระหว่างนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯ กลับโคราช เพราะเบื่อเหลือเกิน ไม่มีอะไรทำ ... นับได้จน 900 ก็เสา ก็ดันไปคิดเรื่องอื่นแทน 
... ไอ้เรื่องที่คิดเรื่องอื่นนี่แหละ มันไร้สาระ T_T"

Knot Suphenphan "เป็นประจำค่ะ นิ่งอุบเงียบไม่ยอมบอกทางลัดโล่งๆ กับแท็กซี่ที่เรียกไปส่งบ้าน ถ้าแท็กซี่คันนั้นบ่นมากเรื่องรถติด 
เชอะๆ พูดมากอยู่นั่น ติดซะให้เข็ด ติดไปด้วยกันอย่างนี้แหละ บางทีติดเป็นชั่วโมงโดนไปอีกหลายบาท 
ลงจากแท็กซี่ จ่ายเงินแบบยิ้มๆ 
สงครามการโต้ตอบแบบนี้ มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นแหละที่คิดได้"

Tik A Tok "สมัครเฟซบุ๊กเพิ่มอีกอัน (ใช้ชื่อตัวเองนี่แหละ) แล้วเอามาคุยกับตัวเองค่ะ 
เพื่อนถามว่า มึงบ้ารึป่าว 
ตอบว่า เออ...กูเพี้ยน!!"

Ob Obbie "เข้าห้องน้ำในห้างแล้วทิชชูหมด...ต้องวอทแอพเรียกเพื่อนให้เอาทิชชูมาให้ นั่งรอในห้องน้ำนานมาก...ที่ไร้สาระคือไม่กล้าขอห้องข้างๆ...เขินล์ล์ล์..."

Title Kriangsak "สมัยเริ่มทำงานใหม่ๆ ยังพักหอเดียวกับเพื่อน รีบไปทำงานตอนเช้าเกินไป จนลืมว่าเพื่อนยังอยู่ในห้อง ล็อกแม่กุญแจตัวเบ้อเร่อขังมันไว้ในห้อง 
...โดนมันด่ายันลูกจะบวชจนทุกวันนี้"

ปรัชญ์ ตรีจาตุรันต์ "มีอยู่วันหนึ่ง ทั้งกระเป๋าผมมีแต่แบงก์พัน กับเศษตังค์กุ๊งกิ๊งๆ ในกระเป๋าประมาณ 2-3 บาท 
คิดหาที่แตกแบงก์ไปเป็นค่ารถเมล์ จะเข้าเซเว่นก็ไม่รู้จะซื้ออะไร เลยเดินเข้าซีเอ็ดแทน 
หยิบๆ เลือกๆ หนังสือได้มา 3 เล่ม เดินไปจ่ายตังค์ 
แคชเชียร์หน้าตาน่ารัก : ทั้งหมด 501 บาทค่ะ... 
...ผมยื่นแบงก์พัน (ปากมันไปไวกว่าความคิด!!!)

ผม : มีเศษบาทนึงครับ
เดินออกมาจากร้าน มีหนังสือเพิ่มขึ้น 3 เล่ม 
และแบงก์ 500 ในมือ"

555 เรื่องนี้ได้รับการกด Like เยอะที่สุดครับ




มีอยู่คนหนึ่ง ไม่ได้เล่าเรื่อง "ไร้สาระ" แต่ตั้งข้อสังเกตที่ทำให้สะดุ้ง

Sutti Jinna "นั่งไล่อ่านแล้ว รู้สึกว่า "แฟนคลับ" พี่นี้เพี้ยนเยอะเนอะ. 

พี่เคยถามตัวเองไหม. 
"ทำไม"
คริ คริ...



.