http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-11-17

สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ: ศึกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์

.

สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ: ศึกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ใน www.prachatai.com/journal/2012/11/43702 . . Sat, 2012-11-17 01:04
( เผยแพร่ :  นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 8 ฉบับที่ 386 ประจำวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2555 )


สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

หลังจากที่ได้บริหารประเทศมา 14 เดือน ในที่สุด รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้เผชิญกับการต่อต้านครั้งสำคัญครั้งแรก จากพลังของกลุ่มฝ่ายขวา โดยองค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่ายได้ประกาศจะจัดการชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาล ในคำขวัญว่า ”เผด็จศึกตระกูลชิน”

พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ผู้นำการจัดเตรียมการชุมนุม ได้ประกาศว่า การชุมนุมใหญ่จะมีขึ้นในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยใช้เวลา 9.01 น. เป็นเวลาเริ่มต้น ด้วยเหตุผลที่ พล.อ.บุญเลิศย้ำว่า "เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย 901 ท่านทั้งหลายก็คงทราบแล้วว่าเลขนี้หมายถึงอะไร” และว่า นี่จะเป็นการชุมนุมครั้งสุดท้าย จะไม่มีการเคลื่อนขบวนไปยังตามจุดต่างๆเพราะไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อน และการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อจะจบลงภาย 1-2 วัน

ข้อที่น่าสังเกตคือ การชุมนุมครั้งนี้ขององค์กรพิทักษ์สยามและเครือข่าย จะประสานและสอดคล้องกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 25-26 พฤศจิกายน
นอกจากนี้ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ส่งสัญญานไฟเขียวสำหรับการชุมนุม โดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกของกลุ่มพันธมิตร ได้อธิบายในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ว่า ทางกลุ่มพันธมิตรจะให้กำลังใจกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ และเปิดทางให้ปัจเจกบุคคลของกลุ่มพันธมิตรที่จะใช้วิจารณญาณในการเข้าร่วมหรือไม่ก็ได้

ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่า กระแสล้มรัฐบาลของพลังฝ่ายขวาครั้งนี้สามารถสร้างเอกภาพระหว่างกลุ่มที่แตกแยกกันได้พอสมควร

ทางฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็ได้มีการประเมินสถานการณ์ และเตรียมรับมือพอสมควร ดังจะเห็นได้จากการที่รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้แถลงว่า รัฐบาลได้มีการเตรียมพร้อมรับมือการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามแล้ว เพื่อความรอบคอบและไม่ประมาท และ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็อธิบายว่า มีความเป็นไปได้ว่า มีกลุ่มทุนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เป็นไปตามกำหนดการเคลื่อนไหวล้มล้างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และแช่แข็งประเทศไทย ๕ ปี ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มของการปิดประเทศที่จะสร้างความเสียหายอย่างหนัก


ในภาวะเช่นนี้ ได้มีเพื่อนพ้องหลายคนตั้งคำถามกันว่า ในฐานะของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เราควรจะทำอย่างไร ควรจะสร้างการชุมนุม หรือม๊อบขึ้นมาเพื่อปกป้องรัฐบาลไหม หรือจัดชุมนุมแสดงกำลังให้เห็นว่า พลังของคนเสื้อแดงนั้นมีมากกว่าพลังของฝ่ายองค์การพิทักษ์สยามจะดีไหม
ในกรณีนี้
ผมอยากเสนอว่า ไม่มีความจำเป็นที่คนเสื้อแดงจะต้องทำการเคลื่อนไหวอย่างใด ปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปภายใต้การควบคุมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะดีกว่า

สิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจประการแรกก็คือ การชุมนุมเคลื่อนไหวมวลชนแต่เพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ ซึ่งในกรณีนี้ได้พิสูจน์มาแล้วหลายครั้ง เช่น การเคลื่อนไหวมวลชนจำนวนมหาศาลเพื่อขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๙ ก็ไม่สำเร็จ หากแต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณยุติลงเพราะการรัฐประหาร แม้กระทั่งเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๑ ที่กลุ่มพลังฝ่ายเสื้อเหลืองยังเข้มแข็งและเป็นเอกภาพมากกว่านี้ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้จัดการชุมนุมประชาชนอย่างต่อเนื่องถึง ๑๙๓ วัน เพื่อล้มรัฐบาลพรรคพลังประชาชน โดยนายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ทั้งที่การชุมนุมครั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดการชุมนุมก็ไม่สามารถสร้างแรงบีบให้รัฐบาลพ้นจากหน้าที่ได้ จนต้องอาศัยการดำเนินการของศาล ๒ ครั้ง และให้กองทัพเข้ามาแทรกแซงช่วยจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในค่ายทหาร จึงทำให้รัฐบาลพรรคพลังประชาชนสิ้นสุดลง ในครั้งนี้ การชุมนุมของฝ่าย พล.อ.บุญเลิศยังมีพลังน้อยกว่า กลุ่มพันธมิตรเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๑ การคุกคามต่อเสถียรภาพของรัฐบาลที่เป็นจริงจึงแทบจะไม่มี

ประการต่อมา การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ก็แทบจะไม่มีประเด็นสำคัญ เรื่องที่โจมตี เช่น นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล ก็เป็นเพียงความคิดที่แตกต่างในทางนโยบาย ความพยายามอ้างว่า รัฐบาลทำการทุจริตคอรับชั่นอย่างมากมาย ก็ไม่มีหลักฐานอันน่าเชื่อถือ ยิ่งกว่านั้น ภาพลักษณ์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในขณะนี้ ก็ตกต่ำ เสียหายยิ่งกว่านายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์หลายเท่า คดีความที่แวดล้อมนายอภิสิทธิ์ก็หนักหนาสาหัสจนแทบเอาตัวไม่รอด ขณะที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ยังไม่มีมลทินแปดเปื้อน การโจมตีส่วนตัว แทบจะกลายเป็นเรื่องของความอิจฉาริษยาอันไร้เหตุผลเท่านั้น

โอกาสเป็นไปได้ที่จะล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีเพียงแต่ว่า จะต้องใช้อำนาจนอกระบบ เช่น สร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่งขณะนี้ ก็เป็นไปไม่ได้เลย เพราะกระแสรัฐประหารสร้างไม่ขึ้น กองทัพไม่มีความชอบธรรมที่จะยึดอำนาจ หรือถ้าหากว่าจะให้ศาลเข้ามาแทรกแซงล้มรัฐบาลอย่างที่เคยเป็นมา ก็เป็นไปได้ยากขึ้นมาก เช่น ถ้าใช้การยุบพรรคเพื่อไทย รัฐบาลก็ไม่ล้ม เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ คณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นกรรมการพรรค จะหากลุ่มในพรรคเพื่อไทยแปรพักตร์ไปสนับสนุนฝ่ายค้านให้มีเสียงมากพอที่จะล้มรัฐบาลก็ยากมาก


อีกประการหนึ่ง ถ้าหากว่า กลุ่มของพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ จะใช้วิธีการเช่นฝ่ายพันธมิตร เช่น ใช้กำลังผู้ชุมนุมไปยึดทำเนียบ ยึดรัฐสภา ปิดถนนสีลม หรือยึดสถานที่สำคัญอื่นจะทำได้ไหม คำตอบคือ ทำได้ แต่ล้มรัฐบาลไม่ได้ ในทางตรงข้ามกลับยิ่งทำให้การชุมนุมสิ้นความชอบธรรม และรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะยิ่งมีความชอบธรรมมากขึ้น

ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่คนเสื้อแดง หรือฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องไปเคลื่อนไหวปกป้องรัฐบาล หรืออธิบายอีกด้านหนึ่งว่า ในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมีกลไกรัฐอยู่ในมือตามสมควร ถ้ายังไม่มีบทเรียน และไม่สามารถปกป้องตนเองจากการชุมนุมมวลชนในระดับนี้ ก็สมควรปล่อยให้รัฐบาลพังไปตามสภาพ ฝ่ายประชาชนไปตามอุ้มตลอดกาลคงไม่ไหว เท่าที่ผ่านมา รัฐบาลก็เอาแต่ถอยให้ฝ่ายอำมาตย์ ศาล และกองทัพ จนได้ฉายาว่า “พรรคเพื่อถอย”อยู่แล้ว คงต้องหัดให้รัฐบาลต่อสู้เสียบ้าง


ยิ่งกว่านั้น ฝ่ายประชาชนมีภารกิจอื่นที่จะต้องทำ เช่น การเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนส่วนข้างมากตาสว่างมากขึ้น ภารกิจผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เรื่องการต่อสู้ให้ปลดปล่อยนักโทษการเมือง และผลักดันนโยบายสิทธิมนุษยชนที่เป็นจริง การรณรงค์ให้เลิกมาตรา 112 ที่เป็นเครื่องมือทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ และ การต่อสู้กับความอยุติธรรมโดยศาล เป็นต้น งานเหล่านี้เท่าที่ผ่านมา รัฐบาลเพื่อไทยแทบจะไม่ทำ หรือทำก็ไม่จริงจัง ทำให้ภาระตกมาอยู่ในมือประชาชน
ดังนั้น ประชาชนคนเสื้อแดงควรเคลื่อนไหวในระเบียบวาระที่เรากำหนดเอง มากกว่าที่จะไปเคลื่อนไหวไล่จับไล่ตามระเบียบวาระของพวกเสื้อเหลือง หรือฝ่ายประชาธิปัตย์

ส่วนการรับมือกับการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม และ มติไม่ไว้วางใจของพรรคประชาธิปัตย์ ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำ แล้วประชาชนจะจับตามองและเอาใจช่วย


________________________________________________________________________________________________________

มีบทความที่เตือน รบ.ยิ่งลักษณ์ให้กล้าสนับสนุนพลังประชาธิปไตยเพื่อป้องกันการรุกของ"ฝ่ายขวา" เมื่อเดือน ก.ย.2554
- รัฐบาลที่ไม่รู้จักปกป้องตนเอง,+ ฯลฯ โดย  มุกดา สุวรรณชาติ
อ่านที่ http://botkwamdee.blogspot.com/2011/09/md53.html



.