http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-10-11

พืชจีเอ็มโออเมริกา โหมใช้ยาปราบศัตรูพืช, ใบกระท่อมบุกอเมริกาฯ โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์

.

พืชจีเอ็มโออเมริกาพ่นพิษ โหมใช้ยาปราบศัตรูพืชหนัก
โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์ siripong@kidtalentz.com คอลัมน์ แลไปข้างหน้า
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1674 หน้า 100


พืชตัดต่อพันธุกรรมหรือจีเอ็มโอที่กลายมาเป็นพืชในเชิงพาณิชย์สำคัญมีปลูกกันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในอเมริกา กว่าร้อยละ 90 เป็นถั่วเหลืองจีเอ็มโอ ส่วนข้าวโพดก็มีมากถึงกว่าร้อยละ 70 
โดยพื้นฐานแล้วการตัดต่อพันธุกรรมข้าวโพดหรือถั่วเหลืองนั้นเป็นการปรับเปลี่ยนพันธุกรรมของมันให้มีความแข็งแรงทนทาน แต่ไม่ใช่ให้ทนทานต่อโรคภัยไข้เจ็บหรือศัตรูพืช 
ตรงกันข้ามเขาตัดต่อพันธุกรรมให้พวกมันทนทานต่อยาปราบศัตรูพืชที่เป็นสารเคมีอันตรายทั้งต่อคนและสิ่งแวดล้อม เมื่อฉีดหรือพ่นสารเคมีเหล่านี้พืชที่ปลูกจะทนทานอยู่ได้ แต่วัชพืชและแมลงทั้งหลายตายเรียบ ผลผลิตไม่เสียหาย

จากงานวิจัยชิ้นล่าสุดของ ชาร์ลส เบนบรูก ศาสตราจารย์แห่งศูนย์เกษตรกรรมที่ยั่งยืนและทรัพยากรธรรมชาติ แห่งมหาวิทยาลัยรัฐวอชิงตัน ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Environmental Sciences Europe เมื่อไม่กี่วัน พบว่าผลที่ตามมาของการปลูกพืชตัดต่อพันธุกรรมในอเมริกาทำให้เกษตรกรในอเมริกาใช้สารเคมีปราบศัตรูพืชเพิ่มขึ้น
จากปี 1996 ปีแรกที่เริ่มปลูกพืชตัดต่อพันธุกรรมเหล่านี้ในอเมริกามาจนถึงปี 2011 หรือ 6 ปีผ่านไป ปริมาณสารเคมีที่ใช้ในการปราบศัตรูพืชเพิ่มขึ้น 404 ล้านปอนด์ แยกเป็นยากำจัดวัชพืชเพิ่มขึ้น 527 ล้านปอนด์ ยาฆ่าแมลงลดลง 123 ล้านปอนด์


พืชตัดต่อพันธุกรรมออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกโดยบริษัทมอนซานโตโดยเริ่มจาก ถั่วเหลืองราวนด์อัพ เรดดี้ ตามมาด้วยข้าวโพด ฝ้ายและพืชอื่นๆ พืชเหล่านี้ถูกตัดต่อพันธุกรรมให้ทนทานต่อยาปราบศัตรูพืชยี่ห้อ "เรดดี้" ของมอนซานโต้ ซึ่งเป้าหมายอยู่ที่การกำจัดวัชพืชและแมลงร้ายที่เป็นศัตรูพืช 
เมื่อเวลาผ่านไปวัชพืชพัฒนาภูมิต้านทานสารเคมีที่มุ่งทำลายมันกลายเป็นซูเปอร์วัชพืช (superweed) เกษตรกรก็ต้องเพิ่มการใช้สารเคมีตามไปด้วย ผลก็เป็นไปตามที่งานวิจัยชี้ออกมา และกลายเป็นปัญหาใหญ่ของเกษตรกรที่ปลูกพืชตัดต่อพันธุกรรม 
แต่ละปีต้องเพิ่มสารเคมีถึงร้อยละ 25 เพื่อสู้กับซูเปอร์วัชพืชที่ปัจจุบันมีมากกว่า 24 ชนิด




สําหรับยาฆ่าแมลงซึ่งลดลงร้อยละ 28 ในช่วงเวลาเดียวกัน จากการปลูกข้าวโพดและฝ้ายที่ตัดต่อพันธุกรรมให้ตัวมันมีพิษต้านทานแมลงร้ายบางชนิด (บีที-บาซิลลัส เธอรินจิเอนซิส) ตอนนี้ก็เริ่มมีการใช้เพิ่มขึ้นและจะเพิ่มไปอีกเรื่อยๆ เนื่องจากแมลงพัฒนาภูมิต้านทานขึ้นมาได้บีบให้เกษตรกรต้องหันกลับมาใช้ยาฆ่าแมลงแบบเก่าๆ มากขึ้น 
เบนบรูกเตือนว่าสถานการณ์แย่ลงและอย่างรวดเร็วเสียด้วย  
และนั่นหมายความว่าผู้บริโภคก็ต้องเผชิญกับสารเคมีในพืชผลเหล่านี้มากขึ้นหลังยุคพืชจีเอ็มโอ



+++

ใบกระท่อมบุกอเมริกา ยาชูกำลังตัวใหม่
โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์ siripong@kidtalentz.com คอลัมน์ แลไปข้างหน้า
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1676 หน้า 100


ในอเมริกามียาที่เรียกกันว่า Bath Salt (กระตุ้นประสาท) และ Spice (กัญชาสังเคราะห์) ขายตามปั๊มน้ำมันและร้านขายบุหรี่ ยาพวกนี้อาจจะเรียกยาบำรุงกำลังหรือยาอะไรก็แล้วแต่ที่กินเข้าแล้วจะมีเรี่ยวมีแรงแข็งบรรเทาอาการปวดเมื่อยช่วยให้คนทำงานหนักๆ สามารถทำงานได้ น่าจะคล้ายยาม้าสมัยก่อนที่คนขับรถบรรทุกบ้านเราชอบกินกัน 
เป็นยาที่เคยซื้อได้ง่ายๆ มาก่อนจนกระทั่งไม่นานมานี้ที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐเข้ามาดูแลเข้มงวดกับส่วนผสมหลักในยาประเภทนี้ให้เป็นสารควบคุม บาธ ซอลต์ และ สไปซ์ ที่เคยหาซื้อได้ทั่วไปตามปั๊มและร้านขายบุหรี่ก็เลยกลายเป็นของหายากมากขึ้น 
เป็นเรื่องปกติที่ของซึ่งมีความต้องการอยู่ในตลาด ก็จะมีการหาทางตอบสนองความต้องการเหล่านั้นเข้าจนได้

สิ่งที่เข้ามาแทนที่ บาธ ซอลต์ และ สไปซ์ ในอเมริกาตอนนี้ ปรากฏว่าเป็น "ใบกระท่อม" ที่บ้านเรารู้จักกันดีนั่นเอง สมัยก่อนกระท่อมเป็นของปกติที่จะเห็นคนใช้แรงงาน คนทำงานหนัก เคี้ยวหรือสูบกันเพื่อให้สามารถมีเรี่ยวแรงทำงานได้ ปัจจุบันก็ยังพอมีอยู๋บ้าง แต่มันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย 
กระท่อมเข้าไปแทนที่บาธและสไปซ์ตามปั๊มและร้านขายบุหรี่ในอเมริกามาสักระยะแล้ว ราคาขายก็ไม่ถูกเสียด้วย ห่อหนึ่ง 5 กรัม ราคา 15-50 เหรียญสหรัฐ หรือแบบบรรจุแคปซูล 50 เม็ด ขายกันที่ 18-25 เหรียญ

ที่จริงใบกระท่อมในอเมริกาก็ไม่ใช่ของใหม่ มันมีขายอยู่ตามร้านขายสมุนไพรสำหรับใช้เป็นส่วนผสมต่างๆ มาหลายสิบปีแล้ว แต่เพิ่งจะในช่วงไม่กี่ปีมานี้ที่เริ่มเข้ามาเบียดแทรกเป็นตัวเลือกหนึ่งท่ามกลางยาประเภท บาธ ซอลต์ และ สไปซ์ และยิ่งได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นเมื่อสองอย่างหลังเจอเข้ากับมาตรการควบคุมเข้มข้น 
ในอเมริกายังไม่มีกฎหมายควบคุมหรือห้ามซื้อขายกระท่อม แต่เมื่อเริ่มแพร่หลายมากยิ่งขึ้น และเริ่มตรวจพบจากปัจสาวะในฐานะสารตัวหนึ่งโดดๆ สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐก็เริ่มให้ความสนใจกับกระท่อม



คงปฏิเสธไม่ได้ว่ากระท่อมมีสรรพคุณทางยาที่เป็นประโยชน์ ในอเมริกาก็เริ่มใช้กระท่อมเป็นยาในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลมากขึ้น ทว่า ด้านที่เป็นโทษของมันก็มีหากเสพมากเกินขนาด เพราะมันมีฤทธิ์ทั้งกล่อมประสาทและกดประสาท 
สมาคมกระท่อมในอเมริกาเป็นองค์กรเอกชนที่ทำงานเชิงวิชาการเกี่ยวกับกระท่อม ไม่ใช่สมาคมส่งเสริมให้คนเสพติดกระท่อม สมาคมนี้คัดค้านแนวคิดในการแบนกระท่อม เพราะเห็นประโยชน์ของมันว่ามีมากกว่า 
ในแง่ของการใช้ใบกระท่อมเพื่อเสริมกำลังวังชา อย่างน้อยก็ยังดีกว่าการใช้ยาอื่นๆ ที่เป็นสารเคมี สารสังเคราะห์ต่างๆ


เพราะใบกระท่อมไม่ได้เอาไปผสมอะไรอื่นอีก



.