.
บทความปี 2554 - จิตสำนึกของความเป็นคนยามเกิดภัยพิบัติ โดย พิศณุ นิลกลัด
___________________________________________________________________________________________________
โอบามา-รอมนีย์-หน้ากาก-และถ้วยกาแฟ
โดย พิศณุ นิลกลัด คอลัมน์ คลุกวงใน
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1680 หน้า 104
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้บรรยากาศ 2 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้งสูสีที่สุด
เมื่อวันพุธที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมาผมคุยโทรศัพท์กับเพื่อนคนไทยที่เป็นพลเมืองอเมริกัน ขอให้เขาทำนายผลการเลือกตั้งในฐานะเขาเรียนรัฐศาสตร์ สนใจการเมือง และจะไปใช้สิทธิลงคะแนน
เขาตอบว่าขณะนี้คู่คี่มาก
พร้อมกับบอกด้วยว่าก่อนการโต้วิสัยทัศน์ครั้งที่ 1 บารัค โอบามา มีคะแนนนิยมทิ้งห่าง
แต่หลังดีเบตครั้งแรกคะแนน มิตต์ รอมนีย์ ทะยานขึ้นไล่จี้แบบหายใจรดต้นคอเพราะ โอบามาดีเบตด้วยอาการเหมือนไก่ง่วง
"ก่อนดีเบตครั้งที่ 1 นายทุนพรรคหลายเจ้าทำท่าจะไม่ลงเงินช่วยหาเสียงต่อไปอีก แต่พอ มิตต์ รอมนีย์ โชว์ฟอร์มดีมีความหวัง ทุกคนก็ควักกระเป๋าสู้เต็มที่" เพื่อนผมบอก
เพื่อนผมคนนี้ 4 ปีที่แล้วเขาลงคะแนนให้โอบามา วันที่ 6 พฤศจิกายนนี้เขาก็จะโหวตเหมือนเดิม แต่บอกว่าไม่ค่อยมั่นใจว่าจะชนะ 100 เปอร์เซ็นต์ เหมือนเมื่อคราวที่แล้ว
"ตอนนี้ภาวนาอย่างเดียวให้ชนะที่รัฐโอไฮโอ เพราะตามประวัติศาสตร์ผู้สมัครที่ชนะที่โอไฮโอจะได้เป็นประธานาธิบดี"
นอกจากจับตามองคะแนนที่รัฐโอไฮโอแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เพื่อนผมคนนี้ติดตามอย่างใกล้ชิดคือยอดขายหน้ากากวันฮัลโลวีนของเว็บไซต์บายคอสตูมส์ดอตคอม (Buycostumes.com) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายหน้ากากและเครื่องแต่งกายวันฮัลโลวีนยอดนิยมของอเมริกา เนื่องจากวันฮัลโลวีนปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี เว็บไซต์นี้จะทำหน้ากากผู้สมัครรับเลือกตั้งขายพร้อมๆ กับหน้ากากผี ปีศาจ และคนดังอีกเป็นสิบๆ คน
นับตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เป็นต้นมา หน้ากากผู้สมัครประธานาธิบดีคนใดมียอดขายสูงสุด ผู้สมัครคนนั้นจะชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง
เว็บไซต์นี้โฆษณาว่า 1 หน้ากากมีค่าเท่ากับ 1 คะแนนเสียง (1 mask = vote) รับประกันความแม่นยำ 100 เปอร์เซ็นต์
หน้ากากที่ขายนั้นเป็นหน้ากากกระดาษราคา 0.99 เซ็นต์ หรือ 31 บาท ซึ่งยอดขายหน้ากากเมื่อวันที่ 19 กันยายนก่อนการโต้วิสัยทัศน์ครั้งแรกจะเริ่มขึ้น หน้ากากโอบามามีคะแนนนำ 65% ต่อ 35%
แต่หลังจากการโต้วิสัยทัศน์รอบแรกจบลง รอมนีย์พูดจาหนักแน่นกว่าโอบามา และโพลหลายสถาบันให้รอมนีย์เป็นผู้ชนะการโต้วิสัยทัศน์ครั้งนั้น ยอดขายหน้ากากรอมนีย์
ก็เพิ่มขึ้นถึง 83% ส่วนหน้ากากโอบามา ยอดขายตกลง 32%
การโต้วิสัยทัศน์รอบ 3 ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย โพลของทีวีช่อง CNN ออกมาว่า โอบามาชนะรอมนีย์ 48% ต่อ 40% ส่วนรอบ 2 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้โอบามาเป็นฝ่ายชนะแต่ไม่ถึงกับขาดลอย
ตอนนี้ยอดขายหน้ากากโอบามากับรอมนีย์ใน Buycostumes.com สูสีกันมาก ตัวเลขล่าสุดโอบามา นำ 52% ต่อ 48%
โพลรายงานการขายหน้ากากประธานาธิบดีทำออกมาได้ดูน่าเชื่อถือ จริงจังไม่แพ้เว็บไซต์ CNN.com เลยทีเดียว มีการแสดงยอดขายแยกย่อยในแต่ละรัฐทั้ง 50 รัฐ และวิเคราะห์ว่าในรัฐสวิงสเตต (Swing State) หรือรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคใดพรรคหนึ่ง เช่น ไอโอวา เนวาด้า มิสซูรี่ และเวอร์จิเนีย โอบามาเป็นต่อรอมนีย์
Buycostumes.com มีตัวเลขยืนยันยอดขายหน้ากากผู้สมัครประธานาธิบดีทำนายผลการเลือกตั้งถูกต้องมาสามสมัยติดกัน
ปี 2000 หน้ากาก จอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช ขายได้ 53% ส่วน อัล กอร์ 43%
ปี 2004 หน้ากาก จอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช ขายได้ 53% ส่วน จอห์น แคร์รี่ 47%
ปี 2008 หน้ากากโอบามา ขายได้ 55% ส่วน จอห์น แม็กเคน 45%
นอกจากนี้ ร้าน 7-Eleven ในอเมริกา ก็ร่วมทำนายผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยลูกค้าสามารถแสดงออกว่าตัวเองจะเลือกผู้สมัครคนไหนโดยการเลือกสีถ้วยกระดาษเวลาซื้อกาแฟแบบกดบริการด้วยตัวเองซึ่งเริ่มทำตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2000 โดยมีสโลแกนว่า Every Coffee Cup Counts หรือทุกถ้วยกาแฟนับคะแนน
เลือกถ้วยกาแฟกระดาษสีฟ้า ซึ่งเป็นสีของพรรคเดโมแครตแสดงว่าสนับสนุนโอบามา
เลือกถ้วยกาแฟกระดาษสีแดง ซึ่งเป็นสีของพรรครีพับลิกันแสดงว่าสนับสนุนรอมนีย์
สำหรับคนที่เป็นกลางหรือยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร ทาง 7-Eleven ก็จัดถ้วยกาแฟกระดาษที่ไม่มีชื่อของโอบามา หรือรอมนีย์ให้
7-Eleven รับประกันในความแม่นยำของถ้วยกาแฟทำนายผลเลือกประธานาธิบดี 100% เช่นกัน
ปี 2004 ถ้วยกาแฟ จอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช ขายได้ 51% ส่วน จอห์น แคร์รี่ 49%
ปี 2008 ถ้วยกาแฟโอบามา ขายได้ 52% ส่วน จอห์น แม็กเคน 46%
จากสถิติเมื่อปลายเดือนกันยายนก่อนการโต้วิสัยทัศน์ครั้งแรก ยอดถ้วยกาแฟโอบามานำรอมนีย์ที่ 58% ต่อ 42% และหลังจากโต้วิสัยทัศน์ครั้งที่สามจบลง โอบามายังนำอยู่ที่ 59% ต่อ 41%
สัปดาห์หน้าจะรายงานตัวเลขยอดขายหน้ากากวันฮัลโลวีนและถ้วยกาแฟให้ทราบอีก เพื่อจะได้ข้อมูลที่ใกล้วันที่ 6 พฤศจิกายนให้มากที่สุด
++
บทความของปี 2554 ระลึกพิบัติภัยอดีต
จิตสำนึกของความเป็นคนยามเกิดภัยพิบัติ
โดย พิศณุ นิลกลัด คอลัมน์ คลุกวงใน
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1630 หน้า 96
(ดูภาพโปสเตอร์ที่ www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1319792888&grpid=01&catid=01 )
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมเห็นโปสเตอร์ของประเทศญี่ปุ่นที่รณรงค์ไม่ให้คนกักตุนอาหาร และสิ่งจำเป็นเกินความพอดี โดยให้เห็นแก่เพื่อนผู้ทุกข์ยากคนอื่นๆ ด้วย เป็นโพสต์ในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท
เว็บไซต์นี้ได้ทำภาพประกอบ ทำให้เห็นว่าของที่เรากักตุนเผื่อไว้กิน ไว้ใช้ เพียงคนเดียวนั้น สามารถช่วยเหลือคนอีกมากมายในสังคมที่ต้องการอาหารและสิ่งจำเป็นเหมือนกับเรา
เช่น ข้าว 5 กิโลกรัม หุงทำเป็นข้าวปั้นให้คนทานได้ถึง 120 คน หรือ กระดาษชำระ 12 ม้วน สามารถใช้ได้ถึง 1,000 คน
ตอนเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ชาวญี่ปุ่นทุกคนที่อาศัยอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดภัยพิบัติ เหนื่อย หิว หวาดกลัวและเป็นห่วงชีวิตเหมือนกันหมดทุกคน แต่ทุกคนไม่เห็นแก่ตัว ยังยืนต่อแถวนาน 2-3 ชั่วโมง เพื่อซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งของจำเป็น คนละเพียงไม่กี่ชิ้น ทั้งๆ ที่ร้านไม่ได้จำกัดจำนวนการซื้อว่าแต่ละคนสามารถซื้อสินค้าได้คนละกี่ชิ้น
ผมได้ดูข่าวผู้สื่อข่าว CNN ซึ่งรายงานสดที่เมืองเซ็นได เดินเข้าไปถามผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งต่อแถวซื้อของเสร็จ โดยเธอซื้อของใส่ถุงพลาสติกขนาดปกติทั่วไปในซูเปอร์มาร์เก็ตเพียงถุงเดียว
ผู้สื่อข่าว CNN ถามผ่านล่ามว่า ทำไมซื้อของกักตุนเพียงแค่นี้ ซึ่งเธอตอบว่าหากซื้อของกักตุนไว้เองคนเดียวมากๆ ก็จะไม่มีเหลือให้คนอื่นๆ ที่ต่อแถวรอซื้อซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้ไม่ต่างกัน
คําตอบของเธอทำเอาผู้สื่อข่าว CNN ถึงกับอึ้ง และหันมาพูดกับผู้ชมทางบ้านว่า ได้ฟังคำตอบแล้ว ทำเอาตัวเขารู้สึกผิดที่เขาถามคำถามนี้ เพราะสำหรับเธอการซื้อของแต่พอดี ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นเรื่องปกติของคนที่มีสามัญสำนึกและไม่เห็นแก่ตัวพึงปฏิบัติ
ไม่เพียงแต่คนญี่ปุ่นจะไม่กักตุนอาหาร ไม่โหมซื้อสินค้ามากมายเกินความจำเป็น ร้านค้าต่างๆ ยังร่วมใจกันไม่โก่งราคา เพราะช่วงเวลาแห่งความลำบากยากแค้น ทุกคนต้องช่วยเหลือกัน ไม่ใช่ฉกฉวยโอกาสที่จะเอาเปรียบผู้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยากอย่างแสนสาหัส
ร้านขายของหรือบ้านเรือนที่แม้ไม่มีเจ้าของดูแล ก็ไม่มีรายงาน ว่าถูกปล้นถูกขโมยทรัพย์สิน
5 เดือนหลังจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นรายงานว่าประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยกู้ภัย เจอตู้เซฟ 5,700 ตู้ และส่งให้กับตำรวจเพื่อหาเจ้าของ โดยเงินในตู้เซฟรวมแล้วสูงถึง 2,360 ล้านเยน หรือ 923 ล้านบาท ซึ่ง 96 เปอร์เซ็นต์ของตู้เซฟสามารถหาเจ้าของและส่งคืนถึงมือผู้เป็นเจ้าของจนครบ
นอกจากนี้ ยังมีเงินอีก 1,300 ล้านเยน หรือ 508 ล้านบาท ที่เก็บได้จากกระเป๋าถือและตามซากปรักหักพัง โดย 85% ของเงินได้กลับไปอยู่กับเจ้าของเดิม!
หากตัวเลขที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นรายงานนั้นเป็นความจริง ต้องยกย่องในความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นที่ไม่คิดเก็บทรัพย์สมบัติที่ไม่ใช่ของตัว และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ฉ้อฉลเงินของผู้เสียหาย
สิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาด้านจิตใจและศีลธรรมอันน่ายกย่องของชาวญี่ปุ่น
แม้แผ่นดินไหวและสึนามิจะคร่าชีวิตคนญี่ปุ่นหลายหมื่นคน ทำลายล้างตึกรามบ้านช่อง แต่ก็ไม่สามารถทำลายความมีระเบียบวินัย ความซื่อสัตย์ ความไม่เห็นแก่ตัวและจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ที่เจริญแล้วของชาวญี่ปุ่น
วิบัติภัยน้ำท่วมประเทศไทยครั้งนี้สร้างความเสียหายมากมายมหาศาลให้กับประเทศและคนไทยอย่างไม่เคยประสบมาก่อน ดังนั้น ขออย่าให้ความมีน้ำใจของชาวไทยที่เคยมีให้แก่กันมาตลอดต้องจมหายไปกับสายน้ำ
.
Selected Messages & Good Article for People Ideas and Social Justice .. หวังความต่อเนื่องของพลังประชาธิปไตยและการเลือกตั้งของปวงชนอันเป็นรากฐานอำนาจอธิปไตย เพื่อกำกับกติกาและอำนาจการเมือง-อำนาจตุลาการ ไม่ว่าต่อคนชั่ว(เพราะใคร?) และคนดี(ของใคร?) ไม่ให้อยู่เหนือนิติรัฐของประชาชน
http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย