http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-10-04

วิธีบอกรักหวานแหววของคนยุคใหม่ โดย พิศณุ นิลกลัด

.

วิธีบอกรักหวานแหววของคนยุคใหม่
โดย พิศณุ นิลกลัด คอลัมน์ คลุกวงใน
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1676 หน้า 96


เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซูสก์ (Zoosk) เว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ยอดนิยมที่ก่อตั้งในอเมริกาและได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก ได้รายงานผลการสำรวจเรื่องการแสดงความรักผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์เช่น Facebook หรือ Twitter บ่งบอกว่ายุคสมัยปัจจุบันเรื่องความรักไม่ใช่เรื่องลับระหว่างคนสองคนอีกต่อไป

เว็บไซต์ ซูสก์ทำการสำรวจคนในอเมริกากว่า 6,000 คน ทั้งโสดและมีคู่ ได้ผลดังนี้
81% ของคู่รัก ใช้เทคโนโลยีสื่อสารในการแสดงความรักต่อกันเป็นประจำทุกวัน 
78% ชอบที่จะได้ข้อความแสดงความรักจากคนรักทาง SMS มากกว่าโพสต์ข้อความหวานทาง Facebook หรือ Twitter 
64% บอกว่าหากไม่มีเพื่อนร่วมงานเป็นเพื่อนใน Facebook ก็แสดงความรักโรแมนติกกับคนรักทาง Facebook มากขึ้น 
60% บอกว่าระมัดระวังตัวเวลาโพสต์ข้อความโรแมนติกให้กับคนรักทาง Facebook เพราะกังวลกับความเห็นของเพื่อนร่วมงาน 
51% ของผู้หญิงชอบที่จะเช็กรูปภาพของเพื่อนและแฟน หรืออัพเดตเรื่องความรักทางเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ ส่วนผู้ชายที่ชอบเช็กรูปเพื่อนและแฟนมีเพียง 37% 
38% บอกว่าไม่โพสต์เรื่องราวโรแมนติกส่วนตัวทางเว็บไซต์เครื่อข่ายสังคมออนไลน์เพราะไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมงานทราบ


สำหรับคนที่มีความรัก การแสดงความรักต่อกันผ่านทาง Facebook, Twitter หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเราสองคนรักกันมากนั้น หากแสดงบ่อยเกินไป คนที่อ่านข้อความหวานเลี่ยนหรือเห็นภาพถ่ายสุดสวีตก็อดที่จะรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้  
คนเรารักกัน แสดงความรักต่อกันเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง โรแมนติกกว่าการประกาศให้คนอื่นร่วมรับรู้ด้วย 
ส่วนคนที่ยังหาคู่ไม่ได้ เทคโนโลยีสื่อสารทาง SMS หรือ Facebook ก็มีบทบาทสำคัญในการจีบกัน


ถามว่าทำไม สมัยนี้คนถึงใช้ SMS ในการจีบ หรือส่งข้อความแสดงความรัก ต่างจากสมัยก่อน ซึ่งคนวัย 30 ขึ้นไป ยังคงไม่ลืมถึงการจีบสมัยก่อนที่ใช้โทรศัพท์บ้านหรือโทรศัพท์สาธารณะหยอดเหรียญ 
ผู้เชี่ยวชาญด้านความรักวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่คนสมัยนี้ ใช้วิธีจีบกันผ่านทาง SMS แทนการโทรศัพท์ได้ยินเสียงเพราะการโทรศัพท์นั้นพูดออกไปแล้วไม่มีการแก้ตัวหากพลาดขึ้นมา ถ้าประหม่า พูดจาไม่ถูกใจอีกฝ่าย ก็อาจเสียหาย อดเป็นแฟนกัน หรือจีบไม่ติด 

ในขณะที่การส่ง SMS นั้น ได้มีเวลาคิดประดิษฐ์คำให้หวานแหวว ซึ่งบางครั้งอายที่จะกลั่นออกมาเป็นคำพูดทางโทรศัพท์

หากจะชวนอีกฝ่ายที่เราสนใจไปออกเดต การส่ง SMS ก็ช่วยลดอาการเสียหน้าหากอีกฝ่ายปฏิเสธ ไม่อยากออกเดตด้วย ดีกว่าการโทร.ชวนออกเดตทางโทรศัพท์ที่หากถูกปฏิเสธคนชวนจะรู้สึกอับอาย คนตอบปฏิเสธก็อึดอัด



แม้การจีบทาง SMS ไม่ต้องใช้ความกล้าแบบการจีบต่อหน้าหรือพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ แต่การจีบให้สำเร็จต้องรู้เคล็ดลับและมารยาท ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการจีบแนะนำไว้ดังนี้ 
1. อย่ากระหน่ำส่ง SMS แบบไม่ยั้ง เมื่อเราส่ง SMS ไปแล้ว รอให้อีกฝ่ายตอบกลับมาก่อน ถึงค่อยส่ง เพราะหากเราส่งไม่ยั้ง จะทำให้อีกฝ่ายมองว่าเราอยากมีแฟนจนตัวสั่น  
2. ส่ง SMS ที่กระชับ น่าสนใจ ขบขัน ไม่ใช่ เยิ่นเย้อ หวานเลี่ยน 
3. อย่าส่งรูปเซ็กซี่ของตัวเอง หรือเขียนข้อความวาบหวิว แม้อาจจะทำให้ตื่นเต้นในช่วงแรกๆ แต่ว่าทำให้ยากต่อการสร้างสัมพันธ์รักที่มั่นคงยาวนาน การส่งรูปเซ็กซี่ ข้อความสองแง่สองง่าม แสดงให้เห็นเราต้องการสัมพันธ์ที่ไม่จริงจัง ชั่วครั้งชั่วคราว 
4. อย่าส่งข้อความตัดพ้อต่อว่า หากมีเรื่องที่ไม่พอใจ ควรรอให้เห็นหน้ากันแล้วค่อยพูด หรือคุยกันทางโทรศัพท์ เพราะประโยคที่เขียนไปนั้นหากสื่อสารด้วยการพูดคุย บ่อยครั้งฟังดูแล้วไม่รุนแรง แข็งกร้าวเหมือนกับการส่ง SMS ซึ่งการส่ง SMS ต่อว่ากันนั้น บางครั้งก่อให้เกิดความสับสนและบานปลายยิ่งขึ้นไปอีก

แม้การส่ง SMS, โพสต์ข้อความทาง Facebook หรือ Twitter ได้กลายเป็นวิธีการสื่อสารที่เป็นเรื่องปกติในสมัยนี้ 
แต่อย่าลืมว่าการสื่อสารด้วยการพูดคุยแบบเห็นหน้า หรือได้ยินเสียงผ่านทางโทรศัพท์นั้น โรแมนติกมากกว่า และแสดงให้เห็นว่าเราเอาใจใส่ให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายมากกว่าการส่ง SMS หรือโพสต์ข้อความออนไลน์



.