http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-10-31

เหล่า “ติ่ง” โดย ทราย เจริญปุระ

.
ผลสรุป - งานหนังสือทะลุเป้า-ยอดผู้เข้าร่วมงานสูงถึง1.95ล้านคน โกยยอดขายเกิน500ล้าน

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เหล่า “ติ่ง”
โดย ทราย เจริญปุระ charoenpura@yahoo.com  คอลัมน์ รักคนอ่าน
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1680 หน้า 86


คุณเคยคลั่งไคล้หลงใหลอะไรบ้างหรือเปล่าคะ 
รักทั้งที่รู้ว่าจะไม่ได้ครอบครอง 
เฝ้าใฝ่ฝันแม้จะรู้ว่ามันแสนห่างไกล
ติดตามด้วยความห่วงใยอยู่เสมอ

ดูอาการแล้วน่าจะเหมือนการแอบรักใครซักคน
ก็ถูกในแง่หนึ่ง
ต่างกันตรงที่ว่าไม่ได้แอบรักจะเอามาเป็นนางแก้วประจำครอบครัว 
แต่รักและชอบในผลงานเท่านั้น 
ใช่ค่ะ, ฉันกำลังพูดถึงเหล่าแฟนคลับ 
หรือจะให้เฉพาะเจาะจงไปกว่านั้นคือเหล่า "ติ่ง"



ถ้าจะมีอะไรตรงข้ามกับเหล่าติ่ง หรือเหล่าแฟนคลับได้อย่างยิ่ง 
ก็คงจะเป็นกลุ่มชนสายอินดี้ ฟังเพลงที่ไม่สามารถไปร่วมร้องคาราโอเกะกับเพื่อนได้ ดูหนังที่มาจากประเทศซึ่งไม่อาจระบุได้ง่ายๆ ว่าอยู่ตรงไหนของแผนที่ 
แต่มันก็เป็นไปแล้ว ที่มนุษย์สองประเภทนี้จะมารวมอยู่ในคนเดียวกัน

คันฉัตร, ผู้เขียนหนังสือชื่อยาว "Sorry, Sorry ขอโทษครับ...ผมเป็นติ่ง" คือคนที่ฉันหมายถึง 
คันฉัตรเป็นอาจารย์สอนวิชาเกี่ยวกับภาพยนตร์ แถมยังเป็นผู้จัดตั้งกลุ่มฉายหนังอิสระที่เลือกเอาหนังเล็กๆ แปลกๆ ที่หาชมได้ยากมาจัดฉายให้คนได้ดูกัน 
แต่คันฉัตรก็เป็นแฟนบอยวงดนตรีเกาหลี อุทิศตัวเป็นติ่งที่นั่งเฝ้าจองบัตรคอนเสิร์ตเวลาศิลปินที่โปรดปรานมาเยือนเมืองไทย 
และคันฉัตรทำถึงขั้นไปดูคอนเสิร์ตที่เกาหลีใต้ ถิ่นกำเนิดของวงที่รักเลยทีเดียว

หยิบมาตอนแรกคุณอาจจะนึกว่าเป็นหนังสือเชิงสารคดีท่องเที่ยวที่พาคุณไปย่านต่างๆ ร้านรวงน่าชมในเกาหลีใต้
แต่มันไม่ใช่ 
สถานที่ถูกกล่าวถึงอย่างผ่านๆ 
(บางที่นั้นคันฉัตรอยากไปเพราะศิลปินในดวงใจเธอเคยเรียนอยู่ที่นั่นก็มี...ไม่ธรรมดาใช่ไหมล่ะ)

แต่หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงการดั้นด้นไปสู่จุดหมายหลักนั่นคือการประคองตนให้รอดไปแต่ละวันจนกว่าจะถึงวันสำคัญคือวันดูคอนเสิร์ตไม่ต่างจากนักพรตผู้รอคอยพระจันทร์เต็มดวงเพื่อจะได้ถวายบูชา 
มันคือการบรรลุถึงอะไรบางอย่างในจิตใจเมื่อได้ยืนอยู่ในดินแดนเดียวกับคนที่คันฉัตรรู้จักและรักใคร่ ไม่ต่างกับผู้เดินทางกลับสู่ถิ่นกำเนิด
ที่สำคัญ
หนังสือเล่มนี้มันสนุกมาก!



คือ ถ้าคุณเป็นคนที่คิดว่า ทำไมการประกวดร้องเพลงในไทยถึงไม่เอาแต่เพลงไทยมาร้อง 
หรือการนั่งไขว่ห้างเป็นการกระทำที่ต่ำช้าอะไรแบบนี้ 
ข้ามหนังสือเล่มนี้ไปก่อนก็ได้ 
มันคงไม่ค่อยสนุกสำหรับคุณเท่าไหร่

แต่สำหรับฉันมันสนุกที่สุด
ใครจะซื่อสัตย์ต่อความชอบของตัวเองได้ขนาดนี้ 
ฉันเชื่อว่าคนส่วนใหญ่นั้น พอรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรักและชื่นชมเป็นสิ่งที่คนรอบตัวมักตั้งข้อกังขา หรือเรียกสายตาประหลาดใจแกมตระหนกจากผู้คนรอบข้างได้เหมือนสิ่งที่คันฉัตรชอบ คนส่วนใหญ่คงใช้วิธีหลบเลี่ยงไม่พูดถึงเท่าไหร่ 
แต่คันฉัตรยอมรับอย่างเต็มใจ 
และไปจนสุดทาง

มันจึงไม่ใช่หนังสือที่บรรจุเอาแต่เสียงกรีดร้องของคนที่ปวารณาตัวเป็นแฟนคลับ 
แต่มันคือการเดินเข้าหาตัวเองและยอมรับในความชอบของตัวเองอย่างซื่อสัตย์ 
แถมมองเลยไปด้วยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้

เกาหลี (ใต้) มีดีอะไร ทำไมจึงผลิตนักร้องและวงดนตรีออกมาได้รับความนิยมอย่างมากมาย 
ทำไมเกมโชว์จึงมีอิทธิพลในการสร้างและเผยแพร่วัฒนธรมเกาหลีได้อย่างเข้มข้น 
ทำไมคนที่ชอบศิลปินจากเกาหลีแล้วจึงไม่สามารถบังคับตัวเองให้ชอบเพลงวงเดียวได้ 


คันฉัตรถอดรหัสเรื่องราวเหล่านี้สอดแทรกไปด้วยระหว่างเรื่องเล่าในการเดินทางของเขา 
และฉันก็ว่ามันคุ้มค่าที่จะอ่าน สำหรับผู้ที่ใจกว้างพอ 

ใจกว้างที่จะเรียนรู้โลกที่กำลังหมุนไปอย่างรวดเร็วว่ามันสนุกสนานมากขนาดไหน ในการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของผู้ชายคนหนึ่ง
ผู้ชายที่กล้าหาญมาก

และตลกมากกับภาษาอันฉวัดเฉวียนที่บ่อยครั้งก็วกกลับมากัดตัวเองได้อย่างเข้าอกเข้าใจ 
ดีไม่ดี พออ่านจบคุณอาจจะค้นพบตัวเองก็ได้

ใครจะรู้


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“Sorry, Sorry...ขอโทษครับ ผมเป็นติ่ง” เขียนโดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง ( FB: merveillesxx) ฉบับพิมพ์ครั้งแรกโดย สำนักพิมพ์ Salmon Books, ตุลาคม 2555



+++

งานหนังสือทะลุเป้า-ยอดผู้เข้าร่วมงานสูงถึง1.95ล้านคน โกยยอดขายเกิน500ล้าน
จากมติชน ออนไลน์  วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 23:01:03 น.


 เมื่อวันที่ 29 ต.ค. นายวรพันธ์ โลกิตสถาพร นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) กล่าวถึงผลสรุปของการจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 17 วันที่ 18-28 ต.ค. 2555 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย จากยอดประเมินผู้เข้างานประมาณ 1.5 ล้านคน แต่ช่วงงานจริงมีสูงถึง 1.95 ล้านคน สูงกว่าที่คาดไว้ประมาณ 20% ส่วนยอดขายโดยรวมของงานนั้นน่าจะเกินกว่า 500 ล้านบาท โดยมีหนังสือออกใหม่ในงานนี้กว่า 3,000 ปก

"ประเภทที่ขายดีอันดับแรกยังคงเป็นนวนิยาย ถัดมาคือ การ์ตูน หมวดสุขภาพ หนังสือธรรมะยังอยู่ในกระแส และหนังสือแนวประสบการณ์ชีวิตก็มียอดขายที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอัตชีวประวัติหรือประสบการณ์ของคนมีชื่อเสียงที่คนอ่านจะได้เรียนรู้ชีวิตด้วยทางลัด ไม่ต้องเรียนรู้บางอย่างด้วยตัวเอง มีอีกปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือการเติบโตของหนังสือในตลาดนิช มาร์เก็ต อาทิ การ์ตูนกลุ่มของเด็กผู้ชายที่มาแรงมากเพราะสำนักพิมพ์มีกลวิธีในการนำเสนอที่เข้าใจกลุ่มคนอ่าน เป็นนวัตกรรมในการนำเสนอ ในส่วนของตลาดนิยายก็พบว่าเด็กๆ ที่อ่านนิยายอายุลดลงกว่าเดิม ประมาณมัธยมต้นก็เริ่มอ่านแล้ว แสดงว่าเด็กโตเร็ว ขณะที่ตลาดหนังสือเด็กก็ขยายตัวอย่างชัดเจนสอดคล้องกับตัวเลขสถิติการอ่าน ผู้ปกครองให้ความสนใจมาก ด้านผู้ผลิตเองก็เชี่ยวชาญมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับหนังสือเด็กบ้านเราและส่งเสริมการอ่านด้วย"นายวรพันธ์กล่าว



.