http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-10-09

หนุ่มเมืองจันท์: ยักษ์

.

ยักษ์
โดย หนุ่มเมืองจันท์ boycitychan@matichon.co.th www.facebook/boycitychanFC คอลัมน์ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 05 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1677 หน้า 24


อยากได้...อยากได้...
เป็นความรู้สึกเหมือนวัยเด็กที่อยากได้ "ของเล่น" 
ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ในวันที่ไปดูหนังเรื่อง "ยักษ์" รอบ "เซเลบฯ" 

วันที่ "กร" โทร.มาชวน เขาขู่ว่ารอบนี้แขกรับเชิญต้องเดินบนพรมแดงด้วย
ด้วยความเกรงกลัว สิ่งแรกที่ผมทำ คือ ขัดรองเท้าใหม่ 
เป็นหลักคิดแบบ "ผู้ดีเมืองจันท์" ครับ 
แม้จะไม่ใช่ "เซเลบฯ" ตัวจริง แต่อย่างน้อยเราไม่ควรทำให้พรมแดงหน้าโรงหนังของเขามีราคีแปดเปื้อน
จริงๆ แล้วเป็นแค่คำขู่ครับ เพราะ "เซเลบฯ" ของเขาแต่ละคนล้วนแต่คนคุ้นเคยทั้งนั้น
"จุ้ย" ศุ บุญเลี้ยง "เอ๋" นิ้วกลม "ต้อง" บัวไร "ตี้" ธิดารัตน์ ฯลฯ 
เหมือนงานพบญาติมากกว่า 

ก่อนเจอ "พี่จิก" ประภาส ชลศรานนท์ ต้นคิดหนังแอนิเมชั่นเรื่อง "ยักษ์" ทีมงานเวิร์คพ้อยท์กระซิบว่าถ้าดูจบแล้ว "พี่จิก" ถามว่าหนังเป็นอย่างไรบ้าง 
ให้แกล้งบอกว่าน่าจะแก้ตรงนั้นตรงนี้ 
เพราะ "พี่จิก" เป็นสุดยอดมนุษย์ละเอียด เป็นนักแก้งานมืออาชีพ
คือ ถ้าเวลายังไม่หมด "พี่จิก" จะแก้งานจนนาทีสุดท้าย 
ขนาดตอนเช้าก่อนจะฉายรอบ "เซเลบฯ" "พี่จิก" ยังขอแก้งานเลย
คาดว่าตอนนี้หน้าห้องตัดต่อที่ "เวิร์คพ้อยท์" คงมีรูป "พี่จิก" ติดอยู่หน้าประตู 
พร้อมกับป้าย "ห้ามเข้า" 

พอเจอ "พี่จิก" ผมเลยยิงมุขนี้ก่อนเลย ทั้งที่ยังไม่ได้ดู 
"ผมว่าเรื่องมันอืดไป น่าจะให้กระชับกว่านี้" 
"พี่จิก" หัวเราะอย่างรู้ทัน แล้วเปลี่ยนเรื่อง

"เมื่อเช้าบอกน้องๆ ว่าโชคดีมากเลย ที่หนังเรื่องนี้กองเซ็นเซอร์ให้เรต ท.ทั่วไป นึกว่าจะได้เรต +18" 
เรต +18 คือ เรตเดียวกับหนังจันดารา 
อายุเกิน 18 ปีจึงจะดูได้ 
"น้องๆ ก็สงสัย หนังเรื่องยักษ์ก็ต้องเรต ท. อยู่แล้ว" พี่จิกเล่าต่อ 
"ใช่" ผมเห็นด้วย "พี่จิก" หัวเราะ 
"แต่หนังเรื่องนี้ ตัวละครทุกตัวไม่ได้ใส่เสื้อผ้านะ"
555 มุขนี้ ผ่านนน...



"พี่จิก" ชอบเรื่องรามเกียรติ์มาตั้งแต่เด็ก 
และด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบคิดในสิ่งที่คนอื่นไม่คิด 
ในขณะที่ "รามเกียรติ์" จะเล่าเรื่องให้พระรามกับหนุมาน เป็นพระเอก ส่วน "ทศกัณฐ์" เป็นตัวร้าย 
"พี่จิก" คิดเล่นๆ ว่าถ้าเราเล่าเรื่องในมุมของ "ทศกัณฐ์" บ้าง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร 
ความคิดนี้ติดค้างอยู่ในใจมานาน 
พร้อมกับคำถามเรื่องตำนานการต่อสู้ระหว่าง "ทศกัณฐ์" กับ "พระราม"

"คนที่เกิดมาเพื่อต่อสู้กัน จะต้องต่อสู้กันไปตลอดหรือ 
คนที่เป็นศัตรูกัน จะต้องเป็นศัตรูกันไปตลอดหรือ" 
จนวันหนึ่งเขาอยากทำหนังแอนิเมชั่น ภาพของ "ทศกัณฐ์" ก็ลอยเข้ามาในจินตนาการ 
6 ปีคือ เวลาการทำให้ภาพฝันของเขาเป็นจริง
ความยิ่งใหญ่ของหนังเรื่องนี้จึงไม่ใช่เพียงภาพแอนิเมชั่นระดับสากลเท่านั้น แต่เรื่องราวการทำฝันให้เป็นจริงของ "พี่จิก" กลายเป็น STORY ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน 

ผมคิดแบบลูกชาวสวน 
ชาวสวนว่าอดทนแล้ว เพราะ "ทุเรียน" ต้องใช้เวลา 3-5 ปี จึงได้ผล 
แต่ "ยักษ์" ตั้ง 6 ปี 
"พี่จิก" อดทนกว่า...

ถามว่าหนังเรื่องนี้น่าดูไหม 
ตอบได้เลยว่าน่าดูมาก 
คุณจะนึกไม่ถึงว่าคนไทยจะสามารถสร้างหนังแอนิเมชั่นได้ดีขนาดนี้

ในมุมของ "ผู้ใหญ่" หนังเรื่องนี้ลึกซึ้งทีเดียว 
"หน้าที่" กับ "มิตรภาพ" 
ทำไมจะต้องรบกันทุกชาติไป 
ไม่แปลกที่ "ปัญญา นิรันดร์กุล" จะอินกับเรื่องนี้มาก 
เพราะเขาคิดถึงสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน
ที่เหมือนกับแบ่งฝ่าย และแต่ละฝ่ายถูกเมมโมรี่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งคือ "ศัตรู" 
จะต้องเข่นฆ่าให้ตายกันไปข้างหนึ่ง

แต่ในมุมของเด็ก กลุ่มเป้าหมายหนึ่งของหนังแอนิเมชั่นซึ่งผมจินตนาการย้อนกลับไปไม่ถึง 
"พี่ทำโฟกัสกรุ๊ปกับเด็กๆ หรือเปล่า"  
"ลองเอาลูกๆ ของคนในเวิร์คพ้อยท์มาดูแล้ว" พี่จิกตอบ 
"เป็นไงบ้างพี่" 
"พี่จิก" เล่าว่าเด็กผู้ชายจะประทับใจฉากต่อสู้เป็นฉากๆ
"แต่เด็กผู้หญิงจะประทับใจในเรื่องที่เรานึกไม่ถึง"
ครับ คนทำส่วนใหญ่เป็น "ผู้ชาย" คงนึกไม่ถึงว่ามุมมองของเด็กผู้หญิงเป็นอย่างไร

หนังเรื่อง "ยักษ์" จบลงพร้อมกับเสียงปรบมือดังสนั่นโรง 
ชื่นชมในฝีมือของ "ประภาส ชลศรานนท์" 
ผมเชื่อว่าตอนจบของหนัง แม้เพลงที่ขึ้นมาจะเป็นเพลง "เกิดมาเป็นเพื่อนเธอ" 
แต่เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินเสียงเพลง "เฉลียง" แว่วมาแต่ไกล 
เพลงที่ชวนให้เราหัวเราะ ยิ้ม และชวนคิด 
บนจอที่ว่างเปล่า หลายคนเห็นลายเซ็น "ประภาส ชลศรานนท์" ลอยขึ้นมาทั้งที่ไม่มี 
เพราะหนังเรื่องนี้คือ ลายเซ็นของ "พี่จิก" อย่างแท้จริง


ถ้า "พี่จิก" ต้องการเล่าเรื่อง "รามเกียรติ์" ในมุมของ "ทศกัณฐ์" 
"ยักษ์" ทำสำเร็จ 
เพราะทุกคนที่ดูจบ จะหลงรักเจ้าทศกัณฐ์ 
หาก "ยักษ์" คือตัวแทนของความชั่วร้าย  
ในหนังบอกว่าทุกคนล้วนแต่มี "ยักษ์" อยู่ในตัว
อยู่ที่ว่าใครจะควบคุมเจ้ายักษ์ได้แค่ไหน

หลังจากหนังจบลง ผมเกิดยักษ์ตัวใหม่ขึ้นมาในใจ 
ยักษ์ตัวนี้ชื่อ "ความอิจฉา" ครับ 
ผมอิจฉาประกายตาของ "พี่จิก" ในวันนั้นมาก
เป็นแววตาแห่งความสุขอย่างแท้จริง

6 ปี แห่งการรอคอย
6 ปี แห่งความอดทน
6 ปี แห่งความฝัน 
วันนี้เป็นจริงแล้ว 
คุณเคยเห็นประกายตาแห่งความสุขของใครแล้วอยากขโมยไหมครับ?

ถ้าได้เห็น "ความสุข" ที่ล้นออกจากตาของ "ประภาส ชลศรานนท์" ในวันนั้นแล้ว คุณจะรู้สึกเหมือนกับผม 
อยากได้...อยากได้ 
แม้จะรู้สึกแต่ไม่กล้าบอก "พี่จิก" 
เพราะกลัวโดนสวนด้วยคำสั้นๆ

"อยากได้ ต้องลงมือทำ"
และ "ต้องอดทน จึงจะได้มา"



.