http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-12-13

ถูกล็อตเตอรี่ 18,000 ลบ.ฯ ?, เหตุผลที่นักกีฬาเศรษฐีหมดตัว โดย พิศณุ นิลกลัด

.

ถูกล็อตเตอรี่ 18,000 ล้านบาท มีความสุขไหม?
โดย พิศณุ นิลกลัด คอลัมน์ คลุกวงใน
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 07 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1686 หน้า 96


ล็อตเตอรี่พาวเวอร์บอลล์ (Powerball) ของอเมริการางวัลที่ 1 ได้เงินรางวัล 587.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 18,000 ล้านบาท เพิ่งประกาศไปเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน มีสุดยอดผู้โชคดี 2 คน จากรัฐมิสซูรี่และรัฐแอริโซน่า แบ่งรางวัลกันไปคนละครึ่ง ซึ่งผู้โชคดีจากแอริโซน่ายังไม่ออกมาเผยตัว

สำหรับผู้โชคดีจากมิสซูรี่เป็นคู่สามีภรรยาชื่อ มาร์ก ฮิลล์ วัย 52 ปี กับ ซินดี้ ฮิลล์ อายุ 51 ปี
สามีทำงานเป็นช่างยนต์โรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ ส่วนภรรยาถูกเลย์ออฟไม่มีงานทำมาสองปีแล้ว! 
พอทราบว่าตัวเองถูกล็อตเตอรี่พาวเวอร์บอลล์ มาร์กลาออกจากงานทันที ส่วนซินดี้ก็ยกเลิกสัมภาษณ์เข้าทำงาน 
มาร์กและซินดี้เลือกรับเงินรางวัลเป็นเงินก้อนทีเดียวหมดเลย ซึ่งหลังจากหักภาษีแล้วได้เงินสุทธิ 136.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 4,183 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวถามถึงแผนการใช้เงิน มาร์กบอกว่าจะซื้อรถสปอร์ตเชฟโรเลตรุ่นคามาโร่แบบในหนังเรื่อง Transformers ซึ่งถือเป็นรถสปอร์ตราคาปานกลางในอเมริกาแต่ที่เมืองไทยราคาประมาณ 5 ล้านนิดๆ ซินดี้จะซื้อม้าไว้ขี่ ส่วนลูกสาววัย 6 ขวบ ที่ไปขออุปการะมาจากประเทศจีนจะซื้อม้าโพนี่ซึ่งเป็นม้าขนาดจิ๋วให้  
นอกเหนือจากนี้เงินบางส่วนจะปันไว้ช่วยลูกชายแท้ๆ 3 คน และญาติพี่น้อง ซึ่งในวันรับเช็คสี่พันล้านบาทนั้นมีญาติๆ มาแสดงความยินดีด้วย 25 คน 
ซินดี้พูดถึงความรู้สึกหลังรับเช็คเงินรางวัลว่ารู้สึกประหม่ามาก ไม่ใช่รู้สึกมีความสุขล้นเหลือเหมือนที่ใครๆ คิดว่าคนถูกรางวัลที่ 1 จะรู้สึก เธอบอกว่าแม้จะดีใจแต่ก็รู้ว่าในไม่ช้าก็จะมีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดควบคู่กันไป มีคนไม่รู้จักมาขอความช่วยเหลือ


การถูกล็อตเตอรี่ได้เงินก้อนมหึมาไม่ได้นำความสุขสุดยอดมาให้เหมือนอย่างที่คนส่วนใหญ่คิด 
จากการศึกษาของ University of California, Santa Barbara ในปี 2008 โดยศึกษากลุ่มผู้ที่ถูกรางวัลล็อตเตอรี่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ซึ่งโดยเฉลี่ยจำนวนเงินรางวัลที่ถูกล็อตเตอรี่อยู่ที่ประมาณ 8 เท่าของเงินเดือนตัวเอง พบว่าการถูกล็อตเตอรี่ไม่ได้ทำให้มีความสุขเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว โดยการสำรวจระดับความสุขทำหลังจากถูกล็อตเตอรี่ได้ 6 เดือน 
นักจิตวิทยาอธิบายว่า การถูกรางวัลล็อตเตอรี่ทำให้เรามีความสุขเพียงประเดี๋ยวประด๋าว สุขสั้นๆ ที่สามารถปลดเปลื้องหนี้สินหรือช็อปปิ้งซื้อของที่ตัวเองอยากได้ แต่ไม่สามารถทำให้เรามีความสุขในระยะยาว เพราะสมองมนุษย์มักจะจำเรื่องทางลบมากกว่าเรื่องทางบวก โดยสังเกตได้จากบทสนทนาของมนุษย์เรานั้น 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องของการบ่น ดังนั้น สมองจะคิดถึงปัญหาที่เข้ามาในชีวิตมากกว่าความดีใจจากการถูกล็อตเตอรี่

นอกจากนี้ เมื่อคนมีเงินมากขึ้น มาตรฐานความสุขก็จะถูกยกระดับให้สูงขึ้นเมื่อเทียบกับสมัยที่ยังมีเงินน้อยหรือยังไม่ถูกล็อตเตอรี่ ดังนั้น สิ่งที่เคยทำให้ตัวเองมีความสุขสมัยก่อนที่ยังไม่ถูกล็อตเตอรี่ กลับไม่ทำให้ตัวเองมีความสุขมากหลังจากที่ถูกล็อตเตอรี่ เพราะความสะดวกสบายนั้นปรับตัวให้คุ้นเคยได้เร็ว 
คนเรามักจะชินกับความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ตัวเองมีความสุขมากขึ้น หลังเกิดความเคยชินก็ทำให้ความสุขลดลง และไขว่คว้าที่จะหาความสุขใหม่ๆ หรือตั้งมาตรฐานความสุขให้สูงขึ้น  
อย่างเช่น ตอนมีแฟนใหม่ๆ ก็ดีใจสุดขีด มีกิจกรรมแห่งความสุขทำด้วยกันตลอดเวลา แต่พอคบกันไปได้สักพักก็เกิดอาการเฉยชา ไม่อยากทำอะไรร่วมกัน และกลับคิดว่า "แหม... ถ้าแฟนเราสวยกว่านี้ (หล่อกว่านี้) ก็คงจะดี"




มีการทำโพลโดยสถานีโทรทัศน์ช่อง ฟ็อกซ์ นิวส์ (Fox News) ว่าหากถูกล็อตเตอรี่พาวเวอร์บอลล์ครั้งนี้ คิดว่าจะทำให้คุณมีความสุขหรือเปล่า มีผู้โหวตออนไลน์ 28,669 คน ซึ่งได้ผลสำรวจดังนี้ 
38.49% (11,035 โหวต) บอกว่า ไม่แน่ใจ แต่ดีเหมือนกันหากจะหาคำตอบนี้ด้วยตัวเองจากการถูกพาวเวอร์บอลล์  
38.26% (10,968 โหวต) บอกว่า ใช่ จะทำให้มีความสุขเพราะช่วยแก้ปัญหาในชีวิตได้เกือบหมด 
23.25% (6,666 โหวต) บอกว่า ไม่ทำให้มีความสุข เพราะชีวิตมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เงินซื้อไม่ได้

วิเคราะห์จากผลโหวตของฝรั่งผสมกับสิ่งที่ได้เห็นจากคนไทยที่มีเงินมหาศาล สรุปได้ว่ามีเงินเยอะที่สุด (ไม่ว่าจะได้มาโดยสุจริตหรือทุจริต) ไม่ได้แปลว่าจะมีความสุขที่สุด 
สุขนั้นอยู่ที่ใจ มีเงินแต่ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า เอาแค่มีพอที่จะฟุ่มเฟือยได้โดยไม่เดือดร้อน มีเพื่อน มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัว...

สิ่งที่ควรมีเยอะๆ คือน้ำใจ 
ยิ่งให้ยิ่งมีความสุข 
ฟังแล้วเหมือนดัดจริต แต่ขอให้เชื่อเถิดว่านี่คือเรื่องจริง

ทดลองตั้งปณิธานในวันขึ้นปีใหม่ที่จะถึงนี้ก็ได้ครับ ว่าปีใหม่จะมีน้ำใจกับตัวเอง กับคนรอบข้าง และกับสังคม



++

เหตุผลที่นักกีฬาเศรษฐีหมดตัว
โดย พิศณุ นิลกลัด คอลัมน์ คลุกวงใน 
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1685 หน้า 96


ผมพากย์มวยชิงแชมป์โลกให้ทีวีช่อง 7 มาตั้งแต่ปี 2530 ทำให้มีโอกาสอ่านเรื่องราวของนักมวยเอกของโลกตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างเยอะ 
อ่านทั้งประวัติครอบครัว ประวัติชีวิต ความฝัน ความมุ่งมั่น ความสำเร็จ รวมถึงความล้มเหลวของนักมวยระดับสุดยอดของโลกในแต่ละยุค 
การได้อ่านมาก ได้พากย์บ่อย ทำให้เกิดความสนิทสนมรักใคร่โดยที่ไม่เคยพบหน้ารู้จักกัน 
ผมไม่เคยไม่ชอบนักมวยที่พากย์แม้แต่คนเดียว มีแต่ชอบมากหรือชอบน้อย
นักมวยบางคนผมพากย์บ่นบ้าง เขียนติบ้างก็ไม่ใช่เพราะเกลียด   
บ่น-ติเพราะไม่ถูกใจหรือเห็นว่าเขาทำไม่ถูกมากกว่า

ก็เพราะความ "สนิทสนมรักใคร่" เพราะเห็นกันมานานนี่แหละ เวลาได้ยินข่าวนักกีฬาตกอับหรือเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะดำเนินชีวิตผิดพลาด ผมรู้สึกเศร้าใจทุกครั้ง



เฮกเตอร์ คาร์มาโช อดีตนักมวยชาวเปอร์โตริกัน แชมป์โลก 3 สถาบันรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวต ไลต์เวต และ ไลต์เวลเตอร์เวต ช่วงปี 1983-1991 เพิ่งเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ขณะอายุ 50 ปี 
คามาโชถูกยิงที่ใบหน้าเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน บาดเจ็บสาหัสและมีชีวิตอยู่ด้วยเครื่องช่วยหายใจ หลังจากครอบครัวตัดสินใจให้ถอดเครื่องช่วยหายใจออก คามาโชก็สิ้นลม  
ตอนนี้ยังจับตัวมือปืนไม่ได้ ตำรวจสันนิษฐานว่าการฆาตกรรมมีสาเหตุเกี่ยวพันกับยาเสพติด เพราะในรถยนต์ที่คามาโชนั่งด้านข้างคนขับขณะถูกยิง พบโคเคนอยู่หลายถุง 

สมัยเป็นแชมป์โลก คามาโชใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือย เสื้อคลุมขณะเดินขึ้นเวทีและกางเกงชกมวยปักเลื่อมสั่งทำพิเศษของเขานั้น ราคาประมาณ 8,000 ดอลลาร์ หรือ 320,000 บาท 
ค่าตัวสูงที่สุดในอาชีพนักมวยของคามาโช คือ 3 ล้านดอลลาร์ตอนชกกับ ออสการ์ เดอ ลา โฮยา ในปี 1997 ซึ่งคามาโชแพ้คะแนนอย่างเอกฉันท์ 
คามาโชเคยมีเงินมหาศาล แต่หมดตัวเพราะติดยาเสพติดและบริหารจัดการไม่เป็น เขาขาดเงินถึงขั้นตัดสินใจปล้นร้านคอมพิวเตอร์และถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 7 ปี แต่ศาลลดโทษเหลือแค่รอลงอาญาด้วยเห็นว่าก่อเหตุปล้นขณะอยู่ในอาการเมายาเสพติด 
แต่ไม่กี่วันให้หลังเขาทำผิดเงื่อนไขรอลงอาญา เลยถูกส่งเข้าคุก 2 สัปดาห์


คามาโชไม่ใช่นักกีฬาคนแรกและคนสุดท้ายที่ชีวิตจบลงอย่างน่าเศร้าหลังหมดยุครุ่งเรือง 
เมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ช่องกีฬา ESPN ได้เสนอสารคดีเรื่อง Broke หรือ ถังแตก แสดงเรื่องราวน่าสนใจของนักกีฬาที่เคยร่ำรวยมหาศาล แต่ปัจจุบันสิ้นเนื้อประดาตัว 

จากสถิติพบว่า นักบาสเกตบอล NBA จำนวน 60 เปอร์เซ็นต์ หมดตัวหลังจากเลิกเล่นได้ 5 ปีทั้งๆ ที่โดยเฉลี่ย นักบาสเกตบอล ได้เงินฤดูกาลละ 5.15 ล้านดอลลาร์ หรือ 155 ล้านบาท 
ส่วนนักอเมริกันฟุตบอล NFL จำนวน 78 เปอร์เซ็นต์หมดตัวหลังจากเลิกแข่งเพียง 2 ปี  
โดยเฉลี่ย นักอเมริกันฟุตบอล NFL ได้ค่าตัวฤดูกาลแข่งขันละ 1.1 ล้านดอลลาร์ หรือ 33 ล้านบาท


"สูตรสำเร็จ" แห่งความล้มเหลวของนักกีฬาอาชีพ คือ ซื้อบ้านหลายหลัง ซื้อรถราคาแพงมากหลายคัน ซื้อเครื่องเพชรเต็มตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกีฬาแอฟริกันอเมริกัน เครื่องเพชรชิ้นโตหรือที่มีศัพท์แสลงเรียกสั้นๆ ว่า บลิง (Bling) เป็นเครื่องแสดงสถานภาพของนักกีฬา 
นักกีฬาในทีมเดียวกันก็แข่งกันเองว่าใครมีเพชรเม็ดโตกว่ากัน ลานจอดรถของทีมจึงกลายเป็นลานประชันความฟู่ฟ่าว่ารถใครราคาแพงกว่ากัน


ถามว่า นักอเมริกันฟุตบอล NFL กับนักกีฬา NBA ใครขี้อวดกว่ากัน คำตอบก็คือ นักอเมริกันฟุตบอล
เหตุผลก็เพราะนักอเมริกันฟุตบอลมีอาการที่คนตั้งชื่อล้อเลียนว่า Helmet Syndrome เนื่องจากขณะที่กำลังแข่งขันอยู่ในสนาม นักอเมริกันฟุตบอลต้องสวมหมวกกันน็อก เวลาถ่ายทอดโทรทัศน์ ผู้ชมก็ไม่ค่อยคุ้นหรือไม่เคยเห็นหน้ายกเว้นแต่นักกีฬาคนดังๆ พอเวลาอยู่นอกสนามจึงต้องอวดรวยเต็มที่เพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นที่สนใจ ไปไหนมาไหนต้องมีผู้ติดตามเป็นสิบๆ คน

หลังเลิกราจากการเป็นนักกีฬาอาชีพในวัยเพียง 30 ต้นๆ นักกีฬาเหล่านี้ก็บริหารจัดการเงินไม่เป็นเพราะร่ำรวยภายในเวลาพริบตาขณะอายุ 20 กว่าๆ มีทั้งลงทุนผิดพลาด ผู้จัดการส่วนตัวที่จ้างให้มาดูแลทรัพย์สินโกง

นักกีฬาที่หมดตัวทุกคนเคยคิดเหมือนกันหมดว่า เรื่องอย่างนี้ไม่มีวันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง



.