ชาตินิยม: ชีวิตของชาวบ้านตาดำๆ กับวาระซ่อนเร้นของการเมืองภายในประเทศ
โดย ประวิตร โรจนพฤกษ์
แปลและเรียบเรียงโดย ทวีพร คุ้มเมธา
จาก Needless deaths, murky motives behind flare-up ตีพิมพ์ใน TheNation ฉบับวันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554
สืบเนื่องจากการปะทะกันของทหารไทยและทหารกัมพูชาบริเวณพื้นที่พิพาทชายแดน เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ทั้งผู้นำไทยและผู้นำกัมพูชาก็ต่างสาดโคลนใส่กันโดยกล่าวหาอีกฝ่ายว่า เป็นฝ่ายรุกล้ำหรือเริ่มยิงก่อน ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหกเป็นแน่แท้ การปะทะดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา
อย่างไรก็ตามนี้ไม่ใช่เวลาที่คนไทยมารวมใจเป็นหนึ่งสนับสนุนผู้นำของตนในการสาดโคลนใส่อีกฝ่ายอย่างไร้การตั้งคำถาม หากนี้เป็นเวลาที่ประชาชนของทั้งสองประเทศควรจะตั้งสติให้มั่น ตั้งคำถามกับคำพูดและการกระทำของผู้นำของตนตรวจสอบเรื่องราว และข้อเท็จจริงของสงครามการปะทะ พร้อมทั้งประณามสงครามอย่างแข็งกร้าว
การปะทะครั้งนี้ได้ทำให้หลายชีวิตต้องไม่มีที่อยู่อาศัย บาดเจ็บและล้มตายไปเป็นจำนวนไม่น้อยแล้ว และคนเหล่านี้หาใช่นักการเมืองและนักการทูตปากเก่งที่กรุงเทพฯ และพนมเปญ รวมทั้งไม่ใช่กลุ่มชาตินิยมหัวรุนแรงที่ออกมาร้องหาสงครามอย่าง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่เป็นชาวบ้านตาดำๆ และพลทหารเล็กๆ ของทั้งสองประเทศ
นี้จึงควรเป็นเวลาที่เราได้ตระหนักเห็นถึงความเลวร้ายของลัทธิชาตินิยม ซึ่งทำให้คนตาบอดต่อเหตุผล และนำไปสู่การอาฆาตเกลียดชังทำลายล้างกันของมนุษย์
ขณะที่สื่อไทยนั้นกระตือรือร้นเสียเหลือเกินในการรายงานยอดตัวเลขคนไทยที่บาดเจ็บและเสียชีวิต และยังให้น้ำหนักกับคำพูดของผู้นำฝ่ายตนอย่างไม่ตั้งคำถาม สื่อกัมพูชาก็คงกำลังประพฤติตนไม่ต่างกัน
คนไทยคลั่งชาติจำนวนหนึ่งได้เรียกร้องให้ทำลายวัดพุทธที่สร้างขึ้นโดยชาวกัมพูชาในบริเวณพื้นที่พิพาทราวกับว่าไม่ผิดอะไรตรงไหนที่จะเรียกร้องแบบนั้น แม้ว่าพวกเขาเป็นชาวพุทธ คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเป็นสถานการณ์กลับกันที่มีวัดพุทธสร้างโดยชาวไทยตั้งอยู่ในพื้นที่พิพาทบ้างชาวไทยพุทธจำนวนมากคงออกมาประณามชาวกัมพูชาที่เรียกร้องเช่นนั้นว่าเป็นพวก "ไอ้ชาวพุทธจอมปลอม"
ในใบปลิวหนึ่งของกลุ่มคนไทยรักชาติ ซึ่งนำโดยนายวีระ สมความคิด มีเนื้อหาที่มุ่งย้ำเตือนให้คนอ่านเห็นว่า "ดินแดนของประเทศสยาม"นั้นถูกเฉือนไปให้กับสองประเทศอาณานิคมใหญ่อย่าง อังกฤษและฝรั่งเศสหลายครั้งหลายครา หากทว่าใบปลิวนี้หาได้มีการพูดถึงเมื่อครั้งประเทศสยามไปรุกรานประเทศเพื่อนบ้านจนไปยึดครองพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านมาเป็นของตน ซึ่งหากไม่มีการรุกรานครั้งนั้นเพื่อนบ้านของไทยก็น่าจะเป็นเจ้าของแผ่นดินผืนนั้นในทุกวันนี้
ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่บริเวณอีสานตอนล่าง ซึ่งคนท้องถิ่นส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดที่เป็นชายแดนไทย-กัมพูชานั้นเป็นคนไทยที่มีเชื้อสายเขมรและคนส่วนใหญ่ในแถบนั้นก็ยังคงพูดภาษาเขมรอยู่
กลับไปที่เหล่านักการเมืองและนายพลระดับสูง แน่นอนว่าไม่ผู้นำไทยก็ผู้นำกัมพูชาต้องโกหก เพราะทั้งสองฝ่ายต่างอ้างว่าอีกฝ่ายเปิดฉากการปะทะก่อน แต่คุณจะเชื่ออภิสิทธิ์เพียงเพราะว่าเขาเป็นคนไทยเหมือนคุณ และคนกัมพูชาก็เชื่อฮุนเซ็นเพราะเป็นคนกัมพูชาเหมือนกัน ด้วยเหตุผลเพียงเพราะผู้นำคนนั้นเป็นคนชาติเดียวกับคุณอย่างนั้นหรือ
การเชื่อตามผู้นำง่ายๆ เช่นนี้ย่อมนำไปสู่ปัญหา แทนที่ฟังแล้วเชื่อเลย สิ่งแรกที่ต้องถามคือ ใครจะเป็นคนได้ประโยชน์หากมีการปะทะเกิดขึ้นเราควรจะถามด้วยว่า ทำไมปัญหานี้จึงแก้ด้วยสันติวิธีไม่ได้เสียที
ลองมาคิดเล่นๆ ดูว่ากองทัพไทยหรือกองทัพกัมพูชาจะได้งบประมาณจัดซื้ออาวุธเพิ่มเติม ถ้าหากเกิดสงครามขึ้นหรือไม่? ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงงบประมาณดังกล่าวก็แลกมาด้วยเงินภาษีของประชาชน ความเดือนร้อนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่ชายแดน รวมถึงชีวิตของพลทหารและชาวบ้านที่ต้องตายไป และเป็นไปได้ไหมว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะมีคนต้องการสร้างสถานการณ์ให้วุ่นวายเพื่อเป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหาร
เหตุการณ์ทั้งหมดดูไม่ชอบมาพากลเป็นอย่างยิ่ง เริ่มตั้งแต่ที่อยู่ดีๆกลุ่มของนายวีระก็เดินทางไปที่พื้นที่ชายแดนที่มีปัญหาจนเกิดการจับกุมตัวของคนไทยทั้งเจ็ดคน จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต เป็นเหตุให้กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติออกมาประท้วงค้างแรมหน้าทำเนียบ ตามด้วยการประท้วงของพันธมิตรฯ ซึ่งเรียกร้องให้ใช้กำลังทหารในการจัดการกับปัญหาชายแดน เกิดเป็นแรงกดดันไปที่ชายแดน มีการเสริมกำลังทหารไปตรึงที่ชายแดนทั้งสองฝ่าย และต่อมาก็เกิดการปะทะในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ผู้เขียนนั้นไม่ทราบว่า นายกรัฐมนตรีกัมพูชามีวาระซ่อนเร้นหรือจะได้ประโยชน์อันใดจากการปะทะครั้งนี้หรือไม่ แต่ท้ายสุดแล้วทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาก็ควรพินิจพิจารณาคำพูดและการกระทำของผู้นำของประเทศตนอย่างรอบคอบ อย่าตกเป็นเหยื่อของวาระซ่อนเร้นทางการเมืองภายในประเทศ รวมทั้งอย่าได้ให้มีชีวิตไหนต้องมาแลกกับผลประโยชน์ของนักการ เมืองและนายทหารบางคนอีกเลย
เมื่อเราเห็นความยิ่งใหญ่ของพิรามิดกิซ่าที่อียิปต์ ทัชมาฮาลที่อินเดีย และนครวัดที่กัมพูชา เราไม่ควรแค่ตะลึงในความยิ่งใหญ่ของมัน หากควรพึงระลึกไว้ด้วยว่ากว่าจะได้มาซึ่งความยิ่งใหญ่ของสิ่งอัศจรรย์เหล่านี้ต้องแลกมาด้วยชีวิตและหยาดเหงื่อแรงงานของทาสจำนวนนับหมื่นนับแสน
ฉันใดก็ฉันนั้น ลัทธิชาตินิยก็มีด้านที่น่ารังเกียจอยู่พอๆ กัน
Selected Messages & Good Article for People Ideas and Social Justice .. หวังความต่อเนื่องของพลังประชาธิปไตยและการเลือกตั้งของปวงชนอันเป็นรากฐานอำนาจอธิปไตย เพื่อกำกับกติกาและอำนาจการเมือง-อำนาจตุลาการ ไม่ว่าต่อคนชั่ว(เพราะใคร?) และคนดี(ของใคร?) ไม่ให้อยู่เหนือนิติรัฐของประชาชน
http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย