http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2557-02-22

อุ่นเครื่องโผทหารเมษาฯ กลางวิกฤติการเมือง ส่งท้าย “บิ๊กเจี๊ยบ-บิ๊กตู่-บิ๊กเข้-บิ๊กจิน”..

.
โพสต์ลิ้งค์เพิ่ม - พล.อ.ประยุทธ์ระบุกองทัพยึดถือ รธน. ขอให้ทุกฝ่ายหารือกัน-แก้ไขวิกฤตอย่างสันติ  ..อ่านที่ http://prachatai3.info/journal/2014/02/51943
______________________________________________________________________________

อุ่นเครื่องโผทหารเมษาฯ กลางวิกฤติการเมือง ส่งท้าย “บิ๊กเจี๊ยบ-บิ๊กตู่-บิ๊กเข้-บิ๊กจิน” จับตาทัพฟ้า ศึกเสืออากาศกับ“ม้ามืด”
ใน www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1392900599
. . วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 19:52:02 น
.
( ที่มา: มติชนสุดสัปดาห์ ประจำ14-20 ก.พ. 57 ปี34 ฉ.1748 หน้า16 )


รายงานพิเศษมติชนสุดสัปดาห์

เมื่อมีแนวโน้มว่าทหารจะยังไม่ต้องการก่อรัฐประหาร แม้จะมีแรงเชียร์จากบางฝ่าย แล้วการชุมนุมของ กปปส. ก็จะยืดเยื้อไปเรื่อยๆ จนถึงสงกรานต์

ในขณะที่การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา ก็ยังประกาศรับรองผลไม่ได้ แล้ว กกต. ให้เลือกตั้งล่วงหน้าที่มีปัญหา 20 เมษายน และ 27 เมษายน สำหรับหน่วยที่มีปัญหาเลือกตั้งไม่ได้ 2 กุมภาพันธ์ งานนี้จึงยิ่งลากยาว

แต่ทว่าฤดูกาลในการแต่งตั้งโยกย้ายทหารนั้นเริ่มแล้ว ตั้งแต่ตอนนี้ ที่ ผบ.เหล่าทัพ เริ่มพิจารณาจัดทำโผโยกย้ายนายพลเมษายน แล้ว เพราะในเดือนมีนาคม นี้ก็จะต้องให้เสร็จ เพราะจะต้องประกาศภายในมีนาคม และมีผลตั้งแต่ 1 เมษายน 2557

แต่ด้วยการเป็น นายกรัฐมนตรีรักษาการ และรัฐบาลรักษาการ จึงอาจทำให้มีปัญหาในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ รวมทั้งทหาร ที่อาจจะต้องมีการร้องขอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่อาจจะมีเล่นแง่กฎหมายกันเกิดขึ้น

เวลานี้ กระทรวงกลาโหม ได้ส่งหนังสือไปยัง กกต. เพื่อสอบถามกรณีการทำหน้าที่ของคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล 7 คน ประกอบด้วย รมว.กลาโหม รมช.กลาโหม ปลัดกลาโหม ผบ.สส., ผบ.ทบ., ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. ตาม พ.ร.บ.กลาโหม ปี 2551 เพราะจะต้องเร่งประชุมให้แนวทางในเร็วๆ นี้ แต่ กกต. ก็ยังไม่ได้ตอบมา

โดยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เตรียมที่จะเชิญ ผบ.เหล่าทัพ หรือบอร์ดกลาโหม เพื่อให้นโยบายในปลายเดือนกุมภาพันธ์ นี้แล้ว

แต่ความสำคัญของการโยกย้ายทหารครั้งนี้ คือเป็นการรองรับการที่ ผบ.เหล่าทัพ ชุดนี้จะเกษียณราชการในเดือนกันยายนนี้ พร้อมกันหมด ทั้งบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส., บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ., บิ๊กเข้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ.


แม้ในแต่ละเหล่าทัพจะมองเห็นกันแล้วว่า ใครจะเป็นผู้นำเหล่าทัพคนต่อไป แต่ก็ไม่อาจมองข้ามการโยกย้ายเมษายน ที่อาจมีเซอร์ไพรส์ในการดัน "ม้ามืด" ขึ้นมาเป็น ผบ.เหล่าทัพ หรือจ่อคิวใหญ่ไว้

โดยเฉพาะกองทัพอากาศ ที่แม้จะมีบิ๊กตู่ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง เสนาธิการทหารอากาศ แกนนำเตรียมทหาร 14 เป็นเต็งหนึ่ง เพราะเป็นน้องรักของ พล.อ.อ.ประจิน ก็ตาม

แต่เพราะเส้นทางของ พล.อ.อ.ตรีทศ นั้น เติบโตมาในสายปลัดบัญชี โตมาในสายการศึกษา และจบจากเยอรมนี แต่ไม่ได้เป็นนักบินรบ แต่เป็นนักบินลำเลียง C-123 ซึ่งอาจไม่สมาร์ตนัก หากขึ้นเป็น ผบ.ทอ. ที่ธรรมเนียมส่วนใหญ่จะเป็นนักบินรบ โดยเฉพาะ F-5 หรือ F-16

เพราะแคนดิเดต ผบ.ทอ. ยังมีบิ๊กโหมด พล.อ.อ.พลเทพ โหมดสุวรรณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการควบคุมปฏิบัติการทางอากาศ (ผบ.คปอ.) นักบิน T-33 แห่งเตรียมทหาร 15 ก็ยังมีสิทธิ์

แต่ทว่าเขาเหลืออายุราชการแค่ปีเดียว คือจะเกษียณกันยายน 2558 เสียเปรียบ พล.อ.อ.ตรีทศ ที่เกษียณปี 2559 ด้วย

แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูทิศทางการเมืองด้วย เนื่องจากหากเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็เชื่อกันว่าโอกาสของ พล.อ.อ.พลเทพ ที่จะเป็น ผบ.ทอ. มีน้อย

เนื่องจากเขาถูกกล่าวหาร่ำลือว่า เป็นคนสำคัญในการสั่งเครื่องบิน เอฟ-16 ขึ้นบินสกัดกั้นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บินไป-กลับ กัมพูชา โดยทางรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในเวลานั้น ไม่ให้ผ่านน่านฟ้าไทย ทอ. จึงต้องส่งเครื่องบินรบขึ้นไปตามระเบียบ

แม้แหล่งข่าวใกล้ชิดจะยืนยันว่า พล.อ.อ.พลเทพ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ตาม แต่ก็กลายเป็นข่าวเม้าธ์กันไปแล้ว

แต่หากอำนาจเปลี่ยนขั้ว หลังการเผด็จศึกของ กปปส. หรือตุลาการภิวัฒน์ องค์กรอิสระภิวัฒน์ ใดๆ ก็ตาม โอกาสของ พล.อ.อ.พลเทพ อาจมีอยู่บ้าง


ที่น่าจับตามอง หากอำนาจเปลี่ยนขั้ว ก็คือ บิ๊กดำ พล.อ.อ.ทรงธรรม โชคคณาพิทักษ์ ที่ถูกเตะโด่งไปเป็นรองปลัดกลาโหม แต่เขาเป็น ตท.14 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อ.ตรีทศ ที่เกษียณปี 2558 เนื่องจากเขาเป็นคนสุราษฎร์ธานี แม้จะไม่มีรายงานว่ามีสายสัมพันธ์ใดกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. หรือไม่ แต่ทว่าก็ถือว่า เป็นตระกูลใหญ่แห่งเมืองสุราษฎร์ อีกทั้งเขามีคุณสมบัติเพียบพร้อม เพราะเป็นนักบิน เอฟ-16 และโตมาในสายยุทธการ สายกำลังรบ

แต่ใน ทอ. ก็ยังมีบิ๊กบิ๊ก พล.อ.อ.อานนท์ จารยะพันธุ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. เตรียมทหาร 15 ที่เกษียณปี 2558 เพราะ พล.อ.อ.ประจิน ก็ใช้งานให้ศึกษาเรื่องสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤติการเมือง และศึกษาข้อกฎหมายต่างๆ

แต่ทว่า พล.อ.อ.อานนท์ ก็เป็นนักบิน OV-10 ซึ่งก็อาจจะไม่สมาร์ตนักในการขึ้นเป็น ผบ.ทอ.

ในเวลานี้จึงยังไม่มีใครเดาใจ พล.อ.อ.ประจิน ได้ออก ว่าเขาน่าจะเลือกใครเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ แทนเขา เพราะแม้จะดูว่า พล.อ.อ.ตรีทศ เป็นเต็งหนึ่ง

แต่การที่ พล.อ.อ.ประจิน ดันน้องรักคนนี้ขึ้นมาเป็น เสธ.ทอ. ก็ว่ากันว่า เพื่อตีกันบิ๊กโจ้ พล.อ.ท.วรฉัตร ธารีฉัตร ตท.15 ดาวรุ่งแห่งกองทัพอากาศ ที่เดิมมีชื่อเป็น เสธ.ทอ. แต่ก็ต้องขยับไปเป็นแค่ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (ผบ.อย.)



ดังนั้น ต้องจับตามองการโยกย้ายมีนาคมนี้ เพราะ พล.อ.อ.ประจิน ต้องมีการดันนายทหารยศพลอากาศโท ขึ้นมาเป็น พลอากาศเอก เพื่อเตรียมรองรับการโยกย้ายปลายปี ที่จะต้องส่งคนไปนั่งในตำแหน่งต่างๆ ทั้งนอกและใน ทอ.

เช่นที่จะต้องเกษียณราชการ ทั้ง บิ๊กหนู พล.อ.อ.บุญยะฤทธิ์ เกิดสุข รอง ผบ.สส., พล.อ.อ.สฤษดิ์พงษ์ โกมุททานนท์ รอง ผบ.ทอ., บิ๊กแป๊ะ พล.อ.อ.อารยะ งามประมวญ ประธานที่ปรึกษา ทอ., บิ๊กโอ๋ พล.อ.อ.ชนัท รัตนอุบล และบิ๊กแหล่ม พล.อ.อ.ธงชัย แฉล้มเขตร ผช.ผบ.ทอ.

คาดการณ์กันว่า พลอากาศโท ที่จะได้ขึ้น พลอากาศเอก ในการโยกย้ายเมษายนนี้แล้ว ต้องจับตาด้วยว่า อาจจะมีคนใดคนหนึ่งขึ้นเป็น ผบ.ทอ. คนใหม่ ด้วย

ทั้ง บิ๊กโจ้ พล.อ.ท.วรฉัตร ธารีฉัตร ผบ.อย. ที่น่าจะได้ขึ้นเป็น พลอากาศเอก แล้วเขาเป็นคนที่ถูกจับตามองว่าเป็นอนาคต ผบ.ทอ. เพราะเป็น ตท.15 และมีอายุราชการถึงปี 2559 และเป็นนักบิน เอฟ-5 อีกด้วย แต่ทว่าจะฝ่าด่านอรหันต์ไปได้หรือไม่

เพราะต้องเบียดแข่งกับ ตท.16 ที่กำลังโตกันแบบหายใจรดต้นคอ


ส่วนคนที่มาแรงแบบเงียบๆ คือ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ท.สุทธิพันธุ์ กฤษณะคุปต์ รอง เสธ.ทอ. ซึ่งเป็นดาวรุ่งของ ตท.16 ที่ถือว่าเป็นนายทหารที่ พล.อ.อ.ประจิน ไว้วางใจ เพราะให้ดูแลด้านการข่าวและยุทธการ โดยเป็นนักบิน เอฟ-16 เคยเป็นผู้บังคับฝูงบิน 103 จนเป็นผู้บังคับการกองบิน 4 ตาคลี นครสวรรค์ และเป็นเจ้ากรมข่าว ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายข่าว จนมาเป็น รอง เสธ.ทอ. ที่สำคัญมีอายุราชการถึงปี 2560 เลยทีเดียว

รวมถึง รอง เสธ.ทอ. อีก 2 คน ทั้ง พล.อ.ท.จอม รุ่งสว่าง และบิ๊กโป่ง พล.อ.ท.ศิวเกียรติ ชเยมะ ที่เป็นเพื่อน ตท.16 ด้วยกันทั้งหมด

โดยเฉพาะ พล.อ.ท.จอม นั้น ก็เป็นที่จับตามอง เพราะเป็นคนเก่ง แถมมีอายุราชการถึงปี 2561 เลยทีเดียว ที่ก็อาจจะต้องรอต่อคิว แต่ก็ถูกเฝ้ามองว่า การที่เขาจบ ร.ร.นายร้อยญี่ปุ่น จะส่งให้มีปัญหาต่อการเป็น ผบ.ทอ. หรือไม่ เนื่องจากยังไม่เคยมี ผบ.ทอ. ที่จบต่างประเทศ

ดังนั้น เมื่อสร้าง พลอากาศเอก ขึ้นมาใหม่ ในโยกย้ายกลางปีนี้ พล.อ.อ.ประจิน ก็จะต้องเตรียมส่งไปทดแทนตำแหน่งที่เกษียณ

แต่ในเวลานี้ ไม่มีใครรู้ว่า พล.อ.อ.ประจิน จะเลือกเอาคนที่เป็น พลอากาศเอก อยู่แล้ว เป็น ผบ.ทอ. หรือว่าเลือกจาก คนที่กำลังจะขึ้นเป็น พลอากาศเอก ในโยกย้าย มีนาคม-เมษายน นี้

แต่ก็น่าจับตามองด้วยว่า หากโยกย้ายเมษายนนี้ พล.อ.อ.อารยะ ประธานที่ปรึกษา ทอ. จะลาออก เนื่องจากปัญหาสุขภาพ พล.อ.อ.ประจิน ก็อาจจะต้องดัน พลอากาศเอก คนใดคนหนึ่ง ขึ้นประธานที่ปรึกษา ซึ่งเป็นอัตราจอมพลด้วย ที่จะยิ่งทำให้เห็นชัดว่าใครจะเป็น ผบ.ทอ. คนต่อไป และการเมืองจะมีผลต่อการเลือกแม่ทัพฟ้าคนใหม่ หรือไม่


แต่ในส่วนของ ทบ. นั้น บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. แกนนำ ตท.14 ยังคงเป็นเต็งหนึ่ง ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ. แทน พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเกษียณ โดยมีบิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ. เตรียมทหาร 15 เป็นตัวสอดแทรก โดยทั้งคู่เกษียณปี 2558 เท่ากัน

ส่วน ผบ.ทร.คนใหม่นั้น มีแคนดิเดต 3 คน คือ พล.ร.อ.ไกรสรณ์ จันทสุวานิชย์ ผช.ผบ.ทร., บิ๊กจุ๊ พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ เสธ.ทร. และบิ๊กปุ้ย พล.ร.อ.พิจารณ์ ธีรเนตร ผบ.กองเรือยุทธการ

ก็ต้องดูว่า พล.ร.อ.ณรงค์ จะเลือกใคร ใน 3 คนนี้ เพราะเกษียณราชการปี 2558 เท่ากันหมด แต่ พล.ร.อ.ไกรสรณ์ นั้นเป็นเพื่อน ตท.13 เพื่อนรักของบิ๊กหรุ่น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ อดีต ผบ.ทร. และ พล.ร.อ.ณรงค์ เอง ด้วย

ขณะที่ พล.ร.อ.พิจารณ์ ตท.14 นั้นได้รับการสนับสนุนจากนายทหารเรือสายกำลังรบ ที่ต้องการให้ ผบ.กร. เป็น ผบ.ทร. แทนการให้ฝ่ายอำนายการ หรือขึ้นมาจาก เสธ.ทร. หรือ ผช.ผบ.ทร. แถม ตท.14 ยังเป็นรุ่นที่กำลังอยู่ในแผงอำนาจกองทัพ ทั้ง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกลาโหม และ พล.อ.อุดมเดช ที่จ่อเป็น ผบ.ทบ. และ พล.อ.อ.ตรีทศ ที่อาจได้เป็น ผบ.ทอ.

ส่วน พล.ร.อ.ทวีวุฒิ นั้น เป็น ตท.15 ที่ก็รับผิดชอบงานสำคัญ ในฐานะ เสธ.ทร. และถือว่าเป็นนายทหารที่ขยันทำงาน และที่ผ่านมาก็เคยได้ทำงานใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาตลอด เพราะจะต้องไปร่วมประชุม หรือบรรยายสรุปให้ฟังบ่อยๆ

แต่ต้องยอมรับว่า กรณีของ พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผบ.หน่วยซีล ที่ส่งทหารไปดูแลผู้ชุมนุม กปปส. นั้น ส่งผลต่อ พล.ร.อ.พิจารณ์ ไม่น้อย เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาของ พล.ร.ต.วินัย แม้ว่า พล.ร.อ.พิจารณ์ จะไม่ได้รู้เห็นด้วยก็ตาม

แต่ภาพพจน์ของหน่วยซีล และกองเรือยุทธการ รวมทั้ง ทร.เอง ก็ถูกมองว่าเอนเอียงไปทางผู้ชุมนุม ไปแล้ว

แต่จะเป็นผลดี หากว่าอำนาจทางการเมืองเปลี่ยนขั้ว ก่อนการโยกย้ายทหารปลายปี ในเดือนสิงหาคม-กันยายน นี้



กระนั้นก็ตาม มีการมองว่าหากวิกฤติการเมืองนี้ ยืดเยื้อไปจนถึงการโยกย้ายทหารปลายปี โดยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รักษาการ นั้น จะมีผลใดๆ หรือไม่

แต่น่าจะเป็นผลดีต่อกองทัพ ตรงที่ฝ่ายการเมืองจะไม่สามารถแทรกแซงการโยกย้ายทหารได้ เพราะจะเป็นอำนาจของ ผบ.เหล่าทัพ เต็มที่ อีกทั้งโดยปกติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการโยกย้ายทหารอยู่แล้ว

ส่วนตำแหน่ง ผบ.สส. นั้น คาดกันว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ จะเสนอชื่อบิ๊กตี๋ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. เพื่อนรัก ตท.12 ขึ้นเป็น ผบ.สส.คนใหม่ อย่างแน่นอน โดยเขาก็มีอายุราชการแค่ปี 2558

ท่ามกลางการจับตามองว่า มีโอกาสที่ พล.อ.นิพัทธ์ ปลัดกลาโหม ที่ในการโยกย้ายปลายปีนี้ จะเป็นผู้นำทหารที่เหลืออยู่คนเดียวนี้ จะได้โยกกลับมาเป็น ผบ.สส. หรือไม่ ในเมื่อเขามีอายุราชการถึงปี 2559 และเป็นลูกหม้อ บก.กองทัพไทย มานาน

แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า การเมืองในเวลานั้นเป็นอย่างไร เพราะถ้าการเมืองเปลี่ยนขั้ว พล.อ.นิพัทธ์ ก็อาจจะโดนพิษการเมืองเล่นงานได้ เพราะภาพพจน์เขาถูกมองว่าเป็นนายทหารที่ใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งบทบาทในช่วงวิกฤติการเมืองที่ผ่านมาด้วย

แต่หากมีปาฏิหาริย์ ที่ยังคงเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย พล.อ.นิพัทธ์ ก็จะกลายเป็นปลัดกลาโหม ที่มีเพาเวอร์ไม่น้อย


โชคดีที่ในเวลานี้ไม่ได้มีปัญหาในการแย่งชิงอำนาจกันแบบรุนแรงแบบต่างขั้วต่างสีกันเกิดขึ้น จึงทำให้โอกาสของการรัฐประหาร มีน้อยลง เพราะไม่มีปัจจัยภายในกองทัพมากระตุ้น รวมทั้งไม่ได้ถูกการเมืองแทรกแซงการโยกย้ายทหาร ดังนั้น โอกาสของการรัฐประหาร จึงขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมืองหรือปัจจัยภายนอกกองทัพ เท่านั้น

ยิ่งเมื่อ กกต. ให้รอลากยาวการเลือกตั้งไปจนถึง 20 เมษายน และ 27 เมษายน 2557 ที่ก็ไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งได้ และได้ ส.ส. ครบหรือไม่ก็ตาม หากไม่เกิดอุบัติเหตุกับรัฐบาลรักษาการ จากองค์กรอิสระ เสียก่อน โอกาสที่ ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ ชุดนี้ จะนับถอยหลัง เคาต์ดาวน์รอเกษียณ ก็มีสูงกว่า โอกาสที่จะรัฐประหาร แล้วปล่อยให้ ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ ชุดใหม่ มารับผิดชอบในการแก้ปัญหาการเมืองแทน

ณ เวลานี้ ถือว่ากองทัพกับการเมือง แยกกันไม่ออกแล้วจริงๆ...


______________________________________________
ร่วมคลิกไลค์แฟนเพจมติชนสุดสัปดาห์ผ่านทางเฟซบุ๊กได้ที่
www.facebook.com/matichonweekly




.
Admin ไม่สามารถเข้าถึงบทความประจำที่นำเสนอมาร่วม 2ปีเสียแล้ว จึงจะไม่ได้เสนอครบถ้วนเหมือนเคย ..ขออภัยผู้ติดตามทุกท่านด้วย