http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-12-05

The Perks of Being a Wallflower โดย พรพิมล ลิ่มเจริญ

.

The Perks of Being a Wallflower
โดย พรพิมล ลิ่มเจริญ  คอลัมน์ “ใส่บ่าแบกหาม”
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1685  หน้า 73


เธอจ๊ะ

The Perks of Being a Wallflower เป็นนิยายมาก่อน เป็นนิยายอเมริกันแต่งโดย Stephen Chbosky ออกขายเมื่อปี ค.ศ.1999 เป็นเรื่องของเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิต กำลังพยายามดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้
มันเป็นหนังสือดีเล่มหนึ่งทีเดียวเจียวแหละ ฉันชอบ ฉันดีใจที่เขาเอามาทำเป็นหนัง และเป็นหนังที่ทำออกมาแล้วไม่ผิดเพี้ยนจากหนังสือ
ว่าก็ว่าเถอะนะ เวลาเอานิยายมาสร้างเป็นหนัง ฉันรู้ว่ามันต้องเกิดการดัดแปลงแต่งเติมอย่างใดก็ได้ตามใจผู้สร้าง แล้วผู้สร้างก็ให้เหตุผลแก่ตนเองว่าเพื่อความบันเทิงเอย เพื่อความสมจริงเอย 
จะมีเหตุผลกลใดหรือไม่มีเหตุผลใดก็ได้อีก แต่เวลาหนังทำออกมาได้เหมือนหนังสือที่อ่าน ฉันชื่นใจมากกว่า ก็เท่านั้นเอง


wallflower คำนี้แรกเริ่มทีเดียวหมายถึงผู้หญิง แต่ต่อมาใช้กับผู้ชายก็ได้ด้วย หมายถึง คนที่ไม่ชอบสุงสิง ไม่ชอบเข้าสังคมกับใครๆ โดยเฉพาะเวลามีงานปาร์ตี้ งานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ 
คนแนวนี้ก็มักจะยืนพิงกำแพงอยู่นิ่งๆ ดูคนอื่นไปเรื่อยๆ น่ารักดีเน้อะ เป็น "ดอกไม้ประดับกำแพง" นี่ถ้าบ้านเรามีธรรมเนียมงานเลี้ยงสังสรรค์แบบฝรั่งเขาทำกัน ฉันนี่แหละได้เป็นหนึ่งดอกแปะติดกำแพงแน่นแน่ๆ

ในเรื่องนี้ก็คือ ชาร์ลี พระเอกของเราเป็นหนุ่มน้อย ขี้อายมาก เงียบมาก จะทำอะไรก็เก้อเขิน ประดักประเดิดไปกับทุกสิ่ง 
ชาร์ลีกลับมาโรงเรียน เริ่มชีวิตนักเรียนอีกครั้ง หลังจากหยุดพักรักษาตัวรักษาใจระยะยาว ชาร์ลีไม่พูดกับใครตลอดระยะเวลายาวนานนั้น เอาแต่เขียนจดหมายหาเพื่อนคนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าใคร 
นี่ก็เหมือนต้องหาเพื่อนใหม่อีกแล้ว

กับวันแรกที่ต้องไปโรงเรียนชาร์ลีเขียนว่า

I really want to turn things around this year.
ผมอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างเลยปีนี้

มองไปทางไหนก็เห็นคนที่เคยเป็นเพื่อน เพราะแต่ละคนทำท่าก็อีหลักอีเหลื่อ ลังเลใส่กัน

She doesn"t like to say hi to me anymore.
เขาไม่ชอบพูดสวัสดีกับผมอีกต่อไปแล้ว

เขา ในที่นี้คือ แซม

แซมเป็นเพื่อนหญิงที่สนิท แต่ไปๆ มาๆ ก็ห่างก็เหินกันไปซะงั้น
น้องเอมม่า วัตสัน หรือเฮอร์ไมโอนี่ ณ แฮร์รี่ พอตเตอร์ แสดงเป็น "แซม" น้องแสดงเก่งเหลือเฟือ ให้พูดสำเนียงเสียงวัยรุ่นอเมริกันก็เหมือน ไม่เหลือเค้าสำเนียงอังกฤษ


พ่อกับแม่ให้กำลังใจชาร์ลีก่อนไปโรงเรียนวันแรก ว่าวันแรกหาเพื่อนได้สักคนก็ดีมากแล้ว
พ่อพูดเหมือนครูที่สอนวิชาภาษาอังกฤษเลย

They say if you make one friend on your first day,
you"re doing okay.
เขาว่ากันว่าไปโรงเรียนวันแรก หาเพื่อนได้สักคนหนึ่ง
ก็ใช้ได้แล้ว

แต่ใครจะรู้ วันแรกของชาร์ลีนั้นยากกว่าใคร

If my English teacher is the only friend I make today,
hat would be sort of depressing.
ถ้าวันแรกเพื่อนคนแรกเป็นครูภาษาอังกฤษ 
มันออกจะดูน่าหดหู่ใจ

วันแรกได้ขำๆ ประมาณนี้ ก็ดีแล้วแหละชาร์ลี ได้พูดตั้งประโยคนึง! 
แต่เดี๋ยวก็มีวันพรุ่งนี้ วันต่อไปให้หาเพื่อนเพิ่มได้




แพทริก เป็นอีกคนที่น่าคบหา แพทริกเป็นนักเรียนชอบกวนประสาทครู น่าคบมากๆ ท่าทางจะสนุก 
ครูไม่เรียกชื่อแพทริก แพทริกก็ย้อนยอกใส่ครู

You call me Patrick
or you call me nothing. 
ครูเรียกผมว่าแพทริกสิ 
ไม่งั้นก็ไม่ต้องเรียกอะไรเลย

แพทริกเลยโดนใครๆ เรียกว่า "nothing" ตั้งแต่นั้นมาตามครู ขำดี 
แล้วก็เพราะแพทริกนี่เอง ที่ทำให้มิตรภาพระหว่างชาร์ลีกับแซมฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง เพราะแพทริกกับแซมเป็นพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงกัน เป็นสองพี่น้องคนละพ่อคนละแม่กัน
ชาร์ลีก็ได้เข้าไปร่วมสังสรรค์กับเพื่อนเป็นกลุ่มเหมือนคนอื่น ได้หัดร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเพื่อน

I didn"t think
anyone noticed me.
ไม่คิดมาก่อนเลย
ว่าจะมีคนรู้ว่ามีผมอยู่

แพทริกตอบแทนเพื่อนในกลุ่ม

We didn"t think there was 
anyone cool left to meet.
เราไม่คิดมาก่อนนี่ว่า 
จะมีคนเจ๋งๆ เหลือให้คบอีกไง

แซมสรุปให้

Welcome to the island of misfit toys.
ยินดีต้อนรับสู่เกาะแห่งตุ๊กตาที่ไม่เข้าพวก

แล้วชาร์ลีได้ช่วยแพทริกเรื่องปัญหาหัวใจเพราะเรื่องเรียนแพทริกเอาตัวรอดเก่ง วิชาช่างไม้ที่แพทริกไปกวนประสาทครูไว้ แพทริกก็บอกครูง่ายๆ ให้ครูเอะใจก่อนให้คะแนน

If you fail me,
you get me next semester.
ถ้าให้ผมตก 
เทอมหน้าครูเจอผมอีกนะครับ

ชาร์ลีได้ช่วยแซมเรื่องสอบ SAT ที่เป็นการสอบวัดผลความถนัด ที่นักเรียนมัธยมต้องใช้เพื่อสมัครเข้ามหาวิทยาลัย ครั้งแรกสอบได้คะแนนน้อยนิดเดียว ชาร์ลีก็ให้กำลังใจ และช่วยติวให้อีกต่างหาก 
แล้วยังช่วยเรื่องปัญหาหัวใจของแซม แซมมีคำถาม

Why do I and everyone I love 
pick people who treat us 
like we"re nothing?
ทำไมฉันและคนที่ฉันรัก
ถึงชอบเลือกคนที่ 
ทำอย่างกับเราไม่มีค่าอยู่ได้

ชาร์ลีไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่ก็ไปถามผู้รู้ หาคำตอบมาให้ 

We accept the love 
that we think we deserve. 
เรายอมรับความรัก 
ที่เราคิดว่าเราสมควรได้


เราประเมินค่าตัวเองไว้เท่าไหร่ เราก็จะอนุญาตตัวเองให้ได้มาเท่านั้น 
จนชาร์ลีเอง ก็ได้มีปัญหาหัวใจ ได้รู้จักมีปัญหาเรื่องความบาดหมางระหว่างเพื่อนกับเขาบ้าง และสิ่งสำคัญประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น ช่วยให้ชาร์ลีได้พบปมในอดีตที่สำคัญ เมื่อพบปัญหา ก็จะได้แก้ไขได้ถูกทางและเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างงดงาม


สนุกน่ะ วัยรุ่นควรได้อ่านหนังสือเล่มนี้ หรือดูหนังก็ยังดี ชอบน่ะ ฉันชอบมากทั้งหนังสือและหนัง อยากพูดซ้ำสามที

ฉันเอง



.