http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-12-11

“ฮิกส์”การค้นพบแห่งปี 2012 โดย ปิยมิตร ปัญญา

.

“ฮิกส์”การค้นพบแห่งปี 2012
 โดย ปิยมิตร ปัญญา piyamitara@gmail.com
ในมติชน ออนไลน์  วันอาทิตย์ที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 23:55:20 น. 


กาลเวลารี่ไหลเหมือนสายน้ำ ธันวาคมกรายเข้ามาทักทายอีกครั้ง พยายามกระตุ้นเตือนให้รับรู้ถึงการล่วงไปของเวลา เวลาซึ่งแตกต่างยิ่งจากสายน้ำ เนื่องเพราะมันผ่านเลยไปแล้วไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย

ผมไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ริเริ่มธรรมเนียมการทบทวนย้อนหลังเหตุการณ์ตลอดทั้งปีในสื่อทั้งหลายในห้วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านจากศกเก่าไปสู่ศักราชใหม่ แต่การที่มันคงอยู่มาได้ตลอดมาสะท้อนให้เห็นถึงแง่มุมในเชิงบวกของมันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แล้วก็ทำให้ผมลองหันมาทบทวนเหตุการณ์ในขวบปีที่ผ่านมากันบ้าง


ต่อเนื่องสักชุดหนึ่งสำหรับกาลเวลาพิเศษนี้ 
ใครไม่รู้บอกว่า การทบทวนเรื่องราวแต่หนหลัง ทำให้เรามองอนาคตได้ชัดเจนขึ้น กระจ่างมากขึ้น 
เรามาทดสอบความข้อนี้กัน ด้วยข้อเขียนสักชุด จริงไม่จริง ถูกไม่ถูกอย่างไร แจ้งให้ทราบด้วยจักเป็นพระคุณยิ่ง
เริ่มต้นจาก "การค้นพบแห่งปี" กันในสัปดาห์นี้ครับ



ทําไมการพบ "ฮิกส์ โบซอน" หรือที่เรียกกันตามคำของลีออน เลเดอร์แมน นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลชาวอเมริกันว่า "อนุภาคพระเจ้า" ถึงเป็นการค้นพบแห่งปีสำหรับผม? ใช่หรือไม่ว่าผมตื่นเต้นตูมตามไปตามจริตของบรรดานักวิทยาศาสตร์ทั้งโลกที่ตื่นเต้นมหาศาลกับการค้นพบ "ข้อเท็จจริง 
พื้นฐาน" ทางวิทยาศาสตร์ประการนี้" คำอธิบายความเกี่ยวกับมันที่ผ่านมายังไม่เพียงพอหรืออย่างไร? 
และที่สำคัญก็คือ มันมีนัยสำคัญยิ่งใหญ่ปานนั้นเลยเชียวหรือ?

คำตอบก็คือ ใช่ครับ คำอธิบายเกี่ยวกับอนุภาคพระเจ้าที่ผ่านมา แม้จะมีความชัดเจนกระจ่างอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ผมเชื่อว่า คำอธิบายต่างๆ เหล่านั้นยังคงจำกัดอยู่แต่เฉพาะตัวอนุภาคเองที่มีการพบเห็นกันชั่ว "กะพริบตา" เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ผมเชื่อว่า คนอีกค่อนโลกยังคงไม่เข้าใจใน "ความหมาย" และ "ความสำคัญ" ของมัน

ในทางหนึ่ง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีผลกระทบ สร้างแรงสั่นสะเทือนสูงมากต่อสังคม มันไม่เพียงมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรม ความคิด ชีวิตและเศรษฐกิจของชาติและของโลกเท่านั้น ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อปัจเจกทุกคนอีกด้วย 
ไม่ว่านักวิทยาศาสตร์พยายามจะทำอะไร รังสรรค์ชีวิตขึ้นมาใหม่ หรือพยายามเพิ่มศักยภาพของสมองและองคาพยพต่างๆ ของคนเรา ล้วนส่งผลผูกพันถึงเราทั้งหลายในอีกไม่ช้าไม่นาน

ในอีกทางหนึ่ง การตามล่าหา "อนุภาคพระเจ้า" มูลค่าเกินกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ที่ทอดระยะเวลายาวนานถึงครึ่งศตวรรษ ไม่ได้เป็นไปได้ด้วยตัวของมันเองทุกผู้คนล้วนมีส่วนก่อให้เกิดขึ้นไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ที่ลงเอยอยู่ในรูปของเงินภาษีที่ถูกนำไปใช้เพื่อการนี้
นั่นหมายความว่า เราไม่เพียงมีสิทธิที่จะรับรู้ว่าเงินเหล่านั้นถูกนำไปใช้อย่างไรเท่านั้น หากแต่ยังสามารถตั้งคำถามได้ด้วยว่า ทุกคนจะได้ประโยชน์จากการนี้หรือไม่ 
แต่นั่นยังไม่ได้ตอบคำถามเลยว่า "ฮิกส์ โบซอน" มีนัยสำคัญอย่างไร?


การค้นพบ "อนุภาคพระเจ้า" คือการค้นพบ "ชิ้นส่วนที่หายไป" ที่ทำให้องค์ความรู้ที่บ่งบอกได้ว่า ทำไมเราถึงเป็นอย่างที่เราเป็นอยู่ในขณะนี้
ยังคงเป็นปริศนาตลอดมา

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ไม่แน่ใจนักว่า "ทำไม" บางอนุภาคถึงมี "มวล" ทำไมอีกบางอนุภาคไม่มี "มวล" 
เราอาจไม่สนใจ ไม่แยแสมากมายเท่าใดนักว่าเพราะเหตุใด สรรพสิ่งต่างๆ ถึงมี "มวล" แต่ความเข้าใจพื้นฐานที่ว่านี้เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์แสวงหาอยู่ตลอดเวลา ดุจเดียวกับความพยายามที่จะเข้าใจกลไกของควอนตัม หรือสิ่งอื่นใด 
ความสนใจอย่างยิ่งยวดของนักวิทยาศาสตร์เกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่า "มวล" คือพื้นฐานของ "สสาร" คือพื้นฐานของสิ่งซึ่งกอปรกันขึ้นเป็นตัวเรา เป็นดาวเคราะห์ และเป็นดาวฤกษ์ทั้งหลาย


ปีเตอร์ ฮิกส์ เสนอเป็นทฤษฎีเอาไว้เมื่อราวเกือบ 50 ปีก่อนหน้านี้ว่ามวลเกิดขึ้นจากอะไรโดยการใช้สมมติฐานว่ามีอนุภาคใหม่ชนิดหนึ่งอยู่ อนุภาคซึ่งถูกเรียกในเวลาต่อมาว่า "ฮิกส์ โบซอน" 
เขาอธิบายเอาไว้ว่า อนุภาคพื้นฐานอื่นๆ บางอย่าง "ไม่ค่อยจะรู้สึก" ถึงการคงอยู่ของฮิกส์ โบซอน นี้ เพียงปลิวคว้าง วิ่งผ่านเลยไปเฉยๆ
นั่นทำให้บางอนุภาคพื้นฐานเหล่านี้ มี "มวลขนาดเล็ก" หรือ "ไม่มีมวล" อยู่เลย

แต่มีอนุภาคอีกบางอย่าง ที่ "รู้สึก" ได้อย่างเต็มที่ และ "สัมผัสได้" ถึงการคงอยู่ของฮิกส์ โบซอน ทำให้มันมี "มวล" ยิ่งรู้สึกถึงการคงอยู่ของมันได้มากเท่าใด อนุภาคพื้นฐานต่างๆ เหล่านั้นยิ่งมีมวลมากขึ้นเท่านั้น 
หากเรากวาดทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจากสิ่งที่เราเรียกว่า "อวกาศ" สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ ไม่ถูกกวาดทิ้งออกไปคือ "ฮิกส์" มันคงอยู่ และจะยังคงอยู่ในทุกที่ทุกทาง ทุกหนทุกแห่ง
มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ "อนุภาค" อนุภาคหนึ่งในบรรดาอนุภาคระดับ "ซับอะตอม" ที่มีอยู่จำนวนมากเท่านั้น มันเป็น "ตัวการ" สำคัญหนึ่งเดียวที่ทำให้อนุภาคอื่นๆ มีมวล

การเป็นผู้ "ก่อกำเนิด" มวลของฮิกส์ โบซอน เท่ากับเป็นการให้กำเนิดสรรพสิ่ง
รวมทั้งตัวเราที่มีเลือดเนื้อ มีชีวิตจิตใจ มีอิฏฐารมณ์ อนิฏฐารมณ์ เหมือนอย่างที่เราเป็นอยู่ในเวลานี้ 
มันมีขึ้นโดยเฉียบพลันในเสี้ยวของเสี้ยวของวินาทีที่จักรวาลเริ่มต้น มันคืออนุภาคเริ่มต้นซึ่ง เป็น "ตัวกำหนด" สรรพสิ่งอื่นใดที่ตามมา อาจบางทีนี่เองที่เป็นเหตุให้ลีออน เลเดอร์แมน ถึงดึงดันที่จะเรียกขานมันในหนังสือว่าด้วยฮิกส์ โบซอน ของเขาว่า มันคือ
"อนุภาคพระเจ้า"



การประเมินว่า สิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นอย่างหนึ่งอย่างใด มีพฤติกรรมทำนองไหน โดยอาศัยเพียงการคาดคำนวณโดยวิธีทางคณิตศาสตร์ ไม่ต่างอะไรจากการประเมินบุคคลหนึ่งบุคคลใดด้วยอิฏฐารมณ์ ด้วยเปลือกที่เป็นเพียงกระพี้ 
นั่นไม่ใช่วิธีที่พึงกระทำ หรือเป็นวิถีที่พึงได้รับความเชื่อถือ และยิ่งไม่เป็นวิทยาศาสตร์

การค้นพบ "ฮิกส์" จึงเป็นการไขปริศนาของชีวิต สร้างความเข้าใจในพื้นฐานแห่งจักรวาลที่คงความลึกลับอยู่ยาวนาน เพียงแค่ข้อเท็จจริงที่ว่า มีการคาดการณ์ถึงการคงอยู่ของมันมาเนิ่นนานถึง 50 ปี แต่เพิ่งมีการค้นหามันพบและเพิ่งเป็นที่ประจักษ์กันในเวลานี้ ก็เพียงพอต่อการทำให้การค้นพบครั้งนี้เป็นการค้นพบอันยิ่งใหญ่ได้แล้ว 
การที่ "ฮิกส์" คือพื้นฐานของมวล คือที่มาของมวล ที่เป็นที่มาของชีวิต ทำให้การค้นพบครั้งนี้ มีผลผูกพันต่อเนื่องถึงสรรพสิ่ง มีผลสะเทือนถึงชีวิตทุกชีวิตในอนาคตอย่างแน่นอน 
เราเพียงยังไม่รู้ ไม่แน่ใจว่า มันจะกระทบกับเราอย่างไร และดีหรือเลวแค่ไหนเท่านั้นเอง!

ความประการหนึ่งซึ่งนักวิทยาศาสตร์นำมาใช้เพื่อสนับสนุนการค้นคว้าวิจัยในระดับ "พื้นฐาน" ซึ่งไม่ใช่การคิดค้นอะไรใหม่ๆ ที่ใหญ่โตอลังการและพลิกชะตาชีวิตผู้คนในเฉียบพลันก็คือ การค้นพบหลายต่อหลายอย่างที่เป็นสิ่งพื้นฐานในอดีตที่ผ่านมา ท้ายที่สุดก็ก่อให้เกิดหลายสิ่งหลายอย่างที่ช่วยให้การดำรงชีวิตของมนุษยชาติดีขึ้น 
ความที่เป็นข้ออ้างดังกล่าวถูกนำมากล่าวอ้าง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วการค้นคว้าหาความจริงดังกล่าวก่อเกิดขึ้นเพียงเพื่อสนองตอบต่อความ
"อยากรู้อยากเห็น" ของนักวิทยาศาสตร์จำเพาะคนหรือกลุ่มเท่านั้นเอง

ในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 นักวิทยาศาสตร์สนใจ ใคร่รู้ และแข่งขันกันศึกษาวิจัย "ควอนตัม แมคคานิคส์" กันมากมาย วิชาการในด้านนี้เริ่มต้นขึ้น และถูกขับดันอย่างต่อเนื่องด้วยความ "กระหายใคร่รู้" ของนักวิทยาศาสตร์เพียงลำพังเท่านั้น โดยที่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่า "ผลกระทบผูกพัน" ที่เกี่ยวเนื่องกันกับองค์ความรู้ในเรื่องนี้จะส่งผลอะไรต่อมนุษยชาติในอีกครึ่งศตวรรษต่อมา หรืออีกนานเท่านาน 
นักวิทยาศาสตร์เพียงสนใจใคร่รู้ อยากอธิบายให้ได้ว่าทำไม อนุภาคซับอะตอม อย่าง อิเล็กตรอน โฟตอน หรือควาร์กส์ ที่ประกอบกันขึ้นเป็นสสารต่างๆ ในทุก 
รูปแบบนั้นทำไมถึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น  
แต่ด้วยความสนใจใคร่รู้ ทดลองและตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่าเหล่านั้น 
ก่อให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายที่กลายเป็นองค์ประกอบของสิ่งที่เราเรียกกันว่า "โลกยุคใหม่" ในทุกวันนี้

ความกระหายของพวกเขานำมาซึ่ง "ทรานซิสเตอร์" พัฒนาการไปสู่ "ชิปคอมพิวเตอร์" แล้วก็เป็น "ไมโครชิป" เป็นโทรศัพท์มือถือ เป็นคอมพิวเตอร์ เป็นเลเซอร์ เป็นเอ็มอาร์ไอ สแกน ฯลฯ
นั่นคือตัวอย่างของอานุภาพแห่งองค์ความรู้ ความเข้าใจพื้นฐานของสรรพสิ่งที่ดูเหมือนไร้ความหมาย ไร้จินตนาการในเบื้องแรก

การค้นพบ "อนุภาคพระเจ้า" จึงไม่ได้เป็นเพียงปีติพิสุทธิ์ของนักวิทยาศาสตร์ที่มีความอยากรู้อยากเห็นมากและเหนือกว่าพื้นฐานของคนทั่วไปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ยังเป็นการเติมเต็มช่องว่างของความเข้าใจในจักรวาล ความเข้าใจในสรรพสิ่งที่ดูเหมือนจะใหญ่โตกว้างขวางกว่าความเข้าใจใน "ควอนตัม 
แมคคานิคส์" มากมายนัก 


ใครจะไปรู้เล่าว่า สิ่งนี้จะนำมนุษยชาติไปสู่อะไร?
แน่นอน ในแวดวงนักวิทยาศาสตร์ย่อมเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง สะพัดไปด้วยจินตนาการถึง "ผลประโยชน์" ที่การค้นพบครั้งนี้จะนำพามาให้ 
แต่วิทยาศาสตร์ไม่จำเป็นต้องนำพามาเพียงแค่ "สิ่งที่ดี" อย่างเดียวมาให้กับมนุษยชาติเท่านั้น

วิทยาศาสตร์ ก็คือ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีก็เป็นเพียงแค่เทคโนโลยี คนเราต่างหากที่สอดใส่ชีวิตจิตใจ ความดีเลวให้กับสิ่งที่ค้นพบเหล่านั้น
การตัดสินใจว่าจะนำวิทยาศาสตร์ไปใช้อย่างไร จึงไม่ควรถูกจำกัดเอาไว้จำเพาะแต่ในหมู่นักวิทยาศาสตร์และผู้กำหนดนโยบายเพียงเท่านั้น

เราทุกคน จำเป็นต้องช่วยให้ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากวิทยาศาสตร์กลายเป็นการพัฒนาชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้นให้ครอบคลุมไปทั่วทั้งสังคมของมนุษยชาติ

เยี่ยงนั้น การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงจึงสามารถบังเกิดขึ้นได้ในที่สุด


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เคยเสนอบทความ - “ฮิกส์ โบซอน”..การพ่ายแพ้ของ สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์
อ่านที่ http://botkwamdee.blogspot.com/2012/07/si-hking.html


และ - ศิริพงษ์: อนุภาคพระเจ้า บทเริ่มการผจญภัยครั้งใหม่
อ่านที่ http://botkwamdee.blogspot.com/2012/07/si-gdpar.html



.