http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-12-05

TWILIGHT SAGA : BREAKING DAWN PART 2 “อวสาน” โดย นพมาส แววหงส์

.

TWILIGHT SAGA : BREAKING DAWN PART 2 “อวสาน”
โดย นพมาส แววหงส์  คอลัมน์ ภาพยนตร์
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1685 หน้า 87


กำกับการแสดง Bill Condon
นำแสดง Kristen Stewert
Robert Pattinson
Taylor Lautner
Billy Burke
Michael Sheen
Dakota Fanning


จบลงได้เสียทีนะคะ หนังไตรภาคอันยืดยาว...ที่มีสามภาคแต่สี่ตอน...เกี่ยวกับความรักและอมตภาพอันชวนฝันและการต่อสู้ของมนุษย์ แวมไพร์ กับมนุษย์หมาป่า ซึ่งมาจากหนังสือยอดนิยมของคนรุ่นสาวน้อยที่ฝันใฝ่ในความรักแสนหวาน 
ในฐานะคอลัมนิสต์ที่เขียนเรื่องภาพยนตร์ ผู้เขียนได้ชมทุกภาคทุกตอนมาตลอด โดยที่ไม่ได้อ่านหนังสือ และตระหนักดีในแฟนคลับอันเหนียวแน่น ที่ทำให้กระแสหนังตกอยู่ในความสนใจและบอกซ์ออฟฟิศทะลุทะลวงยอด เอาชนะหนังเรื่องอื่นๆ ที่ออกฉายจนเป็นประวัติการณ์รายได้

ด้วยกระแสความนิยมและแฟนคลับจำนวนมหาศาล Breaking Dawn--ซึ่งเป็นภาคสามตามต่อจาก New Moon และ Eclipse--จึงฉวยโอกาสทำรายได้เพิ่มขึ้นสองเท่า ด้วยการยืดออกเป็นสองตอน และแบ่งฉายเป็นหนังสองเรื่อง ทั้งๆ ที่เรื่องราวเท่าที่อยากจะเล่านั้นสามารถเล่าให้จบได้อย่างสบายๆ ในตอนเดียว

ผลคือภาคสุดท้ายของหนังชุดนี้เหลือพล็อตอยู่เพียงเบาบาง ส่งผลให้หนังซึ่งมีสมมติฐานหลุดโลกอยู่แล้ว อืดอาด เรื่องไม่เดินหน้าไปถึงไหน
และน่าเบื่อเอามากๆ



หนังเริ่มต้นต่อจากภาคสามตอนหนึ่งพอดิบพอดี หลังจากที่แบลลาแต่งงานกับเอ็ดเวิร์ดแล้ว แต่งชุดเจ้าสาวชวนฝันถึงสองชุดในโอกาสต่างกัน ไปฮันนีมูนแสนหวานบนเกาะรโหฐานของรีสอร์ตสุดหรู เจ้าสาวมนุษย์ร่วมเสพสมภิรมย์หมายแบบข้าวใหม่ปลามันกับแวมไพร์หนุ่มที่ทรงพละกำลังมหาศาล ถึงขั้นเตียงหักกระเจิงในเช้าวันรุ่งขึ้น 
ยังไม่ทันถึงเวลาเดินทางกลับจากฮันนีมูน เจ้าสาวคนสวยก็ตั้งท้องลูกครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์ ซึ่งโตวันโตคืนในครรภ์มารดา ถึงขั้นเกือบทำให้แม่ซึ่งเป็นมนุษย์สาวตัวบางๆ เอาชีวิตไม่รอด 
ครั้นได้เวลาคลอด เด็กน้อยออกมาดูโลกแล้ว อาการของแบลลาก็ทรุดหนักเพราะร่างกายมนุษย์สุดจะทนทานไหว
เอ็ดเวิร์ดจึงต้องยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการ "เปลี่ยน" แบลลาให้พ้นทุกข์ตายจากความเป็นมนุษย์เสีย ก่อนจะได้คืนชีพขึ้นมาเป็นแวมไพร์ต่อไป สมใจอยากของสาวน้อยวัยสิบเจ็ดที่หลงรักหนุ่มแวมไพร์ผู้ทรงคุณธรรม หลังจากที่สาวน้อยเฝ้าอ้อนวอนขอให้แฟนหนุ่ม "เปลี่ยน" เธอมาตั้งแต่ภาคหนึ่งแล้ว

หนังตอนที่สองนี้เปิดฉากตั้งแต่แบลลาฟื้นตื่นขึ้นมาในฐานะแวมไพร์แล้ว และยังไม่ได้เจอหน้าลูกเลย แต่ก่อนที่เธอจะได้อุ้มทารกลูกสาว เอ็ดเวิร์ดก็แนะนำให้เธอ "ออกหากิน" เสียก่อน 
แฟนหนังคงจะได้ทราบแล้วว่า ครอบครัวของเอ็ดเวิร์ดเป็นแวมไพร์ฝ่ายธรรมะ เหมือนมนุษย์ที่ถือศีลกินเจ ธรรมชาติของแวมไพร์ได้กลิ่นเลือดมนุษย์ก็หอมหวนยวนใจเหลือเกินแล้ว แต่พวกเขาต้องหักห้ามใจจากการพร่าผลาญชีวิตและดื่มกินเลือดมนุษย์ ได้แต่หาเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์ในป่า 
นี่คือการ "กินเจ" หรือการเป็น "มังสวิรัติ" ของเหล่าแวมไพร์ 
เมื่อกลายเป็นแวมไพร์ไปแล้ว แบลลาก็ต้องหัด "กินเจ" ตามแบบผีดิบดูดเลือดไปด้วย



เมื่อได้พบหน้าลูก แบลลาก็ได้รู้ว่าเจก แฟนเก่า ที่เป็นมนุษย์หมาป่า ได้ตีตราจองลูกสาวตัวน้อยเอาไว้เสียแล้ว ดังนั้น เรื่องรักสามเส้าระหว่างมนุษย์ แวมไพร์และมนุษย์หมาป่า จึงมีตอนจบที่ลงตัว เมื่อมนุษย์กับแวมไพร์มีลูกสาวที่จะโตวันโตคืนอย่างรวดเร็ว มาให้แก่มนุษย์หมาป่าแฟนเก่าที่คอยป้วนเปี้ยนเวียนวนหลงรักอยู่กับสาวเจ้า 
ปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องรีบจัดการโดยรีบด่วนคือชาร์ลี (บิลลี เบิร์ก) พ่อของแบลลา ที่คอยเฝ้าติดตามถามข่าวคราวการเจ็บป่วยครั้งสำคัญของลูกสาว

เจกรับหน้าที่เป็นคนจัดการเรื่องนี้เสียเอง ในฉากที่ไม่ว่าใครก็คงอดหัวเราะไม่ได้ (โดยเฉพาะเมื่อ เทย์เลอร์ เลาต์เนอร์ ที่เล่นบทหนุ่มหมาป่าล่ำบึ้ก ถูกวางตัวให้ต้องถอดเสื้อโชว์มัดกล้ามให้แฟนๆ กรี๊ดกันเล่นเป็นเรื่องบันเทิงใจอยู่ในทุกโอกาสอยู่แล้ว  
เจก "บอกข่าว" แก่ชาร์ลีให้เตรียมใจในความเปลี่ยนแปลงในตัวแบลลา ด้วยการเริ่มถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นๆ ต่อหน้าชาร์ลีซึ่งทำหน้าปูเลี่ยนๆ ห้ามปราม และพอถอดเสื้อผ้าออกหมดทุกชิ้นอย่างหน้าเฉยตาเฉยแล้ว 
เจกก็แปลงร่างเป็นหมาป่าตัวมหึมาให้ดูเป็นตัวอย่างของความเปลี่ยนแปลงในโลกที่ลี้ลับเกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะเคยรับรู้



ความขัดแย้งหลักในหนังคือการต่อสู้ระหว่างแวมไพร์ตระกูลคัลเลน กับพวกโวลตูรี ซึ่งเป็นเหมือนกับราชวงศ์ที่เถลิงอำนาจปกครองสายพันธุ์แวมไพร์อยู่ พวกโวลตูรีได้รับรายงานถึงอันตรายใหญ่หลวงที่อาจเกิดแก่เผ่าพันธุ์แวมไพร์ หากว่าเด็กน้อยที่เชื่อกันว่าเป็น "เด็กอมตะ" คนนี้จะเติบโตขึ้น 
ดังนั้น พวกเขาจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการกำจัดเด็กคนนี้เสีย 
นั่นคือการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ระหว่างพวกคัลเลนที่มีพันธมิตรเป็นหมาป่าฝูงใหญ่ กับพวกโวลตูรี ที่มีผู้นำคือ อาโร (ไมเคิล ชีน) ที่เดินทางมาจากปราสาทในยุโรป เพื่อกำจัดหนูน้อยลูกสาวของแบลลากับเอ็ดเวิร์ด

เรื่องทั้งเรื่องมีอยู่เท่านี้แหละค่ะ ก่อนหน้านั้นคือการเตรียมตัวรับมือกับการเผชิญหน้าครั้งนี้ ซึ่งอาจลงเอยด้วยการฆ่าฟันกันครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของพวกแวมไพร์ แถมเมื่อถึงที่สุดของที่สุดแล้ว สงครามใหญ่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นหรอกค่ะ กลายเป็นสงครามที่คาดว่าจะเกิดขึ้นแทน

ดีใจนะคะที่หนังชุดนี้อวสานลงเสียได้ แต่แฟนพันธุ์แท้ของหนังซึ่งเป็นคนดูส่วนใหญ่ที่ทำให้ยอดรายได้ทะลุเป้า อาจจะอยากให้เรื่องราวความรักแสนหวานของหนุ่มสาวแวมไพร์ดำเนินต่อไปอีกชั่วนิรันดร์กาล 



.