http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-12-05

“ธีม”งานแต่ง โดย ทราย เจริญปุระ

.

“ธีม”งานแต่ง
โดย ทราย เจริญปุระ charoenpura@yahoo.com  คอลัมน์ รักคนอ่าน
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1685 หน้า 80


ทําไมกันนะ
ทำไมเดี๋ยวนี้คนจะแต่งงานต้องมีรูปแบบ ธีมงาน คอนเซ็ปต์อะไรบ้าๆ บอๆ ด้วย 
ทำไมต้องบังคับให้เราใส่อะไรที่เราไม่มีในตู้ 
ทำไมต้องให้เราใส่อะไรที่มีแต่บ่าว-สาวเท่านั้นที่ใส่แล้วจะดูดี 
ทำไมเราต้องเสียเงินไปกับชุดที่เราจะได้ใส่แค่ครั้งเดียวแล้วยังต้องเสียเงินใส่ซองช่วยงานอีก



เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยก็แย่อยู่แล้ว
เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เป็นผู้หญิงก็ยิ่งแย่ลงไปอีก
เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เป็นผู้หญิงและไม่สวยจึงนับว่าแย่ที่สุด 
และนั่นคือสิ่งที่ฉันเป็น



ไหนจะเรื่องที่วันๆ ต้องร่างเอกสาร ส่งเอกสาร คอยรดน้ำต้นไม้จิ๋วบนโต๊ะหัวหน้า
แบ่งรับแบ่งสู้เรื่องคำชวนไปเป็นสมาชิกขายตรง 
และหาเงินไปใส่ซองช่วยทำบุญที่คนรอบๆ ตัวขยันเอามาแจก 
ปล้นเงินกันโดยใช้ความดีเป็นข้ออ้างดื้อๆ ก็ทำให้ฉันวุ่นวายมากมายอยู่แล้ว
ยังจะมีเรื่องงานแต่งงานบ้าๆ นี่เข้ามาอีก

บ่นให้ใครฟังก็ไม่ได้ ไม่ไปยิ่งไม่ได้ใหญ่เพราะเป็นลูกชายคนเดียวของหัวหน้าฉันโดยตรงลำพัง ไปงานก็ไม่หนักหนาหรอก แม้ฉันจะรู้ตัวล่วงหน้าทันทีที่ได้ยินข่าวมงคลนี้ ว่าสิ่งที่ฉันต้องโดนแน่ๆ คือการโดนเกณฑ์ไปช่วยงานและสารพัดคำถากถางจิกกัด ที่มาในรูปประโยคที่จะปิดท้ายด้วยคำว่า "แซวเล่นนะ ขำๆ" ที่ว่าด้วยเรื่องการเป็นโสด การไม่แต่งงานซักที การไม่มีคู่ในวัยสามสิบของฉันแน่ๆ  
แล้วฉันก็โดนจริงๆ 
ซ้ำๆ ซากๆ ตั้งแต่เริ่มรู้ข่าวงานมาจนถึงวันงานนี่แหละ 
ถ้าความโสดมันเป็นโรคร้ายเหมือนที่เขาพยายามทำให้ฉันรู้สึกนักล่ะก็ 
ฉันอยากจะสาปให้ทุกคนติดโรคนี้กันให้หมด



แล้วรูปแบบของงานแต่งงานคราวนี้ก็คือ "โคบาล" 
มันบ้าไหมล่ะ 
ฉันคิดมาตลอดว่าไอ้เสื้อลายตารางหมากรุกสไตล์โคบาลฝรั่งนี่ถ้าไม่สวยเก๋ สูงโปร่งจริง
ใส่แล้วก็กลายเป็นเหมือนเอาผ้าขาวม้ามาตัดเสื้อกันทั้งหมด
แล้วตัวขนาดฉันนี่ก็ไม่มีใครเขาตัดเสื้อขายให้หาได้ง่ายๆ หรอก 
ไปแอบปรึกษาคนในที่ทำงาน (ซึ่งฉันเคยคิดว่าเป็นเพื่อน แต่ไม่อยากจะเรียกว่าเพื่อนอีกต่อไป)

เธอก็แนะนำมาว่า 
"แต่งเป็นวัวสิเธอ น่ารักดี" แล้วปิดท้ายประโยคว่า "แซวเล่นนะ ขำๆ" ตามฟอร์ม 
ขำบ้านหล่อนสิ 
ฉันก็เลยเฝ้าค้นหาอะไรที่ดูเป็นโคบาลแบบที่ฉันพอจะใส่ได้ และยังเข้ากับคนอื่นได้ 
และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ทำร้ายกระเป๋าสตางค์อันยอบแยบแบบบางของฉันมากเกินไป


สุดท้ายก็มาจบลงที่ชุดนี้  
ไม่ใช่เสื้อลายสก๊อตกับกางเกงยีนส์ (ซึ่งเป็นกางเกงที่แสนจะไม่ปรานีต่อรูปร่างของผู้ใส่) หรอก แต่เป็นชุดกระโปรงคอเชิ้ตสีน้ำตาลที่ฉันได้มาจากร้านมือสองในตลาดนัดแถวที่ทำงาน 
ฉันจำได้ว่าพร่ำขอบคุณในใจ ถึงผู้หญิงร่างใหญ่ (ฉันเกลียดคำว่าอ้วน) คนที่ใส่ชุดนี้มาก่อน แม้ฉันจะไม่ได้แน่ใจจริงๆ หรอกว่ามันเป็นเสื้อผ้ามือสอง 
ก็แค่เดรสแบบเรียบๆ แพตเทิร์นเบี้ยวๆ คัตติ้งห่วยๆ
ผ้าโทรมๆ ตัวนึงที่มองยังไงก็ไม่มีวันจะเป็นของดีไปได้ 
เอามาขายแล้วบอกว่าเป็นมือสองตามสมัยนิยมก็คงจะเป็นทางออกที่ดี 
บวกกับรองเท้าบู๊ตจากร้านเดียวกันซึ่งมันก็ไม่สวยนักหรอก 
เหมาะมากที่จะใส่ครั้งเดียวเพื่องานนี้แล้วทิ้งมันไปตลอดกาล

ฉันแอบเอาเสื้อไปปักด้ายสีๆ และหมุดเงินวาวๆ เพิ่ม  
ปักผิดปักถูกด้วยตัวเอง จะเอาไปให้ใครช่วยดูก็ไม่ได้ 
อายเขา
ปักๆ แก้ๆ อยู่อย่างนั้นจนเกือบอ่อนใจ สุดท้ายมันก็เสร็จ


ฉันใส่ชุดนี้กับเสื้อคลุมและรองเท้าหุ้มส้นแบบเรียบๆ ไปช่วยงานตอนเช้าก่อน แล้วเอาบู๊ตใส่ถุงพลาสติกติดตัวไปด้วย 
เพราะคาดว่าน่าจะโดนใช้งานเสียจนไม่มีเวลากลับไปเปลี่ยนชุด 
ซึ่งก็จริงดังคาด 
หยิบ โน่น จัดนี่ ไปหาท่านคนนั้นสิ เอาน้ำไปเสิร์ฟคุณคนนั้นหน่อย ทำไมแอร์มันหนาวแบบนี้ ผู้ใหญ่ท่านทนไม่ไหวกันนะ ทำไมใส่สีนี้มาล่ะ นี่งานแต่งงานนะ 
เรื่องแบบที่ไม่ใช่เรื่องของฉันแต่ก็หนีไม่พ้น

ก็เอาล่ะ
สุดท้ายมันก็ผ่านไปได้  
จนมาถึงงานกลางคืน 
ต่อให้เป็นผู้หญิงที่ไม่สวยไม่งามขนาดไหน ก็ยังต้องแต่งหน้าแต่งตัวกันบ้างล่ะน่าเวลาออกงาน 
แต่ไอ้การแต่งหน้าแต่งตัวไปโดนถากถางเอาเจ็บๆ ด้วยสิ่งที่คนอื่นคิดว่าตลกไปด้วยนี่มันก็ชวนให้หงุดหงิดเสียจริง
ช่างมัน ช่างมัน ช่างมัน


อะไรอะไรมันก็ราบรื่นมาตลอด 
จนมาถึงตอนรับดอกไม้ที่เจ้าสาวจะโยนลงมาพร้อมความเชื่อว่าใครได้ไปจะกลายเป็นเจ้าสาวของงานถัดไป 
ฉันไม่เชื่อหรอก 
ก็งานแต่งของหัวหน้ากรมกองและเพื่อนฝูงมันถี่เสียจนฉันไม่มีทางจะหาคู่ได้ทันแซงใครเขาแน่ๆ 
แต่หัวหน้าเขาบอกมาว่าไม่อยากให้ลูกสะใภ้เขาเก้อเวลาโยนดอกไม้แล้วไม่มีคนมารอรับ 
พวกสาวๆ (หรือพวกลูกน้องที่เขาบังคับได้) จงมารอให้อื้ออึงเชียวนะ-นี่เป็นคำขอร้องแกมสั่งจากเขา- 
ซึ่งเราทุกคนก็ฉลาดพอจะเข้าใจความหมายของวัฒนธรรมสำนักงานข้าราชการที่แฝงมาในนั้น 
และพร้อมใจกันไปยืนหน้าสลอนหน้าเวที

แต่มันช่วยไม่ได้เลยที่ดอกไม้นั่นจะตกลงมาตรงฉัน 
ช่วยไม่ได้เลยที่ฉันต้องเอื้อมมือไปรับตามสัญชาตญาณ 
ช่วยไม่ได้เลยที่ชุดนั่นมันไม่ได้ดีพอจะรับแรงที่เกิดจากปฏิกิริยาปุบปับเช่นนั้นได้ 
ช่วยไม่ได้เลยที่ตะเข็บข้างมันจะเริ่มปริ 
ช่วยไม่ได้เลยที่สาวๆ คนอื่นจะเริ่มมากลุ้มรุมแย่งดอกไม้จากฉัน 
ช่วยไม่ได้เลยที่ตะเข็บนั่นจะขาดโหว่เป็นทางยาวพร้อมเสียงแควกจนทุกคนได้ยิน
ช่วยไม่ได้เลยที่ไฟต้องมาจับตรงกลุ่มสาวรับดอกไม้ตามคิว

และ
ไม่มีใครช่วยฉันเลย 
ตอนที่ฉันยืนงงอยู่คนเดียวพร้อมช่อดอกไม้ในมือและสีข้างที่เปิดโล่งเป็นทางยาวในชุดขาดๆ นั้น



.