http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2554-04-13

เรื่องที่ค้างคา 10 เมษาฯ โดย วงค์ ตาวัน

.
เรื่องที่ค้างคา 10 เมษาฯ
โดย วงค์ ตาวัน คอลัมน์ ชกคาดเชือก
ในมติชนสุดสัปดาห์ ออนไลน์ ฉบับวันศุกร์ที่ 08 เมษายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1599 หน้า 98


เพราะอะไรข่าวลือเรื่องปฏิวัติเพื่อล้มการเลือกตั้ง จึงมีอย่างหนาหู ถึงขนาดที่ผู้บัญชาการ 3-4 เหล่าทัพ ต้องตัดสินใจออกมายืนเข้าแถวแถลงข่าวกันพร้อมหน้า ปฏิเสธข่าวการปฏิวัติอย่างหนักแน่น ถึงขั้นใช้คำว่า ใครทำก็เป็นกบฎ

นั่นเพราะ มีไฟย่อมมีควัน มีควันย่อมมีไฟ

ในความเป็นจริง มีความพยายามของคนบางกลุ่มที่หวาดกลัวการเลือกตั้ง และพยายามอย่างยิ่งที่จะผลักดันคนในกองทัพบางคนให้ออกมาล้มกระดานการเมือง

เพียงแต่ผู้กุมอำนาจเหล่าทัพตัวจริง ล้วนไม่เอาด้วย โดยมีจุดยืนหนักแน่นว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองในขณะนี้

โอกาสที่จะมีการยึดอำนาจ จึงเป็นไปได้น้อยมาก แต่จะบอกว่าไม่มีอย่างสิ้นเชิง ย่อมไม่ได้!

เบื้องหลังการออกมายืนเข้าแถลงแถลงข่าวไม่มีปฏิวัติของผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพนั้น บังเอิญในวันที่ 5 เมษายนดังกล่าว เป็นวันประชุมผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพตามวาระ ซึ่งจะมีทุก 2 เดือน

หลังการประชุมเสร็จสิ้น พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สูงสุด ได้หารือถึงข่าวลือเรื่องการปฏิวัติ ด้วยการถามย้ำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญชี้ขาดการมีหรือไม่มีปฏิวัติ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบในห้องประชุมอย่างหนักแน่นว่า ขอยืนยันว่าตนเองไม่ได้คิดหรือเตรียมการจะปฏิวัติเลย ในฐานะ ผบ.ทบ.

ไม่มีเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ทุกวันนี้กองทัพก็บอบช้ำพออยู่แล้ว ไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลยแม้แต่น้อย

กระนั้นก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ทิ้งท้ายคำพูดว่า แต่จะมีใครคิดหรือเปล่าไม่รู้ เพียงแต่ในส่วนของ ผบ.ทบ. เองนั้นไม่มีแน่

ทำเอาผู้นั่งร่วมวงอดจะหันซ้ายหันขวาไม่ได้

จากนั้น ผบ.สูงสุด ถามย้ำ ผบ.เหล่าทัพอื่นๆ ทั้ง พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. ก็ได้รับคำยืนยันเช่นกันว่า ไม่มีใครรู้เห็นและไม่ทราบว่าข่าวลือออกมาได้อย่างไร

พล.อ.ทรงกิตติจึงสรุปว่า ขอเรียกร้องทุกเหล่าทัพรวมทั้งตำรวจด้วย อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ต้องวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ใครจะชนะใครจะแพ้ พวกเราทหารตำรวจไม่เกี่ยว ใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ไม่เกี่ยวกับทหารตำรวจ อย่าเข้าไปเกี่ยวพันเป็นอันขาด

พร้อมกับเชิญ ผบ.ทุกคน และตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติคือ พล.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา สบ 10 ตัวแทนของ ผบ.ตร. ไปร่วมแถลงข่าวอย่างพร้อมหน้าดังกล่าว

ถือเป็นความเห็นพ้องร่วมกันว่า ผบ.สูงสุด และ ผบ. 3 เหล่าทัพรวมทั้งตำรวจ ไม่มีแนวคิดจะปฏิวัติเพื่อล้มการเลือกตั้ง และจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งรวมทั้งการตั้งรัฐบาลอย่างเด็ดขาด

แต่ถามว่าจะมีทหารระดับรองๆ ลงไปคนไหนคิดอยู่หรือไม่ คงไม่มีใครรับประกันได้

อีกทั้งมีกลุ่มนักเคลื่อนไหวเล่นเกมอำนาจกลุ่มหนึ่งมีท่าทีอย่างเปิดเผยในการเรียกร้องให้เว้นวรรคเลือกตั้ง 3 ปีเพื่อจัดระเบียบการเมืองใหม่


มีข่าวยืนยันว่า กลุ่มเล่นเกมอำนาจหวาดกลัวเลือกตั้ง เพราะเชื่อว่าจะเป็นช่องให้ทักษิณได้กลับมานี้ ได้แอบไปยุยงให้ พล.อ.ประยุทธ์

ร่วมในเกมจัดระเบียบการเมืองใหม่นี้มาแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง

จึงเป็นไปได้ที่จะไปเคลื่อนไหวกับนายทหารในระดับรองลงมา อาจจะมีทหารบางคนบางกลุ่มมีท่าทีขานรับ

ถึงนาทีนี้เป็นอันยืนยันได้ชัดแจ้งว่า กองทัพยุคนี้ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. ผู้กุมขุมกำลังกองทัพเอาไว้มากที่สุด ไม่เอาด้วยกับการล้มเลือกตั้ง

แต่กลุ่มที่ไม่อยากให้มีเลือกตั้งยังไม่หยุดง่ายๆ และใช่ว่ากองทัพจะมีเอกภาพอย่างสูงจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทุกระดับ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในยุคบูรพาพยัคฆ์เป็นใหญ่ในทัพบก สายอื่นก็มีความขุ่นเคืองเกิดขึ้น

แม้แต่เหตุการณ์บางเหตุการณ์ในบ้านเมือง ก็ยังมีปมปริศนาที่มีโอกาสจะเชื่อมโยงถึงความขัดแย้งในหมู่ขุนทหาร!?!



ในช่วงเดียวกันนี้เอง เป็นวาระเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. เพื่อรำลึก 1 ปีเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553

จุดเริ่มต้นของความตายและการนองเลือด ที่ลุกลามขยายตัวต่อมาจนถึง 19 พฤษภาคม 2553

เริ่มด้วย 26 ศพ ลงท้ายกลายเป็น 91 ศพ มากที่สุดในประวัติศาสตร์เลือดการเมืองไทย

การรำลึกเหตุการณ์ 10 เมษายน หนีไม่พ้นการทวงถามความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตในวันดังกล่าว

เฉพาะในคืนนั้นคืนเดียว มีคนตาย 27 ศพ บาดเจ็บอีกนับพัน

ใน 27 รายที่เสียชีวิตนั้นเป็นทหาร 6 ราย และเป็นฝ่ายประชาชน 21 ราย โดยมี นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ นักข่าวญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย

เฉพาะกรณีนายฮิโรยูกิกำลังเป็นข้อวิจารณ์อย่างร้อนแรง เมื่อฝ่ายรัฐได้พลิกรูปคดีใหม่ จากที่ดีเอสไอเคยสรุปไว้ว่า เกิดจากการกระทำองเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วล่าสุดพนักงานสอบสวนตำรวจมาเปลี่ยนเป็นไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ

ท่ามกลางข้อกังขาของชาวญี่ปุ่น สื่อมวลชนญี่ปุ่น

เนื่องจากกระบวนการพลิกคดีที่มี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอเป็นหัวหอกนั้น กระทำอย่างขาดเหตุผลเพียงพอให้ยอมรับได้

ขณะที่ดูจากพยานหลักฐานเดิมที่ดัเอสไอเคยสรุป มีทั้งพยานบุคคลที่ใกล้ชิดเหตุการณ์ชนิดมีคราบเลือดของผู้ตายติดอยู่ที่กางเกง ไปจนถึงพยานวัตถุคือภาพจากกล้องวิดีโอของผู้ตายเอง ที่บันทึกเอาไว้ตอนเวลา 20.57 น. หรือเพียง 3 นาทีก่อนถูกยิงตายนั้นเห็นชัดว่าผู้ตายอยู่ในตำแหน่งที่ยืนอยู่ฝ่ายม็อบและหันหน้าไปทางเจ้าหน้าที่ทหาร

กรณีนักข่าวญี่ปุ่นจึงจะเป็นอีกจุดที่ทำให้การรำลึก 10 เมษายนของเสื้อแดงร้อนแรงไปทั่วโลก ไปถึงสายตาคนญี่ปุ่นและรัฐบาลญี่ปุ่นด้วย!


ในเหตุการณ์ 10 เมษายนเช่นกัน มีเรื่องน่าเศร้าสลด เมื่อมีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตด้วย 6 ราย มีนายทหารอนาคตไกล พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสธ.พล.ร. 2 รอ. รวมอยู่ด้วย

ทั้งยังมีนายพลนายพันได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกหลายราย

คล้ายเป็นการมุ่งเป้าทำลายผู้บังคับบัญชาของกองพลที่ 2 หรือหน่วยบูรพาพยัคฆ์แบบยกหน่วย

มีการกล่าวถึงนักรบชุดดำ คล้ายจะโทษไปที่ เสธ.แดง แต่คนใกล้ชิด เสธ.แดง และฝ่ายเสื้อแดงเองปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ถล่มฆ่านายทหารระดับสูงกลุ่มนี้อย่างสิ้นเชิง

ในหมู่แกนนำเสื้อแดงกล่าวถึงเหตุการณ์ถล่มใส่กลุ่มนายทหารดังกล่าวว่า คนทำต้องรู้พิกัดว่านายทหารซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือน บก.ส่วนหน้า เหล่านี้ อยู่กันตรงไหน ซึ่งฝ่าย นปช. ยากจะรู้ได้

มีการกล่าวถึงโทรศัพท์ลึกลับที่โทร.หา ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หลังทำหน้าที่เจรจาสงบศึกเสร็จสิ้นในคืนวันที่ 10 เมษายน ซึ่งทำให้ณัฐวุฒิเชื่อว่า ไม่ใช่ฝีมือ เสธ.แดง ไม่ใช่พวกเสื้อแดง แต่เป็น" "คนใน"" มากกว่า!



หรือย้อนไปในช่วงก่อนวันที่ 10 เมษายน คือ เหตุการณ์ ยิงถล่มเอ็ม 79 แบบต่อเนื่องถึง 6 นัด ใส่กรมทหารราบที่ 1 ในตอนบ่ายวันที่ 15 มีนาคม 2553

ไม่สามารถจับมือใครดมได้ แต่พิสูจน์ได้ว่าการยิงเอ็ม 79 ต่อเนื่องเช่นนั้น คงไม่ใช่การยิงด้วยเอ็ม 79 หลายกระบอก

**แต่น่าจะยิงด้วยปืนเอ็ม 32 ซึ่งเป็นเหมือนเอ็ม 79 แต่บรรจุลูกได้ทีเดียว 6 นัด**

ในประเทศไทยมีไม่กี่กระบอกใช้เฉพาะบางหน่วยงานเท่านั้น

บางทีปริศนานักรบดำ อาจลึกลับมากกว่าบรรดาคนใกล้ชิด เสธ.แดง ที่ถูกจับกุมมา ซึ่งพบว่าประวัติแต่ละคน ไม่ได้เชี่ยวชำนาญด้านการรบอะไรเลย!?

.