.
ไทยปะทะกัมพูชารอบใหม่
โดย อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ คอลัมน์ โลกทรรศน์
ในมติชนสุดสัปดาห์ ออนไลน์ ฉบับวันศุกร์ที่ 06 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1603 หน้า 25
เป็นเวลาเกือบสิบวันที่มีการปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างว่า อีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายเริ่มต้นยิงก่อน
แน่นอนว่า การปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาอาจอ้างสาเหตุได้นานัปการ แต่โดยพื้นฐาน การปะทะกันดังกล่าวย่อมเชื่อมโยงกับ
ปัจจัยต่างๆ ที่รายรอบความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาด้วยเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร จะมากหรือน้อย การปะทะกันครั้งใหม่ระหว่างสองฝ่าย ย่อมมีปัจจัยที่เป็นแกนกลางอันสืบเนื่องจากปัญหาปราสาทเขาพระวิหารที่ยังไม่จบสิ้น
เราน่าจะลองหันมาทบทวนดู เพื่อจะได้มีสติในการหาทางออกในทางสันติ ไม่บ้าคลั่งไปกับอคติอันจอมปลอม
แกนกลางของความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
หากเราจะแสดงความฉลาดหลังเหตุการณ์ แกนกลางของความขัดแย้งไทย-กัมพูชาย่อมไม่ใช่เรื่องใหม่ หากแต่มีแกนกลางอยู่ที่ปัญหาปราสาทเขาพระวิหารที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างยังตกลงกันไม่ได้
เมื่อเราย้อนกลับไปดู การปะทะกันด้วยกำลังอาวุธของทั้งสองฝ่ายเมื่อต้นปี 2554 เป็นต้นมา การปะทะกันด้วยกำลังอาวุธของไทยและกัมพูชาล้วนมีสาเหตุจากมิติภายในและมิติภายนอกของทั้งสองประเทศเป็นพลังสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศครั้งนี้
หากสรุปโดยย่นย่อ อาจะประมวลให้ได้ภาพออกมาดังนี้ คือ
ฝ่ายกัมพูชา
มีความรับรู้กันว่า ฝ่ายผู้นำกัมพูชาโดยพื้นฐานแล้ว การทำการรบกับไทย เรื่องปราสาทเขาพระวิหารย่อมมีส่วนช่วยเสริมสร้างความชอบธรรมและคะแนนนิยมทางการเมือง (political popularity) ให้กับท่านผู้นำของกัมพูชา มีการหยิบยกประเด็นการสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองของท่านนายกรัฐมนตรี สมเด็จฯ ฮุน เซน อยู่เสมอมา ยามใดก็ตามที่ใกล้ถึงกำหนดการการเลือกตั้ง หรือคราใดก็ตาม เมื่อท่านผู้นำของกัมพูชาประเมินว่า ความนิยมทางการเมืองของท่านลดลง
การเล่นไพ่ไทย นับเป็นทางเลือกทางนโยบายของผู้นำกัมพูชามาหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่า กัมพูชาในช่วงนั้นจะเป็นระบอบราชาธิปไตย สาธารณรัฐ ระบอบเขมรแดง หรือ ประชาธิปไตย การเล่นไพ่ไทย อาจมีความเสี่ยงสูง เพราะต้องแลกด้วยการสูญเสียกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ หรือแม้แต่สรรพกำลังทางด้านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นผู้นำกัมพูชาเลือกเล่นไพ่ไทยอยู่เนืองๆ
ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาคราวที่แล้วก็เช่นกัน มีการประเมินกันว่า ผู้นำกัมพูชาเลือกเล่นไพ่ไทยอีกแล้ว และเป็นที่ประจักษ์ว่า กัมพูชาได้สูญเสียมากกว่าได้ในท้ายที่สุด แต่สังคมการเมืองกัมพูชาในปัจจุบัน ในเมื่อทุกอย่างรวมศูนย์อยู่ที่คนคนเดียว ความสูญเสียอย่างมาก อาจถูกเก็บซุกซ่อนเอาไว้ใต้บ่าของคนกัมพูชาจำนวนมหาศาลได้
ไม่เป็นที่ปิดบังแต่อย่างใด หลายฝ่ายประเมินว่า การเล่นไพ่ไทย ของผู้นำกัมพูชาคราวที่แล้ว เป็นการเล่นเพื่อการก้าวกระโดดของท่าน พล.จ. ฮุน มาเน็ต บุตรชายยอดขุนพลผู้คุมกำลังพิทักษ์สมเด็จฯ ฮุน เซน เพื่อให้ท่านเป็นที่ยอมรับจากขุนพลและประชาชนกัมพูชาที่สามารถเอาชนะกำลังของไทยซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่กว่ากัมพูชาได้
อย่างไรก็ตาม การณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น กองกำลังกัมพูชาพ่ายแพ้อย่างราบคาบ มีการตกลงหยุดยิงระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย
ถึงกระนั้นก็ตาม ภายใต้ระบบการเมืองแบบกัมพูชา การเล่นไพ่ไทย เพื่อให้ท่านสมเด็จฯ ฮุน เซน เป็น รัฐบุรุษ (state man) คนที่สองของกัมพูชาต่อจากท่านสมเด็จฯ นโรดม สีหนุ ย่อมเป็นสิ่งที่แลกได้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อกัมพูชา
ควรไม่ลืมด้วยว่า การนำเรื่องปัญหาปราสาทเขาพระวิหารขึ้นสู่ศาลโลกหรือกระบวนการในระบบระหว่างประเทศใดๆ ก็ตาม นับเป็นแนวทางการดำเนินการทูตของกัมพูชาอยู่แล้ว
เป็นที่น่าสนใจว่า ไม่มีการตั้งข้อสังเกตของฝ่ายใดเลยถึงปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้ากัมพูชา แต่เป็นเรื่องที่ผู้นำกัมพูชาอยากจะกลบมันไว้มากที่สุด เศรษฐกิจกัมพูชาที่แขวนอยู่กับการส่งออกสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มระดับเกรดเอได้แย่ลงนับตั้งแต่ตลาดสหรัฐอเมริกามีปัญหาจากวิกฤตเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์ไครซิส รวมทั้ง สินค้าเครื่องนุ่งห่มจากประเทศจีนเข้ามาตีตลาดสินค้าชนิดเดียวกันของกัมพูชา
ปัญหาอันนี้ สร้างความเดือดร้อนให้กับคนกัมพูชาโดยเฉพาะแรงงานผู้หญิงซึ่งตกลง เนื่องจากโรงงานสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ตั้งอยู่รอบๆ กรุงพนมเปญปิดตัวลง
นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่นำมาซึ่งคะแนนนิยมทางการเมืองของท่านนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ตกลง แล้วการแสวงหาหนทางการเสริมสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองของกัมพูชาก็ได้เลือก เล่นไพ่ไทย อีกครั้ง
การเล่นไพ่ไทย จะยังคงถูกนำมาใช้อีกต่อไป ยามที่ผู้นำกัมพูชาตกอยู่ในความยากลำบาก ผู้นำประเทศนี้ เขาไม่คิดว่า คนกัมพูชาที่อยู่ตามชายแดนจะลำบากแค่ไหน เพราะคนเหล่านี้เป็นคนชายขอบ และเป็นคนละฝ่ายของเขาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ไม่ว่ายุคใด กัมพูชามีพนมเปญเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว
ฝ่ายไทย
เป็นความจริงที่ความขัดแย้งไทยและกัมพูชาครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกับปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร หากทว่า ปัญหาปราสาทเขาพระวิหารสำหรับคนไทย ณ เวลานี้ นับว่ามีนิยามของแต่ละฝ่ายที่แตกต่างกัน
ถ้ามองในแง่ดี เป็นไปได้ว่า เป็นเพราะสังคมไทยมีประชาธิปไตยมาก สังคมไทยยุคปัจจุบันเป็นยุคที่เสรีภาพของสื่อมวลชนมาก โดยเฉพาะสังคมไทยเป็นสังคมที่เปิดพื้นที่ให้ สื่อสังคม (social media) ต่างๆ ทำงานและทำหน้าที่ของตนอย่างมากตามความสามารถของเทคโนโลยีของตน
ดังนั้น เรื่องทุกเรื่องในสังคมไทยทุกวันนี้จึงเปิดโอกาสและได้รับโอกาสให้ข่าวสารและความคิดเห็นและความรู้สึกได้รับการเผยแพร่ออกไปมากและอย่างรวดเร็ว
เรื่องความขัดแย้งไทยกับกัมพูชาจึงดำเนินไปท่ามกลางการขับเคลื่อนของสื่อสังคมเหล่านี้ด้วย
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ยิ่งสื่อสังคมในสังคมไทยพัฒนามากเท่าใด การสร้างกระแสก็ทำง่าย รวดเร็ว แต่ไม่มีพลังได้มากเท่านั้น ลองมาดูปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สื่อสังคมมีส่วนอย่างมากให้อคติของความเกลียดชังระหว่างคนไทยกับคนกัมพูชาก่อตัวได้ง่ายและรวดเร็ว จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ปัญญาชนที่ต่อต้านลัทธิชาตินิยมก็ได้สร้างลัทธิชาตินิยมชุดใหม่ขึ้นมาจากปัญหาความขัดแย้งไทยและกัมพูชา
ผมเห็นปัญญาชนจำนวนไม่น้อยวิจารณ์และกระแหนะกระแหนการสร้างชาตินิยมโดยรัฐ แต่ปัญญาชนเหล่านั้น ก็หนีไม่พ้นชาตินิยมโดยรัฐ การหยิบยก สถาบันหลักของชาติ การโจมตีเสนาธิปไตยก็ดี ล้วนแต่เป็นเล่ห์กลในการโหมลัทธิชาตินิยมขึ้นมาทั้งสิ้น แรงโหมดังกล่าวโดยนักการเมืองที่อ้างหลักพลังธรรมแต่ยุให้ใช้แสนยานุภาพ
ปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชารอบนี้ เผยให้เรามองเห็นทาสแท้ของปัญญาชนไทยและปัญญาชนฝรั่งผู้หากินกับองค์ความรู้เรื่องเมืองไทย เมื่อมีระดับศาสตราจารย์ฝรั่งจำนวนหนึ่งเชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงไทยขัดแย้งกับนักการเมืองไทย ท่านจึงสรุปว่า ฝ่ายความมั่นคงไทยรบกับกัมพูชาเพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขาเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้งทั่วไป
ความไร้ตรรกะนี้ เผยให้เราเห็นความอ่อนด้อยของปัญญาชนทั้งไทยและเทศจริงๆ
.
Selected Messages & Good Article for People Ideas and Social Justice .. หวังความต่อเนื่องของพลังประชาธิปไตยและการเลือกตั้งของปวงชนอันเป็นรากฐานอำนาจอธิปไตย เพื่อกำกับกติกาและอำนาจการเมือง-อำนาจตุลาการ ไม่ว่าต่อคนชั่ว(เพราะใคร?) และคนดี(ของใคร?) ไม่ให้อยู่เหนือนิติรัฐของประชาชน
http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย