http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2554-05-12

จมดิ่งสู่หายนะ-บทสรุปฮิวแมนไรต์ และ ยิ่งกว่า บิน ลาเดน โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

.
"จมดิ่งสู่หายนะ" บทสรุปฮิวแมนไรต์ รบ.สลายม็อบแดง ฆ่าหมู่ 6 ศพวัดปทุม
คอลัมน์ อาชญากรรม
ในมติชนสุดสัปดาห์ ออนไลน์ ฉบับวันศุกร์ที่ 06 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1603 หน้า 97


ใกล้ครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์" 19 พฤษภาคม 2553" ที่รัฐบาลสลายม็อบแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จนเกิดเหตุฆ่าหมู่ครั้งใหญ่ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองของประชาชนในเมืองหลวง มีผู้เสียชีวิต 91 ราย บาดเจ็บกว่า 2 พันคน

ผู้เสียชีวิตเกือบทุกรายตายโดยปราศจากอาวุธ และส่วนหนึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มเสื้อแดง

ที่น่าเศร้าที่สุดคือการฆ่าหมู่ 6 ศพในวัดปทุมวนาราม ผู้เสียชีวิตบางส่วนเป็นหน่วยอาสาพยาบาล และหน่วยกู้ภัยที่เข้ามาเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บโดยไม่เลือกฝ่าย

ในวาระครบรอบ 1 ปีนี่เอง กลุ่มสิทธิมนุษยชนสากล หรือ"ฮิวแมน ไรต์ วอตช์" ภาคพื้นเอเชีย ที่ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก มีบทสรุปที่น่าสนใจ รวมทั้งคำถามที่ส่งไปถึงฝ่ายรัฐบาลรวมทั้งกลุ่มเสื้อแดงด้วย



"ฮิวแมน ไรต์"" สรุปรายงาน

"จมดิ่งสู่หายนะ การชุมนุมประท้วงของคนเสื้อแดงและการปราบปรามของรัฐบาลไทยในปี 2553" "(Descent into Chaos. Thailand"s 2010 Red Shirt Protests and the Goverment Crackdown.)

นั่นคือชื่อบทสรุปการปราบม็อบเสื้อแดงของรัฐบาลในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ที่"ฮิวแมน ไรต์ วอตช์" นำเสนอในการรายงานผลการสอบสวนสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองของประเทศไทยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

การแถลงครั้งนี้มี นายแบร็ด อดัมส์ ผอ.ภาคพื้นเอเชียของฮิวแมน ไรต์ วอตช์ เป็นผู้ดำเนินรายการ และรายงานผลสรุป พร้อมเชิญ นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือ ""น้องเกด"" พยาบาลอาสา 1 ใน 6 ศพ ที่ถูกสังหารหมู่ในวัดปทุมวนาราม มาร่วมชี้แจงด้วย

รายงานสรุปมีภาพและคลิปวิดีโอเหตุการณ์มาประกอบ อาทิ ภาพทหารถืออาวุธ ภาพทหารถือปืนสไนเปอร์บนที่สูง ภาพทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้าหน้าวัดปทุมวนาราม ภาพผู้สื่อข่าวไทยและผู้สื่อข่าวต่างประเทศถูกหามออกหลังจากถูกยิง

"จากการติดตามผลของสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในประเทศไทยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า 2 ฝ่าย ประกอบด้วย รัฐบาลกับกองทัพ และฝ่าย นปช. ยังไม่ยอมรับความจริงที่แต่ละฝ่ายใช้ความรุนแรงและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง"

นายแบร็ด กล่าว และว่า โดยเฉพาะผลการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่มีความชัดเจนและไม่ไปถึงไหน สังคมมีข้อกังขา เช่น การจับคนชุดดำตามที่รัฐกล่าวอ้างมีจริงหรือไม่ และจับกี่คนแล้ว สถานะเป็นอย่างไร สังคมไม่ได้รับรู้



"สไนเปอร์" "สังหาร-ผิดชัด

มุมหนึ่งที่ ผอ.ฮิวแมนไรต์ฯ ภาคพื้นเอเชีย มองว่ารัฐบาลและกองทัพผิดชัดเจน หนีไม่พ้นการใช้นักแม่นปืน หรือสไนเปอร์ มาจัดการกับม็อบ

"กรณีนี้ไม่ใช่สงคราม และการจะยิงคนต้องมีอาวุธ แต่ที่เห็นภาพการตายส่วนใหญ่พบว่าจะยิงคนไม่มีอาวุธ และยิงบนจุดสำคัญ เช่น ศีรษะ หัวใจ จนถึงแก่ความตาย หรือถ้ายิงก็ไม่ควรถึงตาย และที่หนักกว่าก็คือในกลุ่มผู้เสียชีวิตยังมีผู้สื่อข่าวและอาสาพยาบาลรวมอยู่ด้วย"


ฮิวแมนไรต์ฯ มองว่าการสอบสวนในส่วนการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น การใช้สไนเปอร์ที่วัดปทุมวนาราม ล่าช้า ไม่โปร่งใส จนทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ดูเหมือนว่าหน่วยงานรัฐตั้งใจดำเนินคดีกับคนเสื้อแดงมากกว่า

ขณะเดียวกัน การเผาสถานที่สำคัญๆ ไม่ได้เกิดเฉพาะที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์เท่านั้น แต่เกิดขึ้นกว่า 30 จุดทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่แกนนำเสื้อแดงประกาศบนเวที เหมือนกับเป็นนโยบาย ให้คนเสื้อแดงยอมรับการตรวจสอบในส่วนนี้ด้วย

ขณะที่นางพะเยาว์ แม่น้องเกด ระบุว่าตั้งแต่ลูกสาวเสียชีวิต ที่ผ่านมาถูกใส่ร้ายจากเจ้าหน้าที่รัฐว่าลูกตายเพราะฝีมือผู้ก่อการร้าย

"ขณะนี้ตั้งศูนย์ข้อมูลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของรัฐ ที่ทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต ตั้งแต่ปี 2552-2553 เพื่อรวบรวมข้อมูลนำความจริงมาปรากฏให้ได้ และขอร้องไปยังกองทัพว่าอย่าหยิบปืนมายิงประชาชนอีก"

พร้อมกันนี้ นางพะเยาว์ ฝากหลักฐานต่างๆ ไปยังนานาชาติ และพร้อมเดินทางไปชี้แจงทุกแห่งทั่วโลก เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีช่องทางที่จะหาความเป็นธรรม



หลักฐาน 6 ศพวัดปทุมฯ

สําหรับรายงานของฮิวแมนไรต์ฯ สรุปเหตุการณ์เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 เขียนเป็นภาษาอังกฤษ มีความยาว 156 หน้า เป็นข้อมูลได้จากการสัมภาษณ์พยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ นักข่าว นักสิทธิมนุษยชน นักการเมือง นักกฎหมาย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ความมั่นคง และผู้มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ความรุนแรง รวม 94 คน

เนื้อหาชี้ว่า สาเหตุที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากส่วนใหญ่เพราะเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐ ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ รวมถึงการใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุม และใช้สไนเปอร์ หรือทหารพลซุ่มยิงยิงใส่ผู้ชุมนุม

นอกจากนั้น รัฐบาลไทยยังปิดกั้นสื่อ และดำเนินมาตรการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงหลายประการ อีกทั้งเมื่อสลายม็อบไปแล้วก็ยังไม่ยุติการละเมิดสิทธิ อาทิ จับกุมสมาชิก นปช. โดยไม่ตั้งข้อกล่าวหา พร้อมนำตัวไปคุมขังยังสถานที่ที่ไม่เหมาะสม

คดี 6 ศพในวัดปทุมฯ รายงานฮิวแมนไรต์ฯ ระบุไว้ว่า วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 หลังจากแกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุม ผู้ชุมนุมที่ยังเหลืออยู่ประมาณ 2,000 คนได้เข้าไปอยู่ในวัดปทุมฯ

จากการลงพื้นที่สำรวจวัดปทุมฯ พบว่ากระสุนไรเฟิลที่ประทับรอยอยู่ตรงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ใกล้กับวัดปทุมฯ นั้นยิงมาในแนวราบ จึงเท่ากับว่ายิงมาจากจุดที่ไกลจากวัดปทุมฯ ซึ่งเชื่อว่ายิงมาจากบริเวณใกล้ประตูทางเข้าห้างสยามพารากอน และจากจุดดังกล่าว ทหารได้ไล่ยิงคนที่อยู่หน้าวัดปทุมฯ

แต่ดีเอสไอและกองทัพโต้แย้งข้อมูลของฮิวแมนไรต์ฯ



พบยิงมาจาก "บีทีเอส"

รายงานระบุว่า จากการสำรวจกำแพง ผนัง และพื้นในวัดปทุมฯ มีหลักฐานชัดว่า มีการยิงกระสุนปืนไรเฟิล ลงมาจากรางรถไฟฟ้าบีทีเอสเข้าใส่วัดปทุมฯ ขณะที่ภาพจากคลิปวิดีโอที่ถ่ายในวันที่ 19 พฤษภาคม ชี้ว่า มีทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสและยิงลงมาสู่พื้นราบ

ฮิวแมนไรต์ฯ สรุปว่า มีทหารกลุ่มหนึ่งเดินเท้าจากฝั่งตะวันตกมายังวัดปทุมฯ ส่วนกลุ่มที่สองประจำการอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสตรงข้ามวัดปทุมฯ

ด้านทหารโต้แย้งว่าเป็นการยิงปะทะกับคนเสื้อแดง พวกปล้นสะดม และมือวางเพลิง


รายงานฮิวแมนไรต์ฯ เสนอคำแนะนำถึงรัฐบาลไทยเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางการเมือง อาทิ
1.เปิดการสอบสวนอย่างอิสระ เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
2.กองทัพ ตำรวจ และหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ของไทย ต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวนหาความจริง
3.เปิดเผยรายชื่อ-ข้อมูลของบุคคลที่ถูกจับกุมตัวไปภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และป้องกันไม่ให้คนกลุ่มนี้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
4.ช่วยเหลือเยียวยาบุคคลและญาติของบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อรุนแรงจากฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ
5.ยกเลิกการปิดกั้นเสรีภาพสื่อสารมวลชนโดยทันที รวมถึงสื่อในเครือข่าย นปช. และยุติการนำกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาดำเนินคดีกับผู้ที่มีความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาล


ด้าน นายสุนัย ผาสุข ที่ปรึกษา ฮิวแมน ไรต์ วอตช์ ประจำประเทศไทย ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า คนเสื้อแดงหลายระดับ มีทั้งถูกจับกุม และคุมขัง ขณะที่ทางฝั่งเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ความคืบหน้าในการสืบสวนและการดำเนินคดีช้ามาก

"โดยเฉพาะกรณีของวัดปทุมฯ เป็นกรณีที่ค่อนข้างชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐน่าจะมีส่วนรับผิดชอบ แต่ความคืบหน้ากลับช้า และกรณีของน้องเกด เป็นอาสาสมัครพยาบาล มีเครื่องหมายอยู่กับตัวชัดเจน ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเต๊นท์พยาบาลยังถูกยิงเสียชีวิต แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีคำอธิบายที่น่าพอใจจากภาครัฐ"

รายละเอียดของรายงานฉบับนี้ถือว่าชัดเจนยิ่งว่าอะไรเป็นอะไร ที่สำคัญองค์กรฮิวแมนไรต์ฯ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับความขัดแย้งในเมืองไทย ย่อมได้รับความเชื่อถือในระดับสูง

ส่วนรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คงนิ่งเฉยไปเรื่อยๆ เหมือน 1 ปีที่ผ่านมา และคงยากจะหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ หากเมืองไทยยังอยู่ใต้การปกครองของรัฐบาลชุดเดียวกันนี้



++

ยิ่งกว่า "บิน ลาเดน"
โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
ในมติชน ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 06 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 18:00:00 น.


ขนาด บิน ลาเดน ที่ถือได้ว่าเป็นผู้ก่อการร้ายตัวพ่อ เชื่อมโยงกับปฏิบัติการจี้เครื่องบินชนตึกในสหรัฐอเมริกาจนผู้คนล้มตายหลายพันศพ เรียกว่ามีหนี้ชีวิตต้องชดใช้มากมาย เป็นบุคคลอันตรายที่ทั่วโลกหวาดผวา

แต่เมื่อรัฐบาลสหรัฐส่งหน่วยรบเข้าสังหารโหดบิน ลาเดน กับผู้คนใกล้ชิด กลับมีเสียงวิจารณ์อื้ออึง

ในท่ามกลางความภาคภูมิใจของโอบามาและความยินดีปรีดาของชาวอเมริกัน

กลับมีเสียงจากอีกหลายๆ ฝ่าย ในทางตรงกันข้าม

ทั้งการส่งกองกำลังของตนเองบุกเข้าไปในดินแดนของปากีสถานโดยไม่ได้ขออนุญาต แล้วเข้าไปยิงถล่มฆ่าหมู่อย่างนั้น ถือว่าละเมิดกันอย่างร้ายแรง

ทั้งการจับตายทั้งที่บิน ลาเดน กับพรรคพวกที่ไม่มีอาวุธต่อสู้ เป็นความยุติธรรมจริงหรือ

อีกประการ ต่อไปนี้การตอบโต้จากผู้ก่อการร้ายในทุกเครือข่ายจะต้องเกิดขึ้น ซึ่งกระทบต่อความสงบสุขของคนทั่วโลกแน่นอน

เพราะที่ตั้งของตัวแทนรัฐบาลสหรัฐ กิจการร้านค้าของอเมริกัน มีอยู่ในทุกประเทศ

ในไทยเราเองก็เถอะ คงต้องระมัดระวังตัวกันด้วย


เสียงท้วงติงพฤติกรรมนักเลงโตแห่งโลกดังกล่าว กระหึ่มไปทั่ว

ถ้าใช้ทฤษฎีมาร์คบวกเทพเทือก (ซึ่งบางคนอาจจะเรียกว่าเมือก) ก็อาจมีข้อสงสัยว่า คนที่ออกมาต้านการจับตายผู้นำอัลเคด้า แปลว่าพวกนี้รับตังค์บิน ลาเดน หรือเปล่า

หรือพวกนี้ศรัทธาลัทธิก่อการร้าย

คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนับสนุนการก่อการร้ายหรอก เพราะระเบิดพลีชีพกันที ก็มีผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์มากมาย แต่วิธีจัดการกับผู้ก่อการร้ายแบบอันธพาลโลก มีแต่จะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับโลกใบนี้

อีกทั้งต้องย้อนดูรากเหง้าปัญหา มือที่จุดชนวนให้เกิดสงครามก่อการร้าย คือ นโยบายต่างประเทศของมหาอำนาจ ที่แทรกแซงกิจการภายในของชาติเล็กไปทั่ว เข้าไปสร้างความอยุติธรรม ก่อกรรมทำเข็ญต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของคนหลายชาติ

จนเกิดการดิ้นรนต่อสู้ของชาติที่เล็กกว่า กลายเป็นวิธีก่อการร้ายที่ได้ผลที่สุด



ยกเรื่องวิธีจัดการบิน ลาเดน ที่ผิดๆ มาพูด เพื่อจะบอกกล่าวถึงมาร์ค-เทือก หรือเมือก ว่าขนาดผู้ก่อการร้ายตัวพ่อ หากไปจัดการอย่างไม่ถูกต้อง มีแต่จะถูกประณามและต้องเตรียมรับผลความรุนแรงยิ่งกว่าที่จะตามมา

แล้วที่ไปปักใจเชื่อหรือโฆษณาป่าวร้องว่า ผู้ชุมนุมในเหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม 2553 มีผู้ก่อการร้ายแฝงอยู่ลงเอยส่งหลายกองพลเข้าปราบม็อบ เสมือนปราบผู้ก่อการร้ายนั้น ผิดยิ่งกว่าฆ่าบิน ลาเดน เสียอีก

ล่าสุดตอกย้ำโดยฮิวแมน ไรท์ วอทช์ เล่นเอาดิ้นพล่านถึงขั้นขุดผีเจเอฟเค ขึ้นมาตอบโต้ เป็นที่ตลกขบขันข้ามชาติ


ยังดีที่สังคมไทยยังมีทางออก คือ การยุบสภา เลือกตั้ง

มีช่องทางให้แสดงออกทางการเมือง ตอบโต้ความไม่ถูกต้องด้วยหนทางประชาธิปไตย

เมื่อจุดชนวน 91 ศพ เอาไว้ ย่อมต้องเตรียมรับผลที่จะติดตามมา

ทั้งผลการเลือกตั้งและคดีอายุความ 20 ปี

.