http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2554-06-22

"อภิสิทธิ์" วิวาทะ "ส.ว.-นักคิดฟิลิปปินส์"ฯ และ จากใจคนไทยถึง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะฯ

.

"อภิสิทธิ์" วิวาทะ "ส.ว.-นักคิดฟิลิปปินส์" หลังถูกจวก "ประเทศอารยะไม่ควรนำอาวุธปืนมายิงใส่ประชาชน"
ใน http://www.prachatai.com/journal/2011/06/35603 ..Tue, 2011-06-21 21:26
และ ในมติชน ออนไลน์ วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 14:00:00 น.


สืบเนื่องจากที่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางไปร่วมอภิปรายในงาน World Economic Forum ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2554 ..ทางสถานีโทรทัศน์ BBC World Service ได้นำบันทึกเทปดังกล่าวมาฉายในรายการ BBC World Debate ตอน Asia: Sharing the Wealth เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2554 โดยมีสาระสำคัญดังนี้


การอภิปรายดังกล่าว มีตัวแทนจากสี่ประเทศในเอเชีย คือ มารี เอลกา ปังเกสตู รัฐมนตรีกระทรวงการคลังประเทศอินโดนีเซีย, ปราชันท์ รัวร์ ซีอีโอเอสซาร์กรุ๊ป ประเทศอินเดีย, วอลเดน เบลโล สมาชิกวุฒิสภาประเทศฟิลิปปินส์ และนักวิเคราะห์อาวุโสจาก Focus on the Global South และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงความสัมพันธ์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเป็นประชาธิปไตย และธรรมาภิบาล วอลเดน เบลโล ได้ชี้ว่า ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงประสบปัญหาด้านประชาธิปไตยและธรรมาภิบาล โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งประชาธิปไตยถดถอยมากหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

ต่อมา อภิสิทธิ์ ใช้สิทธิถูกพาดพิงชี้แจง โดยยอมรับว่าการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นเรื่องทำให้ประเทศไทยถอยหลังจริง แต่หลังจากนั้นมา รัฐบาลก็จัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ จะเป็นการเลือกตั้งครั้งที่สองหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นการนำประเทศก้าวไปข้างหน้า เขาเน้นว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ “ได้นำหลักนิติรัฐกลับมาสู่ประเทศ ”

ต่อประเด็นดังกล่าว ผู้สื่อข่าวบีบีซีตั้งคำถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้รับประโยชน์จากการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ใช่หรือไม่ อภิสิทธิ์ชี้แจงว่า พรรคตนไม่ได้ประโยชน์จากการรัฐประหารแต่อย่างใด และชี้แจงว่า บัดนี้ประเทศไทยได้กลับสู่สภาวะปกติแล้ว

ในช่วงที่ผมเข้ามาบริหารประเทศ มีรัฐบาลสองรัฐบาลที่บริหารอยู่ก่อนหน้าแล้ว เราประสบกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลประชาธิปัตย์ก็สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจดังกล่าวได้ ซึ่งในขณะนี้ นับว่าประเทศได้กลับสู่สภาวะปกติ เราจัดให้มีการเลือกตั้ง เป็นการคืนอำนาจให้แก่ประชาชน ให้ประชาชนได้ตัดสินใจ และทหารก็ไม่เข้ามาแทรกแซงการเมืองอีก ” นายกฯไทย ชี้แจง

อย่างไรก็ตาม วอลเดน เบนโลจากฟิลิปปินส์ ยังกล่าวต่อไปว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ตนได้อยู่ที่กรุงเทพฯ และได้รับรู้ถึงการใช้ความรุนแรงของรัฐในการสลายการชุมนุม ซึ่งตนมองว่า เป็นเรื่องที่เกินกว่าเหตุ และไม่สามารถยอมรับการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลไทยที่กระทำต่อประชาชนตนได้

ผมช็อคมากกับการสังหารหมู่ประชาชนที่เกิดขึ้น ผมไม่คิดว่าประเทศที่มีอารยะ ควรนำอาวุธปืนมายิงใส่ประชาชน ผมตกใจมากจริงๆ กับการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ” วอลเดน กล่าว

อภิสิทธิ์ชี้แจงว่า หากวอลเดน เบลโล ได้อยู่เมืองไทยก่อนหน้านั้น จะรู้ว่า ความรุนแรงดังกล่าวเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ แต่การสลายการชุมนุม เป็นเรื่องจำเป็น เพราะพบว่ามีกลุ่มติดอาวุธอยู่ภายในกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ทั้งนี้ ทางรัฐบาลได้ใช้ความอดทนอดกลั้น ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลที่ยอมรับกันทั่วไป และเป็นการนำหลักนิติรัฐกลับคืนมาสู่ประเทศ

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็มีกระบวนการทางการเมืองที่โปร่งใส เรามีการอภิปรายในสภา มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้เราก็ยังมีคณะกรรมการอิสระที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำการค้นหาความจริง (Fact-finding) ไม่มีใครอยากเห็นความสูญเสียหรอกครับ แต่เราต้องยึดถือหลักนิติรัฐ ” อภิสิทธิ์กล่าว

หลังจากนั้น ทางรายการ BBC World Debate เข้าสู่ประเด็นการพูดคุยเรื่องการคอร์รัปชั่นและนโยบายทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ตัวแทนจากประเทศอินโดนีเซียมองว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจ ต้องเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพ เช่นเดียวกับตัวแทนจากอินเดียและฟิลิปปินส์ซึงมองว่าการลดความเหลือมล้ำเป็นเรื่องที่จำเป็น และการบังคับใช้กฎหมายป้องกันการคอร์รัปชั่นก็มีส่วนสำคัญในการบรรลุจุดประสงค์ดังกล่าว

อภิสิทธิ์ ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ได้อภิปรายเสริมว่า ในส่วนของประเทศไทย มีการริเริ่มนโยบายการลดการคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะส่วนของภาคที่ธุรกิจ ที่ได้รวมตัวกันในนามของ ภาคีเครือข่ายการป้องกันและการปราบปรามคอร์รัปชั่น ซึ่งนับว่าเป็นก้าวแรกในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นที่ฝังรากลึกในสังคมไทย

“การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นนับเป็นเรื่องที่ต้องทำกันอีกนาน เนื่องจากอาจกล่าวได้ว่าคนไทยได้ชาชินกับการคอร์รัปชั่นไปแล้วเป็นเรื่องปกติ โชคดีที่เราได้นำหลักคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ ซึ่งเน้นเรื่องความพอเพียง และให้คนลดเว้นจากความตะกละและความเห็นตัว ซึ่งเป็นรากฐานของการคอร์รัปชั่น ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อธิบาย

ในช่วงท้ายของรายการ มีการถามถึงการเลือกตั้งและสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย โดยผู้ดำเนินรายการถามว่า การเลือกตั้งในเมืองไทยครั้งนี้ อาจเกิดการแทรกแซงจากทหารหรือไม่ นายกฯ ไทยตอบว่า จะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะไม่ว่ากองทัพ หรือพรรคการเมืองใดๆ ต่างมีอิสระในการรณรงค์หาเสียง และต่างเคารพในผลการเลือกตั้งที่ออกมา

ในขณะเดียวกัน วอลเดน เบนโลกลับมองว่า หลังการเลือกตั้ง หากฝ่ายค้านชนะ อาจนำมาซึ่งความวุ่นวายในประเทศไทยได้ เนื่องจากจะมีปัญหาในส่วนของทหารและสถาบันกษัตริย์ และยังกล่าวด้วยว่า ในประเทศที่เป็นสมัยใหม่ ไม่ควรจะนำกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือกฎหมายอาญามาตรา 112 มาใช้ โดยทัศนะของเขาเห็นว่าการนำคนเข้าคุก เพียงเพราะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ เป็นเรื่องที่มีปัญหา

อภิสิทธิ์ได้ชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวว่า ตนและทุกส่วนยอมรับผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ และถ้าหากฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้ง ก็จะยอมรับเช่นกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลใหม่จะมีจุดมุ่งหมายอย่างไร ถ้าหากรัฐบาลใหม่บริหารประเทศโดยคำนึงผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ก็เป็นเรื่องดี แต่หากคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนคนเดียว โดยเฉพาะต่อคนที่ถูกตั้งข้อกังขาเรื่องคอร์รัปชั่นและสิทธิมนุษยชน ก็คงต้องเป็นเรื่องควรกังวล และได้ชี้แจงถึงการใช้กฎหมายมาตรา 112 ในประเทศไทยด้วยว่า มีการใช้เหมือนกับกฎหมายหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไป

กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นกฎหมายอาญา ซึ่งเกี่ยวข้องกับรากเหง้าและเอกลักษณ์ของประเทศไทย และยังเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงของชาติ ที่ต้องมีการบังคับใช้ เนื่องจากว่า สถาบันกษัตริย์ไม่มีกลไกป้องกันตนเองอื่นๆ เช่น ถ้าหากคุณถูกหมิ่นประมาท คุณสามารถไปฟ้องศาลได้ แต่หากสถาบันกษัตริย์ถูกดูหมิ่น ท่านไม่สามารถไปฟ้องศาลเองได้

อาจกล่าวได้ว่า คนที่ถูกดำเนินคดีเนื่องจากการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ก็จะถูกดำเนินคดี เหมือนกับเวลาเขาไปหมิ่นประมาทคนทั่วไป ซึ่งกรณีดังกล่าวก็ย่อมไม่ได้รับการอภัยโทษเช่นกัน ” อภิสิทธิ์ ชี้แจง


ฟังคลิปรายการดังกล่าวได้จาก The World Debate - Asia - Sharing the Wealth?
http://www.bbc.co.uk/iplayer/episode/p00hcdxw/The_World_Debate_Asia_Sharing_the_Wealth/
ภาพประกอบ: http://www.flickr.com/photos/worldeconomicforum/3488883590/

ทำไมเร็วจัง และ วันที่ไม่มีของฟรี โดย "แม่ลูกจันทร์" และ ลม เปลี่ยนทิศ
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/04/blog-post_23.html
จมดิ่งสู่หายนะ-บทสรุปฮิวแมนไรต์ และ ยิ่งกว่า บิน ลาเดน โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/05/blog-post_12.html
เอกชนเอือม"คอร์รัปชั่น"ฯ และ ดัชนีทุจริต คอร์รัปชั่นไทยฯ
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/06/blog-post_06.html



++

"ธิดา" รักษาการประธาน นปช. เขียนจม. "จากใจคนไทยถึง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอนที่ 1 นกน้อยในกรงทอง"
ในมติชน ออนไลน์ วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 10:30:00 น.


( ที่มา เว็บไซต์วอยซ์ทีวี.. http://voicetv.co.th )

นายแพทย์สลักธรรม โตจิราการ ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกของนางธิดา ถาวรเศรษฐ มารดา ที่เขียนถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อจดหมายว่า "จากใจคนไทยถึง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอนที่ 1 นกน้อยในกรงทอง" ซึ่งเป็นการเขียนขึ้นหลังจากที่นางธิดาได้อ่านบันทึกเปิดใจฉบับต่าง ๆ ของนายอภิสิทธิ์ โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

จากใจคนไทยถึง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ตอนที่ 1 นกน้อยในกรงทอง

ธิดา ถาวรเศรษฐ 21 มิ.ย. 54


นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขียนจดหมายถึงคนคนเดียว แต่ขอเขียนแทนประชาชนคนไทยจำนวนหนึ่ง (เป็นจำนวนมาก)

อ่านจดหมายสื่อสารของ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เขียนจากใจถึงคนไทยทั้งประเทศ ฉบับที่ 1 ถึงฉบับที่ 4 ขอให้เขียนต่อไปให้มากๆ คนไทยจะยิ่งรู้จักธาตุแท้ของคุณมากยิ่งขึ้น

ความจริงไม่ใช่ความผิดของคุณอภิสิทธิ์ทั้งหมด เพราะคุณอภิสิทธิ์ เป็นตัวแสดงที่ถูกทำให้มารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีในเวลานี้ อันเป็นตัวละครสำคัญ ในช่วงเวลาที่สังคมไทยกำลังเกิดการขัดแย้งรุนแรง ระหว่างชนชั้นนำในระบอบอำมาตยาธิปไตยกับประชาชนไทย พรรคการเมืองตัวแทนฝ่ายอนุรักษ์นิยมจึงต้องเป็นรัฐบาลให้ได้ และเป็นให้ยาวนานที่สุด เพื่อรักษาอำนาจในการปกครองไว้ในมือของชนชั้นนำในระบอบอำมาตยาธิปไตย โดยกองทัพของชนชั้นนำในระบอบอำมาตยาธิปไตยเช่นกัน

และเมื่อพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยมมีหัวหน้าพรรคชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ถูกดึงขึ้นมาต่อสู้เทียบเคียงกับทักษิณ ชินวัตร โดยเชื่อว่า สดกว่า หนุ่มกว่า มีการศึกษาสูงแบบผู้ดีอังกฤษ คุณอภิสิทธิ์ จึงกลายเป็นตัวเอกของเวทีรัฐสภาและมีบทบาทเป็นนายกรัฐมนตรีในฐานะตัวแทนชนชั้นนำในระบอบอำมาตยาธิปไตย ที่เขาคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เช่นเดียวกับเหตุการณ์การตั้งนายกฯสุรยุทธ จุลานนท์

จากภูมิหลังของครอบครัวที่จัดเป็นคนชั้นสูงในสังคม โดยฐานะทางชนชั้น การศึกษาตามแบบฉบับชั้นดีเลิศของอังกฤษ ผ่านโรงเรียนและมหาวิทยาลัยของชนชั้นสูงอังกฤษ การมีสภาวะแวดล้อมของกลุ่มอนุรักษ์นิยม สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เข้าใจสังคมไทยในมิติอื่น ยกเว้นมิติของกลุ่มคนในหมู่พวกและชนชั้นตนเท่านั้น

ตามที่คุณอภิสิทธิ์ อ้างถึงคนที่เชียร์ให้กำลังใจคุณอภิสิทธิ์ให้ (ทน) อยู่ในฐานะนายกฯต่อไป และไม่พอใจถ้าคุณอภิสิทธิ์ไปเจรจากับคนเสื้อแดง หรือดูเหมือนอ่อนข้อเมื่อประกาศจะยุบสภาก่อนเวลาสิ้นสุดแท้จริง เช่น "อย่าเสียใจ อย่ายุบสภา อย่าลาออก ท่านนายกฯทำดีที่สุดแล้ว " หรือ "อย่าลาออก พวกมันยิงกันเอง " คุณอภิสิทธิ์อ้างว่า "ได้รับกำลังใจจากประชาชนจำนวนมาก ที่ส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือของผม เป็นแรงใจให้ผมมีความเข้มแข็ง ยืนหยัดต่อสู้เพื่อบ้านเมืองของเรากลับสู่ความสงบให้ได้และข้อความอีกมากมายที่ส่งมาให้กำลังใจ เป็นเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจที่อ่อนล้าของผม ให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง "

หรือบางตอนที่เขียนว่า "ผมท้อไม่ได้ และผมไม่มีสิทธิ์ถอย เพราะถ้าทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าผมทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน "

ปัญหาของคุณอภิสิทธิ์ก็คือ การอยู่ในสภาวะแวดล้อม ในแวดวงของประชาชนกลุ่มที่จำกัด แวดวงบริเวณยอดของรูปปิรามิดแห่งสังคมไทย ไม่ได้สัมผัสกับประชาชนแห่งฐานปิรามิดที่เป็นรากหญ้า รากฐานของสังคม ในอดีตแม้จะเป็นนักการเมืองที่ลงหาเสียงในกรุงเทพมหานครฯ แต่ก็เป็นการหาเสียงกับคนเมืองเฉพาะส่วนเท่านั้น ทั้งเป็นเวลาที่อ่อนวัยและไม่มีความรับผิดชอบใดๆ การสัมผัสประชาชน จึงเป็นคนละบรรยากาศกับในปัจจุบันที่เป็นนายกรัฐมนตรีท่ามกลางกลุ่มคาวเลือด ศพ ของประชาชนมือเปล่าที่ถูกฆ่า และเสียงตะโกนจากคุกที่คุมขังประชาชน โดยใช้เพียงการตั้งข้อหารุนแรงปราศจากหลักฐานใดๆ

เมื่อต้องลงสู่ท้องถนน เพราะต้องออกหาเสียงช่วยลูกพรรคทั่วราชอาณาจักร ได้สัมผัสกับประชาชนทั่วไปในสถานการณ์ใหม่ หลังการปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง จึงต้องเผชิญความจริงที่ว่า มีประชาชนเคืองแค้น ถามหาความรับผิดชอบในเหตุการณ์ปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนในปีที่ผ่านมา หรือมีแววตาแสดงออกถึงความเกลียดชัง มีการถือป้าย "ดีแต่พูด" แสดงออกเช่นนี้อยู่ทั่วไป แม้แกนนำ นปช. ไม่ว่าจะเป็นคุณณัฐวุฒิ หรือดิฉันเอง ได้ขอร้องมวลชนคนเสื้อแดงว่าไม่ควรขัดขวางการหาเสียง แต่ก็มีสิทธิอันชอบธรรมในการทวงถามความยุติธรรมและความรับผิดชอบในฐานะที่คุณเป็นนายกรัฐมนตรี

ด้านหนึ่งก็คงจะกระทบกระเทือนจิตใจของคุณอภิสิทธิ์พอสมควร จึงเขียนในเฟซบุ๊ค จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ อีกด้านหนึ่งก็แสดงการเคืองแค้นอย่างรุนแรงของคุณอภิสิทธิ์ที่โต้เถียงประชาชนไม่ลดละ

ยุทธศาสตร์การหาเสียงด้วยการเสนอนโยบายที่ลอกจากพรรคอื่นๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นการโจมตีคนเสื้อแดง และรุกไล่โจมตีผู้สมัครหมายเลข 1 เพื่อไทย ในข้อหาเชื่อมโยงกับคุณทักษิณ ชินวัตร ท่วงทำนองนี้คล้ายกับตอนจัดการคุณทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลของพรรคพลังประชาชน คือเป็นท่วงทำนองของผู้เป็นรอง รุกไล่โจมตีผู้มีพลังมากกว่า นี่แสดงถึงความวิตกจริตอย่างหนักของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเอง

วาทกรรม "เผาบ้านเผาเมือง" จึงถูกนำมาใช้เป็นหลักในการกล่าวอ้างกับประชาชนว่าคนเสื้อแดงที่เป็นผู้สมัครในพรรคคู่แข่ง คือผู้เผาบ้านเผาเมือง หลังจากวาทกรรมล้มเจ้าที่นำมากล่าวหาคนเสื้อแดง ถูกเยาะเย้ยด้วยผังล้มเจ้าเหลวไหล ที่เอามาอ้างเป็นเหตุให้จัดเป็นคดีพิเศษจัดการกับคนส่วนต่างๆและแกนนำคนเสื้อแดง

การแสดงออกของจดหมายจากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ ที่เขียนออกมาจนถึงปัจจุบัน (21มิ.ย. 54 ) จำนวน 5 ฉบับแล้วนั้น ล้วนแสดงออกถึงการพยายามแก้ตัวในสถานการณ์ต่าง ๆ กัน

ในฉบับแรก ตอนที่ 1 การเมืองสลับขั้ว สู่เส้นทางนายกรัฐมนตรี ก็จะเป็นการแก้ตัวเรื่องที่มาของรัฐบาลที่จัดตั้งในค่ายทหาร

ตอนที่ 2 กฏเหล็ก 9 ข้อ สู่บรรทัดฐานใหม่ทางการเมือง ก็บรรยายในลักษณะอวดตัวและเหยียบย่ำพรรคร่วม แนวทาง 9 ข้อ ก็อ้างพระบรมราโชวาท เพื่อนำมาใช้อวดตัวในด้านความซื่อสัตย์สุจริต และความล้ำเลิศอื่นๆ

ฉบับที่ 3 ก็แก้ตัวในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553

และฉบับที่ 4 แก้ตัวเรื่อง 91 ศพ สังเวยความต้องการใคร

ทั้ง 4 ฉบับ ลักษณะร่วมกันคือ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น การเลือกพูดเอาเหตุผลที่เข้าข้างตน โจมตีคนอื่นด้วยวาทกรรมที่มาจากข้อมูลที่ไม่ใช่เรื่องจริง การแก้ตัว ปฏิเสธความรับผิดชอบ และกล่าวโทษผู้เป็นคู่ต่อสู้ทางการเมือง โดยอาศัยการพูดที่ไม่คำนึงถึงหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งปวง

ที่จริงเป็นการทำลายคุณอภิสิทธิ์ ทำลายพรรคประชาธิปัตย์เอง เพราะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา หลักฐานข้อมูลที่ชัดเจนได้ปรากฏในสังคม ประชาชนรับรู้ และพิพากษาไปแล้ว

นี่ก็จะไปจัดปราศรัยใหญ่ที่สี่แยกราชประสงค์ในวันที่ 23 มิ.ย. 54 นี้ ก็ทำไมไม่จัดเอาในวันที่ 19 มิ.ย. 54 ไปเสียเลย จะได้เป็นการจัดงานรำลึกฉลองการปราบปรามประชาชนครบรอบ 1 ปี 1 เดือน ถือเป็นการกล่าวกับวิญญาณวีรชนว่า เห็นไหม พวกแกตายฟรี ๆ พวกข้ายังอยู่ดี เป็นนายกรัฐมนตรีจนถึงบัดนี้



จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ 4 : 91 ศพสังเวยความต้องการใคร (ภาค 2)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1308234311&grpid=01&catid=80
จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ 3 "ผมถูกยัดเยียดข้อหาฆ่าประชาชน"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1307929701&grpid=01&catid=80
จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ 2 : กฎเหล็ก 9 ข้อ สู่บรรทัดฐานใหม่ทางการเมือง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1307541152&grpid=01&catid=80
จากใจ"อภิสิทธิ์"ถึงคนไทยทั้งประเทศ ตอน 1 การเมืองสลับขั้ว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1307358237&grpid=01&catid=80


สรยุทธสัมภาษณ์ บุรณัชย์ ณัฐวุฒิ P1/2
http://www.youtube.com/watch?v=FDHjW94pMiY&feature=player_embedded
เจาะข่าวเด่น ณัฐวุฒิ VS บุรณัชย์ P 2/2
http://www.youtube.com/watch?v=D_t4eAxzyS8&feature=player_embedded

เรื่อง คำขอโทษจากอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
http://news.voicetv.co.th/thailand/12608.html
ทบ.+ ปชป. ไม่เอาปัตตานีมหานคร
http://shows.voicetv.co.th/wakeup-thailand/12769.html

.