http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2554-06-30

ฯ มือที่มองเห็น...เลือกและตั้งรัฐบาล โดย มุกดา สุวรรณชาติ

.
ใส่ความหวังลงไปในบัตรเลือกตั้ง มือที่มองเห็น...เลือกและตั้งรัฐบาล
โดย มุกดา สุวรรณชาติ คอลัมน์ หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1611 หน้า 20


ที่ใช้คำว่าเลือกตั้ง ก็เพราะประชาชนคือผู้ไปเลือก บางประเทศก็เลือก ส.ส. บางประเทศก็เลือกประธานาธิบดี จากนั้น จึงมีการตั้งรัฐบาลมาบริหารประเทศตามเจตนารมณ์ของประชาชน ประชาชนจึงเป็นทั้งผู้เลือกตัวแทนหรือผู้นำและตั้งรัฐบาลผ่านตัวแทน

3 กรกฎาคม 2554 บัตร 2 ใบในมือที่มองเห็นของทุกคน เลือกได้ทั้งตัวแทนและรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

ถ้าประชาชนเลือกมาอย่างหนึ่ง แล้วมีคนพยายามใช้อำนาจต่างๆ มาบิดเบือนเพื่อตั้งรัฐบาลอีกอย่างหนึ่งก็จะมีเรื่องวุ่นวายอย่างที่ผ่านมา

วิธีประกาศเจตนารมณ์ให้หนักแน่นคือออกมาเลือกตั้งให้มากที่สุด เลือกพรรคไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกเฉพาะพรรคใหญ่



ประเทศไทยลงทุนมากมายกว่าจะมีเลือกตั้ง 2554

ถ้าคิดเรื่องระยะเวลา ผู้คนคาดหวังว่า 4 ปีจะมีเลือกตั้งครั้งหนึ่ง การเลือกตั้งในปี 2544 ประชาชนรอคอยตามระบบเพราะนายกฯ ชวน หลีกภัย ซึ่งได้เป็นนายกฯ (เนื่องจาก พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ลาออก เพราะวิกฤติเศรษฐกิจปี "40) ยุบสภาก่อนครบ 4 ปีเล็กน้อย

การเลือกตั้งครั้งนั้นพรรคไทยรักไทยชนะ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ อยู่ต่อ 4 ปี มาเลือกตั้งใหม่ในปี 2548 ไทยรักไทยชนะอีกครั้ง แต่เป็นรัฐบาลได้แค่ปีเดียวก็ถูกกดดันจนต้องยุบสภา เลือกตั้งปี 2549 กกต. ให้เป็นโมฆะ (เพราะจัดคูหาเลือกตั้งหันหลังออกด้านนอก)

แล้วก็เกิดการรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 มาเลือกตั้งอีกครั้งภายใต้เงาของ คมช. และรัฐธรรมนูญใหม่ ในปลายปี 2550 แต่พรรคพลังประชาชนก็ยังชนะอีก คราวนี้ลงทุนยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน ใช้ตุลาการภิวัฒน์มาล้มรัฐบาลพลังประชาชน จากนั้นก็ได้รัฐบาลเทพประทานซึ่งมีอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ

ถ้านับจากการเลือกตั้งปี 2550 ถึงวันที่ 3 กรกฎาคม ก็ยังไม่ครบ 4 ปี แต่สำหรับประชาชนดูเหมือนยาวนานมาก เพราะมีความวุ่นวายจากการต่อสู้ทางการเมือง ในที่สุดทุกฝ่ายก็ยอมรับกันว่าการเลือกตั้งและการยอมรับผลการเลือกตั้งน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ลงทุนน้อยที่สุด

และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรองดองซึ่งต้องทดสอบดูว่าจะร่วมกันทำได้สำเร็จหรือไม่



เลือกตั้งครั้งนี้
หวังจะแก้ไขปัญหาอะไร?

ถ้าพูดโดยรวมก็คือแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองกับแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะความขัดแย้งทางการเมืองขยายตัวไปสู่การแย่งอำนาจที่ใช้ทุกวิถีทางนอกกฎกติกา ไม่คำนึงถึงความเสียหายและภาพพจน์ของประเทศ

แก้ไขความขัดแย้งหลัก (ถอนพิษ ของใครกันแน่)

ปมความขัดแย้งหลัก ในปัจจุบัน ไม่ใช่ทักษิณ และเงิน 46,000 ล้านกับกลุ่มอำนาจเก่า แต่เป็นเรื่อง ความยุติธรรม สองมาตรฐาน การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ที่มีคนตาย 91 คน บาดเจ็บ 2,000 ถูกขังอีกเป็นร้อย ที่คู่กรณีมีทั้ง รัฐบาล ทหาร และ กลุ่มคนเสื้อแดง

ในปี 2547-2548 คนเข้าใจว่าปมของความขัดแย้งหลักน่าจะมาจากทักษิณกับกลุ่มอำนาจเก่าและทุนเก่า ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อโค่นอำนาจทักษิณและสำเร็จโดยการรัฐประหารเดือนกันยา 2549 หลังจากนั้น ก็มีการยุบพรรค ดำเนินคดี ยึดทรัพย์ทักษิณ 4 หมื่น 6 พันล้าน

แต่หลังจากการเลือกตั้งปี 2550 ก็เกิดการประท้วงยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน จนถึงการประท้วงปี 53 ของคนเสื้อแดงซึ่งมีผู้เสียชีวิตไป 91 ศพ บาดเจ็บ 2,000 พอถึงตอนนี้ปมปัญหาก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวทักษิณแล้ว

พิษร้ายที่ถูกฝังลงในประเทศนี้ตั้งแต่การรัฐประหาร 2549 ทำให้เกิดการต่อต้านจากกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมาก

เมษายน-พฤษภาคม 2553 พิษร้ายกระจายออกมีคนเสียชีวิตเพราะพิษนี้มากมาย จากการทวงคืนประชาธิปไตย ภายในปีเดียวพิษกระจายไปทั่วทั้งประเทศ

คนที่รู้จักพิษภัยพากันเรียกร้องประชาธิปไตย การเลือกตั้งและความยุติธรรมไม่มีใครเคยพูดถึงทรัพย์สมบัติของทักษิณ คนที่แพร่พิษเอง กระจายพิษเอง ยังไม่รู้ว่าเป็นพิษอะไร จะถอนพิษเวลานี้ช้าไปแล้ว ทักษิณก็ถอนไม่ได้ ต้องหายา (ปรอง) ดองมากิน ใช้เวลา และหาหมอเก่งๆ ช่วยกันรักษา

การเสนอว่าไม่ต้องมีการนิรโทษกรรมทุกกรณีเพราะกลัวทักษิณจะได้เงินคืน ไม่ใช่การถอนพิษแต่เป็นการหาเสียงแบบคิดเองเล่นเอง

เล่นเกมแบบนี้ ถ้าทักษิณเล่นด้วย อย่างมากทักษิณก็เสียสิ่งที่เสียไปแล้ว ถ้าเสียเพิ่มอีก ก็แค่ม้าตัวเดียวกับเบี้ยไม่กี่ตัว แต่อีกฝ่ายจะเสียทั้งกระดานไม่ใช่เพียงแค่ขุนหรือม้า จะเสียทั้งชื่อเสียง ลาภ ยศ แม้กระทั่งชีวิตเพราะโทษของการรัฐประหาร ยึดสนามบิน เผาบ้าน เผาเมือง ฆ่าคน 91 ศพ ล้วนแต่มีโทษหนักทั้งสิ้น ที่สำคัญมีคนเกี่ยวข้องมากมาย ทั้งพลเรือนและทหาร

ถึงตอนนี้ปัญหาขยายไปทั้งกว้างและลึก ลึกเข้าไปในใจคน กว้างไกลและไปเร็วเท่าอินเตอร์เน็ต

การหาเสียงแบบไม่สนใจการปรองดอง เหมือนมั่นใจว่าไม่มีใครแตะต้องได้ ดูเป็นการท้าทาย แต่เรื่องแบบนี้ทุกฝ่าย ควรใจเย็นใช้เวลาและความละเอียดในการแก้ไขเพราะนี่เป็นเรื่องของบ้านเมือง สำคัญกว่าคะแนนเสียงมากนัก ที่สำคัญต้องมีความยุติธรรม แต่คงแก้ไขไม่ง่าย

จำไว้ว่าคนตายไปแล้วรอคอยนานเท่าไรก็ได้ เพราะไร้ทุกข์ แต่ความทุกข์จะมาอยู่ที่คนเป็น ความยากจะตกหนักที่คนพยายามปรองดอง



แก้ไขเรื่องกระบวนการยุติธรรม

น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดเพราะตลอดสี่ปีที่ผ่านมาทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการถูกนำมาใช้อย่างไม่ถูกต้อง เพื่อจุดประสงค์บางเรื่อง ก็เลยไม่ได้รับการเชื่อถือ

อำนาจที่ได้รับจากประชาชนหรือมาจากการรัฐประหาร ถ้านำไปตั้งกฎออกกติการเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะเรื่องเพื่อคนบางกลุ่ม ยังไงก็ไม่ได้รับการยอมรับ

ดังนั้น เรื่องแบบนี้จะต้องได้รับการแก้ไข ต้องเริ่มที่การแก้กฎกติกาที่ไม่เป็นธรรมและกำหนด ขอบเขตของผู้มีอำนาจว่ามีมากแค่ไหน

มิฉะนั้นต่อไป ก็อาจจะมีคนออกกฎให้คน 5 คน - 10 คน มีอำนาจเลือก ส.ว. ได้ 100 คน หรือมีอำนาจตั้งรัฐบาลได้ ความยุติธรรมและความเสมอภาคก็จะไม่เกิดขึ้นในสังคม



แก้ไขเรื่องทหารกับการเมือง

ต้องเข้าใจว่าทหารซึ่งดูแล้วมีบทบาททางการเมืองในวันนี้ย้อนหลังไปก่อนรัฐประหาร 2549 พวกเขาไม่ได้อยากออกมายุ่งกับการเมือง แต่ก็มีคนทั้งผลักทั้งดัน ในที่สุดก็ออกมาทำการรัฐประหาร และถลำลึกเข้ามาเรื่อยๆ จนเกี่ยวข้องกับอำนาจทางการเมืองและมีบทบาทในการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

แต่ถ้าพิจารณาจากทหารอาชีพส่วนใหญ่ พวกเขาไม่ได้ผลประโยชน์อะไรมากมายจึงไม่อยากยุ่งกับการเมือง ที่จะทำให้ตนเองต้องรับผิดชอบ และอาจจะทำให้ได้รับโทษต่างๆ ไปด้วย

ดังนั้น การกลับเข้ากรมกองของทหารจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะต้องตัดตอนไม่ให้มีพวกแอบอ้าง ยุแหย่

และถ้าใครอยากลงการเมืองก็ต้องลาออกมา แบบพลเอกชวลิต สมัยที่ตั้งพรรคความหวังใหม่



การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

มีเรื่องมากมายที่เป็นปัญหาในชีวิต

ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ทั้งเรื่องราคาอาหาร และค่าครองชีพ ที่พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

ปัญหาราคาน้ำมันและพลังงาน

ปัญหาเงินกู้หลายแสนล้าน ที่คนไทยต้องร่วมใช้หนี้ ซึ่งรายละเอียดคงต้องเอาไว้ถามรัฐบาลใหม่

แต่วันนี้ใครที่จะมาบริหารต้องมีความสามารถ ที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้



คน 37 ล้านไปเลือกตั้งเพราะอะไร

คนธรรมดามีเหตุผลต่างๆ กันที่ออกไปเลือกตั้ง พวกเขาไม่ได้กลัวเรื่องเสียสิทธิ์ทางการเมือง แต่ที่ไปเพราะเข้าใจดีว่าเป็นการทำหน้าที่ให้ตัวเองและให้ส่วนรวม

เหตุผลในการเลือกคนหรือเลือกพรรค มาจากความคิดเห็นที่เป็นทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็ก ทั้งอาจมีความเห็นแตกต่างกันเช่น

อยากให้บ้านเมืองสงบกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ไม่อยากให้มี 2 มาตรฐานในระบบยุติธรรม ไม่อยากให้มีการรัฐประหารอีกแล้ว ไม่อยากให้มีการชุมนุมของทุกสี ควรนำปัญหาเข้าสู่สภาผู้แทนฯ กลัวคนเผาบ้านเผาเมือง อยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง 91 ศพ

อยากได้นายกฯ หล่อ อยากได้นายกฯ หญิง ฟังเขาพูดแล้วชอบ รู้สึกว่าดีไปหมด

โกงกันเยอะเหลือเกิน อยากหาคนซื่อสัตย์ อยากเลือกฝ่ายค้าน

อยากให้ปล่อยนักโทษการเมือง ไม่มีประเทศไหนที่จับคนไปขังไว้ โดยไม่สอบสวนและไม่นำไปขึ้นศาลเป็นปีๆ

ไม่อยากให้ประชาชนถูกฆ่ากลางเมืองอีกแล้ว อยากเลือกคนปรองดอง ไม่เลือกคนปองร้าย

เบื่อเรื่องทักษิณกับสมบัติของทักษิณ (เกี่ยวอะไรกับกูด้วยวะ) เมื่อไหร่จะเลิกพูดกันซักที

คิดถึงทักษิณ อยากให้ทักษิณกลับมา แต่บางคนกลัวทักษิณมากกว่าผีคอมมิวนิสต์

คนส่วนใหญ่มี 5-10 เหตุผล และมีความตั้งใจในการหย่อนบัตรครั้งนี้ แม้บางคนจะพูดว่า จะไปเลือกเพราะหมั่นไส้คนโกหก คนอะไรโกหกทุกเรื่อง นั่นก็เป็นเหตุผลเช่นกัน



สรุปสามแนวรบ อีกครั้งก่อนหย่อนบัตร

แนวรบทางอากาศ พรรคที่เก่ง ก็ยังเก่งกว่าเหมือนเดิม โฆษณานโยบายได้เหนือกว่าพรรคอื่น และมีข้อดีที่คนเชื่อว่าทำได้ จึงทำให้ได้เปรียบเรื่องกระแส อยู่จนถึงโค้งสุดท้าย

แนวรบภาคพื้นดิน หลังการหาเสียงได้ระยะหนึ่ง ทุกพรรคก็เข้ายึดจุดที่เป็นฐานที่มั่นและปกป้องไว้อย่างสุดชีวิต ถึงเวลานี้เหลือเขตที่แย่งชิงกัน ไม่ถึง 75 เขต จาก 375 เขต

แนวรบใต้ดินดูแล้วพรรคที่ยังอ่อนเรื่องเทคนิคก็ยังแก้เกมไม่ได้ จะเห็นได้จากเรื่องบัตรเลือกตั้ง เกมใต้ดินอื่นๆ ก็เป็นฝ่ายถูกโจมตี ถูกฟ้องร้อง แถมยังเจอการแจกซีดี แจกเอกสารโจมตี เชื่อว่าจะถูกโจมตีไปจนถึงวันเลือกตั้ง และในวันเลือกตั้งยังไม่รู้ว่าจะมีปัญญาสู้กับการโกงรูปแบบต่างๆ ได้แค่ไหน ถึงจะจัดคนควบคุมดูแลอย่างไรก็คงไม่ทั่วถึง แต่สถานการณ์ก็ดีกว่าการเลือกตั้งปี 2550 ใต้เงา คมช.

สำหรับคนเสื้อแดงที่ต้องการตรวจสอบความถูกต้อง ครั้งนี้เป็นการวัดกำลังความสามัคคี การสนับสนุนของแนวร่วม ในการจัดตั้งและปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันการโกงในขอบเขตทั่วประเทศ และอีกส่วนหนึ่งจะต้องอธิบายการป้องกันไม่ให้บัตรเสียเนื่องจากการกาบัตรปาร์ตี้ลิสต์ผิดช่อง

พวกเขาจะต้องอธิบายให้คน 10 ล้านเข้าใจภายใน 10 วันเพราะ กกต. อนุญาตให้ทำได้แต่ต้องทำเอง



บทบาทของมือที่มองไม่เห็น
ในการเลือกตั้ง
และการจัดตั้งรัฐบาล

มือที่มองไม่เห็นหลายมือ ห็นด้วยกับวิธีการเลือกตั้ง เพราะเป็นการลดแรงกดดันและสามารถฟอกรัฐบาลให้สีสวยขึ้น มีกลิ่นหอมขึ้น

พวกเขารู้ดี ว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีวันขาวสะอาด ตอนที่ตัดสินใจยุบสภาก็เพราะสถานการณ์บังคับ กระแสปฏิวัติประชาธิปไตยในแอฟริกาเหนือก็กำลังลุกลาม

ดูการเลือกตั้งซ่อมรัฐบาลก็เป็นฝ่ายชนะ พรรคเพื่อไทยก็ยังหาหัวหน้าพรรคตัวจริงไม่ได้ ภายในพรรคก็ยังทะเลาะกันอยู่ ตอนยุบสภาจึงคิดว่าฝ่ายรัฐบาลสามารถชนะได้ไม่ยาก

แต่ไม่มีใครรู้ว่จะเกิดวิกฤติ การกักตุนน้ำมันพืชจนขาดตลาด ไข่แพง อาหารแพง และยังมีปัญหาอื่นอีกมากมาย แต่มือที่มองไม่เห็นทั้งหลายก็ยังเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลรวมกันแล้วก็ยังได้เกินครึ่งแน่นอน

แต่พอเริ่มออกสตาร์ต ปูที่คลานต้วมเตี้ยมอยู่ก็แปลงกาย เป็นโรด รันเนอร์ ออกวิ่งนำโด่งไปข้างหน้า ทั้งที่เพิ่งเปิดตัวได้อาทิตย์เดียว

หมาป่าใช้เล่ห์เหลี่ยม และอุปกรณ์ ตัวช่วยสารพัดแต่ก็สกัดไม่อยู่ ถึงตอนนี้ก็จะล้มเลือกตั้งไม่ได้แล้ว งานนี้เหมือนถูกหลอก (ที่จริงไม่ได้ถูกหลอก แต่ไม่เข้าใจประชาชน) แต่ถึงวันนี้พวกเขาก็ยังคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส. ไม่ถึง 250 คน และพวกเขาจะสามารถรวมทุกพรรคมาตั้งรัฐบาลได้

แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามได้เกินครึ่งเล็กน้อย ก็หวังว่าจะมีใบเหลืองใบแดงออกมาสกัด แต่ทั้งหมดก็เป็นแค่ความหวัง

สรุปว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ มือที่มองไม่เห็นลงแข่งด้วยช่วยเต็มที่ แต่ถ้าแพ้ขาดก็ต้องยอมให้ฝ่ายตรงข้าม ตั้งรัฐบาล และหลังจากนั้นจึงจะมองหาจุดอ่อนเข้าโจมตี ซึ่งช่วงเวลานั้นจะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เพราะครั้งนี้ ผู้ชนะก็จะได้แรงสนับสนุนมหาศาลจากประชาชน ถ้ามีใครทำอะไรที่ดูแล้วขัดต่อหลักความยุติธรรมอาจจะเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครกลัวใคร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมหรือกระบวนการนิติบัญญัติ แต่ถ้ารัฐบาลใหม่บริหารล้มเหลวก็จะได้รับแรงกดดันจากประชาชนจนล้มลงไปง่ายๆ เช่นกัน เพราะประชาชนตั้งความหวังไว้มาก


สัมผัสกับการเลือกตั้งมาทั้งวงนอกวงในไม่น้อยกว่า 35 ปี แต่วันนี้เพิ่งเคยเห็นผู้คนทั้งเดินทั้งวิ่ง 2-3 กิโลเมตร เพื่อไปลงคะแนนให้ทัน

นานมาแล้วที่เห็นผู้อาวุโสจากพรรคสังคมนิยมเสียน้ำตาในการพ่ายแพ้ก่อนอำลาวงการเมือง 33 ปีต่อมา เห็นน้ำตาคุณบรรหารครั้งแรกตอนถูกยุบพรรค

แต่เพิ่งเคยเห็นคนไปลงคะแนนไม่ทันแล้วร้องไห้ ไม่ใช่น้ำตานักการเมือง เป็นน้ำตาประชาชน ไม่น่าเชื่อว่าในบัตรเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีคนใส่ หัวใจ กับความหวัง ลงไปด้วย จำนวนมากมาย...

มากเสียจนไม่แน่ใจว่าจะมีใครรับไหว


+ + + +

ยอมรับผลเลือกตั้ง บ้านเมืองก็ไม่มีปัญหา โดย ลม เปลี่ยนทิศ
..ประเภทที่คิดเข้าข้างตัวเอง เลือกตั้งแพ้ จะมีทหารออกมาปฏิวัติ ผมว่ามันหมดยุคแล้วที่จะคิดอย่างนี้ ทหารกลุ่มไหนออกมาปฏิวัติในช่วงนี้ ก็คงไม่มีใครในโลกยอมรับ มีแต่ทำให้ประเทศชาติล่มจมลงแน่นอน..
ใน ไทยรัฐออนไลน์ 27 มิถุนายน 2554, 05:00 น.
http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/181806

อนาคตประเทศคืออะไร โดย ลม เปลี่ยนทิศ
..นโยบายส่วนใหญ่มุ่งผลระยะสั้นและระยะกลาง มุ่งประชานิยมเพื่อหาเสียงมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเรียนฟรี การประกันรายได้เกษตรกร หรือประชาวิวัฒน์ และในการหาเสียงโค้งสุดท้ายดูเหมือนว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ จากการตั้งรับมาเป็นการรุก ด้วยการโจมตีพรรคคู่ต่อสู้ เกี่ยวกับการเผาบ้านเผาเมือง และการนิรโทษกรรมล้างผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร..
..พรรคประชาธิปัตย์อาจจำเป็นต้องโจมตีคู่แข่ง ซึ่งเป็นการหาเสียงในเชิงลบ เพราะนายกรัฐมนตรีถูกกล่าวหาว่าสั่งฆ่าประชาชน แต่การตอบโต้คู่แข่งควรจะเป็นหน้าที่ของระดับรองๆลงไป ส่วนหัวหน้าพรรคซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี น่าจะหาเสียงในเชิงสร้างสรรค์ เน้นการแสดงภาวะผู้นำ แสดงวิสัยทัศน์ จะนำพาประเทศไปสู่ทิศทางใด ถ้าได้รับอาณัติให้บริหารประเทศอีก 4 ปี..
ใน ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 30 มิถุนายน 2554, 05:01 น.
http://www.thairath.co.th/column/pol/editor/182593

สอบตกยกทีม โดย แม่ลูกจันทร์
..การที่ กกต.ไม่ชี้แจงประเด็นนี้ให้ชัดเจน ได้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง เพราะทำให้ประชาชนต้องถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง (โดยไม่รู้ตัว) ถึงหนึ่งล้านหนึ่งแสนคน..
ใน ไทยรัฐออนไลน์ 29 มิถุนายน 2554, 05:00 น.
http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/182311

ต้องเลยตามเลย โดย แม่ลูกจันทร์
..การตัดสินใจลาออกจากภาคีมรดกโลกของ “สุวิทย์ คุณกิตติ” หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทย กลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดในสาระสำคัญ..
ใน ไทยรัฐออนไลน์ 30 มิถุนายน 2554, 05:01 น.
http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/182586

กำพร้าเพื่อน โดย แม่ลูกจันทร์
..รัฐบาลมีเวลา 2 ปีเต็มๆที่จะเดินสายล็อบบี้มิตรประเทศให้ช่วยสนับสนุนให้ “เลื่อน” การลงมติไปก่อน จนกว่าการปักปันเขตแดนจะเสร็จสิ้น แต่ 2 ปีผ่านไป ไทยไม่มีน้ำยาแสวงหามิตรประเทศเป็นแนวร่วมเพิ่มขึ้น..
http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/182079


.