http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2554-03-10

เทศกาลหา(รีด+ตุ๋น?)เงินเลือกตั้ง โดย ประสงค์ วิสุทธิ์

.
เทศกาลหา(รีด+ตุ๋น?)เงินเลือกตั้ง
โดย ประสงค์ วิสุทธิ์ prasong_lert@yahoo.com คอลัมน์ ริมคลองประปา
ในมติชนออนไลน์ วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 23:22:28 น.
แบ่งปันข่าวนี้บน facebook Share


แม้สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะหมดวาระปลายปี 2554 แต่ก็มีการคาดกันว่า น่าจะมีการยุบสภาก่อนเพื่อให้มีการเลือกตั้งทั่วไป

แต่ก็มีคนบางกลุ่ม บางพวกพยายามปล่อยข่าวว่าอาจจะไม่มีการเลือกตั้ง เพราะทหารจะทำการรัฐประหาร แต่ด้วยเงื่อนไขอะไร ทำไปทำไม และผลจะเป็นอย่างไร ไม่มีคำอธิบายชัดเจน

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักการเมืองแล้ว ต้องเตรียมพร้อมการเลือกตั้งอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสะสมทุนหรือหาเงินเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว


สำหรับการใช้จ่ายเงินเพื่อการหาเสียงเลือกตั้งนั้น แต่ละพรรคการเมืองจะมีบัญชีอยู่ 2 ประเภท

ประเภทแรก เป็นบัญชีค่าใช้จ่ายลับๆ อาจมีหลายบัญชี แล้วแต่กลุ่มหรือก๊วนในแต่ละพรรค ซึ่งค่าใช้จ่ายอาจเป็นเงินบริจาคไม่เปิดเผย หรือเงินที่ได้มาโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น จากการคอร์รัปชั่น จากบ่อน หรือจากการค้าของเถื่อน

ประเภทที่สอง เป็นบัญชีเปิดเผยซึ่งต้องส่งให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ จึงต้องพยายามทำค่าใช้จ่ายในบัญชีนี้ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากที่สุด เช่น ค่าป้ายหาเสียงของพรรคสำหรับผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ค่าใช้จ่ายของผู้สมัคร ส.ส.เขตที่จ่ายไม่เกินที่กฎหมายกำหนด

ดังนั้น แต่ละพรรคจึงต้องพยายามทำให้เห็นว่า มีผู้บริจาคเงินให้พรรคอย่างเปิดเผยและให้ได้จำนวนเงินที่สอดคล้องหรือน่าจะพอกับการใช้จ่ายในการติดป้ายหาเสียงของพรรคทั่วประเทศ เช่น พรรคขนาดกลางอาจใช้ประมาณ 20 ล้านบาท พรรคขนาดเล็กอาจใช้ประมาณ 10 ล้านบาท

แต่ในความเป็นจริงแล้ว การหาคนมาบริจาคเงินจำนวนนี้อย่างเปิดเผยให้แก่พรรคขนาดกลางหรือเล็กไม่ใช่เรื่องง่าย พรรคเหล่านี้จึงต้องหา "นอมินี" มาใส่เป็นชื่อผู้บริจาคแทน อาทิ พรรคราษฎรในยุคหนึ่งมีบริษัทกว่า 10 แห่งมาบริจาคเงินให้ แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่าแต่ละบริษัทที่บริจาคเงินขาดทุนยับเยิน และเป็นบริษัทในเครือของผู้บริหารพรรค หรือพรรคชาติไทยมีบริษัทแห่งหนึ่งชื่อเก้าภิญญโญ บริจาคเงินให้ถึง 25 ล้านบาท

เมื่อตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวไม่มีธุรกรรมใด และยังมีต่างชาติถือหุ้นในสัดส่วนสูง นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคเต้นผาง รีบแจ้งกับ กกต.ว่า ขอคืนเงินจำนวนดังกล่าวเพราะกลัวถูกยุบพรรค

น่าเสียดาย กกต.ไม่มีศักยภาพหรือไม่เคยสร้างระบบการตรวจสอบเงินบริจาคให้แก่พรรคการ เมืองว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ทำให้ต้องทำหน้าที่ไล่จับขโมย (ซื้อเสียงเลือกตั้ง) เพียงอย่างเดียว



ในการจัดกิจกรรมหาเงินเข้าพรรคอย่างเปิดเผยนั้น พรรคการเมืองขนาดใหญ่อย่างประชาธิปัตย์ทำกันเป็นประจำในช่วงใกล้เลือกตั้ง

ล่าสุด กำหนดจัดงานระดมทุนวันที่ 8 มีนาคมนี้ โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค บอกว่าจะเชิญคนมาร่วมงาน 2,500 คน โดยให้ ส.ส. กรรมการบริหาร และประธานสาขา รวมทั้งสมาชิกพรรค เป็นผู้เชิญชวนคนให้มาร่วมงาน

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรค ระบุว่า เตรียมโต๊ะไว้ 300 โต๊ะ ตั้งเป้าจะขายโต๊ะละ 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 600 ล้านบาท

ความจริงแล้วการระดมทุนแบบนี้ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะเป็นวิธีการที่เปิดเผย เพียงแต่ว่าต้องไม่มีการบีบบังคับ ต้องทำด้วยความเต็มใจ (ไม่ว่าผู้บริจาคจะมีความศรัทธาทางการเมืองหรือหวังผลอะไรก็ตาม)

อย่างไรก็ตาม วันก่อนได้พบกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่ง ระบายให้ฟังว่า ปลัดกระทรวงได้สั่งให้แต่ละกรมในสังกัดสนับสนุนเงินในการซื้อโต๊ะ กรมเล็กอาจรับไปโต๊ะเดียว 2 ล้านบาท กรมใหญ่รับไป 4-5 โต๊ะ 10 ล้านบาท

แน่นอน แต่ละกรมไม่มีงบประมาณในเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องไปรีดเอกชนคู่สัญญาหรือชักหัวคิวการจัดซื้อจัดจ้างมาซื้อโต๊ะ ซึ่งในที่สุดก็จะกลายเป็นปัญหาคอร์รัปชั่น

เรื่องแบบนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค อย่าหลับตาข้างเดียวเด็ดขาด มิเช่นนั้นแล้วนโยบายการปราบคอร์รัปชั่นของรัฐบาลคงถูกเยาะเย้ยถากถางไม่มีสิ้นสุด


สำหรับการหาเงินแบบ "นอกระบบ" นั้น หลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยังคงเป็นขุมทรัพย์ของนักการเมืองอยู่เสมอ

ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า นักการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกลุ่มหนึ่งได้ส่งตัวแทนเข้าไปเพื่อฟื้นฟูกิจการบริษัทแห่งหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ และมีการนำหุ้นของบริษัทแห่งนั้นไปเร่ขาย โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการระดมทุนเพื่อนำไปใช้ฟื้นฟูกิจการ

บริษัทแห่งนี้เคยถูกกลุ่มรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รุมทึ้งจนหนี้สินล้นพ้นตัวพังยับเยิน แต่นักการเมืองกลุ่มนี้กลับจ้องตาเป็นมัน เพราะคิดว่าถ้าจับใส่ตะกร้าล้างน้ำและนำหุ้นไปเร่ขายแล้ว คงสามารถโกยเงินส่วนต่างเข้ากระเป๋าได้ เชื่อว่าส่วนหนึ่งคงนำไปใช้เตรียมการเลือกตั้งด้วย

ใครที่คิดว่าจะรวยง่ายๆ ด้วยการซื้อหุ้นราคาถูกๆ ระวังตัวไว้

.