http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2554-03-28

จัดสัมปทานรัฐบาล

.
ตรวจพลหลังศึกอภิปราย กระสุน-เสื้อแดง-แตงโม
"ดาว์พงษ์-ประยุทธ์"ซุ่มสู้เลือกตั้ง และ HBD บิ๊กตู่
คอลัมน์ รายงานพิเศษ
ในมติชนสุดสัปดาห์ ออนไลน์ ฉบับวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1597 หน้า 14


การอภิปรายไม่ไว้วางใจ 9 รัฐมนตรี ที่แม้จะผ่านฉลุยกันไปแล้ว แต่ก็ทำเอากองทัพเดือดร้อนไปด้วย ทั้งที่บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ไม่ได้ถูกอภิปรายด้วย

แต่ต้องเดือดร้อน เพราะผู้นำกองทัพเอากองทัพเข้าไปเป็นฐานค้ำรัฐบาลที่ถือกำเนิดในค่ายทหารแห่งนี้มาตลอดศก กองทัพจึงตกเป็นเป้าทางการเมืองไปด้วย

เดือดร้อน เพราะนายทหารฝ่ายอำนวยการจำนวนไม่น้อย ต้องทำงานนอกหน้าที่ มาเป็นคณะทำงานเตรียมข้อมูลและตอบโต้การอภิปราย โดยเฉพาะเรื่องการสลายม็อบแดง และการจัดซื้ออาวุธที่ถูกกระหน่ำมากที่สุด

โดยมีบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสธ.ทบ. นายทหารขวัญใจพรรคประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าทีมในการชักแถวทหารเข้าสภา ตั้งกองบัญชาการต่อสู้ศึกอภิปราย เพื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง


ศึกนี้ ฝ่ายทหารไม่ผิดหวังในตัวนายสุเทพ ที่บากหน้าชี้แจงแทนกองทัพได้ทุกเรื่อง ออกรับแทน แถมการันตี ตอบได้ทุกประเด็น ด้วยข้อมูลและหลักฐานที่ทหารเตรียมมาให้เป็นตั้ง จึงได้ใจขุนทหารไปเต็มๆ ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในสายตาทหาร มีแค่คำขอบคุณ หลังผ่านโหวต และยังกั๊กๆ รักษาภาพพจน์ จนบางเรื่องทำให้ขุนทหารส่ายหน้า

บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่แม้ปากจะบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการอภิปราย เพราะ "ผมไม่ใช่นักการเมือง" แต่ก็แอบเกาะขอบจอลุ้นอยู่ บก.ทบ. ตลอด ว่าพรรคเพื่อไทยจะงัดไม้ไหนมุขไหนมาแฉ ถึงขั้นการอภิปรายไม่เลิก พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ยอมกลับบ้าน จะดึกดื่นแค่ไหนก็ตาม

ที่ลุ้นกันที่สุดคือ เกรงว่า "ตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ แห่งพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.เสื้อแดง จะมีหลักฐานใหม่ว่าทหารเผาเซ็นทรัลเวิลด์ หรือสังหารประชาชน ออกมาแฉกลางสภา แต่ก็ผิดคาด



หากแต่ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ดาว์พงษ์ สองเพื่อนเกลอฉุนเฉียว ก็ตรงที่ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส. เพื่อไทยและเป็นประธานคณะกรรมาธิการทหารด้วย แฉเรื่องยอดเบิกจ่ายกระสุนปืนเป็นแสนนัดที่ใช้ในศึกม็อบแดง ตั้งแต่ 11 มีนาคม-19 พฤษภาคม 2553 ที่มีจำนวนแบบที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ เอ่ยปากว่า "ตัวเลขเป๊ะๆ" นั้น หลุดออกมาได้อย่างไร

โดยอ้างถึงรายงานการใช้กระสุนปืนและเครื่องระเบิด (สป.5) ของกรมสรรพาวุธ ทบ. ที่ระบุว่ามีการเบิกกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 เกจ เบอร์ 00 ไปทั้งหมดรวม 350,000 นัด แต่ส่งคืนคลังแค่ 301,271 นัด กระสุนปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 ม.ม. เอ็ม 193 ที่ใช้กับปืนเอ็ม-16 เอ 1 จำนวน 20,000 นัด แต่คืนคลังมาแค่ 17,260 นัด

กระสุนปืนเล็กยาว 5.56 เอ็ม 855 หรือที่เรียกกันว่า "กระสุนหัวสีเขียว" ที่ใช้กับปืนเอ็ม-16 เอ 2 จำนวน 150,000 นัด แต่ส่งคืนคลัง 105,268 นัด

กระสุนปืนเล็กยาวซ้อมรบ 5.56 หรือกระสุนแบลงค์ 10,000 นัด คืนมาแค่ 3,380 นัด กระสุนปืนเล็กยาวแบบเจาะเกราะ 85,000 นัด ส่งคืน 5,500 นัด กระสุนปืนเล็กยาว 7.62 แมตช์ เอ็ม.852 ที่ใช้กับปืนเอ็ม-60 จำนวน 2,000 นัด ส่งคืน 860 นัด และ กระสุนปืนเล็กยาว 88 ราง 8 นัด จำนวน 50,000 นัด ส่งคืน 45,158 นัด

ที่ซีเรียสที่สุดคือ ข้อมูลกระสุนปืนซุ่มยิง (สไนเปอร์) แบบ SG 3,000 ขนาด 7.62 ม.ม. ที่มีการเบิกไปถึง 3,000 นัด แต่มีการนำมาคืนคลังแค่ 480 นัดเท่านั้น

งานนี้ แม้จะมีทหารประเภทที่แอบมั่วนิ่มเอากระสุนหลวงไปเก็บไว้ส่วนตัว ไม่ว่าจะเอาไปขาย สะสม หรือเก็บไว้ใช้เอง หรือเป็นที่ระลึกก็ตาม แต่ก็ไม่น่าจะกล้าเอามากมาย แต่เป็นการสะท้อนว่าทหารได้ลั่นกระสุนสไนเปอร์ไปมากกว่า 2,000 นัด

เป้าหมายของพรรคฝ่ายค้าน คือต้องการชี้ให้เห็นว่าทหารได้ลั่นไกไปมากมายแค่ไหน แล้วเป้าของปากกระบอกปืนทหารนั้น ก็ย่อมหมายถึงคนเสื้อแดงที่ตายเจ็บระนาว นั่นเอง

ยิ่งในภาพรวมพบว่า ยอดส่งคืนคลังของกระสุนแต่ละประเภทนั้น ชี้ให้เห็นว่าทหารได้ใช้กระสุนในการปราบปรามคนเสื้อแดง มากมายจนน่าใจหาย เพราะรวมมีการเบิกกระสุนออกไปมากถึง 597,500 นัด แต่ส่งคืนมา 497,577 นัด

หมายถึงทหารได้ลั่นกระสุนไปมากถึง 117,923 นัด เลยทีเดียว



หลังเสร็จศึกอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ดาว์พงษ์ ก็กำลังตามรอยกลิ่น "ทหารแตงโม" ที่นำข้อมูลเหล่านี้ไปให้ฝ่ายค้าน พร้อมสั่งให้ทุกหน่วยคืนกระสุนที่เบิกไปให้หมดเกลี้ยง ห้ามเก็บไว้โดยพละการ

มีเสียงกระซิบกันด้วยว่า ให้ทำหลักฐานการส่งคืนคลังมาก่อนก็ได้ แต่จะหมายรวมถึงว่ามีกระสุนมาคืนจริงด้วยหรือไม่ ไม่มีใครกล้าคิดเป็นอย่างอื่น ทั้งๆ ที่เคยมีไอเดียให้ไปมั่วรวมกับยอดกระสุนที่ใช้ไปในศึกพระวิหาร การปะทะใหญ่ของทหารไทยและทหารกัมพูชา 4-6 กุมภาพันธ์ และตลอดยุทธการในเดือนกุมภาพันธ์แล้วก็ตาม


โดยเฉพาะกระสุนสไนเปอร์ที่ ทบ. เร่งให้ส่งยอดคืนให้มากกว่านี้ เพราะตอนเหตุการณ์นั้น บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้เคยปฏิเสธไว้ว่าไม่ได้ส่งพลซุ่มยิงมาใช้ แม้ว่าในเวลานั้นจะมีภาพทหารกำลังซุ่มจากตึกสูงลงมาก็ตามที อีกทั้งพลซุ่มยิง ก็ถือเป็นการจัดกำลังปกติของแต่ละหน่วยเวลาออกปฏิบัติการอยู่แล้ว ยอดเบิกจ่ายกระสุนนี้ สะท้อนว่ามีการใช้ทหารพลซุ่มยิงจริง รวมทั้งชี้ด้วยว่าเป็นทหารจากหน่วยรบพิเศษ ซึ่งเป็นหน่วยเดียวที่มีปืนรุ่นนี้ใช้


นอกจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีคำสั่งให้ฝ่ายกำลังพล จัดทำวีซีดีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ทหารและครอบครัวในทุกหน่วยทั่วประเทศดู เพื่อให้เข้าใจข้อมูลที่แท้จริง แต่ไม่เอาอย่างนายอภิสิทธิ์ ที่ให้ทำชี้แจงออกทีวีช่อง 11 เพราะเขามองว่าไม่มีใครสนใจอยากดูแน่

โดยวีซีดีทหารนี้จะเป็นการนำเอาคำอภิปรายของ "ตู่" จตุพร และคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ และ พล.อ.ประวิตร ที่ก็แม้ไม่โดนอภิปราย แต่ก็ขอใช้สิทธิ์ชี้แจงกลางสภาด้วย ในแต่ละประเด็นให้ชัดเจน

"เพื่อให้กำลังพลของ ทบ. เรา ที่อาจดูการอภิปรายไม่ครบทั้งหมด ฟังแต่ตอนจตุพรพูด หรือแค่อ่านข่าวสรุปๆ ก็อาจเข้าใจคลาดเคลื่อน เราจึงต้องทำให้ทหารของเราเคลียร์ และรู้ว่าทหารไม่ได้ทำผิด คำสั่งของ ผบ.ทบ."


ด้วยเพราะเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ ประเมินสถานการณ์และวิเคราะห์ว่ามีความพยายามที่จะทำให้ทหารระดับล่าง ทหารชั้นผู้น้อย กลายเป็นทหารแตงโมให้มากที่สุด หมายทำให้ทหารระดับล่าง เกิดการ "กระด้างกระเดื่อง" ไม่ศรัทธาเชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชา และอาจส่งผลให้ไม่เชื่อฟังคำสั่งในอนาคต จนเกิดปรากฏการณ์ทหารแตงโมปฏิวัติ

ถึงขั้นที่เกรงกันว่า ต้องการทำให้สถานการณ์เป็นเหมือนหลายประเทศในตะวันออกกลาง และโดยเฉพาะในลิเบีย


"ผบ. หน่วย ต้องไปบอกกับลูกน้องให้เชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชา ว่าหากทำตามคำสั่ง ทำในหน้าที่ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร ผู้บังคับบัญชาจะดูแลและรับผิดชอบแน่นอน ไม่ทิ้งกัน" บิ๊กตู่ฝากข้อความ

ทั้งนี้ เพราะมีทหารระดับปฏิบัติการเมื่อครั้งสลายม็อบเสื้อแดง โดยเฉพาะทหารรบพิเศษ และของกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) ซึ่งถูกเปิดเผยโฉมหน้าจากรายงานการสอบสวนของดีเอสไอ จากกรณี 6 ศพ วัดปทุมวนาราม ไม่สบายใจที่ต้องมาถูกสอบสวนปากคำไม่จบสิ้น และถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งๆ ที่ทำตามคำสั่ง "นาย"

สภาพการณ์เช่นนี้ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นโรคหวาดระแวงกลัวเกรงทหารแตงโม ไส้ศึกตลอดเวลา จึงต้องจัดสวัสดิการเอาใจทหาร ด้วยการเจรจาขอเช่าที่ราชพัสดุหรือทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อสร้างบ้านพักหรือคอนโดฯ ให้ทหารชั้นผู้น้อยอยู่

"สมัยก่อน คิดว่าหากเกษียณแค่มีบ้านเล็กๆ ห้องเล็กๆ อยู่ ก็พอใจแล้ว ทหารเราทุกคนก็อยากมีบ้าน ผมต้องดูแล เพราะเราใช้เขาไปตาย ใช้เขาทำทุกอย่าง ก็ต้องดูแลเต็มที่" บิ๊กตู่เปรย

เพราะตอนนี้ ศึกเลือกตั้งก็ใกล้เข้ามา หลังนายกฯ ประกาศจะยุบสภาเดือนพฤษภาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ดาว์พงษ์ จึงต้องหันหน้าชนกันและขบคิดแผนรับมือกันอย่างเคร่งเครียด เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล ย่อมหมายถึงสะเทือนทั้งกองทัพ



ความหวาดระแวงต่อทหารแตงโมถึงขั้นที่ ผบ.ทบ. ห้ามทหารนำโทรศัพท์มือถือเข้าในที่ประชุมต่างๆ มิหนำซ้ำ ถึงขั้นใช้แจมเมอร์ตัดสัญญาณโทรศัพท์ เพราะเกรงว่าจะมีทหารแตงโมแอบกดปุ่มโทรศัพท์ให้ฝ่ายตรงข้ามแอบฟังการประชุมแบบสดๆ ผ่านมือถือ และกลัวข่าวรั่วสู่หูนักข่าว จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ค่อยเข้าประชุม ทบ. รายวันทุกวัน จะเข้าเมื่อมีเรื่องสำคัญเท่านั้น

"ผมพูดอะไรทีไร นักข่าวมันรู้ทุกที" บิ๊กตู่เปรย

แถม พล.อ.ประยุทธ์ มีหลายเรื่องที่ค้างคาใจ ไม่พอใจนักข่าวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยิ่งเข้มงวดเรื่องการปิดข่าวมากขึ้น

ยิ่งเมื่อไหร่ที่มีนักข่าวถามไม่เข้าหู แบบที่เรียกว่า ถามไม่สร้างสรรค์ หรือเสนอข่าวไม่น่าพอใจ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะอารมณ์เสีย พร้อมสั่ง

"จับผิด" และ "เล่นงาน" นักข่าวบ้าง

ที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่พอใจอย่างแรง ก็เมื่อสื่อบางฉบับเสนอข่าวตำหนิ ผบ.ทบ. ที่โบ้ยความรับผิดชอบกรณีอาวุธปืนหายไปจากคลังของ ศร.พัน 1 ค่ายธนะรัชต์

แถมถูกจับตามองและโจมตีหนักอยู่แล้วเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะเรือเหาะ ทบ. ที่แม้จะลอยได้ แต่ก็แค่ไม่ถึง 1 ก.ม. แถมกล้องก็ใช้การได้แค่ 2 ตัว จาก 5 ตัว จนต้องเปลี่ยนภารกิจมาใช้ในยามสงบ

"ผมไม่เคยได้อะไรด้วยสักบาท" บิ๊กตู่ต้องเปรยกลางที่ประชุม


มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับการจัดซื้อจัดหาที่โปร่งใส และป้องกันไม่ให้มี "เหลือบ" ใกล้ๆ ตัว จึงไม่เข้าไปยุ่งกับการจัดซื้อจัดหาใดๆ แต่ให้หน่วยต่างๆ พิจารณากันเอง

แต่แม้จะไม่แฮปปี้กับสื่อ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็รู้ถึงความสำคัญของสื่อ แต่ทว่าเฉพาะสื่อทีวีที่เขามองว่ามีอิทธิพล และคนดูมากที่สุด มีผลกระทบมากที่สุด เขาจึงต้องรื้อฟื้นนโยบาย "สร้างสัมพันธ์" กับสื่อ ด้วยแผนการออกตระเวนพบสื่อโทรทัศน์

ในฐานะที่เป็นแฟนรายการของ สรยุทธ สุทัศนจินดา และทีวีช่อง 3 ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เจาะจงที่จะไปวิกช่อง 3 ก่อน เพราะดูว่าเป็นช่องที่มีคนดูข่าวมากที่สุด ตั้งแต่เช้าจรดค่ำมืดดึกดื่น

โดยหมายให้ ช่อง 3 สนใจเสนอข่าวของ ทบ. ให้มากขึ้น และเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง โดย ทบ. พร้อมป้อนข้อมูลให้



พล.อ.ประยุทธ์ นั้น มองว่าสื่อหนังสือพิมพ์คุมไม่ได้สั่งไม่ได้ แถมมีมากมายหลายฉบับ ขนาดว่า ทบ. เคยทุ่มงบประมาณหลายล้านบาท ซื้อเนื้อที่โฆษณาแฝงในหนังสือพิมพ์บางฉบับ ในการทำสกู๊ปข่าวต่างๆ แต่ในฉบับเดียวกัน กลับมีเขียนตำหนิ ทบ.

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่แฮปปี้กับนักข่าวหนังสือพิมพ์ แต่ต่อหน้าที่ก็ต้องโอภาปราศรัย ให้สัมภาษณ์พูดคุยด้วย แต่ลับหลังก็ยังเรียก "มัน" ทุกคำ และงดแผนการพบสื่อทุกแขนงโดยรวม ตั้งแต่แรกขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ไปเลย แต่จะแยกเจาะไปพบเป็นรายๆ ไป

หลายๆ อย่างที่กำลังเผชิญอยู่ และเรื่องวุ่นๆ ทางการเมือง หลังนายอภิสิทธิ์ประกาศจะยุบสภาต้นเดือนพฤษภาคม ที่ทำให้ไม่รู้ว่า อนาคตบนเก้าอี้ ผบ.ทบ. จะเป็นเช่นไร จึงทำให้วันเกิดครบ 57 ปี เมื่อ 21 มีนาคมที่ผ่านมา บิ๊กตู่จึงงดเปิดบ้าน และสั่งงดการอวยพรทุกรูปแบบ

ด้วยเพราะมองว่า วันเกิดก็เป็นวันทำงาน ที่ทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ ทำงานไปตามปกติ ไม่ต้องเอาเวลามาอวยพรใดๆ เพราะสำหรับบิ๊กตู่ ถือว่าวันเกิดเป็นเรื่องส่วนตัวที่จะไปทำบุญตักบาตรกับครอบครัวเท่านั้น โดยปีนี้เลือกทำบุญที่วัดเบญจมบพิตรฯ

จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่เป็น เสธ.ทบ. และเป็น รอง ผบ.ทบ. ในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็งดให้อวยพรวันเกิด เพราะไม่อยากถูกจับตามอง และถูกวิจารณ์ว่าทหารมาตบเท้าอวยพรวันเกิด


แต่กระนั้น ก็ไม่อาจห้ามหัวใจรักของเพื่อนสนิท ที่พร้อมใจกันส่งแมสเซต HBD-Happy Birthday รวมทั้ง นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ ได้ ที่ส่งของขวัญและดอกไม้อวยพรวันเกิดมาให้ถึงที่

เพราะถึงอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังต้องพึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อีกไม่น้อย ในศึกเลือกตั้งที่เจ้าตัวมั่นใจว่ามีแน่นอน โดยทหารจะเป็นกลางพร้อมยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ว่าจะเลือกใคร ขอแค่อย่าเลือกพรรคหรือคนที่หมิ่นสถาบัน

ไม่รู้มีสัญญาณอะไร...บิ๊กตู่ เปรยๆ ว่าไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล ผมก็ยังเป็น ผบ.ทบ. เหมือนเดิม


++

คอลัมน์ ลึกแต่ไม่ลับ โดย จรัญ พงษ์จีน
ในมติชนสุดสัปดาห์ ออนไลน์ ฉบับวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1597 หน้า 8


"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ขีดกรอบ "ยุบสภา" เด่นชัดขึ้นมาอีกนิด "อาทิตย์แรก" ของเดือนพฤษภาคม คงจะพลิ้วต่ออีกไม่ได้แล้ว ยิ่งล่าสุดคือ การเร่งรัดชง "กฎหมายลูก" เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ก็ทำให้น้ำหนักของการล้างไพ่ นำไปสู่หมวดเลือกตั้งใหญ่ เด่นชัดขึ้น

แม้ "มาร์ค" จะแสดงเจตนารมณ์ "ยุบสภา" ออกมาชัดเจนประมาณนี้แล้ว แต่ "คนการเมือง" ที่สันทัดกรณีจำนวนมาก ไม่เชื่อว่า "จะมีเลือกตั้ง"


"พรรคเพื่อแผ่นดิน" ทั้ง "ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง" หัวหน้าพรรค "สิทธิชัย โควสุรัตน์" เลขาธิการพรรค ฟันธงให้ลูกพรรคฟังว่าการเลือกตั้งใหญ่ ยังมั่นใจไม่ได้

สาเหตุที่หลายคนคาดคะเนว่า การเลือกตั้งใหญ่เป็นหมัน วิเคราะห์ตรงกันไปในทิศทางเดียวกันว่า

1. หากพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับชัยชนะ ไม่ว่าจะถล่มทลาย 220-250 เสียง และดึงพรรคร่วมเดิมคือ "ภูมิใจไทย" ของ "เพื่อนเนวิน" กับ "ชาติไทยพัฒนา" ของ "บรรหาร ศิลปอาชา" หรือ "กลุ่มโคราช+3 พี"

"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เป็นผู้จัดการรัฐบาล "กรอบปัญหา" ยังคาราคาซังระดับเดิม

เท่ากับว่า "ยกยอด" ตามไปเช็กบิลกันในรัฐบาล "มาร์ค ภาค 2" หมายถึง "ม็อบเสื้อเหลือง+เสื้อแดง" ยังรุมกินโต๊ะเต็มบ้านเต็มเมือง ปมทุจริตแก้ไม่ตก

2. หาก "พรรคเพื่อไทย" ลูกข่าย "ระบอบทักษิณ" เข้าวิน เป็นที่ 1 ต้องได้ฟอร์มรัฐบาลด้วยความชอบธรรม

จนปานนี้แล้ว "นายใหญ่ดูไบ" ยังไม่เปิดตัวผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อก้าวสืบสู่ทำเนียบนายกฯ คนต่อไป

แต่โดยนัย "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" น้องสาวคนเล็กของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ค่อนข้างจะมีภาษีเหนือกว่า "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์"

"เพื่อไทย" เป็นแกนนำรัฐบาล "น้องปู" เป็นนายกฯ ก็ต้องหาทางสะดวก ดึงพี่ชายกลับเมืองไทย ปัญหาเก่าก็ย้อนกลับมาใหม่ "ม็อบเสื้อเหลือง" ต้องเป่านกหวีด ผู้สูญเสียผลประโยชน์ จะร่วมวงไพบูลย์กันเล่นงาน บ้านเมืองลุกเป็นไฟอีกระลอก

ทั้งกรณีประชาธิปัตย์ ประสบชัยชนะ ทั้งกรณีเพื่อไทยเข้าป้าย ประเทศไทยก็เผชิญกับ "ปัญหาใหญ่" ระนาบเดียวกัน

จึงเกิดการข่าวที่ว่า "ไม่มีเลือกตั้ง" ระงับเอาไว้ชั่วคราวก่อน โดยไม่ต้องมีการปฏิวัติ-รัฐประหาร ใช้เงื่อนไขอื่นๆ มาจัดการ เป็นต้นว่า

เมื่อ "อภิสิทธิ์" ประกาศยุบสภาลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว "อำนาจพิเศษ" จะบีบให้ "5 เสือ กกต." ลาออกจำนวนหนึ่ง ทำให้การประชุมไม่ครบองค์ รับรองผลการเลือกตั้งไม่ได้ การเมืองจะเกิด "สุญญากาศ" ขึ้นมาโดยพลัน

เมื่อกึ๊กๆ กั๊กๆ ไม่มีทางออก รัฐบาล "รักษาการ" จะไร้ความชอบธรรม จึงหาทางจัดการตั้งรัฐบาลใหม่ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 7 หรือ "นายกฯ ม.7"



ดูเหมือนว่า "คนการเมือง" ที่มีมุมมองว่า "เลือกตั้งไม่มี" ไม่จำเพาะเจาะจงใน "เพื่อแผ่นดิน" ซีกส่วนของ "พินิจ จารุสมบัติ" ฝั่งเดียว การขยับอย่างมีจังหวะของ "บรรหาร ศิลปอาชา" หัวหน้าค่ายชาติไทยพัฒนาตัวจริง กับ "เนวิน ชิดชอบ" เบอร์หนึ่งภูมิใจไทย ที่ประกาศจับขั้ว แบ่งพื้นที่ทับซ้อนกันลงเลือกตั้ง

"ธง" ของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 2 พรรค ต้องการปั่นตัวเลขให้ได้ 70-80 ที่นั่ง หวังผงาดขึ้นเป็น "ขั้วที่สาม" รองรับกรณีที่ประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ทางเดินอุดตัน

แต่เนื่องมาจากแกนนำขาใหญ่ของชาติไทยพัฒนา และภูมิใจไทย ต่างโดนโทษแบน จากบ้านเลขที่ 111 ส่วนหนึ่ง และ 109 ส่วนหนึ่ง

มีตัวเลือกผู้อาวุโสอยู่ 2 คนเท่านั้น คือ "ชัย ชิดชอบ" กับ "ชวรัตน์ ชาญวีรกูล"

แต่จะขาดแนวร่วมให้การสนับสนุน เพราะเชื่อว่า 2 พรรคใหญ่คือ ประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย จะไม่เล่นด้วยเด็ดขาด

จึงเกิด "หนึ่งทางเลือกใหม่" นั้นคือการเปิดตัว "พรรคประชาสันติ"

ดูองคาพยพ "ประชาสันติ" ที่มี "เสรี สุวรรณภานนท์" เป็นโต้โผหลักนั้น ไม่น่าจะมีอะไรหวือหวา

แต่พลันที่ปรากฏชื่อ "ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย-ยุติธรรม และรองนายกฯ สมัยรัฐบาล "ทักษิณ" มาเป็นตัวขาย สามารถ "สร้างกระแส" ได้ร้อนระอุพอควร

"ปุระชัย" ขายภาพตรงเป็นไม้บรรทัด กระแสตอบรับ "ประชาสันติ" ค่อนข้างสูง


มีการหยิบยกพรรคใหม่ ที่มี "ปุระชัย" มาไขปมปริศนา ... "ต้นน้ำ" มาจากไหน

จิ๊กซอว์ที่ต่อตัวเห็นเส้นทางได้เด่นชัดสุด คือ "พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" อดีต ผบ.ตร.

"ปุระชัย-พัชรวาท" เป็นเพื่อนรักร่วมรุ่น นรต.25 ด้วยกันมา

"พล.ต.อ.พัชรวาท" เป็นน้องชายของ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

"พล.อ.ประวิตร" เป็นบุคคลผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการฟอร์มรัฐบาล "มาร์ค 1" ในค่ายทหาร และเป็นนายทหารรุ่นพี่ ที่รุ่นน้องในกองทัพ ที่คุมกำลังหลักในขณะนี้ ให้การยอมรับและเคารพสูงผู้หนึ่ง เป็นพี่ใหญ่แห่ง "บูรพาพยัคฆ์" มีน้องเล็กชื่อ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ผบ.ทบ.

"พรรคประชาสันติ" ที่ชู "ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์" เป็นจุดขาย ใกล้ชิดกับ "ศูนย์อำนาจใหม่" มากไม่น้อยเลยทีเดียว


ปัญหาอยู่ที่ว่า "ประชาสันติ" เป็นพรรคใหม่ ฐานเสียงเน้นน้ำหนักที่พื้นที่ กทม. เป็นหลัก จะเป็นเพียง "พรรคขนาดเล็ก" มี ส.ส. ไม่น่าจะเกิน 15 คน

"บิ๊กปุ" จะผงาดขึ้นมาเป็นนายกฯ ได้ต้องใช้สูตรเดียวกับเมื่อครั้งที่กิจสังคม สมัย "พล.ต.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช" มี 18 เสียง และได้ฟอร์มรัฐบาล


"ปุระชัย" จะสร้างปาฏิหาริย์ได้ไม่ยาก หากว่าทหารภายใต้ร่มเงาของ "ปิ๊กป้อม" สนับสนุน และมีภูมิใจไทยของ "เนวิน" ชาติไทยพัฒนาของ "บรรหาร" เป็นฐานในเบื้องต้นให้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงทีเดียว

"ปุระชัย" ในขณะนี้ เหมือนกับยาสามัญประจำบ้านตัวใหม่ที่จะมาช่วยขับเคลื่อนให้การเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้นได้ กรณีที่ "อำนาจพิเศษ" ไม่พึงประสงค์ทั้งประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย

.