http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2554-08-01

พิโรธวาทัง, ปฏิกิริยาโลกออนไลน์หลัง"ฮ."ตกฯ, UNSUSPECTING HEARTฯ

.

พิโรธวาทัง สัลลาปังคพิสัย
คอลัมน์ ในประเทศ
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1615 หน้า 9


ในพจนานุกรมฉบับมติชน พ.ศ.2547

มีศัพท์แสงในแวดวงวรรณคดีและกาพย์กลอน ที่สะท้อน "กระบวนการ" ความรู้สึก อยู่ 2 คำ

พิโรธวาทัง : ท่วงทำนอง ที่แสดงกระบวนตัดพ้อหรือโกรธ

สัลลาปังคพิสัย : กระบวนคร่ำครวญในงานประพันธ์ประเภทวรรณคดี

คำสองคำนี้ แม้จะอยู่ห่างไกลจากกองทัพ

แต่ในห้วงสัปดาห์นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้กร้าวแกร่ง กลับชิดแนบกับ 2 คำนี้เป็นพิเศษ

พิโรธวาทัง-สัลลาปังคพิสัย !


แน่นอน การที่นักรบอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ มีอารมณ์ร่วมไปกับกระบวน "พิโรธวาทัง-สัลลาปังคพิสัย" ก็เนื่องมาจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก ตกซ้ำซ้อนกันถึง 3 ลำ ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน คร่าชีวิตทหารและสื่อมวลชนไปถึง 17 คน

หนึ่งในนั้นคือนายทหารระดับสูง พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผบ.พล.ร.9

อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่า อาการโกรธ หรือตัดพ้อ ของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น มิได้จำเพาะไปที่เหตุโศกนาฏกรรมดังกล่าวเท่านั้น

หากแต่ยังพุ่งเป้าไปยังสื่อมวลชนและนักวิชาการ ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเฮลิคอปเตอร์ตก ที่อาจเกี่ยวเนื่องกับความบกพร่องในการบังคับบัญชาสั่งการ และเลยไปถึงการจัดซื้อจัดจ้างในกองทัพด้วย

ทั้งนี้ ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่แสดงออกมา มากด้วยอารมณ์อันแข็งกร้าวและดุดัน

สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป

เพราะว่าไปแล้ว ในช่วงที่เกิดเหตุนั้น สื่อมวลชนนำเสนอข่าวสารไปในทิศทางเดียวกับกองทัพ ทั้งนำเสนอการค้นหาผู้ประสบเหตุ ทั้งสะท้อนความรู้สึกสูญเสีย เห็นอกเห็นใจ

จะมีบ้างที่ตั้งข้อสงสัยในเหตุการณ์สูญเสีย "ซ้ำซ้อน" อย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น

แต่ก็ไม่ได้รุนแรง หากเทียบเท่ากับ "อารมณ์" ที่ผู้บัญชาการทหารบก แสดงออกมา

ทำให้มีการวิเคราะห์ในเชิงจิตวิทยาว่า การแสดงออกของ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นปมคับข้องใจอะไรบางอย่าง ที่ "ฝัง" ลึกอยู่ในใจของนายทหารผู้นี้ก็ได้



ว่าไปแล้ว ก็น่าเห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น้อยกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์กองทัพ โดยเฉพาะหลังการยึดอำนาจ 29 กันยายน 2549 ที่ทหารดูจะมีบทบาทและได้รับความเห็นอกเห็นใจจากรัฐบาล ในการอุดหนุนงบประมาณให้จำนวนไม่น้อย

ถึงขนาดนินทาว่า ทหารต้องการอะไรมักจะได้หมด

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กองทัพก็ไม่พ้นที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดซื้ออาวุธที่ไร้ประสิทธิภาพ ไม่ว่าเครื่องตรวจระเบิด จีที 200 เรือเหาะ รถหุ้มเกราะ ฯลฯ เหล่านี้พร้อมจะเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาได้เสมอ

และเมื่อเกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก ต่อเนื่องกันถึง 3 ลำ จึงเลี่ยงไม่พ้นที่จะถูกตั้งคำถามเรื่องการจัดซื้ออะไหล่ และการซ่อมบำรุงคำถามนี้ ย่อมสร้างความหงุดหงิดให้กับผู้ที่ต้องตอบเป็นธรรมดา

ขณะที่งานในความรับผิดชอบ ก็ดูจะหนักหน่วงและถูกตั้งคำถามในเรื่องประสิทธิภาพเช่นกัน

ไม่ว่า การแก้ไขปัญหาภาคใต้ที่ยังมีเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นทุกวัน

รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่วันนี้จุดยืนของกองทัพ ไม่ว่า การจะไม่ให้ผู้สังเกตการณ์ต่างชาติเข้ามาในพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร, การจะไม่ถอนทหารจากจุดที่เรายึดครองอยู่ ฯลฯ กำลังถูกหักล้างลงทั้งจากมติของอาเซียน ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมถึงความคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก

เหล่านี้ ทำให้กองทัพที่ดูแลความมั่นคง ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล

พร้อมกับความจริงอันเจ็บปวดต่อกรณีเขาพระวิหาร ที่เราเป็นฝ่ายถอยร่นมากกว่าฝ่ายรุก


นอกเหนือจากงาน "อันหนักอึ้ง" ในกองทัพแล้ว

แรงกดดันมหาศาลที่เคียงคู่อยู่ในขณะนี้ ก็คือ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้น

แน่นอน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ถูกมองว่า ไม่เป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ คาดหวัง

การเรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศ มีจุดยืนเดียวกับผู้บัญชาการทหารบก ในการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม ด้วยการเลือก "คนดี" "มีจริยธรรม" "จงรักภักดี" ภายใต้การนิยามของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สื่อให้เห็นค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นพรรคที่ไม่ใช่พรรคที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งคราวนี้อย่างท่วมท้น ทำให้เกิดความหวั่นไหวเป็นธรรมดา

แม้จะมีการการันตีจากฝ่ายการเมืองที่ชนะว่า จะไม่มีการแก้แค้น หรือ ล้างบางใคร

แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะ "วางใจ" ได้

เพราะหลังที่พรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ ทุกอย่างก็จะไม่เหมือนเดิม

กองทัพย่อมใช่ศูนย์กลางแห่งอำนาจเหมือนหลังปฏิวัติ 29 กันยายน

ขณะเดียวกัน กองทัพก็คงไม่ใช่จุดเกรงใจของฝ่ายการเมือง เหมือนสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ขณะเดียวกัน ปม 91 ศพ ก็ย่อมเป็นเป้าหมาย ที่จะต้องถูกสะสาง คลี่คลาย ซึ่งล้วนแต่สร้างภาวะความไม่แน่นอนให้เกิดขึ้นกับกองทัพ และ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น

เหล่านี้คือแรงกดดันที่โถมเข้าทับ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างหนักหน่วง และต่อเนื่อง

เป็น "ปม" ในใจที่แก้ไม่ได้

ทำให้เมื่อเกิดอะไรเข้ามากระทบ อย่างกรณีเฮลิคอปเตอร์ตก 3 ลำ การแสดงออกในเชิงปกป้องตัวเอง ก็สูงเกินปกติ

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะออกมาทำความเข้าใจ หลังปะทุอารมณ์ออกไปว่าเป็นการแสดงออกเพื่อปกป้องกองทัพ ขณะที่ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง คือคนใจดี

แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นคำอธิบายใน "ภายหลัง"

สิ่งที่แสดงออกอย่างฉับพลันทันใด แบบ พิโรธวาทัง สัลลาปังคพิสัย ต่างหาก ที่สะท้อนความในใจลึกๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ให้เห็น



มีคำแนะนำจากนักวิชาการดัง "ผาสุก พงษ์ไพจิตร" ที่อาจจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างที่เป็นอยู่ จะได้ไม่หลุดอาการ "พิโรธวาทัง สัลลาปังคพิสัย" ออกมาอีก

นั่นก็คือ

"กองทัพต้องยุติบทบาททางการเมืองโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ เพื่อความอยู่รอด และศักดิ์ศรีของกองทัพเอง และเพื่อชาติ กองทัพคงไม่อยากถูกโยงกับเรื่อง 91 ศพ อีก เริ่มต้นเลย พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่รัฐบาลรัฐประหาร 2549 ผ่านออกมา ต้องยกเลิก เพราะว่า พ.ร.บ.สถานการณ์ฉุกเฉิน ก็เพียงพอแล้ว การคงอยู่ของ พ.ร.บ. นี้เป็นช่องให้กองทัพมีบทบาททางการเมืองสูงขึ้น "

เป็นคำแนะนำที่น่าศึกษา และไตร่ตรอง

ซึ่งหวังว่า คงไม่มีเสียงกร้าวๆ จากใคร คำรามใส่ "นักวิชาการ และสื่อมวลชน" ฐานเสนอหน้าออกมาแนะนำสั่งสอน!



++

ปฏิกิริยาโลกออนไลน์ หลัง "ฮ." ตก 3 ลำซ้อน คลางแคลงใจ "กองทัพ" วาทกรรม "รักชาติ" ไม่ขลัง
คอลัมน์ ในประเทศ
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1615 หน้า 13


ระหว่างวันที่ 16-24 กรกฎาคม กองทัพบกไทยต้องประสบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ 3 รุ่น ได้แก่ ฮ.ฮิวอี้, ฮ.แบล็กฮอว์ก และ ฮ.เบลล์ 212 จากศูนย์การบินทหารบก ต้องตกบริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต เป็นทหารและสื่อมวลชน รวมทั้งสิ้น 17 ราย

ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับที่ เว็บไซต์ Globalfirepower.com ได้จัดอันดับให้กองทัพไทยมีความเข้มแข็งเป็นอันดับที่ 19 ของโลก และอันดับที่ 8 ของเอเชีย ซึ่งขยับขึ้นสูงจากอันดับที่ 28 ของโลกเมื่อปีที่แล้ว

โดยประเมินจากองค์ประกอบทางด้านความพร้อมและความสามารถในการรบเมื่อต้องทำสงครามตามแบบทั้งภาคพื้นดิน ในทะเลและบนอากาศ, ความสามารถในการส่งกำลังบำรุง และปัจจัยทางการเงินในการทำสงคราม


หันมาดูปฏิกิริยาต่างๆ ในโลกออนไลน์ มีการแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์ ฮ. ตกต่อเนื่อง 3 ครั้ง อย่างแพร่หลายและหลากหลายตามพื้นที่เว็บบอร์ดสำคัญๆ ทั้งการวิพากษ์วิจารณ์ถึงปฏิบัติการของกองทัพ ตลอดจนประสิทธิภาพของเครื่องบินและตัวนักบินเอง

เว็บไซต์มติชนออนไลน์ได้เผยแพร่บทความ "กองทัพกับ"โรคอ้วน" " เขียนโดยผู้ใช้นามว่า "นายปราบ รักไฉไล" ที่ตั้งข้อสังเกตว่ากองทัพไทย โดยเฉพาะกองทัพบก กำลังเป็น "โรคอ้วน"

เนื่องจากได้รับงบประมาณพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังรัฐประหารปี 2549 ทว่ากลับใช้เงินที่ได้รับมาอย่างมีประสิทธิภาพลดลงด้วยการใช้จ่ายอย่างไม่เป็นประโยชน์กับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ อาทิ เครื่องจีที 200 เรื่อยไปจนถึงเรือเหาะที่ใช้ปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

กระทั่งไม่แน่ใจว่างบประมาณที่เพิ่มขึ้นเหล่านั้นได้ตกถึงหน่วยงานบำรุงรักษายุทโธปกรณ์ที่มีอยู่เดิมอย่างเต็มไม้เต็มมือหรือไม่

"นายปราบ" ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การให้งบประมาณชดเชยความสูญเสียที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่เหมาะสม แต่จะยิ่งสนับสนุนพฤติกรรมการจัดการองค์กรของกองทัพให้มีปัญหาหนักขึ้นไปอีก



หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสงสัยต่อการทำงานของกองทัพบกในกรณี ฮ. ตก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้ออกมาตอบโต้อย่างดุเดือดว่า

"ผมถามว่าคนที่ออกมาพูดรับผิดชอบหรือไม่ หนังสือพิมพ์บางฉบับ ทีวีบางช่อง นักวิชาการบางคน ผมไม่อยากพูด แต่ทำให้ผมกดดัน

แล้วเราและประเทศชาติจะอยู่อย่างไร ถ้าท่านไม่มีเหตุผลเลย อยากพูดอะไรก็พูด ทำอะไรก็ทำ เว็บไซต์เฟซบุ๊กนักข่าวฉบับหนึ่ง เขียนเสียหายมาก

ผมเรียนตรงนี้เลย หนังสือพิมพ์บางฉบับ สื่อทีวีบางช่อง ผมจำเป็นต้องออกมาพูด ถ้าประเทศไทยหรือคนไทยไม่เรียนรู้ว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ก็อย่าอยู่กันเลย เสียเวลาเปล่า... "

ส่งผลให้ "วาสนา นาน่วม" ผู้สื่อข่าวสายทหารชื่อดัง ซึ่งน่าจะเป็นนักข่าวเจ้าของหน้าเฟซบุ๊กที่ "เขียนเสียหายมาก" ตามความคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมาชี้แจงผ่านพื้นที่ออนไลน์ว่า

"ขอยืนยันว่า วาสนา เข้าใจกรณี ฮ. ตกทั้ง 3 ลำเป็นอย่างดี ไม่เคยมีอคติหรือโจมตีเรื่องการจัดซื้อ เข้าใจทหารระดับล่างเป็นอย่างดี มีแต่จะช่วยชี้แจง ในทุกทาง แม้แต่ในรายการวิทยุ แต่อาจเป็น การคอมเม้นต์ของสมาชิกที่อยู่ในเฟซบุ๊ก ที่วิจารณ์กองทัพของประชาชน และ ผบ.ทบ. ซึ่งถือเป็นคนสาธารณะ...

...ต้องขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ให้ความสำคัญกับวาสนา อย่างคาดไม่ถึง แต่เสียดายที่ นายทหารฝ่ายเสธ.รายงานแต่แง่ลบ เรื่องดีๆ

ไม่เคยรายงาน เลยทำให้นายไม่เข้าใจไปด้วย อยากให้ท่านเข้าใจ Social media ให้มากกว่านี้...

วาสนาบอกท่านแล้วว่า ประชาชนเท่านั้นที่จะปกป้อง ผบ.ทบ. ได้ ดังนั้น ท่านก็ต้องเข้าใจสื่อ และประชาชนให้มากกว่านี้ ด้วยค่ะ..."

อย่างไรก็ดี ที่เกรี้ยวกราดกับน้ำเสียงของ ผบ.ทบ.จริงๆ กลับเป็นความเห็นของสมาชิกเฟซบุ๊กจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาอ้อนขอให้รัฐบาลชุดใหม่อนุมัติงบประมาณจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์เพิ่มเติมอีก 30 ลำ แก่กองทัพ อาทิ

"อยากให้ทั่น ผบ.ทบ. เข้าคอร์สอบรมทำความเข้าใจสื่อและการสื่อสารยุคใหม่ ใช้งบกองทัพก็ได้นิ ..."

"ถ้าเป็น "อารยประเทศ" กรณีแบบนี้ นอกจากจะไม่มีสิทธิ์มาลอยหน้าลอยตาด่าคนนู้นคนนี้แล้ว ยังต้องลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบด้วยซ้ำ แต่ที่พูดมาน่ะถูกอยู่อย่างก็คือ "...ถ้าวิจารณ์ต้องวิจารณ์ทุกระบบของกองทัพบก แม้แต่ในระบบของประเทศไทยก็ต้องผิดทั้งหมด ยืนยันว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็ผิดทั้งหมด..." อันนี้ชัวร์ มันผิดหมดจริงๆ..."

และ "กับประชาชนคนเสียภาษีทำดุดัน พออยากได้เงินภาษีไปซื้อของล่ะก็พูดจาดีกับรัฐบาลก็ได้เนอะ ปลวก สงสารทหารที่ต้องเสี่ยงชีวิตเพราะเครื่องบินตกเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆ "



ขณะเดียวกัน ไม่ได้มีเพียงระบบการบริหารจัดการกองทัพเท่านั้นที่ถูกชาวไซเบอร์ตั้งข้อสงสัยด้วยความคลางแคลงใจ แต่วาทกรรม"รักชาติ/รักวีรบุรุษ "ที่เกิดขึ้นทั้งในโลกออนไลน์-ออฟไลน์ภายหลังโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ก็ถูกท้าทายตั้งคำถามอย่างน่าสนใจ เช่น

"การเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดแสดงออกให้เห็นชัดเจนแล้วว่า คนไทยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ระหว่าง ฝ่ายประชาธิปไตย กับ ฝ่ายที่ยังไงก็ไม่ยอมเป็นประชาธิปไตย... "

"ถ้าผู้มีอำนาจคิดเพียงว่าการโหมประชาสัมพันธ์ด้านเดียว เช่น กรณีเฮลิคอปเตอร์ 3 เครื่องตกจะทำให้คนไทยกลายมาคิดเหมือนกัน รักกัน รอฉลองปีใหม่ร่วมกัน โดยลืมเรื่องการเมืองใน 4-5 ปีที่ผ่านมานั้น--- ท่านคิดผิดอีกแล้ว "

"(ด้วยความเคารพทหารที่ตายจากเครื่องบินตก) อยากสนทนากับคนที่เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นธงชาติไทยว่า ถ้าเราไม่ดราม่าเรื่องทหารตายจนเกินเหตุ ไม่ต้องสร้างภาพรีบร้อนรีบรุดไปลำเลียงศพออกมา คงไม่เกิดเหตุเครื่องบินตกเป็นลำที่ 3 "

และ "ไม่รู้จะภูมิใจหรือเสียใจดี ...ที่มีการให้เกียรติคนตายทำให้เรามีวีรบุรุษเพิ่มขึ้นอีก 17 คน แต่เป็น "วีรบุรุษ" ที่ไม่มีโอกาสถามว่า เขาอยากเป็นหรือเปล่า ภูมิใจหรือเปล่าที่ ฮ. ตก แล้วได้เชิดชูเกียรติ มีค่าเพียงความฟูมฟายที่ร้องมาแล้วก็หยุดไป "

"จนสุดท้ายไม่เหลืออะไรเพราะเสียงร้องไห้ได้กลบปัญหาที่ควรใส่ใจและนำเป็นบทเรียนไปหมดแล้ว.."



++

UNSUSPECTING HEART หัวใจไร้สงสัย
โดย ศุภาศิริ สุพรรณเภสัช คอลัมน์ For a Song ท่องโลกผ่านเพลง
ในมติชน ออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 14:50:52 น.


การสูญเสียชีวิตทหารและนักข่าวจากจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์สามรุ่น สามลำ ของกองทัพบกตกที่ป่าแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ทำความสลดใจให้คนไทยทั้งประเทศ

แต่เมื่อมีเหตุ ก็เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะอยากรู้สาเหตุ ทั้งประชาชนและสื่อก็คาดเดากันไปต่างๆ รวมทั้งมีข้อสังเกตหรือข้อสงสัย

ทั้งสองประการหลังทำให้ทหารใหญ่ไม่ค่อยพอใจ ออกมาเอ็ดอึงผู้สื่อข่าว ผู้คนที่ดูโทรทัศน์อยู่ทางบ้านก็พลอยมีความรู้สึกว่าถูกท่านเอ็ดและชี้หน้าชี้ตาคาดโทษไปด้วย

เห็นแล้วทำให้นึกถึงเพลงไพเราะเมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว ชื่อ Unsuspecting Heart หรือ "หัวใจไร้ (ข้อ) สงสัย" จากเสียงของ Sunny Gale นักร้องมีชื่อสมัยคุณย่ายังเด็ก

ท่าน ผบ.ทบ.คงจะพอใจมากกว่า หากคนไทยมีหัวใจไร้ข้อสงสัย

หัวใจซื่อ ที่เชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ไม่คิดมาก

"หัวใจไร้ปุจฉา" นั่นไง

แต่หัวใจแบบอันซัสเป็กติ้ง ฮาร์ทที่ว่า มักทำให้เจ้าของหัวใจเป็นเหยื่อแห่งการหลอกลวง

ดังนั้น ผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองจึงควรยินดีกับการที่สังคมเรารู้จักคิด รู้จักสงสัย เพราะเป็นเครื่องแสดงว่าคนในสังคมนั้นมีปัญญา

แทนที่จะโกรธกัน น่าจะมีน้ำอดน้ำทนพูดกันดีๆ เพราะคนไทยก็ล้วนมีความห่วงใยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็นี่บ้านเมืองของเรา ทหารก็ทหารของเรา เฮลิคอปเตอร์ก็คอปเตอร์ของเรา เป็นของท่านคนเดียวเมื่อไหร่ล่ะ


แปลกแท้ๆ

สงสัยนิด กังขาหน่อย ก็โกรธ

ทำราวกับเป็นเมียซีซาร์ คือต้องอยู่เหนือข้อสงสัยทั้งปวง

Caesar's wife must be above suspicion !

ฝรั่งใช้สำนวนนี้มาตั้งแต่สมัยโรมัน ตามเรื่องราวที่ว่า Pompeia ภรรยาของจูเลียส ซีซาร์ โดนซุบซิบว่า (อาจ) ไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับชายอื่น ซีซาร์จึงหย่าขาดจากท่านผู้หญิงปอมเปียเสียเลย โดยให้เหตุผลว่า

"ภรรยาของซีซาร์จะต้องอยู่เหนือข้อสงสัยทั้งมวล"

พูดง่ายๆ คือจะต้องไม่ด่างพร้อยเลยแม้แต่น้อย ดีเลิศประเสริฐศรีโดยปราศจากข้อกังขา ข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น

แต่หากมีอะไรให้กังขาแม้แต่น้อยนิด ก็ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งภรรยาของซีซาร์ต่อไป

รัฐบุรุษโรมันผู้มี suspecting heart อย่างจูเลียส ซีซาร์ โดนรุมแทงตายไปกว่าสองพันปีแล้ว แต่ทุกวันนี้สำนวน Caesar's wife must be above suspicion ยังอยู่ และมักใช้ในทำนองว่าบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญ จะต้องโปร่งใส ไม่ควรมีอะไรให้ประชาชนต้องกังขาในความสุจริต



แต่ที่ท่าน ผบ.ทบ.หงุดหงิดมาก ไม่ใช่แค่เรื่องข้อกังขาต่างๆ เท่านั้น ยังมีเรื่องที่สื่อไปหาว่าพวกบิ๊กทหารไม่กล้านั่งเฮลิคอปเตอร์ทำนองว่าบิ๊กๆ ท่านกลัวจน...ขึ้นขมอง เทียบได้กับสำนวนฝรั่งว่า "หัวใจไปอยู่ในปาก" หรือ have (one's) heart in (one's) mouth

พูดก็พูดเถอะ ไอ้สำนวนหัวใจไปอยู่ในปากของฝรั่ง เทียบชั้นไม่ได้เลยกับ ขี้ขึ้นไปอยู่บนขมองของพี่ไทยเรา ซึ่งได้ทั้งความรู้สึก ภาพ และกลิ่นไปพร้อมๆ กัน

เอาเป็นอันว่าสื่อช่างใจร้าย เลยจะขอเพลง Heart of Stone หรือ "หัวใจหิน" ให้เสียตรงนี้

สื่อที่ใจทมิฬหินชาติ จะฟัง Heart of Stone ของ The Rolling Stones หรือจะฟังของคุณ Cher ก็หาฟังได้ตามที่ให้ไว้ข้างล่าง


หากเลือก Heart Made of Stone ของคณะนักร้อง The Fontane Sisters ก็จะได้ฟังเพลงน่ารักจากสมัยร็อกแอนด์โรลยังเพิ่งเกล้าจุก ยังใสๆ ไม่หนักหน่วงอย่างทุกวันนี้

ใครเบื่อเรื่องหนักสมอง จะเข้าไปฟังใจไม้ (ไส้ระกำ) Wooden Heart ของคิงเอลวิสผู้ล่วงลับ ให้กลับเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่งก็ยังได้ ภาพเอลวิสในเครื่องแบบทหาร ร้องเพลงจีบหุ่นสาวผมทองตัวน้อย ยังถูกใจคนดูทุกรุ่น

หากบิ๊กตู่ใส่เครื่องแบบมาร้อง Wooden Heart ให้นักข่าวฟัง เปลี่ยนอารมณ์บูดเป็นอารมณ์ขันเสียบ้าง บิ๊กตู่เองก็คงลดความหงุดหงิดในหัวใจไปมาก

ลดหงุดหงิดแล้วจะได้ไม่ "เบรกแตก" ออกมาตีหน้ายักษ์ใส่ชาวบ้าน


สำนวนเบรกแตกของไทย ก็ดีกว่าสำนวน "ใส่หัวใจไว้ที่แขนเสื้อ" wear (one's) heart on (one's) sleeve ในภาษาอังกฤษ ทั้งๆ ที่ความหมายคล้ายๆ กัน คือเก็บความรู้สึกไว้ไม่อยู่ หลุดออกมาให้คนเห็นอย่างโจ่งแจ้ง

แต่จะว่าไป อาการเบรกแตกของท่านบิ๊กตู่ ไม่ใช่แค่ใส่หัวใจไว้ที่แขนเสื้อหรอก แต่เป็นการ blow his top มากกว่า เหมือนกาน้ำที่เดือด

จนฝากระเด็น อะไรทำนองนั้น

การเบรกแตกของท่าน ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจช่างสงสัยทั้งหลาย หายสงสัย หายกังขา เลยสักหน่อย

ก็ท่านไม่ได้อยู่เหนือข้อสงสัยทั้งปวงนี่นา


ฟังเพลง UNSUSPECTING HEART จาก Sunny Gale
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=zzoiBBVPa9I

ดู Elvis Presley ร้อง WOODEN HEART
http://www.youtube.com/watch?v=05ZgyoZvhgI&feature=player_embedded

ส่วน Cher ร้อง HEART OF STONE
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=nbGWRkIReBU


.