.
เสน่ห์ น้ำตา มารยา ไสยศาสตร์ มายาภาพแม่ญิงเหนือผ่าน "สร้อยฟ้า"
โดย ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์ www.facebook.com/pensupa.sukkatajaiinn คอลัมน์ ปริศนาโบราณคดี
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1648 หน้า 76
"สร้อยฟ้า" เป็นตัวละครหนึ่งในเรื่องขุนแผน ปรากฏอยู่ตอนท้ายๆ เรื่อง มีศักดิ์เป็นสะใภ้นอกรีตของขุนแผน-นางพิม
กล่าวให้ชัดก็คือ เป็นเมียแถมที่ไม่ได้ตั้งใจรักของพลายงามนั่นเอง
สีสันของสร้อยฟ้า ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นภาพลักษณ์ของเสนียดหรือ "นางอิจฉา" เต็มๆ
แถมยังเป็นนางร้ายที่ระบุเจาะจงถึงถิ่นกำเนิด ภาษา กลิ่นกาย ตอกย้ำภาพของ "สาวเหนือ" ให้เต็มไปด้วยความน่าขยะแขยง มีพฤติกรรมงี่เง่าสิ้นคิด หลอกใช้เสน่ห์ น้ำตา มารยา สาไถย เพื่อเอาชนะความผิด ความพ่ายแพ้
ชวนให้นึกถึงคำประณามของคนที่มีอคติต่อแม่ญิงล้านนา ไม่ว่าจะร้องไห้ หรือถูกซุบซิบใส่ร้ายเชิงชู้สาวว่า
"อย่ามาบีบน้ำตาใช้มารยาหญิงเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ตนได้ทำไปแล้ว!"
"อย่ามาอ้างความเป็นหญิง (เหนือ) ในเมื่อทำผิดจริยธรรม!"
ไม่มีใครรู้ว่าชีวิตของ "สร้อยฟ้า" นั้นมีตัวมีตนจริง หรือเป็นแค่ตัวละครสมมติ เนื่องจากวรรณคดีเรื่องนี้มีแฟนคลับติดนัวเนีย จึงแต่งเติมลากยาวชนิดจบกันไม่ลง มาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์
บางที "สร้อยฟ้า" อาจจะเป็นอีกหนึ่งภาพลวงตา เหมือนกับ "สาวเครือฟ้า" ที่จับแพะชนแกะ อุปโลกน์ยัดเยียดความเป็น "มาดามบัตเตอร์ฟลาย" ให้กับสาวเหนือ อีกก็เป็นได้
แม้แต่ตำนาน "วังบัวบาน" ที่ผูกเป็นเพลงและหนัง วางพล็อตให้หญิงสาวไปกระโดดหน้าผาตายด้วยผิดหวังรักจากหนุ่มบางกอก แต่แล้วเมื่อมีนักวิจัยลงเก็บข้อมูลสัมภาษณ์ญาติของครูบัวบาน กลับพบว่า แท้จริงแล้วคนรักของครูบัวบานไม่เคยนอกใจเธอ แถมยังเป็นคนเชียงใหม่ ไม่ใช่หนุ่มกรุงเทพฯ
การตายของครูบัวบาน มีพยานรู้เห็นว่าเป็นเพราะไปยืนใกล้หน้าผาจึงพลัดตกตาย เป็นอุบัติเหตุอันสะเทือนขวัญ หาใช่การจงใจฆ่าตัวตายเพื่อสังเวยความรักแบบโรแมนติกไม่!
มารยาสาไถยของสาวเหนือ
ในสายตาชาวสยาม
คราวก่อนได้กล่าวถึงนางลาวทอง เป็นแม่ญิงล้านนาอีกคนเหมือนสร้อยฟ้า น่าสนใจยิ่งที่เสภาขุนแผนมีตัวละครสาวเหนือถึงสองนาง แถมให้มีชะตากรรมละม้ายกัน คนหนึ่งเป็นเมียน้อยพ่อ อีกคนเป็นเมียน้อยลูก
ลาวทอง มีฐานะต่ำศักดิ์กว่าสร้อยฟ้า เป็นแค่ลูกสาวกำนัน ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ถูกพ่อแม่ยกให้ขุนแผนเพื่อไถ่กับอิสรภาพของหมู่บ้าน รูปร่างหน้าตาก็คงจะสวยพอประมาณ แต่วัฒนธรรมด้านอาหารการกินนั้น เป็นที่สะอิดสะเอียนในสายตาชาวสยามเหลือกำลัง
พิศดูเมียใหม่ที่ได้มา ทรวดทรงขนงหน้าดูคมสัน
ปรนนิบัติอื่นอื่นดีทั้งนั้น แต่สำคัญทรลักษณ์ด้วยการกิน
อึ่งตะกวดตุ๊ดตู่งูเงี้ยว ช่างกระไรเลยเคี้ยวกินเสียสิ้น
อาหารหยาบคายเป็นอาจิณ มลทินรังเกียจเกลียดระอา
พิมเอ๋ยพี่ยังอาลัยอยู่ การกินรู้สารพัดจัดหา
ไม่เปื้อนเปรอะเหมือนลาวชาวพนา น้ำมือโอชาอร่อยรส
ในขณะที่สร้อยฟ้า เป็นถึงราชธิดาของพระเจ้าเชียงใหม่ ใช้นามสมมติว่าพระเจ้าพิไชยแห่งเชียงอินทร์ ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงก็ไม่ทราบว่าตรงกับกษัตริย์องค์ไหนของราชวงศ์ใด?
วรรณคดีระบุว่าอยุธยายกทัพขึ้นไปปราบเชียงใหม่ โทษฐานที่บังอาจมาช่วงชิงนางสร้อยทอง ราชธิดาของพระเจ้าล้านช้างที่ส่งมาถวายเชื่อมสัมพันธไมตรีกับพระนครศรีอยุธยาระหว่างทาง
เหตุการณ์ตอนนี้มีความสับสนยิ่ง ตามประวัติศาสตร์เท่าที่ทราบนั้น กล่าวถึงการถวายราชธิดาระหว่างเมืองสู่เมือง ประมาณสามครั้งเด่นๆ
ครั้งแรกพระเมืองเกษเกล้าแห่งล้านนาถวายราชธิดาชื่อ "นางยอดคำทิพย์" แด่พระเจ้าโพธิสาลราช กษัตริย์ล้านช้าง ช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 21 จากนั้นมาล้านช้าง-ล้านนามีความสัมพันธ์แนบแน่น ช่วยกันต่อต้านอยุธยาและพม่า
ครั้งที่สองช่วงใกล้เสียกรุงครั้งที่าชวงศ์อยุธยาได้ถวายพระราชธิดาแก่พระเจ้ากรุงลาว ด้วยเห็นว่ากองทัพพม่ายึดล้านนาแล้ว จึงหวังว่าจะได้ล้านช้างมาผูกมิตร แต่ระหว่างทางถูกเจ้าเมืองพิษณุโลกแย่งชิงตัวราชธิดาไป เหตุการณ์นี้เกิดประมาณปี พ.ศ.2103
อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นหลังจากเสียกรุงครั้งที่แล้ว สมัยพระเพทราชา กษัตริย์ล้านช้างได้ถวายราชธิดาแด่กรุงศรีอยุธยา แต่ออกหลวงสรศักดิ์ (ว่าที่พระเจ้าเสือ) ได้ถือวิสาสะช่วงชิงนางไปเป็นสนมก่อน โดยไม่รายงานพระราชบิดา
จึงทำให้สับสนว่า การที่กษัตริย์เชียงใหม่ยกทัพไปชิงตัว "ธิดาล้านช้างจากอยุธยา" นั้น มีปรากฏอยู่ในพงศาวดารตอนไหนหรือ?
เข้าใจแล้วว่าในเมื่อคนแต่งเป็นชาวสยาม จึงย่อมผูกเรื่องให้เชียงใหม่เป็นผู้ร้าย สร้างล้านช้างให้สวามิภักดิ์โอนอ่อนต่ออยุธยา
เมื่อเสร็จศึกเชียงใหม่ พระพันวษารับนางสร้อยทองคืนมาเป็นพระสนม แต่พระราชทานนางสร้อยฟ้าธิดาเจ้าเชียงใหม่บำเหน็จรางวัลให้แก่ "พลายงาม" ลูกของขุนแผน
หรือว่าเรื่องราวตอนนี้จำลองมาจากชีวิตจริงของสมเด็จพระนารายณ์ ที่ได้นางกุสาวดี ธิดาเจ้าเชียงใหม่ คือพระญาแสนหลวงมา แล้วยกให้พระเพทราชา?
พลายงามได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "จมื่นไวยวรนาถ" หรือที่นิยมเรียกว่า "พระไวย" ไม่ต่างไปจากพลายแก้วเมื่อเสร็จศึกเมืองเชียงทองกลับมาก็ได้รับทินนามเป็น "ขุนแผนแสนสะท้าน"
สรุปแล้ว เนื้อหาซ้ำรอยกันสองรุ่น รุ่นพ่อเสร็จศึกได้นางลาวทองเป็นเมีย ส่วนรุ่นลูกกลับมาได้ความดีความชอบคือนางสร้อยฟ้า
ทั้งๆ ที่พลายงามแอบได้เสียกับศรีมาลา ลูกของพระพิจิตรก่อนวันออกไปรบหนึ่งคืนแล้ว
ในเมื่อสร้อยฟ้าตกอยู่ในที่นั่งส่วนเกินของผัวหนึ่งเมียสอง ทำอะไรย่อมดูขัดหูขัดตาสามีไปหมด แถมวันดีคืนดีคุณย่าทองประศรี (แม่ขุนแผน-ย่าพลายงาม) ยังขอให้หลานสะใภ้ทั้งสองทำขนมเบื้องประชันกันอีก
ฝีมือของศรีมาลานั้นกินขาดสมกับเป็นแม่ศรีเรือน ส่วนขนมเบื้องของสร้อยฟ้านั้นถูกล้อว่าเหมือนแป้งจี่ ช่างไร้เสน่ห์ปลายจวักน่าสมเพชเสียจริงๆ
"โอ้ว่าอนิจจาตัวกูเอ๋ย ไม่คิดเลยเมื่อพ่อพามาถวาย
จะถูกทั้งตีด่าประดาตาย แสนอายสุดอย่างแล้วครั้งนี้
พ่อแม่อยู่ไกลไม่เหลียวเห็น จะได้ใครผ่อนเข็ญให้กูนี่
จึ่งผัวดังเอาตัวทุ่มอัคคี เขาขยี้เหยียบยับดังสับปลา"
ท่ามกลางบรรยากาศแปลกหน้า ความเจ็บช้ำน้ำใจที่ต้องห่างไกลวัฒนธรรมเมืองเหนือ ทางออกสุดท้ายที่กวียัดเยียดให้สร้อยฟ้า ยิ่งดูสมบทบาท "แม่ญิงคนชั่ว" ลงเอยที่การเข้าหาหมอเสน่ห์ชื่อเถนขวาด (เถรขวาด) กับเณรจิ๋ว (ไม่ใช่เณรแอนะ) ทำไสยศาสตร์ให้พระไวยหลงรัก
เมื่อถูกจับได้ ต้องลุยไฟพิสูจน์ความจริง ปรากฏว่าเท้าพองไหม้ พระพันวษาสั่งลงโทษประหารชีวิต แต่นางศรีมาลาได้ขอพระราชทานอภัยโทษไว้ทันควัน
อวสานของสร้อยฟ้า ถูกเนรเทศให้หอบท้องไปคลอดลูกที่เกิดจากพลายงามชื่อ "พลายยง" ที่เชียงใหม่ตามลำพัง
ทำราวกับว่าสร้อยฟ้าเป็นเพียงตัวละครเดียวในเรื่องขุนแผนที่ใช้ไสยศาสตร์ ก็ตลอดทั้งเรื่องนั้นขุนแผน-พลายงาม พระเอกสองรุ่น ต่างก็เต็มไปด้วยการแปลงกาย สะเดาะโซ่ หุ่นพยนต์ ปลุกผี คงกระพันชาตรี เสกใบไม้ มิใช่หรือ?
ยิ่งฉากสับปะดี้สีปะดน ตอนพลายงามใช้มนตร์เรียกฝนกรวดสาดใส่แสนตรีเพชรกล้า แม่ทัพเชียงใหม่ ร้อนขนลุกขนพองจนต้องแก้ผ้าแก้ผ่อนกันเป็นที่ขำกลิ้งของฝ่ายสยาม
หรือตอนขุนแผนเป่ามนตร์สาธยายอัดทวารใส่ขุนช้าง จนอุจจาระไหลไม่หยุดมิรู้กี่กะละมัง สร้างความหน้าแตกหน้าแตนต่อหน้าธารกำนัล ขณะที่พระหมื่นศรีกำลังชำระคดีความกับขุนช้าง
แล้วพฤติกรรมวิปริตเล่า ถึงขนาดผ่าท้องเมียคือนางบัวคลี่ เพื่อเอาลูกมาทำกุมารทอง ไฉนกลับกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในสังคมไทย
หรือขึ้นชื่อว่าพระเอกก็ย่อมมีอภิสิทธิ์ที่จะรังแกคนอื่นได้ ไม่มีใครประณาม ไม่ต้องถูกจับลุยไฟ
แต่แล้วเมื่อสร้อยฟ้าไร้ที่พึ่ง ทำเสน่ห์ให้สามีตัวเองหลงใหล กลับถูกต้องโทษถึงประหารชีวิต
พระพันวษาไม่สนใจที่จะวิเคราะห์ถึงปมปัญหาในใจของสร้อยฟ้า ว่าเวลาที่หล่อนทะเลาะกับศรีมาลา พลายงามเข้าข้างใคร เคยเฆี่ยนตีนางสร้อยฟ้ามาแล้วกี่หน และลึกๆ แล้วสร้อยฟ้ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเพียงไรที่เป็นถึงพระราชธิดาของกษัตริย์แต่กลับถูกยกให้เป็นเมียของขุนนางไพร่ (ไม่มีวาสนาเหมือนสร้อยทอง)
ท่ามกลางการไม่ให้เกียรติของชาวสยามที่รุมเยาะเย้ยถากถางให้กลายเป็นตัวตลก
วรรณกรรมไทย มักเสี้ยมสอนลูกหลานให้มองเพื่อนบ้านชาติพันธุ์อื่นเป็นคนชั่วร้าย แฝงมาในบทของตัวประกอบที่ดูเปิ่นเป๋อเด๋อด๋า
ใช่เพียงแต่คนเหนือเท่านั้น ชาวพม่ามักหนีไม่พ้นคนมักมากในกามคุณ คนญวณชอบเนรคุณ เขมรคือคนดุดันขมังเวทย์ คนลาวสกปรกกินหนอนกินงู เกียจคร้าน
แม้จะรวมแว่นแคว้นเผ่าพันธุ์ต่างๆ มาเป็นประเทศเดียวกันแล้ว แต่สร้างภาพผู้ต่ำต้อยใช้กดขี่ชาวชนบทที่มาจากภาคอีสาน ภาคเหนือ ยังคงดำเนินอยู่
หากเป็นชายก็คือ "ผู้ก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมือง" เป็นที่เกลียดชังของผู้ดีกรุงเทพฯ
หากเป็นหญิง ก็ถูกกลุ่มนักสิทธิสตรีจอมปลอม 172 คน รุมประณามข่มขู่ว่า "อย่ามาอ้างความเป็นหญิงเมื่อมีพฤติกรรมส่วนตัวเลว!"
ตอนสร้อยฟ้าต้องโทษตัดคอ นางศรีมาลาคู่ปรับเก่า แทนที่จะถือโอกาสซ้ำเติม ยังออกปากทัดทานพระพันวษาให้ "เห็นแก่หัวอกลูกผู้หญิงเหมือนกัน"
คนที่อ้างตัวว่ากำลังปกป้องศักดิ์ศรีผู้หญิงทั้ง 172 คนนั้น หากไม่อายนางสร้อยฟ้า ก็ขอให้อายนางศรีมาลาบ้างเถิดแม่คู้น!
.
Selected Messages & Good Article for People Ideas and Social Justice .. หวังความต่อเนื่องของพลังประชาธิปไตยและการเลือกตั้งของปวงชนอันเป็นรากฐานอำนาจอธิปไตย เพื่อกำกับกติกาและอำนาจการเมือง-อำนาจตุลาการ ไม่ว่าต่อคนชั่ว(เพราะใคร?) และคนดี(ของใคร?) ไม่ให้อยู่เหนือนิติรัฐของประชาชน
http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย