.
โพสต์บทล่าสุด - ผลจากการไต่สวนชั้นศาล โดย วงค์ ตาวัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ความจริงของเผาบ้านเผาเมือง โดย วงค์ ตาวัน
ในข่าวสด ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.
คนของประชาธิปัตย์บางคน มักโวยวายว่าถูกสื่อมวลชนบิดเบือนคดี 91 ศพ
เพื่อป้ายสีผู้นำพรรค เรื่องแบบนี้ใครจะพูดอะไรก็ได้
แต่ทุกอย่างต้องตัดสินกันด้วยข้อเท็จจริง
ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนที่สุดก็คือ วาทะเผาบ้านเผาเมือง
เผาบ้านเผาเมืองเป็นคำแก้ตัวที่ประชาธิปัตย์ ชูมาตลอด
ทำนองว่าความรุนแรงของเหตุการณ์นองเลือดปี 2553 นั้นมาจากพวกเผาบ้านเผาเมือง
ไปจนถึง ศอฉ.และเจ้าหน้าที่รัฐจำเป็นต้องใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อจัดการกับพวกเผาบ้านเผาเมือง
แต่เอาเข้าจริงๆ วาทะเผาบ้านเผาเมือง
คือการจับเท็จคนของประชาธิปัตย์ได้ชัดเจนที่สุด
เพราะการเผาบ้านเผาเมืองนั้น ต้องเอาช่วงเวลามาจับกันจริงๆ
ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริง!
จะพบว่าการเผาบ้านเผาเมือง หรือเผาเวิลด์เทรด เผาศูนย์การค้า เผาโรงหนัง
เกิดขึ้นในเย็นของวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
หรือหลังจากศอฉ.เข้ายึดพื้นที่ได้อย่างเบ็ดเสร็จทั้งหมด
และแกนนำเสื้อแดงไปนอนอยู่ที่ค่ายคุมขังหัวหินหมดแล้ว
แล้วใครล่ะที่เผาบ้านเผาเมือง ถ้าแกนนำเสื้อแดงไม่มีใครยืนถือไมค์ชี้นำอะไรได้อีก!?
มองอีกด้าน ยังไม่แน่ชัดว่าใครเป็นคนเผา
แต่เมื่อการเผาเกิดหลังจาก ศอฉ.ยึดพื้นที่หมด . . ฆ่า กันไป 80 กว่าศพแล้ว!!
จะเอาคำว่าเผาบ้านเผาเมืองมาเป็นเหตุให้รัฐต้องใช้ความเด็ดขาดย่อมไม่ได้
เพราะฆ่ากันไปหมดแล้วจึงมาเกิดการเผา
แล้วจะบอกว่าต้องฆ่าเพื่อปราบคนเผาได้อย่างไร
หรือการเผาเป็นต้นเหตุให้วุ่นวายได้อย่างไร ในเมื่อเกิดหลังเหตุการณ์จบแล้ว
นี่ไงจึงบอกว่า เป็นการจับเท็จได้โจ่งแจ้งที่สุด
แต่เอาเถอะสิ่งที่กำลังจะพิสูจน์ความจริงในความตาย 91 ศพได้หนักแน่นที่สุด
เห็นจะเป็นการไต่สวนในชั้นศาล!
โดยสำนวนแรกได้ขึ้นสู่ชั้นศาลแล้ว นัดพร้อมเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา
ท่ามกลางความสนใจของญาติพี่น้องผู้ตายและประชาชนที่ร่วมชุมนุมต่อสู้
มีกำหนดนัดสอบพยานออกมาแล้ว
จึงขอเรียกร้องให้ประชาชนที่อยากรู้ข้อเท็จจริง รับฟังข้อมูลจากการสอบพยานในชั้นศาล
จะได้รู้ว่าสิ่งที่ ศอฉ.และผู้นำประชาธิปัตย์พูดมาตลอดนั้น
อยู่บนความเป็นจริงหรือไม่!!
++
ตอบคนทั่วโลก โดย วงค์ ตาวัน
ในข่าวสด ออนไลน์ วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.
ตอนที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปเยือนญี่ปุ่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ เพื่อฟื้นความมั่นใจในการลงทุนธุรกิจโรงงานในไทยต่อไป
สุดท้ายลงเอยด้วยดี มีท่าทีมั่นใจล้นหลาม
ทำนองไม่ถอน แถมจะเพิ่มการลงทุนเสียอีก
นอกจากตัวตนของนายกฯ เอง นอกจากแผนการป้องกันมหาอุทกภัย อันสร้างความมั่นใจได้แล้ว
ความชัดเจนของคดี ฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ต้องมีส่วนอย่างมาก
เพราะก่อนนายกฯ ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปนั้น พนักงานสอบสวนตำรวจไทย ได้สรุปสำนวนเสร็จสิ้น
โดยมีพยานหลักฐานชี้ได้ชัดว่า ตายเพราะการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
ความชัดเจนยังรวมไปถึงการเยียวยา 7.75 ล้านบาท
รวมทั้งสารแสดงความเสียใจเป็นทางการของ นายกฯ ไทยไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย
ความรับผิดชอบของรัฐบาลไทยในเรื่องนี้สำคัญที่สุด อยู่ในสายตาของคนทั่วโลก!!
เพราะฮิโรยูกิเป็นช่างภาพสำนักงานข่าวระดับโลก เป็นคนญี่ปุ่นในสังกัดรอยเตอร์
มาตายขณะทำหน้าที่รายงานข่าวการชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้มีการยุบสภาในประเทศไทย!?
แล้วสื่อมวลชนที่มีกล้องถ่ายวิดีโอตัวโต มีเสื้อบอกสัญลักษณ์นักข่าวชัดเจน กลับถูกยิงตาย
ตายขณะที่รัฐบาล ด้วยคำสั่งของ ศอฉ.ให้ส่งทหารพร้อมอาวุธจริง รถหุ้มเกราะ ปืนกล เข้าไปประจัญบานกับผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องการยุบสภาได้
แค่นี้คนทั่วโลกก็ช็อกอยู่แล้ว นักข่าวระดับโลกมาตายด้วยกระสุนปืนอีก ป่าเถื่อนจริงๆ ประเทศนี้
จาก 10 เมษายน 2553 ผ่านมาถึง 2 ปีจึงมีบทสรุปคดีให้กับชาวญี่ปุ่นและคนทั่วโลกได้
สมัยรัฐบาลที่แล้ว โทษแต่ชุดดำ ทั้งที่ยังมีอำนาจเต็ม เหตุใดจึงหาพยานหลักฐานมาดำเนินคดีกับชุดดำไม่ได้เลย
ทำไมไม่มีพยานหลักฐานชี้ว่าผู้ก่อการร้ายฆ่าม็อบ มีแต่วาทะ มีแต่คำพูดเผาบ้านเผาเมือง!?!
จนเปลี่ยนรัฐบาล จึงสรุปสำนวนที่มีพยานหลักฐานตามกระบวนการยุติธรรม ในขณะนี้ 16 ศพแล้วที่ตายด้วยกระสุนเจ้าหน้าที่ ภายใต้คำสั่ง ศอฉ.
คดีฮิโรยูกิสรุปเสร็จ ส่งอัยการ และศาลนัดไต่สวนในวันที่ 21 พฤษภาคม
ภรรยาผู้ตายจะบินจากญี่ปุ่นมาฟังการไต่สวนด้วยตัวเอง
ใครเชื่อ-ไม่เชื่อ ต้องเปิดหูเปิดตาฟังข้อเท็จจริงในชั้นศาล!!
++
18ศพแรก โดย วงค์ ตาวัน
ในข่าวสด ออนไลน์ วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 06:00 น.
อีกไม่กี่วัน จะถึงวันที่ 10 เมษายนแล้ว ไม่ทันไรกำลังจะครบรอบ 2 ปีของเหตุการณ์นองเลือด หมายถึงเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 อันเป็นวันแรกของการสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อ ก่อนจะต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม
ไม่น่าเชื่อที่รัฐบาลในขณะนั้น จะปล่อยให้มีผู้คนล้มตายในการชุมนุมประท้วงอย่างต่อเนื่องถึงกว่า 1 เดือนเต็ม
จนกระทั่งเสียชีวิตไป 98 ศพ
ความจริงต้องหยุดตั้งแต่คืน 10 เมษายนแล้ว
เพราะในวันนั้นตายไปถึง 26 ศพ
เป็นผู้ชุมนุม เป็นนักข่าว ถึง 20 ศพ เป็นเจ้าหน้าที่ทหารอีก 6 ศพ
รัฐบาลที่คำนึงถึงชีวิตประชาชน ต้องรีบหาทางลงของเหตุการณ์ตั้งแต่คืนนั้น!
ไม่ใช่ปล่อยให้เผชิญหน้าและฆ่ากันไปเรื่อยๆ อีกกว่าเดือน จนทำสถิติคนตายในการชุมนุมทางการเมืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
รัฐบาลที่มีความรับผิดชอบ จะต้องยอมรับว่าตนเองไม่มีประสิทธิภาพในการคลี่คลายสถานการณ์ให้จบลงด้วยสันติวิธี
เพราะรัฐบาลมีอำนาจเต็ม มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในรักษาความสงบเรียบร้อย
ในเหตุการณ์ทำนองนี้ทุกครั้ง ชี้ขาดตรงที่ การรู้สึกรับผิดชอบต่อประชาชนคนตาย กับการหวงอำนาจ
เท่านั้นเอง!!
การโทษแต่ชายชุดดำที่ไม่มีตัวตนนั้น ไร้สาระที่สุด
ชายชุดดำมีฐานะเทียบเท่านายกรัฐมนตรีหรืออย่างไร จึงปัดให้รับผิดชอบต่อคนตายทั้งหมด
ในคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 นั้น มีความตายของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพรอยเตอร์รวมอยู่ด้วย
ยังดีที่บัดนี้พนักงานสอบสวนนครบาล สามารถสรุปสำนวนชี้ได้ว่า ตายด้วยกระสุนของเจ้าหน้าที่รัฐ และคดีมีกำหนดขึ้นไต่สวนชั้นศาลแล้ว
ภรรยาของผู้ตายจะบินจากญี่ปุ่นมารับฟังด้วย คงมาด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น
เมื่อกระบวนการสอบสวนให้คำตอบได้ กระบวนการยุติธรรมจะนำไปสู่การหาตัวคนฆ่าและคนสั่งฆ่าต่อไป อีกทั้งนายกฯไทย ได้ส่งสารแสดงความเสียใจอย่างเป็นทางการไปแล้ว เตรียมเยียวยา 7.75 ล้านอีกด้วย
ไม่เพียงนักข่าวญี่ปุ่น แต่ขณะนี้รวมแล้ว 18 ศพ ที่ตำรวจสรุปพยานหลักฐานชัดเจน ส่งให้อัยการนำขึ้นสู่ชั้นศาลได้แล้ว
โดยศาลนัดไต่สวนแล้ว 17 สำนวน
2 นักการเมืองที่มีฐานะผู้สั่งการ น่าจะต้องไปขึ้นเบิกความด้วย!
+++
ผลจากการไต่สวนชั้นศาล โดย วงค์ ตาวัน
ในข่าวสด ออนไลน์ วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.
การแสวงหาความจริงของเหตุการณ์นองเลือดปี 2553 โดยปราศจากอคติ ใช้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเป็นหลัก เลิกใช้ลมปากใช้การโฆษณาชวนเชื่อกล่าวร้ายใส่กัน
กระบวนการเช่นนี้ กำลังจะเกิดขึ้นในการไต่สวนชันสูตรพลิกศพในชั้นศาล ที่เริ่มมีนัดหมายการสืบพยานออกมาแล้วเป็นลำดับ
จากจำนวนคนตาย 98 ศพ แต่เรียกกันติดปากว่า 91 ศพนั้น
ขณะนี้พนักงานสอบสวนทำสำนวนเสร็จสิ้น ส่งถึงอัยการ และนำขึ้นสู่ศาลแล้ว 18 สำนวนหรือ 18 ศพ
ถ้าทุกฝ่ายทำใจให้นิ่ง คอยรับฟังความจริงที่จะปรากฏในชั้นศาล
เราก็จะได้คำตอบ ผ่านกระบวนการยุติธรรม อันเพียบพร้อมด้วยพยานหลักฐาน
เลิกเอาความเชื่อ หรือเลิกเอาฝักฝ่ายมาเป็นตัวกำหนด!
ในกระบวนการสอบสวน เป็นสำนวนทั้ง 18 ศพนี้เสร็จสิ้น ได้มีการสอบปากคำฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติการในพื้นที่ อยู่ในสำนวนเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่มีใครมีเจตนาจะสาดกระสุนใส่ประชาชน
แต่หลายปากก็ยอมรับเรื่องการยิง จะด้วยเหตุผลเพื่อป้องกันตนเอง หรือเพื่อปราบปรามผู้ก่อการร้ายก็แล้วแต่
กระนั้นก็ตามมีคำถามที่บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐตอบแทบจะเหมือนกันทั้งหมด
นั่นคือ เอาเข้าจริงๆไม่เคยมีเจ้าหน้าที่คนไหนเห็นผู้ก่อการร้าย-ชายชุดดำด้วยตาตัวเองเลย!!
มีแต่ได้รับคำบอกเล่าจากผู้บังคับบัญชาก่อนออกปฏิบัติการ
ในอีกประเด็นสำคัญ ใครสั่งการให้บรรดาเจ้าหน้าที่เข้ามาปฏิบัติการพร้อมอาวุธจริง
บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายนายได้เข้าให้ปากคำไปแล้ว
นั่นคือ โดยอำนาจของหน่วยงาน ไม่สามารถสั่งการให้เข้ามาปฏิบัติการในเขตเมืองได้!
หน้าที่ปกติอยู่ที่ชายแดน เพื่อป้องกันอธิปไตยและรักษาความมั่นคง
โดยคำสั่งของหน่วยงานไม่สามารถให้กำลังพลเข้ามาปฏิบัติการในเมืองได้
ทั้งหมดมาจากคำสั่งของ ศอฉ. ที่มีนักการเมืองเป็นผู้บังคับบัญชาและสั่งการ
กองทัพไม่มีอำนาจเข้ามาและไม่มีใครอยากเข้ามาปะทะกับม็อบหรอก
เอาเป็นว่าผลสุดท้ายของการไต่สวนในชั้นศาล นอกจากจะได้ความจริงตามพยานหลักฐานแล้ว
สุดท้ายจะไปสู่การดำเนินคดีกับคนสั่งการ มิใช่ผู้ปฏิบัติตามคำสั่งอันผิดพลาดนั้น!
.
Selected Messages & Good Article for People Ideas and Social Justice .. หวังความต่อเนื่องของพลังประชาธิปไตยและการเลือกตั้งของปวงชนอันเป็นรากฐานอำนาจอธิปไตย เพื่อกำกับกติกาและอำนาจการเมือง-อำนาจตุลาการ ไม่ว่าต่อคนชั่ว(เพราะใคร?) และคนดี(ของใคร?) ไม่ให้อยู่เหนือนิติรัฐของประชาชน
http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย