http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2554-11-17

ข่าวการเมืองกลาง พ.ย.54 ผลัดกันรุก-รับกลางสายชล

.

ปชป.จวกช่วยแม้ว อภัยโทษ มุบมิบคลอดพรฎ.
ครม.ล้างบาง 34อธิบดี-ผู้ว่า เด็กเนเข้ากรุ
ในข่าวสดรายวัน วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7657 หน้า 1


ปชป.โวยรัฐบาลมุบ มิบผ่าน พ.ร.ฎ.พระราช ทานอภัยโทษ เปิดช่อง"ทักษิณ" กลับโดยไม่ต้องรับโทษ "เหลิม"นั่งหัวโต๊ะครม.แทน"ยิ่งลักษณ์" ใช้เวลาพิจารณาอนุมัติแค่ 10 นาที ปชป.รุมจวกฉวยโอกาสช่วงน้ำท่วมช่วยทักษิณ อัดซื้อเวลาโยนดีเอสไอสอบทุจริตถุงยังชีพ เล็งขอเปิดซักฟอกรัฐมนตรี "ปู"แถลงยันหากสอบพบใครผิดลงโทษทันที สภาทนายปัดไม่ใช่คู่ปฏิปักษ์รัฐบาล แต่รับฟ้องแทนผู้เสียหาย "เหลิม"เย้ยแค่เจ้าเก่าจ้องเล่นงานรัฐบาล ครม.ไฟเขียวโยกย้ายอธิบดี-ผู้ว่าฯ 34 ตำแหน่ง เตะโด่งเด็กเนวิน-ปชป.

"ปู"แถลงสอบถุงยังชีพ

เวลา 11.00 น. วันที่ 15 พ.ย. ที่พล.ม.2 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงถึงความไม่ชอบมาพากลการจัดซื้อถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ทันทีที่ทราบเรื่องก็ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ออกไป เปลี่ยนชุดใหม่เข้าไปแทนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ส่วนข้อมูลที่สมาชิกรัฐสภาอภิปรายทั่วไป มอบหมายนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและรมว. มหาดไทย ส่งข้อมูลและข้อเท็จจริงทั้งหมดไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ตรวจสอบเพื่อให้เกิดความกระจ่าง โปร่งใส ถ้าพบความผิดต้องลงโทษทันที

นายกฯกล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะการจัดซื้อถุงยังชีพเท่านั้น แต่ข้อร้องเรียนเรื่องการทุจริตของบริจาคอื่นๆ เช่น สุขากระดาษ ได้ส่งให้ดีเอสไอตรวจสอบทั้งหมดให้เกิดความโปร่งใส ส่วนผลสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่มีนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน มีข้อสรุปเบื้องต้นแล้วแต่ยังตรวจสอบข้อมูลไม่ครบ เมื่อได้ข้อมูลจากรัฐสภาจึงส่งไปให้ดีเอสไอตรวจสอบทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ

แจงเหตุจัดซื้อจากส่วนกลาง

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่าการจัดซื้อถุงยังชีพตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาดำเนินการ แต่ช่วงนี้เป็นรอยต่อที่เริ่มเข้าสู่การฟื้นฟู ผู้ว่าฯทุกจังหวัดมีอำนาจหน้าที่และมีวงเงินพิเศษที่จะซื้ออยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ที่จัดซื้อจากส่วนกลางเพราะสินค้าบางจังหวัดขาดแคลนไม่สามารถซื้อได้เอง แต่วันนี้สถานการณ์ดีขึ้นจึงเร่งรัดให้แต่ละจังหวัดซื้อถุงยังชีพเอง ทำให้ถูกต้อง โปร่งใส ตามระเบียบราชการทุกอย่าง ส่วนในพื้นที่กทม.เพื่อให้แน่ใจว่าการดูแลประชาชนไม่แยกกลุ่ม แยกข้าง นายยงยุทธให้งบฉุกเฉิน 50 ล้านจัดซื้อถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชน ถ้าไม่พอให้เบิกจ่ายเพิ่มเติมได้ . ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ไม่ทิ้งความรับผิดชอบ หากกทม.ร้องขอก็พร้อมสนับสนุนเพิ่มเติม

โดนฟ้องต้องอดทน

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เป็นไปตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติประเมิน ว่าหลังน้ำลดจะมีฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลจัดตั้งมวลชนกดดันรัฐบาลหลายเรื่องจนเกิดความวุ่นวาย นายกฯกล่าวว่าต้องรีบทำงานให้เร็วที่สุด ชี้แจงให้ประชาชนทราบเป็นระยะๆ เร่งรัดทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แก้ปัญหา

เมื่อถามมองอย่างไรที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวจากกลุ่มต่างๆ ฟ้องร้องรัฐบาลกล่าวหาแก้น้ำท่วมล้มเหลว น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่าต้องอดทน งานนี้เป็นอุทกภัยที่เกิดจากภัยธรรมชาติ ย่อมมีแน่นอนที่อาจบริการประชาชนไม่ได้ทั่วถึง ตนคงต้องทำหน้าที่ชี้แจงและอดทน

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าสิ่งที่รัฐบาลทำไปทั้งหมดจะไม่มีใครนำกฎหมายมาฟ้องเอาผิดรัฐบาลได้ นายกฯกล่าวว่าทุกอย่างทำด้วยความตั้งใจและรอบคอบอย่างดีที่สุด ตรงนี้จะไปพิสูจน์กัน

เมื่อถามว่าพร้อมจะสู้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่าพร้อมจะชี้แจงและให้ข้อมูล ประชาชนที่ประสบภัยคงทราบดี หากมีคำถามหรือข้อมูลยินดีชี้แจงทุกอย่าง


สภาทนายฯปัดปฏิปักษ์ รบ.

นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ กล่าวถึงกรณีสภาทนายความจับมืออาจารย์จุฬาฯยื่นฟ้องนายกฯและรัฐมนตรีที่บริหารจัดการน้ำผิดพลาด ว่าสภาทนายฯไม่ได้ตั้งเป้าเป็นคู่ความกับรัฐบาล ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์หรือเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง เพียงแต่เคยหารือกับนักวิชาการจากจุฬาฯและที่อื่นๆ ว่ากรณีมีความเสียหายเกิดขึ้นกับประชาชนและมีผู้เสียหายมาขอคำปรึกษา สภาทนายฯจะสอบข้อเท็จจริง หากมีพยานหลักฐานเกี่ยวพันไปถึงใครจะฟ้องบุคคลนั้น เช่น ในคดีอาญาอาจฟ้องเป็นจำเลย ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือถ้าเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.จัดตั้งและพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 3 หรือ 9 ต้องฟ้องเพิกถอนคำสั่งและให้เยียวยาแก้ไข หรือถ้าเสียหายทางกายภาพก็ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน หากเป็นความผิดทางแพ่ง ก็ฟ้องฐานละเมิดทำให้เขาเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สิน

ดึง"บรรเจิด"ร่วมทีม

เมื่อถามว่านายกฯ ครม. และข้าราชการที่เกี่ยวข้องจะตกเป็นจำเลยใช่หรือไม่ นายสักกล่าวว่าต้องดูข้อเท็จจริงและหลักฐาน เช่น กฎหมายปกครองหากฟ้องส่วนราชการ ผู้ถูกฟ้องก็คือหัวหน้าหน่วยงาน ถ้าเป็นคดีอาญาต้องระบุตัวบุคคลให้ชัดเจน การทำงานจะเป็นในรูปของคณะกรรมการ ประกอบด้วย นายเกรียงศักดิ์ วรมงคลชัย นายเจษฎา อนุจารี อุปนายกสภาทนายความ ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ และกำลังไป
พูดคุยกับนายบรรเจิด สิงคะเนติ อดีตกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)นายสักกล่าวว่า สภาทนายความไม่ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องรัฐบาลเอง แต่เป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชน เราไม่มีหน้าที่ยุยงใครมาฟ้องใครเพราะผิดมารยาททนายความ แต่ถ้าใครเดือดร้อนมาต้องช่วย

"เหลิม"ขำเจ้าเก่าฟ้อง รบ.

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนักวิชาการบางส่วนและสภาทนายความเตรียมล่ารายชื่อประชาชนยื่นฟ้องรัฐบาลต่อศาลปกครอง เรียกร้องค่าเสียหายจากการบริหารจัดการน้ำล้มเหลว ในแง่กฎหมายสามารถทำได้หรือไม่ ว่าเบื้องต้นขอพูดว่าเรื่องนี้เป็นภัยธรรมชาติ ไม่ใช่รัฐบาลสร้างขึ้น ซึ่งต้องไปดูกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นมหาอุทกภัยถือเป็นภัยธรรมชาติ กฎหมายต้องยึดหลักสากล ทั่วโลกก็เจอกับภัยธรรมชาติก็ไม่มีอะไร

เมื่อถามว่าฝ่ายที่เตรียมยื่นฟ้องระบุเป็นเพราะรัฐบาลไม่มีข้อมูลและยังบริหารจัดการน้ำล้มเหลวด้วย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ถามว่าใครอยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่สภาทนายความออกมาเป็นหัวหอกร่วมกับนักวิชาการ มีอะไรผิดปกติหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมหัวเราะพร้อมกล่าวว่า "สภาทนายความเขาเจ้าเก่าอยู่แล้ว"

นั่งหัวโต๊ะครม.แทนนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมครม.วันเดียวกันนี้ นายกฯมอบหมายให้ร.ต.อ.เฉลิมทำหน้าที่ประธานการประชุม เนื่องจากติดภารกิจพักค้างแรมอยู่ที่จ.สิงห์บุรี พร้อมกับนายยงยุทธ เพราะเฮลิคอปเตอร์ที่เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยไม่ได้ติดตั้งเรดาร์ตรวจจับสัญญาณการบินในเวลากลางคืน ทำให้การประชุมครม. เริ่มเวลา 10.00 น. ซึ่งสายกว่าปกติ

ก่อนหน้านั้นมีชาวบ้านจากเทศบาลนครนนทบุรีกว่า 20 คนนำดอกกุหลาบแดงพร้อมป้ายข้อความให้กำลังใจนายกฯ อาทิ "นายกฯยิ่งลักษณ์สู้ๆ" "นายกฯสู้ๆ อย่าท้อแท้ เราอยู่เคียงข้างนายกฯเสมอ" "ขอให้นายกฯปูก้าวต่อไป ด้วยกำลังใจของชาวนนท์" มามอบให้นายกฯ ผ่านร.ต.อ.เฉลิม และมีกลุ่มนักศึกษารักบ้านเกิด มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช มอบช่อดอกไม้เป็นกำลังใจให้นายกฯผ่านทางร.ต.อ.เฉลิมเช่นกัน พร้อมยื่นหนังสือถึงนายกฯให้รัฐบาลพิจารณาตั้งศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ด้วย

ชี้พิรุธนายกฯค้างคืนสิงห์บุรี

รายงานข่าวจากทำเนียบเผยว่า การประชุม ครม. ร.ต.อ.เฉลิม สร้างสีสันโดยให้ครม.และหน่วยราชการตอบคำถามและชี้แจงในวาระต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รัฐมนตรีบางคนเตรียมตัวไม่พร้อมจึงติดขัดบ้าง ก่อนเข้าสู่วาระ ร.ต.อ.เฉลิมสอบถามกับกฤษฎีกาถึงประเด็นอาจารย์จุฬาฯล่ารายชื่อฟ้องรัฐบาล แต่กฤษฎีกาตอบคำถามอึกอัก ร.ต.อ.เฉลิม จึงกล่าวว่าหากรัฐบาลทำให้เกิดความเสียหายและมีความผิด ประเทศอื่นที่ใช้หลักกฎหมายคอมมอนลอว์ (กฎหมายจารีตประเพณี) เช่นเดียวกับไทยซึ่งเป็นกฎหมายสากล คงจะผิดกันหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายกฯและคณะลงพื้นที่ให้กำลังใจประชาชนที่จ.สิงห์บุรี และต้องพักค้างคืนที่จ.สิงห์บุรี โดยอ้างว่าเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ เอ็มไอ 17 ของรัสเซีย ที่ใช้เป็นพาหนะไม่สามารถบินตอนกลางคืนได้เพราะไม่มีเรดาร์นำทางนั้น แหล่งข่าวในกองทัพรายหนึ่งยืนยันว่า เฮลิคอปเตอร์รุ่นดังกล่าวมีสมรรถภาพเพียงพอและมีเรดาร์บินช่วงกลางคืนได้ แต่หากเรดาร์ไม่สามารถใช้การได้จริง นายกฯประสานขอเฮลิคอปเตอร์รุ่นหรือลำอื่นไปรับกลับได้ กองทัพเองพร้อมจัดให้อยู่แล้ว

แหล่งข่าวในกองทัพกล่าวด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีการร้องขอมาจึงคาดว่าน่าจะมีเจตนาไม่กลับกทม. เพราะดูจากกำหนดการที่คณะนายกฯ ขึ้นเครื่องเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ช้ากว่ากำหนดเดิมถึง 1 ชั่วโมง เหมือนถ่วงเวลาให้เข้าสู่ช่วงกลางคืน แล้วอ้างเรื่องเรดาร์เลี่ยงเข้าประชุมครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.00 น. ทันทีที่คณะของนายกฯและสื่อมวลชนเดินทางมาถึงพล ม.2 รอ. ในเวลา 11.00 น. วันเดียวกันนี้ (15 พ.ย.) ทุกคนในคณะต่างสวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนข้อความและตราสัญลักษณ์ของสำนักนายกรัฐมนตรี เหมือนเตรียมความพร้อมให้คณะพักค้างคืนที่จ.สิงห์บุรีไว้ก่อนแล้ว และเมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์มาถึงก็เปิดห้องรับรองภายในพล.ม.2 แถลงข่าวกับสื่อมวลชนนาน 20 นาที ทั้งที่ปกติเป็นการให้สัมภาษณ์ด้านนอกเท่านั้น

จากนั้นนายกฯเดินทางเข้าทำเนียบ ซึ่งครม. ยังประชุมอยู่ แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาช่วงดังกล่าวบันทึกเทปสัมภาษณ์พิเศษโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจก่อนเดินทางไปเข้าร่วมประชุมอาเซียนซัมมิต ต่อมาเวลา 14.20 น. นายกฯจึงเดินทางเข้าร่วมประชุมรัฐสภา

มุบมิบผ่านพ.ร.ฎ.อภัยโทษ

แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า ช่วงท้ายการประชุม ร.ต.อ.เฉลิม แจ้งว่าขอประชุมครม.ลับ เพื่อพิจารณาวาระจร "ลับ" ก่อนที่ประชุมจะลงมติผ่านร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ซึ่งกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับคุณสมบัติของนักโทษที่จะเข้าข่ายในการเข้ารับพระราชทานอภัยโทษ ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 โดยเป็นการประชุมลับ เชิญเจ้าหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องออกทั้งหมด รวมทั้งคณะของโฆษกประจำสำนักนายกฯ เหลือเพียงคณะรัฐมนตรีเท่านั้น

ใช้เวลาพิจารณาแค่ 10 นาที

จากนั้นพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว. ยุติธรรม เสนอร่างพ.ร.ฎ.อภัยโทษ พ.ศ. และขอความเห็นชอบจากครม. โดยร.ต.อ.เฉลิมไม่ได้ซักถามประเด็นใดเป็นพิเศษ เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ลงรายละเอียดในการระบุชื่อบุคคลที่จะขออภัยโทษ แต่มีกระแสข่าวระบุมาตลอดว่าจะมีชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ รวมอยู่ด้วย ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ เห็นตรงกันว่าเมื่อเสนอขึ้นไปแล้วน่าจะให้เป็นพระราชวินิจฉัย แต่ร่างพ.ร.ฎ.ดังกล่าวจะต้องเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไปตามขั้นตอน เพื่อให้ทันก่อนวันที่ 5 ธ.ค.2554

ทั้งนี้ ที่ประชุมใช้เวลาหารือเพียง 10 นาทีเป็นอันเสร็จสิ้น โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเนื้อหา พ.ร.ฎ.และยังดึงเอกสารออก เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเผยแพร่ตามระบบปกติ

เปิดช่องอภัยโทษ"แม้ว"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุมครม. รัฐมนตรีต่างปฏิเสธจะตอบคำถามในเรื่องดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นร.ต.อ.เฉลิมที่ปฏิเสธว่าไม่ตอบและไม่ขอพูด นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ก็อ้างว่าไม่ได้อยู่ในที่ประชุมด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า สาระสำคัญเบื้องต้นของพ.ร.ฎ. ดังกล่าว กำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยระบุหลักเกณฑ์ของนักโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว คือ เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และยังระบุด้วยว่าส่วนหนึ่งเป็นผู้ที่ไม่เคยต้องโทษมาก่อน

รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนั้นยังมีการตัดคำแนบท้ายของพ.ร.ฎ.อภัยโทษ พ.ศ.2553 สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ระบุผู้คนที่เข้าข่ายได้รับอภัยโทษจะต้องเป็นโทษที่ไม่เกี่ยวกับยาเสพติดและไม่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ออกด้วย ทั้งยังไม่ระบุถึงระยะเวลาการเข้ารับโทษก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษ เท่ากับว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษโดยที่ไม่ต้องถูกคุมขังแม้แต่วันเดียว


ศิริโชคเฟซบุ๊กทันควัน

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มอบให้ร.ต.อ.เฉลิมเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการออกกฎหมายอภัยโทษ ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์เอื้อประโยชน์ให้แก่พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่กระทรวงยุติธรรมโยกย้ายอธิบดีกรมราชทัณฑ์ออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้งพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย มาดำรงตำแหน่งแทน พร้อมปรับปรุงโรงเรียนพลตำรวจบางเขนให้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษในคดีการเมืองเพื่อเตรียมใช้เป็นสถานที่คุมขัง พ.ต.ท.ทักษิณ ในระยะสั้นๆ อีกด้วย

นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "ผมมีลางสังหรณ์อยู่แล้วว่าทำไมนายกฯปูถึงแกล้งไม่มาประชุมครม. อ้างว่า ฮ.ไม่มีเรดาร์ ปรากฏว่าวันนี้ครม.มีการประชุมลับ ไล่เจ้าหน้าที่ออกจากห้องหมด และมีการผ่าน พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เรียบร้อยแล้ว เป็นวันที่เศร้าที่สุดวันหนึ่งของประเทศไทย"

ปชป.รุมจวกช่วยคนหนีคดี

นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทราบจากแหล่งข่าวว่าให้เจ้าหน้าที่ออกจากห้องประชุมหมด จึงน่าจะเป็นการสอดไส้ ทั้งที่หลักการทั่วไปไม่น่าเป็นความลับ อีกทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เข้าประชุมยิ่งส่อพิรุธ การอ้าง ฮ.ไม่มีเรดาร์ถือเป็นดราม่าชัดๆ รัฐบาลควรใช้สติปัญญาแก้ปัญหาให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยมากกว่า ฝากครม.คิดให้หนัก ไม่ใช่คิดช่วยเหลือคนที่หลบหนีคดี

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พ.ร.ฎ.อภัยโทษจะมีศักดิ์เหนือกว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีความอาญาไม่ได้ ถ้าไม่มีตัวผู้ที่จะอภัยโทษอยู่ในการควบคุมอธิบดีกรมราชทัณฑ์คงไม่กล้าเสนอชื่อแน่ ต้องจับตานายกฯว่าลงนามเสนอครม.หรือยัง ปกติจะลงนามวันจันทร์แล้วเข้าครม.วันอังคาร หากนายกฯเซ็น แม้ตัวไม่อยู่ในที่ประชุมครม. ถือว่าเห็นด้วยกับมติ มีความผิดไปด้วย เหตุที่ครม.พิจารณาช่วงนี้เพราะพ.ร.ฎ. อภัยโทษต้องออกก่อนวันที่ 5 ธ.ค.

นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "น้ำท่วม ประชาชนเดือดร้อน แต่ครม.ฉวยโอกาสไล่เจ้าหน้าที่ออกจากห้องเพื่อประชุมลับเพื่อผ่าน พ.ร.ฎ.อภัยโทษ ส่วนนายกฯอ้างว่ากลับจากสิงห์บุรีไม่ได้ แต่จริงแล้วกลัวว่าถ้าร่วมประชุมเรื่องจะเป็นโมฆะเพราะมีประโยชน์ทับซ้อน ผมถือว่าทั้งหมดมุ่งทำลายอำนาจตุลาการ แม้แต่รับผิดยังไม่ยอมแล้วจะขออภัยโทษได้อย่างไร"

วิปค้านเร่งยื่นถอดถอนส.ส.-รมต.

ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน วิปฝ่ายค้าน แถลงผลประชุมว่า วิปฝ่ายค้านพิจารณาข้อมูลรายละเอียด แม้การรวบรวมข้อมูลอาจยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แต่เบื้องต้นเป็นไปได้จะนำไปสู่การยื่นถอดถอนส.ส.และรัฐมนตรีบางคน เนื่องจากมีการกระทำผิดกฎหมาย โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อยื่นให้ทันในสัปดาห์นี้ก่อนปิดประชุมสมัยสามัญ

กระบวนการยื่นถอดถอนจะยื่นผ่านวุฒิสภาจากนั้นจะส่งเรื่องไปที่ป.ป.ช. หากพบมีความผิดจะส่งเรื่องกลับมายังวุฒิสภาอีกครั้ง เพื่อลงมติโดยใช้เสียง 3 ใน 5 ถอดถอนต่อไป นอกจากนี้ ฝ่ายค้านยังอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมและอาจนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยจะประชุมวิปฝ่ายค้านอีกครั้ง

นายจุรินทร์กล่าวว่า กรณีพล.ต.อ.ประชา ในฐานะผอ.ศปภ. ตั้งส.ส.เข้ามาดูแลของบริจาค เข้าข่ายผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญแม้จะยกเลิกคำสั่งไปแล้วแต่ถือว่าเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว และที่น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโน โลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และส.ส.กทม. เขตสายไหม นำสิ่งของบริจาคของสำนักนายกรัฐมนตรีมาเก็บไว้ที่สำนักงานของตัวเองก็ไม่เหมาะสมและนำการเมืองมาเกี่ยวข้องในฐานะกลไกของรัฐ

มั่นใจข้อมูลซักฟอก

แกนนำพรรคประชาธิปัตย์เผยว่า แกนนำพรรคกำลังพิจารณาว่าจะยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามมาตรา 158 หรือไม่ คาดจะได้ข้อสรุป 1-2 วันนี้ ส่วนหนึ่งเพราะมั่นใจปมการทุจริตถุงยังชีพว่ามีข้อมูลชัดเจนและแน่นหนามาก รวมทั้งการบริหารจัดการในศปภ.ที่แต่งตั้งส.ส.เพื่อไทย เข้าไปบริหารจัดการของบริจาค ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 266 ชัดเจน

พรรคจะแบ่งเป็น 2 เรื่อง 1.ยื่นถอดถอนตามมาตรา 270 กรณีเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 266 สำหรับ 4 ส.ส.เพื่อไทยที่นั่งเป็นกรรมการบริหารถุงยังชีพ ได้แก่ นายการุณ โหสกุล นายสุรชาติ เทียนทอง ส.ส.กทม. นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์

นอกจากนี้ ทีมกฎหมายยังเสนอถอดถอนเพิ่มอีก 2 รายคือ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส. กทม. และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. ซึ่งมีหลักฐานทั้งคลิป ข่าว บทสัมภาษณ์ของทั้งสองที่เชื่อได้ว่ามีส่วนสนับสนุนมวลชนทำลายประตูน้ำคลองสามวา ทั้งนี้ กรณีนายการุณถือว่าหนักที่สุด เพราะยุ่งเกี่ยวหลายกระทง ทั้งของบริจาคและการรื้อบิ๊กแบ๊ก

"ประชา"ส่อแววโดนหนัก

2.สำหรับรัฐมนตรี หากยื่นไม่ไว้วางใจก็จะยื่นถอดถอนควบคู่กันไป คนที่มีโอกาสถูกอภิปราย มากที่สุด คือ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก จะโดนหลายกระทง ที่ชัดเจนจนดิ้นไม่หลุดคือความผิดต่อมาตรา 266 ที่ตั้ง 4 ส.ส.เพื่อไทยเป็นกรรมการของบริจาค รวมทั้งการบริหารจัดการที่ผิดพลาดหลายกรณี แต่หากไม่ยื่นอภิปราย พล.ต.อ.ประชา ก็ยังถูกยื่นถอดถอนต่อไป

ปชป.อัดซื้อเวลาสอบถุงยังชีพ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรค กล่าวกรณีมหาดไทยส่งเรื่องการสอบสวนกรณีจัดซื้อถุงยังชีพให้ดีเอสไอตรวจสอบ ว่าเป็นความพยายามฟอกตัวและซื้อเวลาของรัฐบาลอีกครั้ง ชั้นแรกศปภ.ตั้งคณะกรรมการชุดที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ตรวจสอบแบบขอไปที อ้างไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมและสรุปผลสอบแบบค้านสายตาประชาชนว่าไม่พบการกระทำผิด ทั้งที่มีข้อพิรุธและความผิดปกติมาก

นายสกลธีกล่าวว่า ข้อมูลทั้งหมดที่ฝ่ายค้านนำมาเปิดเผย เป็นข้อมูลที่ศปภ.มีอยู่ในมือทั้งสิ้น ฝ่ายค้านทั้งชงทั้งปรุงและป้อนให้เหลือแต่รัฐบาลต้องเคี้ยวเองเท่านั้น จึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะตั้งคณะกรรมการใดๆ ขึ้นมาตรวจสอบอีกให้เสียเวลา การที่รัฐบาลทำเหมือนโยนเรื่องไปมาเพื่อซื้อเวลาส่อเจตนาไม่สุจริตและปกปิดความจริง

จี้ส่งป.ป.ช.สอบเหมาะกว่า

นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรื่องเดียวกันว่า หากรัฐบาลมีความจริงใจจริงน่าจะยื่นเรื่องให้ป.ป.ช. ตรวจสอบจะเหมาะสมกว่า เนื่องจากเป็นองค์กรอิสระ และปราศจากอิทธิพลของนักการเมือง ทำงานได้ต่อเนื่อง ผิดกับดีเอสไอที่กระบวนการสอบสวนอาจต้องหยุดชะงักไปหากมีการเปลี่ยนตัวอธิบดีตามคำสั่งรัฐบาล

นายวิลาศกล่าวว่า ส่วนความพยายามเชื่อมโยงการจัดซื้อถุงยังชีพมายังอดีตรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ขอท้าให้สอบสวนโดยเร็วข้อมูลการทุจริตที่ตนมีกำลังหารือภายในพรรคว่าจะส่งให้ป.ป.ช.เมื่อใด เพราะเป็นไปได้ว่าอาจนำไปใช้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน

พท.สวนปชป.ไม่เชื่อ"ธาริต"แล้ว

น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การประชุมกรรมาธิการ วันที่ 16 พ.ย.นี้ ตนจะเสนอให้ที่ประชุมเรียกผู้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงยังชีพโดยเฉพาะอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มาชี้แจง

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคเพื่อไทย โต้ข้อกล่าวหารัฐบาลซื้อเวลาในการสอบทุจริตถุงยังชีพ ว่า ที่ส่งเรื่องให้ดีเอสไอตรวจสอบก็เพื่อความโปร่งใส สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ก็หายใจเข้าออกเป็นดีเอสไอ แต่พอมาเป็นฝ่ายค้านกลับไม่เชื่อใจดีเอสไอแล้ว ทั้งที่อธิบดีดีเอสไอก็คนเดิม เร็วเกินไปที่พรรคประชาธิปัตย์จะวิจารณ์เรื่องนี้ควรให้โอกาส เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายตรวจสอบก่อน ผิดถูกก็ว่ากันไป อย่ามาสรุปล่วงหน้า ทำตัวเป็นศาลเตี้ย

มท.เตะโด่งเด็กเน-ปชป.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทย กรณีครม.มีมติโยกย้ายอธิบดีและผู้ว่าฯ 34 ตำแหน่ง ว่า ส่วนใหญ่ส.ส.เพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง ข้าราชการและอดีตข้าราชการกลุ่มสิงห์ดำเป็นผู้พิจารณา โดยย้ายคนของรัฐบาลชุดเก่าออกและตั้งคนของรัฐบาลนี้รับตำแหน่งแทน โดยเฉพาะคนใกล้ชิดนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ส่วนใหญ่เป็นสิงห์แดงถูกย้ายทั้งหมด อาทิ นายสุรชัย ขันอาสา อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าฯสมุทร ปราการ นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าฯกาญจนบุรี และนายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าฯสุรินทร์ ถูกย้ายเป็นผู้ตรวจราชการ

ผู้ว่าฯ คนในสายประชาธิปัตย์ก็ถูกย้ายไปจังหวัดที่เล็กลง อาทิ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าฯตรัง สิงห์แดง ถูกย้ายไปเป็นผู้ว่าฯพะเยา พื้นที่เสื้อ

แดง นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าฯสงขลา จบรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) สิงห์ขาว ถูกย้ายเป็นผู้ว่าฯพัทลุง

ชี้เหตุ"ระพี"รอดกรุผู้ตรวจ

นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าฯนครราชสีมา สิงห์แดงอีกคนที่คาดจะถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจฯ เพราะแนบแน่นกับพรรคภูมิใจไทย แต่เนื่องจากสนิทกับนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรมช.มหาด ไทย แกนนำเพื่อไทย จึงถูกย้ายไปเป็นผู้ว่าฯหนองบัวลำภู นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ รองปลัดฯ ถูกย้ายไปเป็นผู้ว่าฯราชบุรี ไม่ถือว่าลดชั้น นายชนม์ชื่น จบรัฐศาสตร์ มช. ที่เดียวกับนายกฯ

สงสัย"พีระศักดิ์"ได้แม้วช่วย

ส่วนนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าฯปทุมธานี ที่เพิ่งถูกย้ายเป็นผู้ตรวจฯ เพียง 3 สัปดาห์ และได้ย้ายออกมาเป็นผู้ว่าฯ ระนอง เป็นไปได้ว่าในช่วงที่นายพีระศักดิ์ลาพักร้อนเพื่อไปบวชที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย วันที่ 3-12 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นช่วงเดียวกับที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางไปทอดกฐิน อาจพูดคุยกันเรื่องการโยกย้ายครั้งนี้

นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าฯอุดรธานี จบม.ราม คำแหง สิงห์ทอง สนิทกับนายสมชาย คุณปลื้ม จึงย้ายไปเป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าฯชลบุรี ที่ถูกมองเป็นคนของภูมิใจไทย มีการเจรจาผ่านนายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำพรรคพลังชล จึงให้ย้ายเป็นผู้ว่าฯ จันทบุรีแทน

เด็กเหลิมคุมปากน้ำ

สำหรับผู้ที่จบคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ สถาบันเดียวกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ และเป็นคนของพรรคเพื่อไทย ได้ออกจากกรุผู้ตรวจฯ และได้ตำ แหน่งสูงขึ้น อาทิ นางวรรณิดา บุญประคอง สนิท กับร.ต.อ.เฉลิม ได้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯสมุทรปราการ

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและรมว. มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวข้องกับการจัดทำโผครั้งนี้ว่า ไม่เป็นความจริงโดยเด็ดขาด ยืนยันว่าโผครั้งนี้ตนพร้อมนายกฯ และนายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดฯมหาดไทย ร่วมพิจารณา และไม่ใช่การล้างบางสิงห์แดง เพราะข้าราชการที่อยู่ใกล้ชิดตนก็เป็นสิงห์แดงทั้งสิ้น



++

"อภิสิทธิ์"กร้าว!! จี้ถอด พ.ร.ฎ.อภัยโทษทันที ชี้ทำลายระบบนิติรัฐ สร้างวิกฤตรอบใหม่
ในมติชน ออนไลน์ วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 14:47:05 น.


ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐบาลออก พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์ยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ ถือเป็นการทำลายระบบนิติรัฐ เป็นการสร้างปัญหาวิกฤตรอบใหม่ ที่สำคัญกระบวนการที่ทำมีพิรุธ ไม่โปร่งใส เป็นการแปลงหลักการสำคัญที่ปฏิบัติกันมาโดยตลอด คือการเสนอให้มีการพระราชทานอภัยโทษ โดยยกหลักการคนทำผิดต้องรับโทษต้องสำนึกผิดแล้วจึงให้อภัยโทษออกไป ถือเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะเท่ากับว่าคนหนีคดีก็สามารถได้รับประโยชน์ไปด้วยจะเป็นตัวบ่อนทำลายกระบวนการยุติธรรมในประเทศ หากยกออกไปก็เท่ากับว่ารัฐบาลกำลังส่งสัญญาณครั้งใหญ่ว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้น ยอมรับตรงนี้ไม่ได้


นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เกิดข้อสงสัยว่า นายกฯจงใจไม่เข้าประชุม ครม. และเมื่อมาถึงขนาดนี้ นายกฯจะพูดแค่ว่าไม่ทราบเรื่อง ให้ไปถามรองนายกฯคงจะไม่ได้ เรื่องนี้หัวหน้ารัฐบาลต้องทราบแล้ว จึงควรแสดงจุดยืนกับประชาชนอย่างชัดเจนว่าจะแก้ไขหรือไม่ และถ้าไม่แก้ไข พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเดินหน้าในการคัดค้านอย่างถึงที่สุด และสิ่งที่จะเริ่มต้นได้ในเวลานี้คือ การตั้งกระทู้ถามสดในสภา และนายกฯจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะสุดท้ายนายกฯจะต้องเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ และตนคิดว่าในฐานะหัวหน้ารัฐบาล กำลังทำในสิ่งที่จะทำให้เกิดปัญหาความวุ่นวายแตกแยกเกิดขึ้นในสังคม นายกฯอยู่ในฐานะที่จะยับยั้งแก้ไขได้ก็ควรจะทำ ขอเรียกร้องว่าถ้าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับเรื่องดังกล่าวไปตรวจก็ขอให้ยืนยันรูปแบบของกฎหมายที่ได้ทำกันมาช้านาน อย่าได้ทำให้มันผิดเพี้ยนไป เพราะจะเป็นตัวทำลายระบบยุติธรรมในอนาคต


หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า เราจะขอความชัดเจนนายกฯ เพราะการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 15 พ.ย. เป็นการประชุมลับ ทั้งที่ในสมัยก่อนเรื่องแบบนี้ก็ไม่ได้มีการประชุมลับ อยากให้นายกฯแสดงจุดยืนที่ชัดเจนภายใน 1-2 วันนี้ เพราะไม่ใช่เรื่องที่คิดนาน ต้องตอบสังคมว่าจะเดินหน้าทำหรือไม่ ถ้าเดินหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่ของเรา และถ้านายกฯใช้การเงียบ หรือการหนีปัญหาไปประชุมอาเซียนก็ถือเป็นคำตอบในตัวว่านายกฯก็มีส่วนสำคัญหรืออาจเป็นตัวการด้วยซ้ำ เพียงแต่ทำเรื่องนี้แบบไม่ตรงไปตรงมา

"ขอให้หยุดเถอะครับ อย่าดึงดันเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปเลย ชัดมาก ว่าทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว แต่ที่แย่คือการไม่ทำตรงไปตรงมา ต้องการให้นายกฯทบทวนเรื่องนี้ ถ้ายังไม่ทบทวนฝ่ายค้านก็จะพิจารณากันต่อไป แต่ในชั้นนี้นายกฯมีโอกาสแก้ไขและทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง" นายอภิสิทธิ์กล่าว



++

เสียงสะท้อนสภาถกแก้ท่วม
คอลัมน์ รายงานพิเศษ ในข่าวสดรายวัน วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7656 หน้า 3


ผลจากการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 11-12 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งพิจารณาเรื่องด่วนรัฐบาลขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 179 กรณีปัญหาภัยพิบัติอันเนื่องมาจากอุทกภัยนั้น มีประโยชน์ตรงตามกับทุกฝ่ายต้องการหรือไม่ หรือเป็นเพียงเวทีให้แต่ละฝ่ายโจมตีกันเอง



ยุกติ มุกดาวิจิตร
อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

การแก้ปัญหาด้วยการนำวาระเข้าสภา หากจะช่วยแก้ปัญหาก็คงเป็นในแง่ของการเปิดเผยข้อมูลที่หลากหลายมากขึ้น แต่ในระยะยาววิธีดังกล่าวคงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน เพราะสภามีหน้าที่ในเชิงเทคนิค การต่อรองแลกเปลี่ยนเพื่อออกกฎหมาย

การเมืองในขณะนี้ยังสะท้อนว่าสังคมไทยมีหลายระดับ และการเมืองในปัจจุบัน ก็เป็นแบบการเมืองเก่าแก่คือยังมีการแบ่งเชื้อชาติชนชั้น เช่น การพุ่งเป้าที่จะปกป้องพื้นที่ชั้นในของกทม. แม้ว่าพื้นที่รอบนอกต้องถูกน้ำท่วมทั้งหมดแต่ก็ไม่มีการแก้ปัญหา

แต่มีสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งในขณะนี้คือความตื่นตัวของประชาชนในส่วนของการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะคนในเขตเมืองและเทศบาลที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จากเดิมคนกลุ่มนี้ไม่เคยต้องดูแลตัวเอง ต้อง เริ่มคิดถึงการปกป้องดูแลตนเอง และรู้ว่าจำเป็นต้อง มีส่วนร่วมในการเมืองท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี

ต่อจากนี้อาจได้เห็นการเมืองที่เปลี่ยนไป คนมีความเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมคนชนบทต้องปิดถนนเพื่อประท้วงรัฐบาล เกิดการเรียนรู้และนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองท้องถิ่นในเขตเมือง จากเดิมที่คนกรุงเทพฯไม่สนใจการเลือกส.ก. ส.ข. เพราะคิดว่ากทม.มีอำนาจเบ็ดเสร็จ

เชื่อว่าในอนาคตประชาชนจะมีส่วนร่วมมากขึ้นและจับตามองการเมืองท้องถิ่นว่าเข้าร่วมบริหารจัดการท้องถิ่นอย่างไร ส่งผลกระทบไปสู่ระบบของสภาผู้แทนราษฎร เพราะสุดท้ายข้อมูลทั้งหมดจะต้องเข้าไปรวมอยู่ในสภา เพื่อแก้ไขปัญหา



สมภพ มานะรังสรรค์
อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ส่วนตัวไม่เห็นว่าการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งมีทั้งส.ส. และ ส.ว.จะเสนอมาตรการแก้ปัญหาที่ดีไปกว่าข้อเสนอของนักวิชาการ สื่อมวลชนที่ได้เสนอมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเท่ากับว่าการประชุมร่วมดังกล่าวไม่ได้มีประโยชน์ในแง่การเสนอมาตรการแก้ปัญหา

แต่อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลได้รับฟังความคิดเห็นเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วมจากฝ่ายค้าน และวุฒิสภา ให้ทั้งสองฝ่ายมาแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ตรงนี้เป็นประโยชน์เนื่องจากช่วยลดปัญหาการเผชิญหน้ากันนอกสภา

ส่วนการดำเนินการต่อไปของรัฐบาล จะต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นในส่วนของประเทศต่อนักธุรกิจต่างประเทศหรือในประเทศ เนื่องจากภาพลักษณ์การแก้ปัญหาที่ผ่านมา รัฐบาลยังด้อยอยู่มาก ตรงนี้รัฐบาลต้องเรียกคืนมาให้ได้

รัฐบาลต้องสร้างผลงานเชิงประจักษ์ โดยเฉพาะผลงานของกรรมการชุดต่างๆ ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมา คนเหล่านี้มีต้นทุนทางสังคมที่เป็นบุคคลน่าเชื่อถือ แต่สังคมยังรออยู่ว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้อย่างไร ตรงนี้รัฐบาลต้องเร่งทำให้เร็วที่สุด

ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือความน่าเชื่อถือของรัฐบาลต่อประชาชนในเรื่องต่างๆ หมายความว่ารัฐบาลพูดแล้วต้องทำให้ประชาชนเชื่อตามนั้น ไม่ใช่พูดแล้วประชาชนไปเชื่ออีกอย่างหนึ่ง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการวางบิ๊กแบ๊กที่ประชาชนไม่เชื่อถือรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้ด้วย

ส่วนความขัดแย้งที่มีอยู่ตอนนี้ระหว่างฝ่ายบริหารด้วยกันนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ต้องบริหารความขัดแย้งและหาจุดร่วมของความขัดแย้งนั้นให้ได้

ที่สำคัญไม่แพ้กันคือการจัดการพื้นที่ต่างๆ หลังน้ำลด รัฐบาลต้องมีแผนอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ไหนจะทำอย่างไร และทำเมื่อไร ทุกฝ่ายรอดูอยู่



สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผมคิดว่าการอภิปรายดังกล่าวเป็นประวัติศาสตร์การอภิปรายในรูปแบบใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในยุคหลังรัฐ ประหาร 19 ก.ย. 2549 เป็นต้นมา โดยเป็นการอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ และเสนอแนวคิดความร่วมมือระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาล ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของการเมืองไทย

แต่ลักษณะเช่นนี้จะเป็นเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อจบปัญหาอุทกภัย ลักษณะการเมืองแบบเก่า การสาดโคลนใส่กันก็จะกลับมาเหมือนเดิม

สาเหตุที่มีการอภิปรายเชิงสมานฉันท์ ผมมองว่ามีเหตุผล 3 ประการคือ 1.ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าน้ำท่วมครั้งนี้เป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ฝ่ายค้านจึงไม่อยากนำตรงนี้มาโจมตีในช่วงที่บ้านเมืองยังมีภัยพิบัติอยู่ ถือเป็นสปิริตของฝ่ายค้านและเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ตัวเอง

2.เนื่องจากพรรคเพื่อไทยยังมีคะแนนเสียงและฐานเสียง รวมทั้งสื่อมวลชนในมือจึงยังได้เปรียบอยู่ หากฝ่ายค้านโจมตีไปแล้วไม่ถูกประเด็นอาจทำให้เสียคะแนนเองได้

3.แนวคิดการเมืองแบบใหม่ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้าน ที่ต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นการเมืองแบบใหม่ ไม่ใช่สาดโคลน

ข้อดีของการเปิดเวทีสภาให้ส.ส.และส.ว.อภิปรายในครั้งนี้ทำให้ประชาชนลดความตึงเครียดไปได้บ้าง เนื่องจากความเดือดร้อนบางอย่างของประชาชนได้ถูกถ่ายทอดไปในสภา ข้อดีอีกประการหนึ่งคือในมุมของการเมืองที่เน้นการเมืองสร้างสรรค์ ไม่มุ่งทำลายกัน ไม่ได้หวังผลแพ้ชนะเป็นสำคัญ

สำหรับข้อเสีย ผมมองว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายยังไม่ตรงประเด็นในเรื่องความผิดพลาดของรัฐบาล หลายๆ เรื่องยังไม่ถูกชี้ชัดออกมา ตรงนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น อย่างในหลายประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น สหรัฐอเมริกาหรืออิตาลีที่หากเกิดความผิดพลาดของรัฐบาล ประชาชนก็อยากเห็นความรับผิดชอบของรัฐบาลด้วยเช่นกัน

แต่หลังจากเสร็จสิ้นภัยพิบัติครั้งนี้ การเมืองจะกลับเข้าสู่รูปแบบเดิมทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายค้านย่อมไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน รวมถึงการอภิปรายงบประมาณต่างๆ ที่ จะมีความรุนแรงในเรื่องการตอบโต้กันไปมาเหมือนเดิม



ชูชัย เลิศพงศ์อดิศร
ส.ว.เชียงใหม่ เลขานุการวิปวุฒิสภา

ผมมองว่าการประชุมร่วมกันของรัฐสภากรณีพิจารณาเรื่องน้ำท่วมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประโยชน์มากกว่าข้อเสีย แม้จะมีการอภิปรายโจมตีกันไปมาระหว่างส.ส.ฝ่ายค้านกับรัฐบาล ตรงนั้น เป็นเรื่องของประชาธิปไตย ต่างคนต่างว่ากันไป

แต่ในส่วนของส.ว. เท่าที่ฟังไม่ใช่ลักษณะการโจมตี เป็นการให้คำแนะนำ มีข้อคิดข้อเสนอแนะ ซึ่งในที่ประชุมก็มีคนเสนอแนะในทางที่ดีก็มีเยอะ ทั้งส.ส.และส.ว. ผมเชื่อว่ารัฐบาลคงนำไปปฏิบัติ

การประชุมร่วมดังกล่าวยังมีประโยชน์ในแง่ของการเปิดเวทีให้พูด เป็นรูระบายให้คนได้รับรู้ว่า ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนจริงหรือไม่

แต่อยากเตือนส.ส.ว่าชาวบ้านดูอยู่ จะเห็นว่าระหว่างการประชุมมีส.ว.หลายคนพยายามเตือนว่าอย่าทะเลาะกัน เพราะน้ำท่วมครั้งนี้เป็นปัญหาใหญ่เป็นวิกฤตของชาติ สังเกตได้จากนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา หรือนาย วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกฯ ยังต้องลงมาช่วยกันแก้ไขปัญหาเพราะวิกฤตน้ำท่วมเป็นปัญหาใหญ่ของชาติ ซึ่งส.ว. ส่วนมากก็อยากให้ช่วยกัน

ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ผมไม่อยากให้โทษกันไปมา เพราะมีหลายสาเหตุ สาเหตุสำคัญเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ ฝนตกมา ตั้งแต่เดือนเม.ย. และไม่มีใครคาดคิดว่าน้ำจะมากขนาดนั้น รวมทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำและการระบายน้ำ

ดังนั้น รัฐบาลและฝ่ายค้านควรหยุดทะเลาะกันได้แล้ว เลิกโจมตีสาดโคลนใส่กันไปมา แล้วหันมาช่วยกันทำงานโดยยึดปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนสำคัญจะดีกว่า



++

อดีต ส.ว.จอมแฉยื่นป.ป.ช.สอบ“มาร์ค”ผิดม.157บริหารน้ำบกพร่อง
กระทู้ของ น้ำลด จาก http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P11336136/P11336136.html

ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวว่าได้ยื่นเรื่องต่อประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ขอให้ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด กรณีการกักเก็บน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ไว้เกินแผนและสูงกว่าความจำเป็น ทั้งที่เคยคาดการณ์มาก่อนว่า ควรกักกักเก็บน้ำต้นทุนไว้ในเขื่อนที่ระดับต่ำ ซึ่งการกระทำหรือละเว้นการกระทำดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยตั้งแต่ช่วงเวลาที่นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯและส่งผลต่อเนื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยงหรือยากที่จะบริหารจัดการได้ จนมาถึงปัจจุบันหรือไม่ โดยได้จัดส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ป.ป.ช.พิจารณา อาทิ สำเนาหนังสือที่ สผ 0014/ร5 วันที่ 8 พ.ย.2554 สำเนาคำอภิปรายในรัฐสภา สำเนารายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ วันที่ 17 เม.ย.2554 สำเนากราฟแสดงปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ จากกรมชลประทาน ฯลฯ พบว่ามีข้อมูลที่พอเชื่อได้ว่าการบริหารจัดเก็บน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ อาจเข้าข่ายการกระทำฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

จากคุณ : น้ำลด
เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 16:41:01 A:124.122.244.116



++

"ไก่อู" ซัด "มาร์ค-เทือก" เป็นผู้สั่งการ พ.ค.เลือด
กระทู้ของ ลุงนกใจดี จาก http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P11342337/P11342337.html


พ.อ.สรรเสริญ ให้การกับพนักงานสอบสวนอย่างละเอียด เกี่ยวกับโครงสร้างการบังคับบัญชาในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเน้นย้ำว่าภารกิจของทหารนั้น จะต้องดูแลเรื่องความมั่นคงของชาติ ปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดน โดยปกติทหารไม่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ภายในเขตเมือง หรือในเขตกทม. เลย แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทหารต้องเข้ามาเกี่ยว จึงไม่ใช่การทำตามภารกิจของทหาร แต่มาจากคำสั่งของศอฉ.

ขณะเดียวกัน ศอฉ.ไม่ใช่องค์กรที่กำเนิดขึ้นมาเอง แต่มีขึ้นโดยคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ขณะนั้น และมีนายสุเทพ รองนายกฯ ขณะนั้น เป็นผู้อำนวยการ

กรณีที่ทหารเข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่มีผู้ชุมนุมดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้โดยทั่วไป แต่เป็นเรื่องเฉพาะกิจ เพราะอำนาจปกติของทหารนั้น จะไม่สามารถนำกำลังพลพร้อมอาวุธเข้ามาปฏิบัติการในเมืองได้เลย สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมีคำสั่งพิเศษ มีอำนาจจาก ศอฉ.เป็นผู้สั่งการ ซึ่งก็หมายถึงนายกฯ และรองนายกฯ ขณะนั้น ไม่เช่นนั้นแล้วทหารจะไม่สามารถเข้าปฏิบัติการได้ เพราะกองทัพเองไม่มีอำนาจที่จะออกคำสั่งให้ปฏิบัติการในเมืองเช่นนี้ได้

กรณี พ.อ.สรรเสริญถือเป็นพยานปากสำคัญที่นั่งทำงานอยู่ในศูนย์ปฏิบัติการ สามารถให้รายละเอียดในลักษณะโครงสร้างของการสั่งการทั้งหมดได้ ซึ่งคำให้การของ พ.อ.สรรเสริญทำให้สำนวนคดีมีความคืบหน้าไปมาก เชื่อมโยงถึงระดับสั่งการ และคำให้การพาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ อย่างชัดเจน อีกทั้ง พ.อ.สรรเสริญ ยังให้การย้ำว่าอำนาจของกองทัพเองจะไม่สามารถเข้ามาปฏิบัติการได้เช่นนี้ ทั้งหมดจึงเป็นคำสั่งของศอฉ.ทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับกองทัพแต่อย่างใด

ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNeU1UUTBOREEzT1E9PQ==&sectionid=

..................................................................................

วันนี้ความจริงก็ถูกเผย...."มาร์ค-เทือก" เป็นผู้สั่งการ พ.ค.เลือด เวรกรรมยุคนี้ติดจรวด ..เตรียมก้มหน้า ชดใช้กรรมให้กับวีรชน 91ศพ กับคนบาดเจ็บอีกเกือบพัน ... .. ช้างตายทั้งตัวก็เอาใบบัวปิดไม่มิดหรอกครับ

จากคุณ : ลุงนกใจดี [FriendFlock] [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 22:31:24 A:183.88.61.229 X:


++

เพราะ อคติ และอัตตา การยึดมั่นโดยยินยอมที่จะไม่เชื่อ ...
กระทู้ของ คนไทยใจกว้าง จาก http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P11334857/P11334857.html


( กระทู้นี้แตกประเด็นมาจาก www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P P11331907/ P11331907.html )
ฯลฯ
จากข้อความของคุณ เราไม่เคย เป็นไปร่วมชุมนุมกับ สื้อเหลือง เราเคยเลือกสุดารัตน์เป็นผู้ว่ากทม. เราไม่รู้จักที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ที่ไหน แต่เราชอบคุณ ชวน คุณจำลอง คุณอุทัย พิมพ์ใจชน เพราะรูปลักษณ์ ว่า เป็นคนใจซื่อ มือสะอาด ในขณะที่ ทักษิณ เข้ามาบริหารประเทศ ก็ได้แต่หวังว่าจะ นำความเจริญ อย่างยั่งยืน พร้อมความซื่อสัตย์ ต่อหน้าที่การงาน แล้วความหวังก็ต้องผิดหวัง เมื่อมีคดี ซุกหุ้น ขายปตท ขายดาวเทียม โกงภาษี โกงทีดินรัชดา ติดสินบนศาล แก้กฎหมายเอื้อตนและครอบครัวมากกว่าประเทศ เราไม่เคยสนใจ ว่าคุณทักษีิณ จะจงรักสถาบันหรือไม่ แต่การใช้ตำแหน่งนายก มาเอื้อธุรกิจตน และครอบครัว เรารับไม่ได้ ยิ่งส่วนลึกเรายกย่องคุณชวนมากเท่าไร ยกย่อง คุณอุทัย พิมพ์ใจชน มากเท่าไร ก็จะเห็นว่า คุณทักษิณ ไม่มีคุณสมบัติ ของการเป็นผู้นำประเทศ ตามความฝันเราเลย แล้วยิ่งมาเจอ ความก้าวร้าว ของ ผู้สนับสนุนคุณทักษิณ ก็ยิ่ง ดึงเราให้ห่างจากพวกคุณมากขึ้นไปอีก ในขณะที่เหล่าผู้สนับสนุนทักษิณก็ไม่ทำความกระจ่างไดๆ เลยต่อพฤติกรรมของทักษิณที่ผ่านมา แต่กับยิ่งทำสิ่งเลยร้ายมากขึ้น ด้วยการเผา ขโมย

จากคุณ : สุจิปุริ

....................................................................................

ไม่แปลกใจที่จะได้อ่านความคิดเห็นของคุณลักษณะนี้ เพราะมีอีกเป็นล้านคน ที่คิดและรู้สึกเหมือนกับคุณ สุจิปุริ ... แต่คนที่เห็นต่างจากคุณในทางตรงกันข้ามมีมากกว่า ฉะนั้น การยอมรับและการเปิดใจมองในสิ่งที่เราไม่คิดว่ามันจะเป็นจริง ก็จะทำให้คุณและคนอื่นๆ ที่คิดแบบเดียวกันได้เข้าใจ และเกิดการยอมรับในวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย คือ ยึดถือเสียงข้างมากเป็นหลัก ไม่อย่างนั้น ความขัดแย้งที่รุนแรงในสังคม (ปัจจุบัน) ก็จะนำพาให้เกิดปัญหาแบ่งแยกชนชั้น ถึงขั้นแยกประเทศเขตปกครองในทีสุด

ผมเองก็โดนผลักให้มาเป็นพวกเสื้อแดง ทั้งที่ไม่เคยไปร่วมชุมนุม ไม่เคยใส่เสื้อแดงไปทำกิจกรรม หรือร่วมลงขันบริจาคสนับสนุนพวกเสื้อแดง แต่สิ่งที่ผมเห็น และมองให้เป็นเหตุเป็นผลในโลกของความเป็นจริง ทำให้เกิดคำถามที่ต้องการคำตอบหลายข้อ ... หลายๆ คำตอบ ได้มาโดยเวลาเป็นตัวเฉลย ส่วนที่เหลือ ก็มีทั้งหลักฐานทางด้านกฏหมาย และความเป็นจริงที่ปรากฏขึ้นในภายหลัง .. รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และพวกคนเสื้อแดง หากทำผิดกฏหมาย ผมก็ต้องต่อต้าน ออกมาวิจารณ์ และร้ายที่สุดก็จะขับไล่ เหมือนกับที่คุณและอีกหลายคนกำลังทำในตอนนี้หล่ะครับ

... เมื่อหลายปีก่อน ผมเป็นแฟนติดตามรายการ เมืองไทยวันนี้ ของ สนธิ ลิ้มทองกุล ทางช่อง 9 เพราะชอบลีลาการพูดจา และพฤติกรรมที่ทำให้มองว่า คนคนนี้มีภูมิ มีหลักการความรู้ ... เมื่อเวลาผ่านไป เกิดการต่อต้าน ทักษิณ มีกลุ่มเสื้อเหลืองพันธมิตร เกิดขึ้น ก็ยังติดตามอยู่อย่างน่าสนใจเกี่ยวกับความชั่วของ ทักษิณ ที่ สนธิ นำมาขุดคุ้ย ก็ยังคิดอยู่ว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เสียดาย ทักษิณ ที่ดูว่าทำงานดี แต่เบื้องหลังทำไมเลวได้ขนาดนี้ แต่พอเรื่อง วัดพระแก้วถูกเปิดเผย ปฏิญญาฟินแลนด์ไม่มีจริง หนักไปกว่านั้นพวกเสื้อเหลืองเริ่มเหิมเกริม ยึดโน่นยึดนี่เพื่อบีบบังคับให้รัฐบาลสมัครลาออก ผมก็เริ่มเอะใจ ... ร้ายแรงที่สุดอยู่สองเรื่องที่ผมเกินจะรับได้และได้ตาสว่างกับนาย สนธิ+จำลอง และพรรคพวก ก็คือ

1. ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสถานที่ราชการอย่าง NBT ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง(ซึ่งก่อนหน้าก็มีกลุ่ม พธม ในภาคใต้ปิดสนามบินในบ้านตัวเอง ทุบหม้อข้าวตัวเอง) พวก พธม มีท่าที่โหดร้าย ดูก้าวร้าวมีการ ฆาตกรรมกันอย่างโจ่งแจ้ง ปืนผาหน้าไม้ ระเบิด ซีโฟร์ ระเบิดปิงปอง ความเสียหายและสูญหายของทรัพย์สินทางราชการในทำเนียบรัฐบาล ... การปลุกระดมโดยเต้าข่าว กุเรื่อง ที่ท้ายสุดก็พิสูจน์ออกมาทุกครั้งว่าเป็นเท็จ

2. เอาผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว ไปวางบนหมุดเหล็กรอบฐานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อพิธีทางไสยศาสตร์ ซ้ำยังไม่ยอมเปิดทางเสด็จฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ที่จะเสด็จไปงานพระราชทานเพลิงศพพระพี่นางฯ อีกทั้งยังพูดจาบจ้วงเบื้องสูงครั้งแล้วครั้งเล่า กล้าดึงเอาสถาบันมาแอบอ้างว่าอยู่ฝ่ายตน


และยิ่งหลังการปฏิวัติรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 ผมก็ยังตั้งความหวังว่า สิ่งที่ ทักษิณ และครอบครัวถูกกล่าวหามาทั้งหมด จะได้รับการสะสาง เพราะพวกคณะกรรมการขององค์กรอิสระทั้งหลายที่แต่งตั้งโดย คมช. ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เก่งกาจสามารถ คงจะลากเอาความผิดของทักษิณ ออกมาได้ทุกอย่าง ผมจะได้ตาสว่างสักทีที่ว่า ทักษิณ ทำงานเก่ง ทำประเทศเจริญขึ้น มันไม่เป็นความจริง ... เวลาผ่านไป ปี สองปี สามปี มีแต่ข่าว และข้อมูลที่ออกมาด้านเดียวว่า ทักษิณ เลว ชั่ว โกง สารพัด แต่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้ชี้แจง ไม่มีสื่อกล้านำเสนอข่าวแม้จะเป็นข้อมูลที่เป็นกลาง ...

การทำงานของ คตส สตง และหน่วยงานอะไรต่อมิอะไรในสมัยนั้น ก็ไม่คืบหน้า ไม่สามารถชี้ความผิดของทักษิณได้ ทั้งที่อำนาจมีเต็มมือ กลไกเป็นมือเป็นเท้าอย่าง สื่อสารมวลชน ข้าราชการ ก็ก้มหน้าก้มตารับใช้ทำงานเพื่อไล่ล่าทักษิณ ทุกขณะจิต .. ท้ายสุด ตัดสินได้คดีเดียวโดย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง คดีที่ดินรัชดา ที่ค้านกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ว่า มันผิดตรงไหน

คนเป็นนายกฯ ห้ามทำอะไรนอกเหนือจากเป็นนายกรัฐมนตรีของเมืองไทยหรือ ญาติโกโหติกาต้องอยู่เฉยๆ ห้ามทำธุรกิจ ห้ามกู้ ห้ามซื้อห้ามขายของ อย่างนั้นหรือเปล่า ... ก็ในเมื่อเป็นสามีภรรยา จดทะเบียนสมรส กฏหมายก็ระบุไว้ชัดเจนว่าต้องได้รับการยินยอมในการทำธุรกรรมกับหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นทางราชการ หรือเอกชน

คุณจะยกย่อง เชิดชู ใคร ก็เป็นสิทธิ์ของคุณ ส่วนผม ไม่อยากใช้คำว่า ยกย่อง ชื่นชอบ ใครเป็นส่วนบุคคล โดยเฉพาะนักการเมือง เพียงแต่ต้องการความจริง ... ความจริงที่ว่า ทักษิณ ผิดจริงหรือไม่ แค่ไหน หากไม่ใช้องค์กรที่มาจากการแต่งตั้งของ คณะ คมช และเอาคนที่เกลียดทักษิณ มาทำหน้าที่ตัดสินความผิดถูก ผลจะเป็นอย่างไร แล้วที่กล่าวหาเขามาทั้งหมดหน่ะ มันจริงเท็จแค่ไหน ทำไมใช้เวลานานเป็น 4-5 ปี

... ทำให้ตอนนี้ ผมกลับมองเห็นว่า ทักษิณ ถูกรุมทำร้าย แต่เพียงฝ่ายเดียว แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นหละ มันมีข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงไร ใครกันแน่ที่ ผิด และทำร้ายประเทศ

จากคุณ : คนไทยใจกว้าง
เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 12:21:44 A:171.4.177.118 X:



.