http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2554-11-28

พ.ย.54 ตามผลการกระทำของทีมมาร์ค ก่อนน้ำแห้ง ปล่อยบริหารพรรคConservative ให้สุเทพเชือดตัวทั้งสาย ก่อนผลิ'ลึกใหม่'

.
โพสต์เพิ่มภายหลัง ท้ายบทความหลัก "มาร์ค"ไม่หวั่นตร.เรียกแจงคดี13ศพ ซัดมีขบวนการบิดเบือนคำให้การ"ไก่อู" ย้อนทำไมสำนวนอื่นดีเอสไอไม่เร่งรัด จากเนื้อข่าว นักข่าวไม่ได้จิกถามเหมือน"สมจิตรถามปูถามเหลิม" เช่น ..ในยุคมาร์ค2ปี ข้าราชการไม่ถูกกดดันเพื่อต้องตอบสนองความต้องการทางการเมืองหรือไง? และ..นอกจาก'ฆ่าตัดตอน'แล้ว เรื่องการอนุมัติโจ่งแจ้งให้ทหารมาจัดการกับการชุมนุมกลางเมืองโดยใช้กระสุนจริงที่ข่าวต่างประเทศและองค์กรสิทธิมนุษยชนได้กระทุ้งรัฐไทยตลอด2ปีนี้ ถือว่า "มีการสอบเบื้องต้น มีการแปลข้อสรุปเป็นภาษาอังกฤษแล้วด้วย" หรือไม่?


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ** * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

" . . ผมจึงมั่นใจว่าคนที่ออกมาเย้ว ๆ ว่ารักชาตินั้น มีเพียงส่วนน้อยที่รักจริง แต่ส่วนใหญ่ก็แค่มาแสดงเพื่อเอาดีใส่ตัว ผู้ที่เป็นตัวจริงในการปกป้องบ้านเมือง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คือสามัญชนคนธรรมดาต่างหาก . . "
เชิญอ่านข้อเขียน ดร.โสภณ พรโชคชัย จากเฟซบุ๊ก Sopon Pornchokchai เผยแพร่ใน www.prachatai.com/journal/2011/11/38048

และ อ่านคำชี้แจงของ มัลลิกา รองโฆษกพรรคฯ กรณี "ประชาธิปัตย์แนะแบนยูทูป-เฟซบุค แบบจีน สกัดเว็บหมิ่นฯ" และ "ได้ความคิดนี้แต่ใดมา ทั้งที่ไม่ได้เรียนจบปริญญาโทจากเกาหลีเหนือ ?! หลังจากเคยวิจารณ์นายกหญิงว่า โง่ อ่อนแอ " ที่ นสพ.ประชาชาติธุรกิจ
www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1322463928&grpid=09&catid=&subcatid= ( มีคลิปยูทูป)
เมื่อสังคมออนไลน์วิจารณ์หนัก "มาร์ค"ทวิตว่า "ผมยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีนโยบายที่จะปิดเฟซบุ๊คหรือยูทูบครับ"

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ตร.เรียกสอบ'มาร์ค-เทือก'คดี 16ศพ เหตุพยาน พูดพาดพิง คนสั่งการ
ใน นสพ.ข่าวสดรายวัน วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7669 หน้า 1


ถึงคิวมาร์ค กับเทพเทือก ตร.เรียกเข้าให้การวันที่ 2 ธ.ค. ชี้เหตุมีพยานพาดพิง อ้างเป็นผู้สั่งการเจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์ 10 เม.ย.2553 เผยคดี 16 สำนวน คืบหน้าแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ หัวหน้าชุดสอบยันเสร็จทันกำหนด 17 ธ.ค. พยานเริ่มมั่นใจกระบวนการสอบสวน ติดต่อเข้าให้การจำนวนมาก รวมทั้งสอบทหารอีกเล็กน้อย เน้นพยานด้านนิติวิทยาศาสตร์ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ตรงไปตรงมา


ยัน 16 สำนวนเสร็จทันกำหนด

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบ สวนคดีชันสูตรพลิกศพ 16 สำนวน ที่คาดว่าเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ รองผบก.น.6 และ พ.ต.อ.วัลลภ ประทุมเมือง รองผบก.น.9 รายงานความคืบหน้าคดีต่อพล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น.

พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า คดีคืบหน้าไปประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ สรุปสำนวนส่งให้อัยการแล้ว 2 คดีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ คดีนายชาญณรงค์ พลศรีลา ที่ถูกยิงเสียชีวิตที่หน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ ถนนราชปรารภ พื้นที่ สน.พญาไท และคดีมานะ อาจราญ เสียชีวิตในสวนสัตว์ดุสิต ส่วนคดีที่เหลือนั้น จะเร่งรัดสรุปให้ได้ภายในกำหนดเวลาที่ขยายมา 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน คือ วันที่ 17 ธ.ค. จะครบ 90 วัน


เหลือสอบพยานอีกไม่กี่ปาก

รองผบช.น.กล่าวต่อว่า สำหรับสำนวนทั้ง 2 ศพที่ส่งให้อัยการแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาสำนวน มีเวลาอีก 30 วัน ขยายได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน รวมแล้ว 90 วันเช่นกัน จากนั้นจะต้องยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ไต่สวน การทำงานของพนักงานสอบสวนผ่านมาแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือรอพยานอีกบางคน อาจจะขอเลื่อนมาให้ปากคำอยู่ ในส่วนพยานที่เป็นทหารนั้น ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเข้าให้ปากคำแล้วจำนวนหลายราย ยังเหลืออยู่บ้างก็คงจะทยอยมา แต่เหลือน้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนิก นอสติทซ์ ผู้สื่อข่าวและช่างภาพอิสระชาวเยอรมัน หลังเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนแล้วถูกคุกคาม พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า คุยกับนายนิกโดยตรงแล้วในเรื่องความปลอดภัย ถ้าต้องการให้ตำรวจนำเข้าสู่กระบวนการคุ้ม ครองพยาน แต่จนถึงขณะนี้ นายนิกยังไม่แจ้งความประสงค์ว่าจะให้คุ้มครองแต่อย่างใด


เน้นหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์

พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวต่อถึงคดีนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพชาวอิตาลี ที่น.ส.อลิซาเบตต้า โปเลงกี น้องสาว ต้องการให้รวมอยู่ใน 16 สำนวนด้วยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โอนสำนวนมาให้แล้ว แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากหลักฐานยังไม่ครบถ้วน ดังนั้น เมื่อความยังไม่ปรากฏชัดว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงาน สำนวนคดีนายฟาบิโอก็ยังไม่เริ่มต้นนับหนึ่ง

หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี 16 สำนวน กล่าวว่า พล.ต.ท.วินัยให้แนวทางทำคดีว่าให้รวบรวมพยานหลักฐาน ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา เน้นเรื่องพยานหลักฐาน โดยเฉพาะพยานด้านนิติวิทยาศาสตร์ ที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ และเร่งรัดให้เสร็จเร็วที่สุด ในช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด


พยานมั่นใจ-แห่ให้การ

ต่อข้อถามถึงความคืบหน้าสำนวน นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า มีความคืบหน้าคดีไปพอสมควร น่าจะเสร็จทันก่อนกำหนดในวันที่ 17 ธ.ค.แน่นอน ซึ่งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ด้วยการตั้งศูนย์รับข้อมูล ปรากฏว่ามีผู้ให้ข้อมูลเข้ามา และเป็นพยานติดต่อเข้ามาให้การมากพอสมควร เจ้าหน้าที่สอบสวนและพิสูจน์คำให้การว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ก่อนนำเข้ามารวมในสำนวน โดยเหตุผลที่เพิ่งมาให้การ เพราะตอนแรกไม่มั่นใจ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้มั่นใจในกระบวนการสอบสวนมากขึ้น จึงเข้ามาพบพนักงานสอบสวน และยอมให้การ

ผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจหรือไม่ พล.ต.ต. อนุชัยกล่าวว่า การทำงานทุกเรื่องถ้าบอกว่าไม่หนักใจ คงไม่มีใครเชื่อ เพียงแต่ว่าเป็นห่วงกังวล อยากทำให้เรียบร้อย และเป็นธรรมมากที่สุด ในฐานะที่เป็นพนักงานสอบสวน มีหน้าที่ทำให้เกิดความยุติธรรมและความจริงให้ปรากฏ กลัวว่าจะไม่เรียบร้อยมากกว่า ก็จะพยายามทำ เป็นหน้าที่เราต้องทำ และไม่หวั่นไหว หรือเกรงอะไรใคร แต่กลัวงานจะไม่เรียบร้อยมากกว่า


ตร.เรียกสอบ'มาร์ค-เทือก'

วันเดียวกัน พ.ต.อ.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ รองผบก.น.6 ส่งหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องขอความร่วมมือมาให้ปากคำในคดีชันสูตรพลิกศพ 16 สำนวน ในวันที่ 2 ธ.ค. ที่บช.น.

โดยหนังสือระบุว่า คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดที่ 3 บก.น.6 มีความจำเป็นต้องถามปากคำท่านเป็นพยาน เนื่องจากได้รับคำสั่งจากพนักงานอัยการตามอ้างถึง ซึ่งเห็นว่ามีพยานบางปากอ้างว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ แขวงบวรนิเวศ กทม. เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 นั้น การกระทำของเจ้าพนักงานปฏิบัติตามคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จึงให้ประสานขอความร่วมมือท่านหากประ สงค์จะชี้แจง พร้อมข้อมูลประกอบการชี้แจง (ถ้ามี) เพื่อให้สำนวนชันสูตรพลิกศพปรากฏข้อเท็จจริงครบถ้วนสมบูรณ์ และเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย



++

“ภูมิธรรม” อัดปชป.อภิปรายไม่สร้างสรรค์
จาก เวบไซต์ นสพ. เดลินิวส์ วันที่ 27/11/2554 20:45
www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=8&contentId=178344

ซัดมุ่งทำลายล้างรัฐบาล ชี้ผลเลือกตั้งสะท้อนประชาชนเลือกข้างประชาธิปไตย ปฏิเสธอำนาจนอกระบบ

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีต รมช.คมนาคมในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ได้ทวิตข้อความผ่านเว็บบล็อกทวิตเตอร์ดอทคอม ว่า จะอภิปรายอะไรต้องรู้จักอายปากมิใช่มุ่งที่จะตีกระทบรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีเพียงหวังดิสเครดิต บั่นทอนความนิยมของรัฐบาลเพื่อหวังกลับมามีอำนาจอีกครั้ง อย่าลืมว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ มีเพียงประชาชนเพียง 11.63 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่สวนดุสิตโพลล์สำรวจพบว่าสนใจ นอกจากนั้น 48.58 เปอร์เซ็นต์ยังเห็นว่าอภิปรายครั้งนี้ไม่ค่อยเหมาะสม ควรเอาเวลาไปช่วยฟื้นฟูและแก้ปัญหาน้ำท่วมให้ประชาชนน่าจะดีกว่า เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเกมการอภิปรายวันนี้ได้แปรสภาพจากการอภิปรายที่สร้างสรรค์ เป็นเกมการทำลายล้างโดยแจ้งชัด

นายภูมิธรรม ยังระบุต่อว่า อย่าลืมชัยชนะในการเลือกตั้งของเพื่อไทยสะท้อนการสนับสนุนของประชาชนทั่วประเทศและการยอมรับของรัฐบาลทั่วโลก เป็นผลสะท้อนของกระแสการสนับสนุนที่ “เลือกข้าง" คือประชาชนเลือกยืนข้างรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งและปฏิเสธการยืนข้างรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร หรือมาจากการการบิดเบือนกติกาในระบอบประชาธิปไตยของอำนาจนอกระบบ ท่าทีของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดี ประเทศสหรัฐอเมริกา การปรากฏตัวของนางฮิลลารี่ คลินตัน รมต.ต่างประเทศของอเมริกา และ นายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ที่มาไทย ท่าทีของจีน ญี่ปุ่นและการประชุมสุดยอดอาเซียนที่อินโดนีเซียคือการยืนยันการยอมรับของโลก



++

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม
" ข่าวที่ออกมา พวกท่าน คิดไปเอง ฝันไปเอง นอนตื่นมาก็โวยวาย "

"อภิสิทธิ์" ปัดก้าวล่วงพระราชอำนาจ แค่ทำหน้าที่ตรวจสอบรบ.
จาก www.thairecent.com/Politic/2011/973868/ วันที่ 27/11/2554 13:45

วันที่27พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ลุกขึ้นชี้แจงภายหลังจากที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ระบุว่า ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ที่จะอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ (พ.ร.ฎ.อภัยโทษ) เพราะเป็นพระราชอำนาจ และเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องลับ โดย นายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ หรือเป็นการทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท แต่ฝ่ายค้านจำเป็นต้องทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เนื่องจากการจะออกพระราชกฤษฎีกาใดๆ นั้น มาจากการถวายคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งส่วนตัวและฝ่ายค้านขอเรียกร้องให้ข้อมูลนั้นเป็นข้อเท็จจริง



++

"10 พ.อ." ให้การซ้ำ "เสธ.ไก่อู" ชี้ศอฉ.สั่งสลายแดง ญาติเหยื่อพ.ค.เลือด! ดีใจสำนวนคดีส่งถึงอัยการ
ของ นสพ.ข่าวสด ในมติชน ออนไลน์ วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 17:00:00 น.


ทำตามสั่ง - ทหารระดับพันเอก และชั้นประทวนจากพล.ร.2รอ. จำนวน 14 นาย เข้าให้การต่อพนักงานสอบสวนคดี 16 ศพในเหตุการณ์เม.ย.-พ.ค.53 ยืนยันปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง ศอฉ. ที่บช.ตชด. เมื่อ 25 พ.ย.

นายทหารระดับพันเอกคุมกำลัง ในเหตุ"10เมษาฯ 53" เข้าให้การตำรวจแล้ว หัวหน้าพนักงานสอบสวนเผยคดีคืบหน้าไปมาก-ผู้มาให้ปากคำก็ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ด้านเมียลุงชาญณรงค์ แท็กซี่เหยื่อกระสุนแยกราชปรารภ ดีใจที่สำนวนถึงอัยการเสียทีหลังต้องรอมาปีกว่า เผยไม่แค้นทหารแต่อยากเห็นคนสั่งการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว บ.ก.ลายจุดเชื่อหลักฐานที่ตํารวจมีชัดเจนมาก มั่นใจมัดตัวผู้กระทําผิด-ผู้สั่งการได้แน่นอน

จากกรณีตำรวจนครบาลทำสำนวนชันสูตรศพผู้เสียชีวิต 16 ราย ระหว่างการชุมนุมทางการเมืองช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 ซึ่งเชื่อว่าตายเพราะฝีมือเจ้าหน้าที่ โดยสรุปและส่งสำนวนคดีนายชาญณรงค์ พลศรีลา คนเสื้อแดงที่โดนยิงหน้าหน้าปั๊มเชลล์ ถ.ราชปรารภ และคดีนายมานะ อาจราญ รปภ.สวนสัตว์เขาดินไปให้อัยการแล้ว นอกจากนั้นยังเชิญพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ในฐานะอดีตโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เข้าให้การแล้วว่า ศอฉ.จัดตั้งขึ้นตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ทหารปฏิบัติภารกิจภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย และพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ การปฏิบัติงานก็เป็นไปตามมติศอฉ. ล่าสุดพนักงานสอบสวนคดีชันสูตร 16 ศพ ได้เชิญนายทหารระดับพันเอก 10 นาย ที่คุมกำลังประจำพื้นที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถ.ดินสอ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน เข้าให้การที่กองบัญชาการตํารวจตระเวนชายแดน ถ.พหลโยธิน (บก.ตชด.)

ความคืบหน้าเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 25 พ.ย. ที่บก.ตชด. กลุ่มนายทหารระดับพันเอกและพันโท ที่เกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่บริเวณโรงเรียนสตรีวิทยา และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดําเนินกลาง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ปีที่ผ่านมา เดินทางมาพร้อมกันด้วยรถตู้นิสสัน สีขาว 2 คัน ทะเบียนตรากงจักร ประมาณ 10 นาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยทุกนายสวมเครื่องแบบเต็มยศ เมื่อมาถึงก็ขึ้นไปยังชั้น 4 อาคารจุลละพรหมณ์ ซึ่งจัดเป็นห้องสอบปากคํานายทหารกลุ่มนี้ โดยไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นเด็ดขาด ภายในห้องสอบสวนมีพล.ต.อ.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีชันสูตร 16 ศพ พร้อมด้วยพ.ต.อ. วัลลภ ปทุมเมือง รอง ผบก.น.9 และพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดี 16 ศพรวมอยู่ด้วย ใช้เวลาสอบปากคํานานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนเดินทางกลับทันที

พล.ต.อนุชัยกล่าวว่า วันนี้มีนายทหารระดับสัญญาบัตรและชั้นประทวน จากกองพลที่ 2 รักษาพระองค์ 14 นายที่คุมกำลังในการปฏิบัติหน้าที่ขอคืนพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา นำโดยพ.อ.ธรรมนูญ วิถี ผอ.กองยุทธการ เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้จะไปกระทบกับสำนวนการสอบสวน หลังจากนี้ยังไม่ได้นัดใคร สิ่งที่จะทำคือเร่งผลการสอบสวนชุดนี้ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อจะได้สรุปสำนวนเสนอให้อัยการพิจารณาในขั้นตอนต่อไป ซึ่งคดีมีความคืบหน้าไปมาก และผู้ที่มาให้ปากคำได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี


รายงานข่าวระบุว่า การให้ปากคำเจ้าหน้าที่ทหารทุกนาย ยังยืนยันให้การเหมือนที่เคยให้การมาก่อนหน้านี้ คือปฏิบัติการเป็นไปตามที่ได้รับคำสั่งศอฉ. ซึ่งรายละเอียดก็เป็นไปในลักษณะเดียวกับที่พ.อ.สรรเสริญได้มาให้การเอาไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อเวลา 19.00 น. ที่สำนักงาน ผบช.น. พล.ต.ต. อนุชัย ได้เข้ารายงานผลการสอบสวนปากคำนายทหาร ที่บช.ตชด. ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เพื่อรับทราบความคืบหน้าการสอบสวนคดีทั้งหมด เป็นเวลาประมาณ 20 นาที

พล.ต.ต.อนุชัยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ทหารจากทาง พล.2 เมื่อถามว่ามีนายทหารระดับ พล.ต.มาให้ปากคำด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.อนุชัยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์โดยกล่าวเลี่ยงก่อนยอมบอกว่า มีพล.ต.วลิต โรจนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งได้รับบาดเจ็บในการปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้น ก็ยืนยันตามคำให้การเดิม และได้รายงานให้ผบช.น.ทราบทั้งหมดแล้ว กำลังเร่งรัดสรุปคดีทั้หมด คาดว่าน่าจะทันภายในสิ้นเดือนนี้


นางสุริยันต์ พลศรีลา ภรรยานายชาญณรงค์ พลศรีลา เหยื่อกระสุนบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตํารวจได้เชิญตนไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายชาญณรงค์ หลังจากให้ข้อมูลแล้วทางตํารวจก็ได้สรุปสํานวน และส่งอัยการทันที ซึ่งดีใจมากที่ความเป็นธรรมกำลังจะก้าวมาถึงครอบครัวตน เพราะรอมานานกว่า 1 ปี ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครอบครัวตนไม่เคยเคียดแค้นทหารที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่เพราะเชื่อว่าทหารก็ทําไปตามคําสั่ง สิ่งที่อยากเห็นคือเอาคนสั่งการมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยเร็ว

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด แกนนํากลุ่มวันอาทิตย์สีแดง กล่าวว่า ขณะนี้คดีการเสียชีวิตของกลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น โดยทราบว่า วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตํารวจได้นัดสอบปากคํากลุ่มนายทหารที่คุมกำลังพลในเหตุการณ์ 10 เม.ย. 53 ที่บก.ตชด. ซึ่งถือว่าเป็นความคืบหน้าที่ดีจะทําให้สํานวนคดี 16 ศพ เสร็จสมบูรณ์สามารถนําส่งอัยการได้ทันเวลา ทั้งนี้เชื่อว่าหลักฐานที่ตํารวจมีอยู่สามารถมัดตัวผู้กระทําผิด ผู้สั่งการได้แน่นอนเพราะหลักฐานชัดเจนมาก

นายสมบัติกล่าวด้วยว่า ความล่าช้าของคดีคนเสื้อแดงที่ผ่านมาเกิดจากช่วงแรกดีเอสไอได้เข้ามาล้วงเอาคดีจากตํารวจไปทําแทน ทําใหล่าช้านานกว่า 1 ปี และมาวันนี้คดีคนเสื้อแดงถูกตีกลับมาหาตํารวจ อย่างไรก็ตาม หลักฐานต่างๆ ที่เคยปรากฏตามสื่อก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่ารัฐบาลและกองทัพในขณะนั้นทําเกินกว่าเหตุใช้อํานาจเกินไป ไม่ได้ทําภายใต้กรอบพ.ร.ก. ฉุกเฉินในขณะนั้น ถือเป็นการฆาตกรรมหมู่ โดยเฉพาะคดีการเสียชีวิตของกลุ่มพยาบาลอาสาภายในวัดปทุมวนาราม 6 ศพ ชัดเจนมาก หลักฐานต่างๆ ก็ยังชี้เป้าไปถึงกลุ่มคนยิงและหน่วยงานได้ไม่ยาก

นายวสันต์ สายรัศมี หรือ"เก่ง กู้ภัย" กล่าวว่า ขณะนี้คดีการเสียชีวิตของกลุ่มพยาบาลอาสาและเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เสียชีวิตพร้อมกันภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ปีที่ผ่านมา เริ่มมีความชัดเจนเหตุการณ์ในวัดปทุมฯนี้ ตนไม่มีวันลืม และหากมีหมายศาลให้ไปร่วมเป็นพยานคดีก็พร้อมจะไปทันที ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้ามาช่วยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชุมนุม ต่างถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้ายและมีอาวุธ ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่สร้างความเสียหายกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มีจิตอาสา และทุกวันนี้ตนก็ยังทําหน้าที่เป็นกู้ภัยอยู่เหมือนเดิม

ด้านนายมนตรี โสถิรพัฒน์ ทนายความของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง หรือกี้ร์ กล่าวว่า จากการหารือของทีมทนายความแล้วลงมติว่ายังไม่อยากให้นายนายอริสมันต์เดินทางเข้ามามอบตัวในช่วงนี้เพราะยังไม่สามารถเคลียร์เส้นทางการเข้ามอบตัวของผู้ใหญ่ได้ และคดีความของนายอริสมันต์ก็มีหลายคดี ดังนั้น เมื่อมามอบตัวแล้วจะต้องได้รับการประกันตัวไม่ใช่ถูกจองจําแบบไม่มีทางต่อสู้ และก็ยังไม่มั่นใจในระบบกระบวนการยุติธรรมเพราะขณะนี้ยังมีกลุ่มอํามาตย์แฝงอยู่ หากนายอริสมันต์มามอบตัวอาจจะถูกขังคุกไปตลอดชีวิตได้



++

ไม่นิรโทษให้ตัวเอง
โดย สมิงสามผลัด คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ในข่าวสดรายวัน วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7666 หน้า 5


ผ่านมาแค่ 3 เดือน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับคนเสื้อแดง

เดินหน้าทวงความยุติธรรมให้ 91 ศพจนรุกคืบ

เทียบไม่ได้เลยกับรัฐบาลก่อนที่ทำคดีกันเป็นปีๆ แต่ไม่มีอะไรคืบ!?

รัฐบาลนี้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เร่งรัดตำรวจทำสำนวนคดีเจ้าหน้าที่รัฐฆ่า 16 ศพลุล่วงไปไกลโข

สรุปสำนวนได้แล้ว 1 คดี อีก 2 คดี (นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพญี่ปุ่น กับจนท.เขาดิน) ก็ใกล้สรุปสำนวนในเร็ววันนี้

ไคลแมกซ์ของคดีอยู่ตรงที่ดีเอสไอเคยสรุปไว้ว่า "น่าเชื่อว่าการตายเกิดจากฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ"

สอดคล้องกับคำให้การของพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด หรือเสธ.ไก่อู และนายทหารหลายคน

โดยเฉพาะเสธ.ไก่อู อดีตโฆษกศอฉ.ระบุว่าทหารทำตามคำสั่งศอฉ. ซึ่งมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผอ. และศอฉ.ก็เกิดขึ้นจากคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ในขณะนั้น

พูดกันแบบเข้าใจง่ายๆ คือทหารทำตามคำสั่งนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์


คำให้การของเสธ.ไก่อูทำให้คดีเดินหน้ารวดเร็วขึ้น

ถึงขนาดร.ต.อ.เฉลิมประกาศเปรี้ยง

"เมื่อตำรวจสอบ อัยการก็ยื่นต่อศาลไต่สวน ถึงวันนั้นก็รู้เลยว่าใครสั่ง พวกสั่งฆ่า 91 ศพกังวลมาก ผมว่าวันนี้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ คดีนี้มันกรรมทันตาจริงๆ"

ฟากอำนาจเก่าก็ดาหน้าโต้พัลวัน

นายอภิสิทธิ์ถึงกับระบุว่า มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงในสำนวน ให้ข่าวที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด

นายเทพไท เสนพงศ์ ก็เต้นผาง โวยลั่นรัฐบาลยัดเยียดความผิดให้มาร์ค-เทือกบ้าง หวังกลบข่าวพ.ร.ฎ. อภัยโทษ

เรื่องยัดเยียดความผิดคงไม่ใช่ เพราะเป็นคำให้การของเสธ.ไก่อูเอง

อีกทั้งพ.ร.ฎ.อภัยโทษก็ชัดเจนแล้วว่าไม่มีอะไรในกอไผ่


ก็ไม่เป็นไร เป็นสิทธิ์ที่รัฐบาลเก่าจะออกมาตอบโต้-ปฏิเสธ

แต่หากคดี 91 ศพเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีการไต่สวนเปิดตัว"คนสั่ง"ขึ้นมาจริงๆ แล้ว

หวังว่านายอภิสิทธิ์ยังคงจำคำพูดของตัวเองได้

เพราะเคยโพสต์ในเฟซบุ๊ก "จากใจอภิสิทธิ์ ถึงคนไทยทั้งประเทศ" เมื่อก่อนเลือกตั้งว่า

"ผมจะไม่นิรโทษกรรมให้ตัวเอง" !?



++

เปิดเคล็ดวิชา"ยืมหอก" สนองคืน"มาร์ค-เทือก" เปิดคำให้การ"เสธ.ไก่อู" มัด"คนสั่ง"-คดี 91 ศพ
คอลัมน์ ในประเทศ ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1632 หน้า 11


เป็นที่รับรู้ในวงกว้างถึงบทบาทศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ซึ่งมีกองทัพเป็นองค์ประกอบสำคัญ

ว่าคืออาวุธ "หอก" ของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ใช้ฟาดฟันกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง ในเหตุการณ์ระหว่างเมษายน-พฤษภาคม 2553

นำไปสู่การเสียชีวิต 91 คน บาดเจ็บเกือบ 2,000 คน

ศอฉ. ตั้งขึ้นด้วยคำสั่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น มอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้อำนวยการ

มี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด หรือ เสธ.ไก่อู โฆษกกองทัพบกทำหน้าที่เป็นโฆษก ศอฉ.

เว็บไซต์วิกิพีเดียบันทึกถึง พ.อ.สรรเสริญ ตอนหนึ่งว่า ในการออกแถลงการณ์และประกาศต่างๆ ของ ศอฉ. ทำให้ประชาชนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี

ด้วยมาดนุ่มๆ น้ำเสียงทุ้มๆ และมุขตลกหน้าตาย


พ.อ.สรรเสริญ ยังได้รับการพูดถึงในเว็บไซต์พันทิป เปรียบเทียบกับ "เคน ธีรเดช" ดารานักแสดง นอกจากนี้ ยังมีแฟนเพจบนเว็บไซต์เฟซบุ๊กของ "ผู้พันไก่อู"

หรือแม้แต่ในทวิตเตอร์ของนักการตลาดคนหนึ่งยังพูดว่า หากนำผู้พันไก่อูมาพร้อมกับ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ด้วยแล้ว อาจได้กลุ่มเป้าหมายกว้างมากกว่าดาราดังบางคู่อีกด้วย

สืบเนื่องจากคดี 16 ศพจาก 91 ศพ

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 พ.อ.สรรเสริญ ปัจจุบันเป็น ผอ.กองปฏิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารบก เดินทางเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนคดี 16 ศพที่มี พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. เป็นหัวหน้าชุด

ในฐานะพยานปากสำคัญที่นั่งทำงานอยู่ใน ศอฉ. มีรายงานข่าวระบุคำให้การของ พ.อ.สรรเสริญ ทำให้สำนวนคดีคืบหน้าไปมาก

และเชื่อมโยงถึงระดับ "คนสั่งการ" ได้



ในการเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน

นอกจาก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ยังมี พ.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ เสธ.ร.2 รอ. และ ส.อ.มณี พรหมนอก ทหารสังกัด ร.2 พัน 3 รอ.

โดยยังมีเจ้าหน้าที่ทหารที่พนักงานสอบสวนต้องประสานกับกองทัพ เรียกมาให้ปากคำอีกประมาณ 50 ปาก หลังจากทำเรื่องขออนุมัติขยายเวลาการสอบสวนครั้งที่ 3 ไปถึงวันที่ 18 ธันวาคม

รายงานข่าวเผยว่า พ.อ.สรรเสริญ ให้การเกี่ยวกับโครงสร้างการบังคับบัญชาในเหตุการณ์ เน้นย้ำว่าภารกิจของทหารต้องดูแลความมั่นคงของชาติ ปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดน

ปกติทหารไม่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในเขตเมืองหรือในเขตกรุงเทพมหานคร เหตุการณ์ครั้งนี้ที่ทหารต้องเข้ามาเกี่ยว จึงไม่ใช่การทำตามภารภิจของทหาร

แต่มาจากคำสั่งของ ศอฉ.

ขณะเดียวกัน ศอฉ. ไม่ใช่องค์กรที่กำเนิดขึ้นมาเอง แต่มีขึ้นโดยคำสั่งของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้อำนวยการ


กรณีทหารเข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชุมนุมดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้โดยทั่วไป แต่เป็นเรื่องเฉพาะกิจ

"อำนาจปกติของทหาร ไม่สามารถนำกำลังพลพร้อมอาวุธเข้ามาปฏิบัติการในเมืองได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมีคำสั่งพิเศษ มีอำนาจจาก ศอฉ. เป็นผู้สั่งการ ไม่เช่นนั้นทหารจะไม่สามารถเข้าปฏิบัติการได้ เพราะกองทัพไม่มีอำนาจออกคำสั่งให้ปฏิบัติการในเมืองเช่นนี้ได้"

รายงานข่าวระบุถึงการให้ปากคำของ พ.อ.สรรเสริญ พยานปากสำคัญที่พาดพิงถึงผู้มีอำนาจใน ศอฉ. ขณะนั้น ซึ่งก็คือนายกฯ อภิสิทธิ์และรองนายกฯ สุเทพ

เพราะลำพังกองทัพไม่มีอำนาจออกคำสั่งให้ปฏิบัติการในเมืองได้

ทั้งหมดจึงเป็นคำสั่ง ศอฉ. ไม่เกี่ยวกับกองทัพ



พรรคประชาธิปัตย์ไม่สะทกสะท้านต่อคดี 91 ศพที่บางส่วนภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาลชุดนี้มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว

ด้วยเชื่อว่าคำให้การของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด จะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคและ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรคคนสำคัญ

เนื่องจาก ศอฉ. ใช้อำนาจภายใต้การประกาศภาวะฉุกเฉิน ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

อีกทั้งคำให้การของ พ.อ.สรรเสริญ เป็นคำให้การที่ชี้ให้เห็นถึงสายอำนาจการบังคับบัญชาตามปกติเท่านั้น รวมถึงการนำทหารมาปฏิบัติภารกิจในเขตเมืองก็ทำได้ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

"การปฏิบัติหน้าที่ของ ศอฉ. ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ใครสั่ง ถ้าจะกล่าวหาต้องดูด้วยว่าคำสั่งมีรายละเอียดระบุว่าให้ทำร้ายประชาชนหรือไม่ เรามั่นใจว่าไม่มีคำสั่งเช่นนั้น มีเพียงสั่งให้ทหารควบคุมสถานการณ์ ดูแลความเรียบร้อย รักษาความปลอดภัยให้ประชาชน ตรงนี้ต่างหากที่ต้องนำมาพูด ไม่ใช่มากล่าวหาลอยๆ ให้รับผิดชอบ บุคคลทั้งสองไม่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว"

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ระบุ


อย่างไรก็ตาม คำกล่าวอ้างของโฆษกพรรคประชาธิปัตย์อาจมีน้ำหนักมากกว่านี้ หากไม่มี 91 ศพเป็นหลักฐานยืนยันความผิดพลาดร้ายแรงของรัฐบาลชุดที่แล้ว

โดยเฉพาะคดี 16 ศพที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ชี้ว่าอาจเป็นการตายโดยฝีมือเจ้าหน้าที่ของรัฐ

และได้ส่งสำนวนกลับมาให้พนักงานสอบสวนในพื้นที่ คือกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ดำเนินการสอบสวนชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอน

ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าให้ปากคำของนายทหารอดีตโฆษก ศอฉ. ดังกล่าว

และนำไปสู่คำให้การที่เชื่อว่า เมื่อเรื่องพ้นจากพนักงานสอบสวน ผ่านอัยการส่งไปถึงศาล ข้อมูลความจริงก็จะปรากฏอย่างทางการว่า

ใครคือผู้สั่งการล้อมปราบประชาชน



กล่าวได้ว่าคำให้การของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด

คือส่วน "เติมเต็ม" ให้สำนวนชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 จำนวน 16 ศพ ครบถ้วนชัดเจนมากขึ้น

เนื่องจากหลัง พ.อ.สรรเสริญ เข้าให้การเพียง 3 วัน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนก็เปิดเผยว่า

พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนกรณี นายชาญรงค์ พลศรีลา เหยื่อถูกยิงเสียชีวิตหน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ ถนนราชปรารภ เสนอให้ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พิจารณานำส่งอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาเรียบร้อยแล้ว

และคาดว่ามีอีก 2 สำนวนที่จะสรุปได้ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน

คือ สำนวนของ นายมานะ อาจราญ เหยื่อผู้ถูกยิงที่ศีรษะด้านหลัง เสียชีวิตในสวนสัตว์ดุสิต เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553

กับสำนวนของ นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพชาวญี่ปุ่น สำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งถูกยิงที่หน้าอกตัดขั้วหัวใจ เสียชีวิตหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553

ส่วนที่เหลืออีก 13 สำนวน รวมถึงกรณี 6 ศพในวัดปทุมวนาราม

หัวหน้าพนักงานสอบสวนยืนยันจะสรุปส่งอัยการได้ทันวันที่ 18 ธันวาคมนี้ ก่อนอัยการจะส่งศาลพิจารณาไต่สวนตามขั้นตอน


ความคืบหน้าราวติดปีกนี้ แม้แต่แกนนำคนเสื้อแดงเองก็ยอมรับว่า พ.อ.สรรเสริญ มีส่วนช่วยอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ทั้งเป็นจุดสำคัญที่ช่วยให้กองทัพเปลี่ยนแปลงสถานะ

จาก "จำเลย" มาเป็น "พยาน"

ทั้งยังสอดคล้องกับหลักฐานที่พรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดงมีอยู่ว่า ใครบางคนใน ศอฉ. เคยอภิปรายในสภาและปราศรัยระหว่างหาเสียงเลือกตั้งว่า เป็นผู้สั่งการด้วยตัวเอง

หาก ศอฉ. ซึ่งเคยมีกองทัพเป็นองค์ประกอบสำคัญ คืออาวุธ "หอก" ของอดีตรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่ใช้ทิ่มแทงม็อบเสื้อแดงเมื่อปี 2553

ถึงวันนี้รัฐบาลเพื่อไทยกำลังแสดงเคล็ดวิชา "ยืมหอกสนองคืนผู้ใช้" ของคุณชายม่อหยง แห่งยุทธจักรนิยาย 8 เทพอสูรมังกรฟ้า

ได้อย่างน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง



++
จับตาคดีสลายแดงสาวถึงคนสั่ง?
คอลัมน์ รายงานพิเศษ ในข่าวสดรายวัน วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7664 หน้า 3


กรณี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก และอดีตโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นตัวแทนของกองทัพให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีสลายการชุมนุมช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 ยืนยันทหารไม่ปฏิบัติหน้าที่โดยพลการ แต่จะทำตามคำสั่งศอฉ. ซึ่งมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะ ผอ.ศอฉ.ขณะเกิดเหตุ เป็นผู้สั่งการ

คำให้การดังกล่าวจะเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหน สาวไปถึงผู้สั่งการได้หรือไม่ มีความเห็นจากผู้ติดตามคดี ดังนี้


สิริพรรณ นกสวน สวัสดี
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ

คำให้การของ พ.อ.สรรเสริญเป็นข้อมูลเดิมว่า การสั่งการทุกครั้งใน คำสั่งของศอฉ.เป็นของนายอภิสิทธิ์ โครงสร้างของศอฉ.นั้นเห็นชัดเจนถึงสายการบังคับบัญชาว่าใครสั่งการเรื่องอะไร

การยืนยันของพ.อ.สรรเสริญจึงทำให้ข้อมูลเดิมเหล่านั้นชัดเจนขึ้น หนักแน่นขึ้น ประเด็นหลักจึงอยู่ที่การนำตัวคนผิดมาลงโทษได้หรือไม่ และเป็นประเด็นต่อไปคือ คนที่จะมาตรวจสอบใช้หลักฐานที่มาจากไหน

มองในทางการเมือง เรื่องนี้น่าจะเป็นภาพของทหารที่กันตัวเองออกมาจากความผิด กันตัวเองออกมาจากรัฐบาลในช่วงนั้น อีกทั้งเป็นภาพของการประนีประนอมระหว่างทหารและรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์มากขึ้น

คนที่ต้องรับผิดชอบทุกคำสั่งการต้องเป็นรัฐบาลชุดนั้นๆ อยู่แล้ว แต่ต้องมาดูว่าทหารทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ทำตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ เช่น หากรัฐบาลสั่งให้ยิงปืนขึ้นฟ้าแล้วมีคนเสียชีวิต ตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องมาพิสูจน์กัน

ในส่วนคดีที่มีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม ต้องเร่งดำเนินการให้รวดเร็ว เพราะเวลาล่วงเลยมานานมากแล้ว รัฐบาลจึงต้องดูว่าควรให้หน่วยงานใดรับผิดชอบ

อย่างคณะกรรมการค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่ตั้งขึ้นในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ก็ให้ทำต่อไปได้ แต่เนื่องจากการทำงานดูช้าไปหมด รัฐบาลจึงควรตั้งตัวแทนเข้าไปร่วมงานอีก ให้การค้นหาความจริงรวดเร็วขึ้น

คนเหล่านี้หากไม่ถูกกระตุ้นจะทำไปเรื่อยๆ เหมือนรอดูท่าที แต่รัฐบาลจะรอดูท่าทีไม่ได้ ประชาชนคาดหวังว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ได้รวดเร็วกว่ารัฐบาลชุดที่แล้ว

ยิ่งช่วงน้ำท่วมรัฐบาลต้องสร้างกระแสของตัวเองให้มาก แต่จะทำด้วยวิธีไหนอยู่ที่พิจารณาของรัฐบาลเอง


ธิดา โตจิราการ
รักษาการประธานนปช.

พ.อ.สรรเสริญให้การเป็นประโยชน์ในการนำตัวคนผิดมาลงโทษ แต่ยังวางใจอะไรไม่ได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้

นปช.จึงมี 2 เป้าหมาย เป้าหมายแรกคือ การทำความจริงให้ประชาชนรับรู้ เป้าหมายที่สองคือ การนำคนผิดมาลงโทษให้ได้

เป้าหมายที่ 2 ยังไม่แน่ใจว่าทำได้หรือไม่ เบื้องต้นจึงต้องทำความจริงให้ปรากฏเพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ 2 คือนำคนผิดมาลงโทษ ก่อนจะมีเป้าหมายสุดท้าย คือ ไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก แต่การจะทำให้สำเร็จต้องทำไปทีละขั้น

พ.อ.สรรเสริญยอมรับว่าทำจริง แต่เป็นไปตามคำสั่งของรัฐบาลนั้น เราเชื่อ ทหารมีหลักอยู่ว่า ถ้าไม่ได้สั่งจะทำไม่ได้ ส่วนคำสั่งนักการเมืองที่มีมาถึงทหาร เป็นข้อมูลที่ถูกเปิดเผยมาก่อนหน้านี้ เป็นข้อมูลเดียวกับที่พ.อ.สรรเสริญให้ปากคำ เช่น การสั่งสลายการชุมนุม 19 พ.ค.53 ที่มีลายเซ็นของนายสุเทพ ในฐานะ ผอ.ศอฉ.

แต่กรณีพล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ. ขณะนั้น ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมเลย เชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ และทหารรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้

สุดท้ายรัฐบาลที่เป็นผู้สั่งการต้องรับผิดชอบทั้งทางกฎหมายและการเมือง เราจึงต้องนั่งดูต่อไปว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร

คำให้การของพ.อ.สรรเสริญจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการค้นหาความจริง ทุกคนต้องจับตาว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหาคนผิดมาลงโทษให้ได้


จาตุรนต์ ฉายแสง
อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย

ประเด็นของผู้สั่งการนั้น ยังตอบไม่ได้ว่าจะเกิดผลอย่างไรในทางกฎหมาย ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เรารู้กันโดยทั่วไปว่า นายอภิสิทธิ์ในฐานะ ผู้บังคับบัญชาสูงสุด และนายสุเทพในฐานะผอ.ศอฉ. เป็นผู้ตัดสินใจสั่งการให้เกิดการดำเนินการต่างๆ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.53

โดยเหตุสลายการชุมนุมดังกล่าวไม่เป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล ไม่มีการดำเนินการที่เป็นขั้นตอน ดำเนินการเกินกว่าเหตุ มีการข้ามขั้นโดยใช้อาวุธสงครามร้ายแรงเพื่อสลายการชุมนุมจนนำไปสู่ความสูญเสีย กระทั่งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพต้องเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะผู้สั่งการ

เรื่องนี้จะต้องขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของกระบวนการยุติธรรมอีกครั้งหนึ่งด้วย นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพจะมีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ต้องมาพิสูจน์กันอีกว่าการสั่งการของบุคคลดังกล่าวนำไปสู่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นหรือไม่

แต่ส่วนตัวมองว่าเหตุการณ์การชุมนุมเฉพาะวันที่ 10 เม.ย.53 ก็ชัดเจนแล้วว่าทั้งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพมีความผิด ยากที่จะหลีกเลี่ยงแก้ข้อกล่าวหานี้ไปได้

อย่างไรก็ตาม ต้องให้โอกาสทุกฝ่ายได้ชี้แจงและว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม


สมบัติ บุญงามอนงค์
บ.ก.ลายจุด

เป็นเรื่องที่ดีมาก จะทําให้ข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์คลี่คลายลง

รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่า การสลายการชุมนุมครั้งนั้นไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ และต้องพิสูจน์คนตายทั้ง 91 ศพ ให้ได้เช่นกันว่า คนเหล่านี้เป็นผู้ก่อการร้าย หรือกลุ่มชายชุดดํา หรือผู้ก่อความไม่สงบ ต้องสั่งให้ทหารนําสไนเปอร์เข้ามาในพื้นที่

ต้องอธิบายให้ได้ว่าการใช้สไนเปอร์ยิงพวกเขานั้น เพื่อต้องการแค่หยุดยั้งหรือจงใจ

คดี 91 ศพ ที่กำลังดําเนินการอยู่ในขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะได้มาสะสางให้เสร็จสิ้น หลังจากที่สถานการณ์อุทกภัยเริ่มคลี่คลายลง


ดิเรก ถึงฝั่ง
อดีตส.ว.นนทบุรี

การออกมาให้ปากคำของพ.อ.สรรเสริญเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ทางออกไม่ใช่การมาตั้งคณะกรรมการ คอป. มันไม่ได้ความจริง เมื่อมีคนตาย ผู้ที่ทำหน้าที่คือตำรวจที่ต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าใครเป็นคนฆ่า

จึงควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตรวจสอบและหาข้อเท็จจริง ตรงนี้จะเป็นความจริงที่ชัดเจน อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ก็เคยพูดว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย แล้วท้ายที่สุดเราจะรู้เองว่าใครคือคนทำความผิด แล้วหาตัวมาลงโทษ

พ.อ.สรรเสริญพูดชัดเจนว่า ทำตามคำสั่งศอฉ. ของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพที่ต้องปฏิบัติภารกิจพิเศษ ทหารจึงต้องทำตามคำสั่ง เขาก็ทำถูกต้อง เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งก็ต้องปฏิบัติตาม ในส่วนนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าใครคือคนผิด

ต้องดำเนินการต่อข้อเท็จจริง สอบสวนกันต่อ ตามกระบวนการยุติธรรมไปเรื่อยๆ จนในที่สุดข้อเท็จจริงปรากฏชัดด้วยหลักฐาน เหตุผลต่างๆ จะนำมาสู่กระบวนการลงโทษได้

เพราะเมื่อมีผู้สั่งก็ต้องมีผู้รับผิดชอบ ขั้นตอนจะใช้ระยะเวลานานก็ไม่เป็นไร เคยมีเหตุการณ์ที่ประธานาธิบดีต้องถูกลงโทษ เพราะเหตุผลเหล่านี้มาแล้ว

ระหว่างนี้ยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นค้นหาข้อเท็จจริงเท่านั้น แต่เมื่อกระบวนการยุติธรรมเสร็จสิ้น ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ ต้องเป็นไปตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

ขั้นตอนต่อไปต้องเชิญผู้ที่ถูกพาดพิงหรือมีส่วนเกี่ยวข้องมาให้ปากคำเพิ่มเติม อย่าลืมว่าสังคมทั้งประเทศมองอยู่ คนไทยไม่ใช่คนโง่ อย่าเบี่ยงเบนหรือปัดให้ข้อมูล อาจถูกสังคมทักท้วงและคัดค้าน จึงไม่ควรทำลายกระบวนการสอบสวน โดยนำระบบพวกมาก-ลากไปมาใช้

กระบวนการยุติธรรมยังมีอีกหลายขั้นตอน เพียงแต่ทุกคนต้องพูดความจริง ยอมรับความจริงกันให้ได้


* * * * * * * * * * * * * *

โพสต์เพิ่มภายหลัง



"มาร์ค"ไม่หวั่นตร.เรียกแจงคดี13ศพ ซัดมีขบวนการบิดเบือนคำให้การ"ไก่อู" ย้อนทำไมสำนวนอื่นดีเอสไอไม่เร่งรัด
ในมติชน ออนไลน์ วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 18:10:30 น.


ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. ในฐานะอดีตนายกฯ กล่าวกรณีพนักงานสอบสวนเรียกให้ไปให้ปากคำกรณีผู้เสียชีวิต 13 ศพ จากเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.2553 ว่ายังไม่ได้รับหนังสือเรียก และสอบถามไปยังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎ์ธานี ในฐานะอดีตรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ทราบว่ายังไม่ได้รับหนังสือเช่นกัน ซึ่งหากได้รับหนังสือก็ต้องดูในรายละเอียดว่าให้ไปชี้แจงเรื่องอะไร อยู่ในกรอบอะไร แต่ในแง่ของความเป็นจริงตนพร้อมที่จะไปให้ความร่วมมืออยู่แล้ว และเรียกร้องมาโดยตลอด มั่นใจว่าที่ผ่านมาเราทำทุกอย่างอยู่ในกรอบของกฎหมาย

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมตั้งต้นนั้น ต้องดูว่าการดำเนินการอยู่ในข้อเท็จจริงและเหตุผลมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ตนยืนยันคือ ฝ่ายเราไม่เคยไปกดดันใคร ก็ขอให้อีกฝ่ายหยุดกดดันผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย และข้อเท็จจริงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะมีหลักฐานอยู่ และถ้าใครพยายามเปลี่ยนแปลงก็ต้องมีหลักฐานและสามารถอธิบายได้ ซึ่งสังคมต้องเปรียบเทียบและจับตาดู ในสมัยรัฐบาล ปชป. ตนก็ตั้งคณะกรรมการที่มีความเป็นอิสระมาทำงาน และไม่เคยมีการไปกดดันใดๆ ทั้งสิ้น ไม่เคยตั้งธงเล่นงานหรือขู่ฝ่ายตรงข้าม ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับความเชื่อถือ และความปรองดองจะไม่เกิดขึ้น

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่พนักงานสอบสวนอ้างที่ต้องการเรียกตนและนายสุเทพมาให้ปากคำ เพราะมีการให้ปากคำใหม่จาก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะอดีตโฆษก ศอฉ.ที่ซัดทอดมานั้น ยังไม่เห็นมีอะไรใหม่ เพราะ พ.อ.สรรเสริญก็พูดตามกรอบกฎหมายว่าเมื่อมีการประกาศภาวะฉุกเฉิน ระบบการบังคับบัญชาจะต่างจากการสั่งการในช่วงเหตุการณ์ปกติอย่างไร ซึ่งขณะนี้มีการพยายามแบ่งแยกจากฝ่ายการเมืองและสื่อบางค่าย ที่คิดว่าเป็นธุระของตัวเองไปแล้ว เรื่องนี้ตนไม่สงสัย แต่แปลกใจว่าทำไมมีสื่อบางฉบับรู้ล่วงหน้าก่อนเจ้าตัวเสียอีก ดังนั้น ใครจะมาให้ปากคำก็ต้องให้ปากคำตามความเป็นจริง ใครทำถูกทำผิด ก็ต้องรับผิดชอบกันไป พวกตนยืนยันว่าสิ่งที่ได้ดำเนินการอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เป็นนโยบายที่เราจำเป็นเพราะต้องรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และไม่ใช่ฝ่ายที่ไปริเริ่มความรุนแรง ตรงกันข้ามเป็นฝ่ายที่ถูกล้มโต๊ะเจรจา

ส่วนจะมีอะไรผิดปกติหรือไม่ที่รัฐบาลเร่งรัดดำเนินคดี 13 ศพ ทั้งที่ในสำนวนของดีเอสไอมีการพูดถึงคดีอื่นด้วย ทางด้านอื่นก็ต้องทำ เพราะตอนที่ดีเอสไอสรุปมาก็มีเหตุที่เกิดจากฝ่ายผู้ชุมนุม และอาจจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่หรือไม่ ซึ่งต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย โดยให้พนักงานสอบสวนและอัยการดำเนินการ และควรมีการแถลงข่าวความคืบหน้าในแต่ละคดีด้วยเช่นกัน

"ความจริงแล้วผมเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน เพราะเราเห็นกันอยู่ว่าในยุคนี้ข้าราชการถูกกดดันเพื่อต้องตอบสนองความต้องการทางการเมือง แต่ขอย้ำว่าสิ่งที่จะปกป้องคนที่ทำหน้าที่ตามกฎหมายได้ดีที่สุดคือ การทำงานอย่างตรงไปตรงมา ผมอยากจะเตือนว่า ยังมีคนที่รักความจริง รักความถูกต้อง ถ้าผิดเพี้ยนไปเจ้าหน้าที่จะเดือดร้อน ส่วนความพยายามนำคดีนี้เข้าสู่กระบวนการศาลโลก จริงๆ แล้วอยากให้กรณีที่ใกล้เคียงและมีการสรุปเบื้องต้นแล้วว่าเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ก็มีเพียงเรื่องฆ่าตัดตอน ซึ่งนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ก็ควรที่จะเอาเรื่องนี้ไปดำเนินการมากกว่า เพราะเรื่องนี้มีการสอบเบื้องต้น มีการแปลข้อสรุปเป็นภาษาอังกฤษแล้วด้วย" นายอภิสิทธิ์กล่าว



.