.
"แม่ญิงพะเยา" จี้ "เอกยุทธ" ขอโทษหมิ่นสาวเหนือ
ในมติชน ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 15:45:29 น.
ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ จ.พะเยา คณะทำงานเครือข่ายแม่ญิงพะเยา จำนวน 10 คน ประกอบด้วย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) พะเยา ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด (กพส.จ.) พะเยา เครือข่ายภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เครือข่ายสิ่งแวดล้อม และ เครือข่ายอาสาสมัคร อพม. นำโดย นางสาวราณี วงศ์ประจวบลาภ พมจ.พะเยา นางสุภัคสร วรรณปลูก ประธาน กพส.จ. และประธานเครือข่ายแม่ญิงพะเยา นางสาวอารีย์ อ้อยหอม นายก ทต.บ้านต๊ำ ฯลฯ เดินทางมารวมกันเพื่อยื่นแถลงการณ์ต่อต้านนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ต่อนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ที่ห้องทำงาน ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดพะเยา อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา
นางสุภัคสร กล่าวว่า ในแถลงการณ์ครั้งนี้ทางเครือข่าย ฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง คนไทยทุกกลุ่มพยายามที่จะมองหาช่องทาง วิธีการ แนวทางเพื่อลดความขัดแย้งเหล่านี้ลง สลายความไม่เข้าใจกันให้โดยเร็ว และจะกลับไปสู่ความสงบสุขต่อกันโดยเร็ว ในสถานการณ์พิบัติภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ คนไทยในพื้นที่ไม่ประสบภัยน้ำท่วม หรือได้รับผลกระทบไม่มากนัก ต่างได้ขวนขวายและพยายามรับบริจาค ส่งน้ำใจ น้ำเงิน น้ำพักน้ำแรง และสารพัดสิ่งของ และนำส่งให้แก่เพื่อนชาวไทยที่ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ โดยเฉพาะผู้หญิงเหนือที่เป็นกำลังสำคัญในทุกภาคส่วน แต่ในความวิกฤตของภัยธรรมชาติเรายังได้เห็นความมีน้ำใจของคนไทย ความขัดแย้งได้ลดน้อยลง ความเห็นอกเห็นใจเข้ามาแทนที่ หลายคนต้องทำงานหนักเพื่อฝ่าฟันวิกฤตบ้านเมืองไปให้ได้ หลายฝ่ายต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามความเห็นแก่ตัว เพื่อไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
ทางเครือข่ายแม่ญิงพะเยา จึงขอประณามการกระทำของนายเอกยุทธ ว่า ละเมิดสิทธิสตรีของผู้หญิงเหนืออย่างรุนแรง และ ก้าวล่วงและดูหมิ่น "เพศแม่" อย่างไม่เหมาะสม และขอเรียกร้องให้นายเอกยุทธ ออกมา "ขอโทษ" ผู้หญิงเหนือภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 เพราะผู้หญิงเหนือก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคนหากนายเอกยุทธไม่ออกมาขอโทษผู้หญิงเหนือตามที่ทางเครือข่าย ฯ เรียกร้องไป ทางเครือข่าย ฯ จะมีการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อกดดันนายเอกยุทธต่อไป
ด้านนางเจริญศรี กล่าวเสริมว่า ความรู้ ความสามารถของนายเอกยุทธมีอยู่อย่างท่วมท้น ซึ่งหากนำไปใช้ให้เกิดคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองก็จะดีไม่น้อย หากนำความรู้ ความสามารถของนายเอกยุทธ ถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมก็น่าเสียดาย โดยเฉพาะในประเด็นการโพสต์ข้อความดังกล่าวในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา กำลังจะกลายเป็นชนวนของความขัดแย้งครั้งใหม่ และความขัดแย้งในครั้งนี้อาจจะหมายถึงความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ ความขัดแย้งของชนชั้นในสังคมที่อาจจะไม่เคยยอมรับกัน กลับทำให้เกลียดชังกันมากขึ้น ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะเป็นความละเอียดอ่อนเรื่องของความรู้สึกที่จะมีผลต่อความรู้สึกของกลุ่มชาติพันธ์ ฉะนั้น นายเอกยุทธต้องแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดดังกล่าวโดยเร็ว
จากนั้น คณะทำงานเครือข่ายแม่ญิงพะเยาได้เดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง ริมกว๊านพะเยา เพื่อกราบไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองผู้หญิงเหนือทุกคน
+ + + +
ข่าวสารที่ต่อเนื่องเป็นลำดับมา
http://www.prachatai.com/journal/2011/11/37750
ภาคประชาชนเชียงใหม่รวมพลังประณาม “เอกยุทธ”
Fri, 2011-11-04 17:21
องค์กรภาคประชาชนในเชียงใหม่ร่วมประณามข้อความเอกยุทธ อัญชันบุตร พร้อมยืนยัน “พนักงานบริการ” มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และไม่ได้โง่
วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2554) เวลา 10.30 น. บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ หลายองค์กรด้านสตรี รวมถึงองค์กรต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ได้รวมตัวกันแถลงประณามข้อความของนายเอกยุทธ อัญชันบุตรที่โพสต์ลงในเฟซบุค โดยต่างยืนยันว่าข้อความดังกล่าวเป็นการดูถูกและทำลายความเป็นมนุษย์ของคนที่ทำอาชีพ“พนักงานบริการ” และดูถูกผู้หญิงชาวเหนือด้วย
++
คณาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งล้านนา ออกแถลงการณ์ประณาม "เอกยุทธ" ชี้ดูหมิ่นหญิงเหนือ-นายกรัฐมนตรี
แถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยแห่งล้านนา
เรื่อง ขอประณามทัศนะของนายเอกยุทธ อัญชันบุตรที่ดูหมิ่นสตรีล้านนาและนายกรัฐมนตรีหญิงของไทย
จากกรณีที่นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ออกมากล่าวเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2554 นี้ ว่า
"ไม่อยากจะกล่าวคำแบบนี้ เพราะจะดูเสมือนดูถูกสตรี..แต่ในความเป็นจริงนั้น..สาวเหนือที่ไร้การศึกษาหรือขี้เกียจ และด้อยปัญญา จะมาทำงานสบายที่หญิงปกติไม่ทำกัน..หลักๆก็คือขายบริการ..ฉะนั้นสาวเหนือที่ไร้สติปัญญาและโง่เขลาขนาดหนักแต่หน้าด้านมารับตำแหน่ง ก็ควรจะรู้นะว่าอาชีพอะไรที่เหมาะแก่คุณ?..." และ "ตำแหน่งนายกฯนั้น ไม่ใช่ของครอบครัว..และไม่ใช่ที่ฝึกหัดงาน..หากไร้ปัญญาก็อย่าหน้าด้านมารับตำแหน่ง..."
เราคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งล้านนารู้สึกเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าจะมีคนไทยคนใดออกมากล่าวถ้อยคำเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ประชาชนไทยหลายล้านคนโดยเฉพาะในเขตภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ต้องประสบปัญหาจากภัยน้ำท่วมที่รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ
ข้อที่หนึ่ง ถ้อยคำของนายเอกยุทธที่ดูหมิ่นเหยียดหยามสตรีภาคเหนือว่าคนที่ไร้การศึกษา หรือคนที่ขี้เกียจและด้อยปัญญาชอบงานสบายคือขายตัวนั้นไม่เป็นความจริง เพราะ
1.สตรีภาคเหนือก็เหมือนสตรีภาคอื่นๆ ทั่วโลก นั่นคือเป็นคนมีสติปัญญา ต่อสู้ดิ้นรน ไม่กลัวงานหนัก รักครอบครัว รับผิดชอบต่อครอบครัวและส่วนรวม ในสังคมไทยยุคก่อนที่ประเพณีการแต่งงานคือชายเข้าไปอยู่บ้านฝ่ายหญิง และสังคมไทยไม่มีนามสกุล ทำให้หญิงกับชายมีฐานะและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ต่างคนต่างช่วยกันทำงานสร้างครอบครัวและสร้างสรรค์สังคม กระทั่งในหลายกรณี หญิงมีบทบาทมากยิ่งกว่าชาย สตรีในสังคมเช่นนี้มีบทบาทโดดเด่นแตกต่างจากสังคมบางแห่งที่ยกย่องให้ชายเป็นใหญ่และกดขี่หญิงให้เป็นเช่นทาส ไร้สิทธิไร้เสียง
2. ในรอบกึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ระบบเศรษฐกิจการค้าเสรีที่ขยายตัวได้กระตุ้นให้เกิดการค้าโสเภณี มีการล่อลวงหญิงจากต่างจังหวัดเข้าไปเป็นโสเภณีในเขตเมืองหลวงและลามออกไป การกล่าวว่าสตรีภาคเหนือขี้เกียจ โง่เขลา และชอบงานสบายเลยไปขายตัวจึงเป็นการโป้ปดและดูถูกกันอย่างรุนแรง
3. โลกทุนนิยมเสรีทุกวันนี้ยังคงมีการหลอกลวงและบีบบังคับสตรีจากทุกสังคมให้เข้าสู่ธุรกิจการขายตัว ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะภาคเหนือ สตรีชาวเหนือมีปัญญา ไม่เคยเกี่ยงงาน หาเงินเลี้ยงครอบครัวในทุกสาขาอาชีพ ขณะที่เขียนแถลงการณ์นี้ ก็มีสตรีชาวเหนือจำนวนหลายคันรถที่สละเวลาไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคกลางและกรุงเทพฯ คนที่ไปไม่ได้ก็ช่วยกันบริจาคสิ่งของตามจุดต่างๆในแทบทุกอำเภอของภาค
ข้อที่สอง การที่นายเอกยุทธกล่าวในทำนองนายกฯ หญิงของไทยไร้สติปัญญาและโง่เขลาอย่างมากทั้งหน้าด้านมารับตำแหน่ง และกล่าวว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์น่าจะรู้ว่าอาชีพอะไรเหมาะกับตัวเองจึงไม่ใช่เพียงการดูถูกสตรีชาวเหนือคนนี้ หากยังเป็นการดูถูกประชาชนไทยส่วนใหญ่ว่าโง่เง่าที่เลือกน.ส. ยิ่งลักษณ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี และดูถูกสติปัญญาของคนไทยทั้งประเทศในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาที่ยังคงยินยอมให้เธอบริหารประเทศต่อไปในฐานะนายกรัฐมนตรี นี่เป็นทัศนะที่ต่ำทรามและไม่สร้างสรรค์อย่างที่สุด
คำกล่าวของนายเอกยุทธช่วยเปิดด้านที่หยาบช้าและเลวร้ายในสติปัญญาของคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการดิสเครดิตผู้นำของรัฐบาลและหวังสร้างความปั่นป่วนในสังคม เอาปัญหาอคติทางเพศ ปัญหาสังคมและปัญหาการเมืองมาพันกัน หวังทำลายสังคมการเมืองแบบประชาธิปไตยในปัจจุบันด้วยการด่ากราดสตรีชาวเหนือและหมิ่นแคลนนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่ทุกๆฝ่ายควรจะช่วยกันแก้ไขวิกฤตปัญหาน้ำท่วมให้มากที่สุด
คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งล้านนาขอประณามคำกล่าวและทัศนะของนายเอกยุทธ อัญชันบุตรในครั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันประณามทัศนะกดขี่ทางเพศ ทัศนะที่ดูถูกประชาชนในระบอบประชาธิปไตย และทัศนะที่ดูถูกเหยียดหยามและเหยียบย่ำคนที่เป็นผู้นำของประเทศ
นายเอกยุทธจะต้องกล่าวขอขมาต่อสตรีชาวเหนือ ต่อนายกรัฐมนตรี และต่อประชาชนไทยอย่างเป็นทางการ พี่น้องคนไทยจะต้องร่วมกันคัดค้าน อย่าให้ทัศนะที่ผิดพลาดร้ายแรงครั้งนี้ดำรงอยู่อีกต่อไปในสังคมไทย
คณาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งล้านนา
รศ.ดร.รังสรรค์ จันต๊ะ
อ.สมชาย ประทุมเมศร์
อ.สุทธิวัฒน์ วงศ์รังสรรค์
อ.วัชระ ศรีสรรค์
อ.สมจินต์ รักยุติธรรม
อ.พลดี มงคล
ศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง
3 พฤศจิกายน 2554
+ + + +
"เอกยุทธ อัญชันบุตร" โพสต์ข้อความกระทบผู้หญิงเหนือ "แม่ญิงลานนา" ต้าน . . "คำ ผกา" บอกเป็น hate speech
ในมติชน ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 03 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 10:00:00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจเจ้าของกิจการหลายแห่งในต่างประเทศ และเป็นเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ด็อทคอม ซึ่งเคยออกมาแสดงความเห็นโจมตีรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
"ไม่อยากจะกล่าวคำแบบนี้ เพราะจะดูเสมือนดูถูกสตรี..แต่ในความเป็นจริงนั้น..สาวเหนือที่ไร้การศึกษาหรือขี้เกียจ และด้อยปัญญา จะมาทำงานสบายที่หญิงปกติไม่ทำกัน..หลักๆ ก็คือขายบริการ..ฉะนั้นสาวเหนือที่ไร้สติปัญญาและโง่เขลาขนาดหนักแต่หน้าด้านมารับตำแหน่ง ก็ควรจะรู้นะว่าอาชีพอะไรที่เหมาะแก่คุณ.."
จากนั้น นายเอกยุทธยังได้โพสต์ข้อความที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เช่น
"ตำแหน่งนายกฯ นั้น ไม่ใช่ของครอบครัว..และไม่ใช่ที่ฝึกหัดงาน..หากไร้ปัญญาก็อย่าหน้าด้านมารับตำแหน่ง.."
และ
"สื่อถามรัฐบาลและผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายว่าต้องการความช่วยเหลือจากต่างประเทศเรื่องน้ำท่วมมั้ย ? คำตอบที่ได้คือ 'เราช่วยตัวเอง' ได้...มิน่าถึงได้ยินบ่อยๆว่า 'เอาอยู่ค่ะ' ”
ต่อมา ข้อความดังกล่าวได้ถูกแชร์ (แบ่งปัน) ในเฟซบุ๊ก เป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและโต้แย้ง สำหรับตัวอย่างความเห็นโต้แย้งที่มีต่อข้อความของนายเอกยุทธ มีอาทิ
ข้อความในเฟซบุ๊กของ "เพียงคำ ประดับความ" กวีการเมือง ที่ระบุว่า "เอกยุทธ อัญชันบุตร -- ไร้สติปัญญาและโง่เขลา ยังสามารถเอาชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงเด็ดขาด พอชนะแล้วขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เอกยุทธบอก 'หน้าด้าน' แล้วคนที่ไม่มีปัญญาชนะเลือกตั้ง แต่ยังดันขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในอดีตนั้นน่ะ ต้องเรียกว่าอะไร -- ในสังคมประชาธิปไตย จะวิจารณ์อะไรก็วิจารณ์กันได้ จะวิจารณ์แบบนี้ก็วิจารณ์ได้ แต่ต้องอาศัยความหน้าด้านหน่อยเท่านั้นเอง"
"พูดตามสามัญสำนึกเลย -- จะไม่คิดหรอกค่ะว่า เอกยุทธดูถูกนายกฯ ด้วยการยกอาชีพ 'ขายตัว' มาเปรียบกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บอกให้นายกฯ เลิกเป็นนายกฯ ไปขายตัว -- การขายตัวเป็นอาชีพสุจริต คนขายตัวก็มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทุกอาชีพล้วนต้องอาศัยความเพียร อาศัยทักษะ อาศัยความอดทนวิริยะด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดเป็นเทวดา จะนั่งงอมืองอตีนขี้เกียจก็มีแต่จะอดตาย -- จะเป็นนายกฯ หรือเป็นผู้หญิงขายตัว ก็ล้วนมีศักดิ์ศรีเท่ากัน เป็นพลเมืองที่มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันในประเทศประชาธิปไตย -- แต่สิ่งที่สะท้อนความ '...' ของเอกยุทธก็คือ คุณไม่เคยเคารพให้เกียรติผู้หญิง ไม่เคยให้เขาได้เลือกของเขาเองเลย ประชาธิปไตยพื้นฐานเลยคือ 'สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง' ที่คนพวกนี้ไม่เคยเข้าใจ ก็เมื่อผู้หญิงคนหนึ่ง เลือกที่จะเป็นผู้หญิงขายตัว นั่นคือ สิ่งที่เธอเลือก และเธอก็ปฏิบัติตามกติกา เรียนรู้สิ่งที่ควรทำควรเป็นในอาชีพที่เธอเลือกทำมาหากินไม่ได้ไปหนักกบาลใคร - เช่นเดียวกับผู้หญิงอีกคน ซึ่งเลือกที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เธอก็ลงสมัครรับเลือกตั้ง เดินสายหาเสียง แล้วก็ชนะการเลือกตั้ง ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มศักดิ์ศรี อย่างที่ใครท้วงติงไม่ได้ -- เธอเดินตามกติกา เคารพกติกาของสังคม และแสดงเจตจำนงในการกำหนดชะตากรรมตนเองอย่างเต็มศักดิ์ศรี -- แต่ดันมีมนุษย์ผู้ชายจำพวกฝักใฝ่เผด็จการ ที่ไม่ยอมรับการกำหนดชะตากรรมตนเองของเธอ ...มาเลือกอาชีพที่เธอไม่ได้เลือกให้ โรคไม่ยอมรับการตัดสินใจของคนอื่นเนี่ย มันคงติดแน่นอยู่ใน...แล้ว ไม่ได้สะท้อนออกมาแค่จุดยืนทางการเมืองเท่านั้น แต่มันฝังอยู่ในทุกอณูของทัศนคตินั่นแหละ"
และบทความ "จดหมายจากคลองกระจง ถึง คุณเอกยุทธ อัญชันบุตร" โดยสมาชิกเฟซบุ๊กผู้ใช้นามว่า "ปฐม พยัคฆ์ร้ายเเห่งคลองบางหลวง" ซึ่งมีเนื้อหาบางส่วนดังนี้
"สวัสดีครับ คุณ เอกยุทธ อัญชันบุตร ครับ วันนี้ทันทีที่ข้าพเจ้าได้อ่านสเตตัสของท่านแล้วก็เห็นว่า ข้าพเจ้าสมควรเขียนอะไรถึงท่านสักหน่อย ข้าพเจ้าไม่ออกความเห็นว่าสิ่งที่ท่านคิดเป็นอย่างไร เลว ดี อย่างไร ข้าพเจ้าคงตอบท่านไม่ได้เพราะข้าพเจ้าเองนั้นไม่ได้มีพื้นกำเนิดอันเดียวกับท่านเลยไม่รู้ว่าท่านสูงส่งมาจากไหนและข้าพเจ้าก็ไม่คิดจะขุดคุ้ยท่านแต่อย่างใดเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่บัณฑิตพึงทำ
"คุณเอกยุทธครับ คุณรู้จักตำหนักแดงในพระบรมมหาราชวังไหมหรืออีกนัยยะหนึ่งเขาจะเรียกว่า ตำหนักเจ้าดารา เจ้าดารานั้นพระนามเต็ม ๆ ของพระองค์คือ เจ้าหญิงดารารัศมี เป็นพระธิดาของเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงแห่งเชียงใหม่ ความสำคัญของพระองค์คือเป็นผู้ที่ผนวกแผ่นดินล้านนากับแผ่นดินสยามให้เป็นปึกแผ่นกันทั้ง ๆ ที่พระองค์เองมีสิทธิที่จะเป็นเจ้าหญิงหรือบุตรบุญธรรมของพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษ ถ้าพระเจ้าอินทวิชยานนท์เลือกทางนั้นข้าพเจ้าก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าแผ่นดินล้านนาในทุกวันนี้จะเป็นอย่างไร อย่างน้อย ๆ ก็อาจจะเป็นถึงฮ่องกงแห่งภาคพื้นอุษาคเนย์ก็เป็นได้ แต่เพราะเหตุอันใดนั้นไม่ทราบพระเจ้าอินทวิชยานนท์ถึงเลือกจะส่งลูกสาวของพระองค์มายังสยามประเทศ ทำให้แผ่นดินสยามกับล้านนาประเทศเป็นอันหนึ่งเดียวกันและทำให้สยามประเทศนั้นปลอดภัยภยันตรายอันเกิดจากประเทศอังกฤษเจ้าอาณานิคม
"ดังนั้นถ้าจะมองว่าสตรีสูงศักดิ์เหนือทำให้ประเทศพ้นภัยก็น่าจะได้นะครับคุณเอกยุทธ นี่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าอยากพูดถึงหรอกครับยังมีอีกเรื่องคือ คุณเอกยุทธรู้จักคำว่า นางสาวถิ่นไทยงาม ไหม ถ้าข้าพเจ้าจำไม่ผิดนางงามเวทีนี้คือรายการประกวดประชันนางงามภาคเหนือที่เกิดขึ้นในสมัย จอมพล. ป. พิบูลสงคราม และไม่เพียงเท่านั้นท่านจอมพลคนเดียวยังเป็นคนให้จังหวัดทางภาคเหนือมีการจัดงานฤดูหนาวและประกวดนางงามในงานนั้นด้วย ที่ข้าพเจ้าพูดมาถึงตรงนี้เพียงเพราะอยากจะชี้ให้ท่านเห็นว่า อาณาจักรล้านนา มีการเปลี่ยนแปลงในเวลาที่ใกล้ ๆ กัน แต่ข้าพเจ้าเข้าใจเอาเองว่าความเปลี่ยนแปลงขั้นรุนแรงของล้านนานั้นมาเกิดขึ้นในสมัย จอมพล ป. ที่ประกาศใช้ลัทธิชาตินิยมอย่างเต็มขั้น ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ มากมายในแผ่นดิน ไม่ใช่เพียงแต่ล้านนาที่ได้ผลกระทบ เพราะนโยบายของจอมพล ป. นโยบายเดียวทำให้เกิดผลกระทบไปทุกภูมิภาค ตอนนั้นทางอีสานก็ระส่ำ ทางใต้ก็ระส่าย ทางเหนือก็เจอยัดเยียดความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น
"สิ่งที่ จอมพล ป. ทำนั้นทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในแผ่นดินล้านนาและน่าจะเป็นการเปิดประตูล้านนาให้คนอื่นได้เข้าไปยึดครอง โดยเฉพาะเรื่องความงามของสาวเจ้าความงามของสาวเหนือได้ปรากฏสู่สายตาโลกกว้างก็คงเพราะจากนโยบายนี้ของท่าน ข้าพเจ้าคิดไปเอาเองว่าจากนั้นก็เริ่มมีการล่อการลวงเกิดขึ้นมากมายตามมา แต่สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงการปกครองในแผ่นดินล้านนาซึ่งมาจากนโยบายของรัฐบาลกลาง ป่าไม้ เหมืองแร่ ทรัพยากรต่าง ๆ ที่เขาหาได้โดยง่ายก็ถูกยึดครองเป็นของรัฐ รัฐบาลกลางได้เข้าไปยึดถือครองและทำให้ความเป็นอยู่ของพวกเขาเลวร้ายลง กฏเกณฑ์ของรัฐบาลกลางนั้นไม่เอื้อกับความเป็นอยู่ของเขาจึงทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ ล้านนาที่เคยเป็นดินแดนที่เรียบง่าย งดงาม ก็ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เขาต้องการหรือไม่... นั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลกลางไม่เคยเพียรถาม เขาได้แต่คิดว่าต้องเปลี่ยนต้องยึดโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนพื้นที่คิดอย่างไร มีคนพูดถึงว่า 'หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง ความเป็นล้านนาก็ค่อย ๆ หายและลบเลือนไป เขาเอาสิ่งที่ไม่ต้องการมาให้เราและก็ยังกดขี่เรา' คำกล่าวนี้น่าจะเป็นจริง แต่จะเป็นจริงอย่างไรนั้นต้องให้คนพื้นที่มาตอบเองข้าพเจ้าเพียงแต่มองจากสายตาคนอ่านหนังสือมาเท่านั้น
"สิ่งที่ตามมาคือความยากเข็ญในแผ่นดินล้านนา นายทุนเริ่มบุกไปเอาเปรียบ รัฐบาลกลางเริ่มขูดรีดและจัดระบบจนทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้ชีวิตเรียบง่ายได้เหมือนเดิม เกิดการดิ้นรนและต่อสู้เพื่อจะมีชีวิต ความเชื่อที่ว่าสาวเหนือนิยมมาขายตัวก็เกิดมาจากตรงนี้... แต่คุณเอกยุทธรู้ไหมว่าเพราะอะไรถึงมีการขายลูกกิน... ไม่มีใครที่ขายลูกในอกได้หรอกครับ ข้าพเจ้าเชื่อเช่นนั้นแต่ถ้าเขาแร้นแค้นไม่มีแม้แต่เงินจะยาไส้จึงบีบให้เขาต้องทำ ก่อนหน้านี้มาถ้าเรามองย้อนไปเคยเกิดเรื่องราวแบบนี้ไหมในแผ่นดินล้านนา สถานชำเราชายก็เป็นคนจีนเสียส่วนใหญ่ ตึกต่าง ๆ ในเยาวราชก็เป็นต่างด้าวและเป็นชาวจีนที่หนีภัยพิบัติและสงครามมา แต่ก่อนมีแต่คนจีนจริง ๆ ที่ทำอาชีพนี้แต่เมื่อคุณไปบีบคั้นเขาและล่อลวงมาชาวเหนือจึงตกเป็นขี้ปากอย่างปฏิเสธไม่ได้
"เขาไม่ได้มาขายตัวเพราะขี้เกียจ แต่มีการศึกษาพบแล้วว่า คนเหนือที่มาขายบริการในกรุงเทพฯ เพราะส่วนหนึ่งถูกล่อลวงมา พ่อแม่จำเป็นต้องขายพวกเธอเพราะถูกคนกดขี่เอารัดเอาเปรียบ ถ้าจะพูดกรุณาพูดให้ถูก ข้าพเจ้าขอแนะนำให้ท่านไปอ่านหนังสือของ สุภาพบุรุษน้ำหมึก อย่าง คุณ ณรงค์ จันทร์เรือง หนังสือเกือบทุกเล่มของท่านมีเนื้อหาเกี่ยวกับการผู้หญิงขายบริการไม่ว่าจะเป็น เทพธิดาโรงแรม เทพธิดาวารี เทพธิดาคาเฟ่ โดยเฉพาะ เทพธิดาโรงแรม ที่โด่งดังก็ชี้ให้เห็นชัดว่า มาลี เธอมาขายบริการเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะความซื่อของเธอหรอกเหรอถึงถูกหลอก ไม่ใช่เพราะความเลวระยำของคนกรุงเทพฯ เหรอที่ไปล่อลวงเขามา
"ถ้าข้อความดูถูกผู้หญิงเหนือจะหลุดออกมาจากใครสักคน ข้าพเจ้าไม่คิดเลยจะออกมาจากคนที่มีชาติกำเนิดดีและมีการศึกษาที่ดีอย่างท่านเลย ทำไมคนอย่างท่านถึงดูเหตุและปัจจัยไม่ออกครับ ทำไมถึงกล่าวว่าคนทั้งภาคทั้ง ๆ ที่ภาคนั้นได้ช่วยเหลือให้เราได้เป็นไทยจนถึงทุกวันนี้ เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าวันนั้นเขาเลือกจะไปทางอังกฤษ ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าประเทศไทยในวันนี้จะเหลือแผ่นดินแค่ไหนกัน... และจากประวัติศาสตร์ก็บอกชัด ๆ ว่า รัฐบาลของประเทศไทยทั้งนั้นที่รังแกเขา ทำไมถึงถึงได้หยาบคายกับเพื่อนมนุษย์ได้ขนาดนี้ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ..." แต่ผ่านอ่านคอมเมนต์คุณไป ข้าพเจ้าก็ได้พบว่า ท่านได้แก้ตัวไว้ถึงสองความเห็นว่า
"ต้องขออภัยนะครับ หากทำให้บางท่านไม่ชอบใจ..แต่กรุณาอ่านข้อความให้ชัดเจนครับ..ไม่ได้กล่าวหาหรือดูถูกใคร แต่กล่าวในความเป็นจริง และน่าจะเข้าใจกันดีว่าหมายถึงใครครับ..ผมเคารพในสิทธิ์และทุกอาชีพ แต่ไม่ยอมรับพวกหน้าด้านที่ทำให้สังคมและประเทศเสียหายครับ..และหญิงบริการก็ไม่ได้สร้างความเดือนร้อนให้ใครแต่คนบางคนที่ไม่มีสติปัญญาก็ไม่ควรอาสาเข้ามานี่ครับ.."
และ "คุณคุณหมายความว่า หากมีอาชีพขายบริการแล้วต้องยกย่องก็คงได้มั้งครับ..ผมคิดว่าหากเข้าใจความหมายต่างกัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ แต่หากจะเอาความคิดตัวเองว่าวิเศษ เลอเลิศแล้วก็คงไม่ต้องมาแสดงความคิดเห็นกันครับ..ผมจะพูดอย่างไร ก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่ได้พล่ามและไร้สติ..ความหมายก็แล้วแต่ผู้อ่านจะคิดและตัดสินกันเอง..อย่าเอาความคิดตัวเองไปตัดสินคนอื่นครับ..และหากจะกล่าวว่าผมดูถูกก็ตามสบายแต่บอกแล้วว่าผมรังเกียจพวกเกียจคร้านแต่อยากสบายโดยวิธีง่ายๆก็เท่านั้น..ส่วนคุณจะชอบหรืออย่างไรก็ตามสบายคุณครับ.."
"ข้าพเจ้าอยากจะบอกว่า... สิ่งที่คุณพูดบนสเตตัสว่าอย่างไร คุณต้องรับผิดชอบให้ครบไม่ใช่มาถึงกลางลำก็แก้ตัว เพราะสิ่งที่คุณพูดมันเป็นแค่คำพูดของคนรู้ไม่จริง เพราะสาวเหนือที่มาขายบริการส่วนใหญ่นั้นเพราะถูกหลอก ส่วนขี้เกียจและแก้ปัญหาด้วยการขายตัวมันมีทุกภาคล่ะครับ แม้แต่ประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่นและอเมริกาก็ยังมี มันมีกันทั้งโลกไม่ใช่แค่สาวเหนืออย่างเดียว...
"และถ้าในมุมมองของคุณนั้นก็บิดเบี้ยวเป็นอย่างมาก เพราะคุณปูไม่ใช่คนขี้เกียจแต่ถ้าคุณจะมองว่าเขาไม่มีปัญญานั้นก็เป็นสิทธิของคุณแต่คุณไม่มีสิทธิไปบอกให้เขาไปทำอะไรหรือไปชี้่ว่าเขาควรไปทำอะไรโดยเฉพาะอาชีพไม่พึงประสงค์เช่นนั้น..."
ล่าสุด เเจียงใหม่" มื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ "กลุ่มพลังผญ๋าแม่ญิงล้านนาเจียงใหม่"กว่า 30 คนได้ออกมาเรียกร้องให้นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ซึ่งเขียนข้อความดูถูกผู้หญิงภาคเหนือในเฟซบุ๊ก ว่าสาวเหนือไร้สติปัญญาและโง่เขลา ขี้เกียจและขายบริการทางเพศ ออกมาขอโทษผู้หญิงภาคเหนือ เนื่องจากเป็นการหมิ่นประมาทผู้หญิงภาคเหนือทุกคน เบื้องต้นนางสุชีรา รักษาภักดี ประธานกลุ่มพลังผญ๋าแม่ญิงล้านนาเจียงใหม่แกนนำผู้หญิงภาคเหนือ ยังได้เดินทางเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนายเอกยุทธ ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางมาเป็นกำลังใจ
ด้านนางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้หญิงภาคเหนือคนหนึ่ง มีความห่วงใยต่อเรื่องดังกล่าวที่เป็นการดูถูกลูกผู้หญิงและมีความกังวลถึงชื่อเสียงของผู้หญิงภาคเหนือที่ถูกกล่าวหา ซึ่งเห็นว่าเป็นการหมิ่นประมาทความเป็นผู้หญิง ตนในฐานะ ส.ส. และเป็นผู้หญิง เตรียมที่จะแถลงประณามนายเอกยุทธ ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งจะมีบรรดาสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นผู้หญิงทุกคนจะออกมาต่อต้านและเรียกร้องให้นายเอกยุทธ ออกมาขอโทษ
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 และ ส.ส.พะเยา แสดงความเห็นว่านายเอกยุทธทำไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ที่ผู้ชายจะออกมาแสดงความคิดเห็นไม่ให้เกียรติผู้หญิงเช่นนี้
"ผมเป็นห่วงว่าจากนี้ไปนายเอกยุทธอาจจะมาภาคเหนือไม่ได้อีกต่อไป เพราะกลุ่มพลังสตรีหรือผู้หญิงภาคเหนือจะไม่ยอมรับและต่อต้านอย่างหนัก เนื่องจากเรื่องของศักดิ์ศรีความเป็นคนไม่ได้จำกัดว่าจะมีแต่เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น หากแต่ทุกคนที่ได้รับสิทธิความเป็นคนเริ่มตั้งแต่มีการปฏิสนธิก่อร่างเป็นตัวตั้งแต่ในท้องของแม่แล้ว ดังนั้นทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงออกถึงการปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งเรื่องนี้ผมคิดว่านายเอกยุทธควรแสดงการขอโทษผู้หญิงเหนือโดยเร็ว เพราะไม่ว่าข้อความที่ได้โพสต์นั้นจะสื่อความหมายอย่างไรก็ตาม แต่เป็นข้อความที่มาจากนายเอกยุทธจึงต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษขอโทษต่อผู้หญิงเหนือโดยเร็ว" นายวิสุทธิ์ กล่าว
ขณะที่สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี สัมภาษณ์ "คำ ผกา" คอลัมนิสต์ชื่อดัง ถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งนักเขียนสตรีชาวเชียงใหม่กล่าวว่า ตอนแรกอ่านข้อความของนายเอกยุทธแล้วรู้สึกตกใจ เพราะเป็นข้อความสั้นๆ ที่มีลักษณะเข้าข่าย "hate speech" คือ 1. ดูถูกชาติพันธุ์ 2. ดูถูกผู้หญิง และ 3. เหยียดหยามดูถูกดูหมิ่นอาชีพโสเภณี
แต่ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ถ้าเราโกรธหรือไม่พอใจต่อข้อความดังกล่าว แสดงว่าลึกๆ แล้ว เรามีทัศนคติที่ไม่ดีต่ออาชีพโสเภณีอยู่หรือเปล่า? ทั้งนี้ โดยส่วนตัวมีความเห็นว่าอาชีพนี้ไม่สมควรถูกเหยียดหยาม และก็พยายามต่อสู้มาตลอดให้อาชีพโสเภณีมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมายในสังคม
เมื่อพิธีกรสอบถามว่า สังคมไทยควรมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อนายเอกยุทธ คำ ผกา แสดงความเห็นว่า ประการแรก เราต้องถามกลับไปยังนายเอกยุทธว่า เขาโพสต์ข้อความนี้ขึ้นเพราะต้องการสร้างความแตกแยกในสังคมด้วยหรือไม่? และถ้าคนไทยเห็นด้วยกับประโยคแบบนี้ ก็จะสามารถทำให้ภาคเหนือกลายเป็น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เหมือนกัน
ประการที่สอง สังคมไทยต้องทบทวนทัศนคติต่ออาชีพต่างๆ โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า ทุกอาชีพมีศักดิ์ศรีเท่ากัน ตราบใดที่ผู้ประกอบอาชีพนั้นๆ มีจรรยาบรรรณ ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพของตนเอง ตนเองจะไม่รู้สึกโกรธถ้ามีใครมาด่าว่าเป็นโสเภณี เพราะไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย แต่ถ้าคุณประกอบอาชีพใด แล้วไม่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพของตนเองและผู้อื่น อันนั้นน่าอับอายมากกว่า
ทั้งนี้ ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กซึ่งไม่พอใจข้อความดังกล่าว รวมตัวกันจัดตั้งเพจต่อต้านนายเอกยุทธขึ้นมา 2 กลุ่ม ได้แก่ "กลุ่มคนรักภาคเหนือ เรียกร้องให้ 'เอกยุทธ อัญชันบุตร' ออกมากราบเท้าสาวเหนือ" และ "มั่นใจคนเหนือไม่พอใจ Akeyuth Anchanbutr กับการดูถูกชาวเหนือเป็นหญิงขายบริการ" ซึ่งแต่ละกลุ่มมีผู้เข้ามาคลิกไลค์ราว 2 พันคน (ณ เวลา 18.00 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน)
.
Selected Messages & Good Article for People Ideas and Social Justice .. หวังความต่อเนื่องของพลังประชาธิปไตยและการเลือกตั้งของปวงชนอันเป็นรากฐานอำนาจอธิปไตย เพื่อกำกับกติกาและอำนาจการเมือง-อำนาจตุลาการ ไม่ว่าต่อคนชั่ว(เพราะใคร?) และคนดี(ของใคร?) ไม่ให้อยู่เหนือนิติรัฐของประชาชน
http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย