สู้กันในเกม
โดย นฤตย์ เสกธีระ max@matichon.co.th คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
ในมติชน ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20:00:00 น.
การเมืองวันนี้และวันหน้าคงหนีไม่พ้นความขัดแย้ง อุณหภูมิการเมืองไทยไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลง
การเมืองไทยยังเดือดปุ ปุ อยู่ตลอดเวลา
ความขัดแย้งทางการเมืองไทยยังเป็นความขัดแย้งระหว่างฟากฝั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับฟากฝั่งที่ไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
การเมืองไทยยังก้าวไม่พ้น พ.ต.ท.ทักษิณ
เพียงแต่เดิม ผู้กุมอำนาจรัฐเป็นกลุ่มไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ ไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ปัจจุบันผู้กุมอำนาจคือกลุ่มที่เชิดชู พ.ต.ท.ทักษิณ และพึ่งพิง พ.ต.ท.ทักษิณ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ เรียกร้องให้สังคมรับทราบข้อเสนอ 6 ข้อเพื่อความปรองดอง
มีประเด็นใหญ่ 2 ประเด็น คือ การนิรโทษกรรม และแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการขานรับจากพรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาล ขั้วอำนาจที่เชิดชู พ.ต.ท.ทักษิณ และพึ่งพิง พ.ต.ท.ทักษิณ
ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งต้าน
พรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ตลอดจนคู่ปรับเก่าทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ออกมาค้านเต็มสูบ
หรือกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ใช้อำนาจรัฐมนตรีสั่งเพิกถอนคำสั่งริบพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กระทรวงการต่างประเทศสมัยนายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ สั่งการไป
เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่านายสุรพงษ์ผิดกฎหมาย เพราะเห็นว่านายสุรพงษ์ ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ต่อตนเอง หรือผู้อื่น หรือพรรคพวก แต่นายสุรพงษ์ยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด ทางพรรคประชาธิปัตย์จึงบอกจะแจ้งความ
เรื่องแบบนี้อย่ารอช้าครับ ขอให้แจ้งความดำเนินคดี หรือไม่ก็ฟ้องร้องไปเลย ผิดหรือถูกอย่างไรปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมวินิจฉัย
จะได้เอาเวลาที่เหลือไปทำงานอื่นกันต่อ
หรือกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดสมัยประชุมรัฐสภาคราวนี้ ประมาณวันที่ 21 ธันวาคม การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
ทางพรรคเพื่อไทยกำลังประชุมสรุปประเด็นในการแก้ไข
เริ่มต้นจากขอระงับใช้มาตรา 291 เพื่อเปิดโอกาสให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา ตามด้วยการนำเสนอมาตราที่เห็นว่าสมควรมีการแก้ไข
เท่าที่ปรากฏเป็นข่าวแต่ละกลุ่มแต่ละพรรคต่างมีเป้าหมายในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมากันแล้ว
กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ตั้งเป้าหมายแล้วว่าจะหนุนให้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 เป็นหลักในการร่าง
พรรคเพื่อไทยจะประชุมและสรุป โดยคร่าวๆ มีกระแสข่าวว่าจะแก้ไขหลายมาตรา
เช่น กรณีการยุบพรรคแล้วเว้นวรรคกรรมการบริหารไปด้วย หรือกรณีอำนาจขององค์กรอิสระ หรือที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ที่ปัจจุบันมาจากสัดส่วนและเลือกตั้ง โดยมีความเห็นว่าสมาชิกวุฒิสภาน่าจะมาจากเลือกตั้ง
พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติพัฒนา พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย และพรรคการเมืองอื่นๆ ก็คงมีความคิดและแนวทางสำหรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เอาไว้แล้ว
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกลาโหม พ.ศ.2551 ที่ฝ่ายบริหารหรือฝ่ายการเมืองเห็นว่า ฝ่ายทหารหรือฝ่ายราชการประจำมีอำนาจมากเกินไป
ใครติดตามการเมืองมาพักใหญ่ คงมองเห็นว่า ประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองไทยยังวนเวียนอยู่รอบตัว พ.ต.ท.ทักษิณ
แถมยังมีแววว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะขั้วอำนาจใหม่ต้องเปลี่ยนแปลงกฎกติกาของขั้วอำนาจเดิม
เพียงแต่ขอให้รุนแรงในเกม...อยู่ในกรอบกติกา
อย่ามุ่งเอาชนะจนเลือดเข้าตา ทำลายเมือง ทำลายชีวิต ทำลายระบบ เหมือนที่ผ่านมา
_______________________________________________________________________________________________________
ในโอกาสที่เกาหลีเหนือกำลังมีประมุขรัฐ ทายาทคนใหม่
ขอเชิญชมประมวลภาพในมติชน ออนไลน์
< ประมวลภาพ ทั่วแผ่นดินเกาหลีเหนือร่ำไห้ หลั่งน้ำตาอาลัย"คิมจองอิล" > วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20:00:00 น.
ที่ www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1324290445&grpid=01&catid=&subcatid=
ตัวอย่างภาพ
จากเรื่องราวและภาพข่าวสาร ทำให้เราตระหนักว่าประชาชนไม่ว่าที่ใดก็จะถูกกำหนดจากระบอบปกครองและระบบข้อมูลที่ถูกเสริมส่งจากกลุ่มผู้กุมอำนาจทั้งเปิดเผยและปิดลับ หากเป็นสังคมประชาธิปไตยที่ประชาชนมีอำนาจตรวจสอบอย่างเต็มที่ ก็จะมีข้อมูลหลากหลายไม่ใช่ด้านเดียว ให้อภิปรายไต่สวนจนได้ข้อสรุปอย่างเปิดเผย แจ้งใจ . . บางสังคมที่เครือข่ายผู้กุมอำนาจปิดกั้นความคิดความรู้สึก ปิดข้อมูลข่าวสาร คนในสังคมจะเข้าใจความคิดใหม่ ความรู้สึกใหม่ก็เมื่อได้มีโอกาสรู้ข่าวสารจากนอกประเทศ ได้เปรียบเทียบเสรีภาพและโอกาสความก้าวหน้าของชีวิตกับสังคมประเทศอารยะ
ประชาชนของเกาหลีเหนือมีชีวิตตั้งแต่เกิดภายใต้ระบอบผู้นำเช่นนั้น ประชาชนบางส่วนก็เคยชินกับการจำกัดความคิดฝัน และ"ความลงตัว"ของชีวิตปัจจุบันไปแล้ว ข้าราชการและปัญญาชนส่วนใหญ่( แม้จะเคยรู้เรื่องนอกประเทศ) ก็"ลงตัว"กับผลประโยชน์เท่าที่จะแสวงได้จากระบบผู้นำนี้ . . . ผู้นำในระบบที่เน้นการปิดกั้น จะต้องทำให้ประชาชนอยู่ในสภาพหวาดกลัวความคิดแปลกใหม่และภัยนอกประเทศ จะได้เกิดอารมณ์พึ่งพาท่านผู้นำที่แสนรู้คัมภีรภาพและเหล่าทัพที่เหิมหาญ ฯลฯ. . .การเกิดภาพความเศร้าโศกอย่างจริงจังเหล่านี้จึงพอเข้าใจได้
แต่แน่นอนว่า ที่ไม่ปรากฎจากภาพคือ ความขัดแย้งในชีวิตจริงและความรู้สึกคัดค้านต่อต้านอันต้องหลบซ่อนของคนส่วนใหญ่ที่ต้องทวีพลังขึ้นทุกวันจากความต้องการเศรษฐกิจคล่องตัวและชีวิตปากท้องก้าวหน้า, ความต้องการเสรีภาพ-ปลอดภัยและสติปัญญา, ความต้องการระบบยุติธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นคนที่เท่าเทียมสากล . . . ความต้องการที่เกิดขึ้นและถูกปิดกั้นจะค่อยสร้างความสงสัยใคร่รู้และคำถามคำตอบให้แก่สังคมว่า แท้จริงหยาดเหงื่อแรงงาน-สติปัญญาของพวกเขาต่างหากที่ได้สร้างความร่ำรวยให้แก่ชีวิตฟุ้งเฟ้ออันปิดไม่มิดของบรรดาชนชั้นสูง
...ตระกูลผู้นำที่เป็นแกนกลางของเครือข่ายอำนาจ(และทั้งเป็นตัวเชิดของบรรดาผู้กุมอำนาจและผลประโยชน์ลำดับต่างๆ )ได้พึ่งพา"ความจงรักภักดีและความไร้อำนาจต่อรองของประชาชน"ในการกอบโกยผลประโยชน์มหาศาลนานเป็นหลายๆสิบปี มิใช่ประชาชนเป็นผู้พึ่งพาชนชั้นนำแต่อย่างใด . . .แท้จริงประชาชนเป็นผู้สร้างชาติและสังคม มิใช่บรรดาตระกูลผู้นำ มิใช่เครือข่ายผู้กุมอำนาจกำลังอาวุธ อำนาจบังคับใช้กฎหมาย อำนาจควบคุมการสื่อสาร อำนาจผูกขาดการค้า-การเงิน ซึ่งที่จริงเป็นผู้ถ่วงรั้งความก้าวหน้าของสังคม ทั้งปรุงแต่งประวัติศาสตร์จอมปลอมให้ชาติได้สืบทอดต่างหาก...
และในระบบเส้นสายอำนาจ แม้จะต้องกรอกหูประชาชนให้เชื่อฟังผู้นำ ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ และคิดต่างจากระบบอำนาจเดิม แต่ผู้จงรักภักดีสายต่างๆก็จะพยายามทำลายสายอำนาจอื่น ข่าวคราวความจริงของผู้นำรองๆที่แข่งกันขยายเขตผลประโยชน์ของสายตนก็จะถูกปล่อยเปิดโปงลงสู่ประชาชนผ่านการซุบซิบอย่างออกรสอยู่ดี ไม่สามารถปกปิดไว้ได้ แล้วความจริงจะค่อยเผยตัวต่อสาธารณะแม้ถูกปิดกั้นและผ่านการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนทุกรูปแบบให้เกิดความหวาดกลัว ไม่มั่นใจในอำนาจรวมพลังของสังคมมาอย่างไรก็ตาม
www.youtube.com/watch?v=pSWN6Qj98Iw
North Koreans weeping hysterically over the death of Kim Jong-il
www.youtube.com/watch?v=yp6cB7BGj48
North Korea - H March - New Footage 720P
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ** * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
โพสต์เพิ่มเติม
"คุมสื่อ" ความสำเร็จ "รบ.เกาหลีเหนือ" ชวนเชื่อร่ำไห้แด่ "ท่านผู้นำอันเป็นที่รัก"
ในมติชน ออนไลน์ วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 19:00:17 น.
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานว่า นายคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือถึงแก่อสัญกรรมแล้วด้วยวัย 69 ปี จากสาเหตุกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน พร้อมกับอาการหัวใจวาย อันเป็นผลมาจากการทำงานหนักเกินไปของจิตใจและร่างกาย
อย่างไรก็ดี ภาพเวอร์ชั่น "ทางการ" ที่แสดงให้เห็นประชาชนเกาหลีเหนือทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และทหารล้มลงร่ำไห้กับการจากไปของนายคิม จอง อิล ซึ่งถูกแพร่ภาพอยู่บนสถานีโทรทัศน์แห่งชาตินั้นเป็นสิ่งที่จัสติน เม็กเคอร์รี่ นักข่าวหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดี้ยนประจำกรุงโตเกียวเรียกว่า เป็นเพียง "เศษเสี้ยว" หนึ่งซึ่งถูกเผยแพร่ออกมาให้ชาวโลกได้เห็นถึงปฏิกิริยาที่ประชาชนเกาหลีเหนือมีต่อการเสียชีวิตของ "ท่านผู้นำอันเป็นที่รัก" ของพวกเขา
เม็กเคอร์รี่ชี้ว่า การควบคุมสื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือนั้น ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ชาวโลกจะได้ทราบว่า จริงๆแล้ว ชาวเกาหลีเหนือส่วนใหญ่มีความรู้สึกอย่างไรกันแน่จากการจากไปของนายคิม จอง อิล
จากข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเกาหลีเหนือในเว็บไซต์ของบีบีซีระบุว่า ตลอดเวลาการขึ้นครองอำนาจของตระกูลคิมนั้น รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ "กระหน่ำ" ให้ข้อมูลชวนเชื่อแก่พลเมืองด้วยภาพการปฏิบัติภารกิจประจำวันของนาย คิม จอง อิล วิทยุและช่องโทรทัศน์ของรัฐบาลมักเสนอภาพคิม จอง อิล เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่การเกษตร พื้นที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรม และฐานปฏิบัติการทหารอยู่เป็นประจำ โดยมักปรากฏภาพนายคิม จอง อิล กำลังให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน
บีบีซีระบุว่า ขณะเดียวกัน ความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจ และความอดอยากภายในประเทศกลับไม่ได้ถูกนำเสนอไปยังประชาชนเกาหลีเหนือ ยิ่งไปกว่านั้น สื่อของรัฐบาลกลับนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อันเป็นผลมาจาก "ความสามารถและวิสัยทัศน์ของท่านผู้นำ"
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์โคเรียน เซ็นทรัล นิวส์ เอเยนซี (เคซีเอ็นเอ) ของรัฐบาลเกาหลีเหนือนำเสนอรายการต่างๆตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นรายงานข่าว สารคดี และรายการอื่นๆที่เชิดชูคิม จอง อิล และนายคิม อิล ซุง บิดาและอดีตผู้นำคนแรกของเกาหลีเหนือ รวมทั้งนำเสนอประกาศต่างๆของรัฐบาลและกองทัพ
การเข้าถึงสถานีโทรทัศน์ต่างประเทศยังเป็นสิ่งต้องห้าม สถานีวิทยุต่างๆต้องขึ้นทะเบียนกับตำรวจและต้องมีการดำเนินการทางเทคนิคเพื่อป้องกันการนำมาออกอากาศซ้ำ ขณะที่การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตในเกาหลีเหนือถูกจำกัดอยู่เพียงในหมู่ชนชั้นนำ ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลแล้วเท่านั้น รวมถึงในหมู่ชาวต่างชาติที่อาศัยในกรุงเปียงยาง
บีบีซีสรุปว่า การควบคุมสื่อดังกล่าวทำให้ชาวเกาหลีเหนือมีความรับรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกน้อยมาก หรือแทบจะไม่รู้เลย ซึ่งนั่นรวมไปถึงการที่สายตาชาวโลกมองไปยัง "ท่านผู้นำอันเป็นที่รัก" ของพวกเขาด้วย
.