http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-11-28

“เราไม่อาจสรุปได้ง่ายเพียงแค่นั้น”, ยูโทเปียของฉัน โดย ทราย เจริญปุระ

.

“เราไม่อาจสรุปได้ง่ายเพียงแค่นั้น”
โดย ทราย เจริญปุระ charoenpura@yahoo.com  คอลัมน์ รักคนอ่าน
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1684 หน้า 80


เราเคยเป็นใครมาแล้วบ้าง 
บางวันที่เดินไปบนถนน สบสายตาคนบางคน เหลือบมองสถานที่บางแห่ง วาบความจำที่เกิดขึ้นว่าเราเคยเห็นมาแล้ว  
เรื่องราวแบบนี้มันเคยมีอยู่จริง หรือมันจริงแต่เพียงในสมองของเรา 

ในอดีตที่มีมนุษย์อยู่ไม่กี่คนบนโลก 
พวกเขาพบกัน อยู่ร่วมกัน รักกัน 
แล้วเราก็ขยายพันธุ์กันออกไป จับจองสถานที่ต่างๆ ว่ามันคือของเรา 
จากนั้นเราก็เริ่มทำลายกัน 
อำนาจ กาลเวลา แรงโน้มถ่วง และความรัก 
ล้วนแต่เป็นพลังอำนาจแห่งการล้างผลาญที่มองไม่เห็นทั้งสิ้น*


เมฆาสัญจรพูดถึงห้วงเวลาต่างๆ เหล่านี้
เราทุกคนล้วนมุ่งหน้าไปสู่อะไรบางอย่าง 
บ้างก็คิดว่าไปเพื่อหน้าที่ บ้างก็ทำไปเพราะความจำเป็นส่วนตัว 
แต่ทุกชีวิตนั้นล้วนพัวพันกันอย่างแยกไม่ออก 
และเราต่างเดินไปสู่ความล่มสลายที่เรายังมองไม่เห็น


ชีวิตหกชีวิตเกี่ยวพันกันอย่างแปลกประหลาด ในห้วงสมัยที่ห่างไกลกันแสนนาน 
ความสำคัญในชีวิตและความเชื่อบางอย่างนั้นแตกต่างออกไปตามห้วงเวลา 
แต่มนุษย์ก็คือมนุษย์ที่เดินไปทั้งตามทางที่ใจต้องการและความเชื่อที่สร้างขึ้นมา 
"ไม่แล้วท่าน พวกเมารีไม่ชอบที่พวกเราชาวพาเคฮาทำลายเผ่าโมริโอริของพวกมันด้วยการเผยแผ่วัฒนธรรมมากเกินไป" *

"แนวคิดเสรีนิยมอย่างนั้นรึ? ก็หมายถึงเศรษฐีขี้ขลาดที่ไม่กล้าตัดสินใจเองน่ะสิ
ลัทธิสังคมนิยมหรือ? มันก็น้องๆ ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่เสื่อมถอย 
และลัทธินี้จ้องจะสืบอำนาจต่อไปก็เท่านั้นเอง พวกอนุรักษนิยมน่ะรึ? มันก็พวกรู้จักปลิ้นปล้อน
และคำพูดสั่งสอนเรื่องอิสรภาพในการตัดสินใจของคนนั่นก็เป็นเรื่องตลบตะแลง
ครั้งใหญ่เลยเชียวล่ะ ...ตัวเขาต้องการประเทศชนิดใดหรือ? "ไม่มีชนิดไหนทั้งสิ้น! 
ยิ่งประเทศชาติมีระบบระเบียบมากเท่าใด 
ความมีมนุษยธรรมของคนในประเทศก็ยิ่งจืดจางลงเท่านั้น"*

"ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ความจริงจากคำให้การ "ของหลายๆ คน" ย่อมไม่ใช่ความจริง...เรามีความสงสัยเรื่อง 
ผิวเผินในชีวิตน้อยมาก และนอกจากนั้น
ในโซปยังมีสารสะกดความจำที่คิดค้นขึ้นเพื่อสะกดความอยากรู้อยากเห็นให้หมดไป" *

ทั้งสามประโยคในเครื่องหมายคำพูดนั้นล้วนมาจากห้วงเวลาที่ต่างกันในหนังสือ 


ตัวละครทั้งสามมีสิ่งสำคัญและการรับรู้เรื่องราวไปจนถึงความเข้าใจต่อชีวิตที่ต่างกันออกไป 
พวกเขาเหมือนมาจากคนละจักรวาลโดยสิ้นเชิง
มีเพียงความเกี่ยวข้องกันที่เกิดจากการกระทำของแต่ละคนในช่วงชีวิตหนึ่ง 
ที่ส่งผลกระทบยืดยาวข้ามศตวรรษ
ไปสู่ห้วงเวลาที่เรายังไม่ได้กำหนดชื่อเรียก




บางครั้งเมื่ออ่านไปได้ซักพัก เรื่องราวเหล่านั้นจะจบลงห้วนๆ ดื้อๆ ก่อนจะเริ่มเรื่องอีกเรื่อง 
ของคนอีกคน ในอีกห้วงเวลาที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง 
แรกที่อ่านอาจจะรู้สึกหงุดหงิดขัดใจและงงงันในความแปลกนี้ 
แต่ฉันก็คิดขึ้นมาได้ว่าชีวิตก็เป็นอย่างนี้ 
แม้แต่ตัวเราเองเราก็ไม่เคยรู้หรอกว่าเรื่องที่ทำมันจะมีบทสรุปอย่างไร
เราแค่ทำมันในวันหนึ่งแค่นั้น

แล้วมันก็เป็นแค่เรื่องหนึ่งในชีวิตที่ไม่ได้สำคัญหรือเกี่ยวพันกับวันรุ่งขึ้น
เราจะมองเห็นความเกี่ยวพันนั้นต่อเมื่อบทสรุปเดินทางมาถึงในอีกหลายวันข้างหน้า 
หลายปีข้างหน้า 
หรือต่อเนื่องไปสู่อีกหลายชีวิตเมื่อโลกหมุนไปไกลแสนไกล

เราแค่ชินกับการที่ได้ฟังเรื่องซักเรื่องแล้วต้องมีบทสรุปไปตลอดจนจบ 
เพื่อจะได้ตัดสินว่ามันดี มันเลว มันสนุกหรือน่าเบื่ออย่างไร 
แต่กับชีวิต เราไม่อาจสรุปได้ง่ายเพียงแค่นั้น


และเรื่องบางเรื่องก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลง

เราดีกว่าคนในยุคดึกดำบรรพ์สักแค่ไหนกัน?

เราเพียงแค่ย้ายจากความเชื่อหนึ่ง ไปสู่อีกความเชื่อหนึ่งเท่านั้นเอง


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

* ข้อความจากหนังสือ 
“เมฆาสัญจร” ( Cloud Atlas ) เขียนโดย เดวิด มิดเชลล์ ( David Mitchel ) แปลโดย จุฑามาศ แอนเนียน ฉบับพิมพ์ครั้งแรก โดยสำนักพิมพ์มติชน, มีนาคม 2552



++

ยูโทเปียของฉัน
โดย ทราย เจริญปุระ charoenpura@yahoo.com  คอลัมน์ รักคนอ่าน
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1683 หน้า 80


ฉันเข้าข้างฤดูหนาวเสมอ
นอกจากเพราะเดือนเกิดของฉันอยู่ในช่วงหน้าหนาวแล้ว 
เดือนนี้มักทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกเรานั้นไม่มีเรื่องร้าย 
หน้าหนาวและปลายปีคือความรื่นเริง

การเกาะกุมมือ และเงาที่ทอดยาวกว่าปกติ
ความดีงามแฝงตัวอยู่ในสายลม
ตะวันอ้อมข้าว
ความมืดที่มาเร็วและอ้อยอิ่งเนิ่นนานก่อนจะจากไป



แต่ก็แค่ความฝันซ้ำๆ
แดดยังร้อนเท่าเดิมและลมหนาวไม่เคยจะมีมา 
แต่บางอย่างก็ช่วยทำให้เรารู้สึกได้เช่นนั้น
หนังสือยูโทเปียชำรุดก็เป็นสิ่งหนึ่ง


แม้จะได้ชื่อว่าชำรุด แต่มันก็ยังเป็นยูโทเปีย 
ดินแดนแห่งความสมบูรณ์แบบ
อาจจะมีบ้างที่บางหลืบมุมแสงอาจส่องเข้าไปไม่ถึง
ฝุ่นตกค้างบนยอดใบไม้ที่ซ่อนตัวจากสายฝน
อะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกกาลเวลาทำให้หยุดนิ่ง

ความไม่สมบูรณ์แบบที่จะเป็นเช่นนั้นไปตลอดกาล
อยู่กับเรา ข้างๆ เรา
จนเรารู้สึกชินกับมัน
และเห็นความผิดพลาดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต


ยูโทเปียของวิวัฒน์เป็นเช่นนั้น 
ดินแดนที่ถูกแช่แข็ง
กับผู้คนที่ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตเกิดขึ้นได้เฉพาะในความฝัน


แสงอาทิตย์เป็นสิ่งสังเคราะห์ 
และความรักมาจากการตั้งโปรแกรม 
เขาเฝ้ามองผู้คนอยู่อย่างเงียบๆ
แล้วเลือกเขียนถึงบางคนที่เดินผ่านไปแล้ว 
คนซึ่งอาจไม่มีอยู่จริง


ยูโทเปียของฉันถูกขังค้างอยู่ในเฉพาะบางช่วงเวลา ในวันบางวัน ในบางนาที 
บางองศาของแสง
ฉันเฝ้ารอมันทุกวัน
แต่ดูเหมือนมันจะผ่านไปแล้ว และไม่มีวันหวนคืน

แต่ฉันก็ยังคงเชื่อมั่น
เรื่องทุกเรื่องมีอยู่จริงเสมอ
ฝังลึกอยู่ในตัวเรา
รอวันเวลาเผยตัวออกมาแสดงอิทธิพลต่อโลกรอบตัว

เราคือยูโทเปีย
เราคือความสมบูรณ์แบบ ในโลกที่ทุกเรื่องประกอบขึ้นจากหมอกควันและภาพลวงตา


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ยูโทเปียชำรุด” รวมเรื่องสั้น เขียนโดย วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา ฉบับทดลองอ่าน จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ เม่นวรรณกรรม, ตุลาคม 2555



.