http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-11-29

คาร์บอนพุ่งทะลุขีด โลกเสี่ยงวิกฤตภูมิอากาศ โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์

.
บทความ ปี2554 - “ฟอกซ์คอนน์” ผู้ผลิตไอแพดในจีน ใช้หุ่นยนต์แทนคนงาน โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

คาร์บอนพุ่งทะลุขีด โลกเสี่ยงวิกฤตภูมิอากาศ 
โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์ siripong@kidtalentz.com คอลัมน์ แลไปข้างหน้า
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1684 หน้า 100


ปัญหาสภาพภูมิอากาศที่สร้างความแปรปรวนไปทั่วโลกเกิดจากภาวะเรือนกระจกที่มาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทำให้อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้น ก๊าซเรือนกระจกที่มีบทบาทสำคัญที่สุดก็คือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาจากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล

การรายงานชิ้นล่าสุดขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติประเมินว่า คาร์บอนไดออกไซด์ทำให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 85 
ในขณะที่เราเห็นความเคลื่อนไหวทั้งภาคประชาชน และภาครัฐในประเทศต่างๆ ที่พยายามหาทางลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่บรรยากาศด้วยวิธีการต่างๆ นานา
มีความพยายามจะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและหันไปใช้พลังงานสะอาดที่ใช้แล้วไม่หมดไปแทน
มีความพยายามจะทำข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์

แต่จากข้อมูลขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกที่เพิ่งรายงานออกมา กลับพบว่าปีที่แล้วหรือปี 2011 ระดับคอร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศกลับสูงมากเป็นประวัติการณ์ หรือขึ้นไปถึง 391 ส่วนต่อล้านส่วน (พีพีเอ็ม) ซึ่งเมื่อเทียบย้อนหลังไปถึงปี 1750 ก่อนที่มนุษย์เริ่มเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลกันอย่างจริงจัง 
ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 
ไม่เพียงแต่คาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้นที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ก็สูงขึ้นทุบสถิติด้วย
ตัวอย่างเช่น ก๊าซมีเทนซึ่งมีอันตรายรุนแรงกว่าเพิ่มขึ้นไปถึง 1,813 ส่วนต่อล้านส่วน และไนตรัสออกไซด์เพิ่มเป็น 324.2 ส่วนต่อล้านส่วน
ทั้งหมดนี้หมายความว่าความร้อนส่วนเกินที่ถูกกักขังไว้ไม่หลุดออกไปนอกชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 ในปี 2011 เมื่อเทียบกับช่วงปี 1990


โดยปกติแล้วคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนเกินประมาณครึ่งที่ปล่อยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกจะถูกดูดซับโดยต้นไม้และมหาสมุทร ซึ่งถือเป็นอ่างคาร์บอนธรรมชาติ 
ทว่า กลไกธรรมชาติดังกล่าวนับวันเริ่มง่อยเปลี้ยเสียขา 
ขณะที่ป่าไม้ถูกทำลายให้ลดน้อยลงไม่เว้นแต่ละวัน
มหาสมุทรก็เดินมาถึงขีดจำกัดที่จะดูดซึมคาร์บอนไดออกไซด์ มหาสมุทรเริ่มมีความเป็นกรดมากขึ้นอันเนื่องมาจากคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะส่งผลต่อห่วงโซ่อาหารใต้น้ำ


ในปี 2009 การประชุมเกี่ยวกับปัญหาสภาพภูมิอากาศของโลก ประเทศต่างๆ มีข้อตกลงร่วมกันที่จะไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากยุคก่อนอุตสาหกรรมเกินกว่า 2 องศาเซลเซียส 
ทว่า ข้อตกลงที่ขาดการกำหนดเป้าหมายชัดเจนในการลดคาร์บอนก็ไม่นำไปสู่ความก้าวหน้าใดๆ และเห็นได้ชัดว่าไม่มีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ 
รายงานของธนาคารโลกที่เพิ่งออกมาไล่เลี่ยกันเหมือนตอกย้ำและเตือนสถิติผู้นำประเทศทั่วโลกว่าหากปราศจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้มากพอ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้นอีก 4 องศาเซลเซียสในอีกแค่ไม่ถึง 50 ปีข้างหน้า
ถ้าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นสูงขนาดนั้นโลกก็จะม้วนพันเข้าสู่โลกาวินาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

ที่จริงนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ทั่วโลกก็เห็นพ้องต้องกันว่าแค่เกิน 2 องศาเซลเซียสก็เข้าเขตวิกฤตแล้ว ซึ่งดูแนวโน้มแล้วเหมือนเราจะหนีไม่พ้นในระยะเวลาไม่นานนัก



+++
บทความ ปี2554

“ฟอกซ์คอนน์” ผู้ผลิตไอแพดในจีน ใช้หุ่นยนต์แทนคนงาน
โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์ siripong@kidtalentz.com คอลัมน์ แลไปข้างหน้า
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1616 หน้า 100


ฟอกซ์คอนน์ เป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี อย่างน้อยในสองสถานะด้วยกัน หนึ่งนั้นคือเป็นผู้รับจ้างผลิตรายการอุปกรณ์ที่เรียกกันว่า ไอดีไวซ์ (iDevice) ของบริษัทแอปเปิ้ล ที่รวมถึงอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการ iOS ที่กำลังครองโลกอยู่ในเวลานี้ ทั้ง ไอโฟน ไอแพด ไอพอด เป็นต้น รวมถึงของบริษัทอื่นๆ เช่น โซนี่ โนเกีย ด้วย

ส่วนอีกชื่อเสียงหนึ่งที่อาจจะป็นชื่อเสียก็ได้ นั่นก็คือขึ้นชื่อเป็นโรงงานที่มีสภาพการจ้างงานที่เลวร้ายแห่งหนึ่งของโลก มีข่าวที่กระฉ่อนไปทั่วโลกอันเกิดจากความบีบคั้นที่คนงานจีนของฟอกซ์คอนน์ได้รับจนทนไม่ไหวถึงกับฆ่าตัวตาย คนงานฟอกซ์คอนน์ทำสถิติการฆ่าตัวตายมาเป็นระยะๆ ปีที่แล้วมีมากถึง 12 คน 
ไม่นานมานี้ก็เกิดการระเบิดขึ้นอีกในโรงงานผลิตไอแพด 2 ในเฉิงตู เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปสามราย หลังเกิดระเบิดไม่กี่วันก็ยังมีคนงานฟอกซ์คอนน์กระโดดตึกฆ่าตัวตายอีก รวมแล้วไม่กี่ปีมานี้คนงานฟอกซ์คอนน์ฆ่าตัวตายสำเร็จไป 17 คน และที่พยายามแล้วไม่ตายอีกจำนวนหนึ่ง 
เชื่อกันว่าส่วนหนึ่งของแรงกดดันที่เกิดกับคนงานอย่างหนักมาจากการเร่งผลิตเนื่องจากไอดีไวซ์ของแอปเปิ้ลโดยเฉพาะไอแพด 2 นั้นขายดิบขายดีกันจนผลิตไม่ทัน และส่วนหนึ่งของการระเบิดที่เกิดขึ้นก็มาจากความผิดพลาดของมนุษย์ที่ทำงานภายใต้แรงกดดันดังกล่าวด้วย คนงานถึงกับพูดถึงสภาพการทำงานว่า "เหมือนทำงานอยู่ในคุก"  
ทั้งค่าแรงต่ำ ทำงานหนัก และทำงานเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด เดือนหนึ่งๆ ทำงานล่วงเวลามากถึง 50-80 ชั่วโมง ขณะที่ตามกฎหมายแล้วไม่ควรเกิน 36 ชั่วโมง

เพราะเกิดเหตุบ่อยมากขึ้น ผู้ว่าจ้างผลิตก็พลอยเสียชื่อเสียงไปด้วย เป็นเหตุให้ฟอกซ์คอนน์ต้องหาวิธีเพื่อจะป้องกันหรือแก้ไข รวมทั้งเพื่อไม่ให้เกิดเหตุน่าอดสูให้เสื่อมเสียชื่อเสียงมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ทางออกที่ว่านั่นก็คือ เอาหุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนคนในงานพื้นฐานธรรมดา ไม่ต้องการความละเอียดอ่อนอะไรมาก เช่น การเชื่อม การพ่นสี และการประกอบ เป็นต้น


โครงการหุ่นยนต์แทนคนงานนี้กำหนดเป้าหมายไว้ว่าภายใน 3 ปี จะนำหุ่นยนต์มาใช้ 1 ล้านตัว จากปัจจุบันที่ใช้หุ่นยนต์อยู่ราว 10,000 ตัวและที่ใช้แรงงานมนุษย์ในกระบวนการผลิต 1.2 ล้านคน 
นั่นหมายถึงคนงานจะยกระดับไปทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าที่หุ่นยนต์ทำได้ ไปทำงานที่ต้องใช้ทักษะและความสามารถสูงขึ้น ซึ่งจะตามมาด้วยค่าจ้างสูงขึ้น สภาพการทำงานดีขึ้น สวัสดิการดีขึ้น

และเป็นไปได้ว่าหมายถึงการปลดคนงานจำนวนมากที่ไม่ใช่แรงงานฝีมือออกไป เพราะในทางปฏิบัติแล้วเป็นไปไม่ได้ที่ยังคงจ้างงานเป็นจำนวนเท่าเดิมเมื่อนำเอาหุ่นยนต์เป็นล้านตัวมาใช้ ขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถพัฒนาฝีมือแรงงานขึ้นไปได้

ทำงานล่วงเวลากันซะขนาดนั้นจะเอาเวลาที่ไหนไปพัฒนาฝีมือแรงงาน เว้นแต่ฟอกซ์คอนน์จะเกิดใจดีมีเมตตาต่อคนงานระดับล่างๆ ขึ้นมา



.