http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-10-17

TAKEN 2 “แก๊งลักพา” โดย นพมาส แววหงส์

.

TAKEN 2 “แก๊งลักพา”
โดย นพมาส แววหงส์  คอลัมน์ ภาพยนตร์
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1678 หน้า 87


กำกับการแสดง Olivier Megaton
นำแสดง Liam Neeson
Famke Janssen
Maggie Grace
Rade Serbedzija



สี่ปีมาแล้วที่ Taken ออกฉายและประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยเนื้อหาสะใจคนดูโดยเป็นเรื่องของอดีตซีไอเอที่ใช้ฝีมือขั้นเทพ ออกปฏิบัติการติดตามลูกสาววัยรุ่นที่เดินทางไปเที่ยวปารีสกับเพื่อน และถูกแก๊งค้ามนุษย์ลักพาตัวไป 
ด้วยเงื่อนงำอันน้อยนิดและสถานที่เกิดเหตุห่างไกลกันคนละฟากฝั่งมหาสมุทร แบบที่คนส่วนใหญ่ต้องหมดปัญญาจะติดตามได้ แต่ ไบรอัน มิลส์ (เลียม นีสัน) สามารถแกะรอยการลักพาตัวครั้งนี้จนช่วยเหลือลูกสาวให้รอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้ โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากตำรวจปารีสเลย อีกทั้งยังบู๊ล้างผลาญ สังหารเหล่าร้ายไปนับสิบๆ คน 
สไตล์ "ข้ามาคนเดียว" ที่สะใจโก๋แบบนี้ ยังคงมีอยู่ครบถ้วนใน Taken ภาคสอง รวมทั้งพล็อตเดิมของการเอาตัวรอดแบบล้างผลาญจากการถูกวายร้ายลักพาตัว


พล็อตเรื่องโขกออกมาจากของเดิมและแทบจะไม่มีอะไรใหม่เลย เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่จากปารีสในฝรั่งเศสเป็นอิสตันบูลในตุรกี คนดูจะรู้สึกเหมือนเคยดูหนังเรื่องนี้มาแล้วด้วยซ้ำ 
ทุกอย่างเป็นไปตามแบบแผน และสูตรสำเร็จ ถึงขั้นออกจะน่าเหนื่อยหน่ายกับความซ้ำซากหมดมุข จนต้องย่ำอยู่กับที่


ใครที่ดู Taken ภาคแรก คงจำได้ว่า ไบรอัน มิลส์ บินด่วนจากอเมริกาไปปารีส เก็บเล็กผสมน้อยจากเงื่อนงำเพียงน้อยนิดที่เขาใช้ความช่างสังเกตจดจำ และคลำไปเจอตัว "มาร์โคจากโทรโพยา" และจัดการเสียอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและน่าสยดสยอง
ใน Taken 2 ปรากฏว่าพวกวายร้ายเหล่านั้นก็มีพ่อแม่ญาติพี่น้องที่คร่ำครวญหวนไห้ต่อการสูญเสียลูกหลานของตนเหมือนกัน ในพิธีศพของคนเหล่านั้นที่โทรโพยา ประเทศแอลเบเนีย พ่อของมาร์โค (ราเด เซอร์เบดซียา) จึงสาบานจะแก้แค้นบุคคลที่สังหารลูกหลานของเขาให้ได้

กลับมาที่อเมริกาซึ่งไบรอันพยายามเอาใจใส่ดูแลลูกสาวคนเดียวอย่างใกล้ชิดแบบมดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม แต่สาววัยรุ่นก็ต้องมีหนุ่มมาติดพันทั้งนั้นแหละ เผอิญว่าคุณพ่อหวงลูกสาวคนนี้เป็นอดีตซีไอเอ ทั้งแม่และลูกต้องห้ามปรามว่าอย่าไปทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตขนาดต้องไปเช็กประวัติแฟนลูกเข้าล่ะ 
แม่ของลูกคือ เลนนี (ฟามเก แจนเซน) กำลังมีเรื่องระหองระแหงอยู่กับสามีใหม่ ทำให้ไบรอันได้โอกาสใกล้ชิดกับครอบครัวของเขามากขึ้น ถึงขั้นชวนไปเที่ยวตุรกี หลังจากเขาเสร็จงานรักษาความปลอดภัยให้มหาเศรษฐีอาหรับที่อิสตันบูลแล้ว 
และนั่นคือเมืองที่แก๊งค์อันธพาลจากอัลเบเนียกลุ่มใหญ่มุ่งหน้ามาเพื่อจับตัวเขากับครอบครัวเพื่อล้างแค้นแทนลูกหลานที่ถูกเขาฆ่าตาย

ลุค เบสซอง เป็นคนเขียนบทหนัง และได้ โอลิเวียร์ เมกาตอน (ผู้กำกับฯ หนังบู๊ Transporter 3 และ Columbiana) มาเป็นผู้กำกับฯ 
แต่ทั้งบทและฝีมือกำกับฯ ออกจะไม่ค่อยน่าประทับใจ เพราะเต็มไปด้วยช่องโหว่ และมุขซ้ำซาก 

สิ่งใหม่ที่เข้ามาอย่างเดียวคือ ตอนนี้ไบรอันที่ถูกจับตัวไปได้พร้อมเลนนี ต้องอาศัยความช่วยเหลือของคิม (แมกกี้ เกรซ) ลูกสาวที่รอดมือเหล่าร้ายไปได้อย่างหวุดหวิด แต่จังหวะการเดินเรื่องก็ไม่ทำให้เราได้ลุ้นสักเท่าไหร่เลย



สรุปว่าหนังอยากจะส่งให้พระเอกเก่งกาจผิดมนุษย์มนาจนคลำหาปมสถานที่ที่ถูกกักตัวไว้ได้ โดยไม่มีตัวช่วยนอกจากความช่างสังเกตและการเงี่ยหูฟังขณะที่มีผ้าคลุมหัวไว้ไม่ให้เห็นอะไรเลยระหว่างการถูกจับกุมตัว แต่ก็เกิดช่องโหว่หลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้ผู้ร้ายพวกนี้กลายเป็นพวกไร้ฝีมือถึงขั้นปัญญาอ่อนด้วยซ้ำ 
อาทิเช่น ไบรอันโทรศัพท์หาลูกสาว พูดคุยกันได้ตั้งยาวนาน ระหว่างที่ผู้ร้ายใช้ปืนขู่อดีตภรรยาเพื่อให้เขายอมแพ้ ไม่รู้ว่าผู้ร้ายชาติไหนกันแน่ที่ยอมให้คนที่ตัวเองกำลังจะลักพาตัว พูดโทรศัพท์สั่งความอะไรต่อมิอะไรอยู่ได้ตั้งนมนานก่อนจะจับตัวไป 
และความเก่งกาจของพระเอกก็ทำให้กำจัดผู้ร้ายไปทีละคนๆ อย่างง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก จนทำให้เกิดข้อกังขาเลยว่าสงสัยพวกผู้ร้ายไม่ค่อยมีฝีมือสักเท่าไรนัก พระเอกถึงได้กำจัดได้อย่างง่ายดาย
แม้ในตอนไคลแมกซ์ เมื่อต่อกรกับหัวหน้าผู้ร้าย ก็ไม่ค่อยน่าลุ้นเท่าไร เพราะคนดูรู้อยู่แล้วว่าฝีมือคนละขั้นแบบไม่ต้องเอามาเทียบกันเลย


อีกเรื่องที่ตงิดๆ ใจอยู่ตั้งแต่ภาคแรกแล้ว คือ บ้านเมืองในยุโรปอย่างปารีส หรืออิสตันบูล (ซึ่งคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างยุโรปกับเอเชีย) นี่ดูเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนแบบที่เรียกว่าระเบิดตูมตามกันยังไง ก็ไม่เห็นมีใครใส่ใจ หรือมีตำรวจรีบรุดมาถึงที่เกิดเหตุเลย 
แถมเมื่อจัดการเสร็จสิ้นถอนรากถอนโคนจนถึงต้นตอของฝ่ายผู้ร้ายแล้ว ครอบครัวพระเอกก็ลอยนวลกลับไปอเมริกาได้อย่างสบายใจเฉิบ โดยไม่เห็นเค้าว่าต้องถูกสอบสวนกรณีสร้างความปั่นป่วนไปทั่วทั้งเมืองเลย


ถึงกระนั้นหนังก็ยังอุตส่าห์ทิ้งปม ในลักษณะแค้นนี้ต้องชำระ เนื่องจากตัวผู้ร้ายใหญ่ในเรื่องบอกว่าเขายังมีลูกชายเหลืออยู่อีก คงจะเผื่อเหลือเผื่อขาดเผื่อฟลุกและส้มหล่นให้มีโอกาสได้สร้างภาคสามต่อไป

ผู้เขียนคิดว่า Taken จากฝีมือผู้สร้างชุดนี้น่าจะหยุดได้แล้ว เพราะหมดมุขจริงๆ



.