http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-10-31

(การ์ตูนที่รัก) The Lorax, ป่าผี ฯ โดย นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

.

The Lorax
โดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์  คอลัมน์ การ์ตูนที่รัก
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 33 ฉบับที่ 1680 หน้า 79


หนังการ์ตูนปี 2012 สร้างจากหนังสือนิทานสำหรับเด็กเรื่องเดียวกันของ Dr.Seuss สร้างและจัดจำหน่ายโดยอิลลูมิเนชั่นเอนเตอร์เทนเมนต์และยูนิเวอร์แซล 
เด็กชายธีโอดอร์ วิกกินส์ หรือเท็ด อายุ 12 ปี อาศัยอยู่กับย่าและแม่ในเมืองธนีดวิลล์ (Thneedville) เมืองในกำแพงที่ซึ่งไม่มีต้นไม้จริงๆ หรือดินจริงๆ อยู่เลย ทั้งเมืองสร้างขึ้นด้วยพลาสติก โลหะและสารสังเคราะห์อื่นๆ รวมทั้งอะไรที่เหมือนสนามหญ้าและต้นไม้สีเขียวด้วย 
เท็ดเป็นเด็กชายก่อนวัยรุ่นที่หลงรักออเดรย์เพื่อนสาววัยทีนที่ร่างกายเป็นสาวเต็มตัวไปก่อนแล้ว ออเดรย์ชอบวาดภาพต้นไม้บนกำแพงและให้สัญญาแก่เท็ดว่าจะให้จูบหากเท็ดสามารถหาต้นไม้จริงๆ มาให้ดูได้


เรื่องหาต้นไม้จริงๆ เป็นเรื่องเพ้อฝันและน่าหัวเราะ ทั้งนี้ ยังไม่นับว่าจะเอามาทำไมทั้งน่ายี้และน่าแหวะ ลองนึกถึงดินที่สกปรก ของเหลวที่ติดต้นหรือดอกมาด้วย ไหนจะโรคภูมิแพ้ ยิ่งไปกว่านั้นอากาศของเมืองธนีดวิลล์เป็นอากาศสังเคราะห์อยู่แล้ว ถ้าใครต้องการอากาศบริสุทธิ์พิเศษก็สามารถซื้ออากาศบรรจุขวดไว้สูดดม ผูกขาดและจัดจำหน่ายโดยบริษัทของท่านนายกเทศมนตรีโอแฮร์ได้ 
คุณย่าของเท็ดแนะนำให้เขาออกตามหาวันซ์เลอร์ (Once-ler) ที่ต้องเอาติดตัวไปด้วยคือเงินเหรียญ 15 เซ็นต์ ตะปู และโคตรหอยทากเก่าแก่หงำเหงอะ เท็ดได้ของกำนัลทั้งสามแล้วเดินทางออกนอกกำแพงเมืองเข้าสู่ดินแดนที่รกร้างว่างเปล่ามีแต่เนินเขาและพื้นราบสุดลูกหูลูกตาที่ไม่มีอะไรเลย ไปพบวันซ์เลอร์ซึ่งขังตัวเองอยู่บนบ้านทรงสูงปรี๊ดประหนึ่งหอคอย
แล้ววันซ์เลอร์ก็เล่าเรื่องในอดีตที่เขาเคยทำผิดพลาดให้เท็ดฟัง


วันซ์เลอร์เดินทางมาถึงดินแดนที่มีต้นทรัฟฟูลาสีสดใสขึ้นอยู่ทั่วไปอย่างอุดมสมบูรณ์ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์สามชนิดอย่างมีความสุขคือ หมี นก และปลา นั่นคือสัตว์บก สัตว์น้ำ และสัตว์ปีก 
วันซ์เลอร์โค่นต้นทรัฟฟูลาต้นแรกลงเพื่อนำใบสีสวยงามมาทอเป็นธนีด พลันที่ต้นทรัฟฟูลาต้นแรกถูกตัดเหลือแต่ตอ ตัวสีส้มหนวดเฟิ้มชื่อลอแรกซ์ก็ปรากฏตัวเพื่อพูดในนามของต้นไม้เหตุเพราะต้นไม้พูดไม่ได้ และขอคำสัญญาว่าวันซ์เลอร์จะไม่ตัดต้นไม้อีก ซึ่งวันซ์เลอร์ก็ตกลง 

แต่ธนีดขายดี ชาวเมืองนิยมและฮิต ใครไม่มีไม่ใช้ธนีดเป็นได้ตกเทรนด์ขายขี้หน้าตาย ครอบครัวของวันซ์เลอร์ตามมาถึงที่และเริ่มโค่นต้นทรัฟฟูลาเพื่อขยายกิจการ 
จากการผลิตในครัวเรือนกลายเป็นธุรกิจข้ามชาติ บริษัทของวันซ์เลอร์เจริญรุ่งเรืองสวนทางกับจำนวนต้นทรัฟฟูลาที่ลดลงเรื่อยๆ พื้นดินเน่าเสีย อากาศและน้ำเป็นพิษ สัตว์ป่าทั้งสามล้มป่วยไม่มีที่อยู่ แล้ววันซ์เลอร์ก็สร้างเมืองธนีดวิลล์ 
ถึงตอนนี้เขาลืมสัญญาที่เคยให้ไว้แก่ลอแรกซ์หมดสิ้นไปนานแล้ว

เมื่อป่าหมด ทุกคนก็ตีจาก เวลานั้นคนงานคนหนึ่งเห็นโอกาสของธุรกิจใหม่นั่นคือขายอากาศบริสุทธิ์แทนป่าไม้ที่หมดไป อันเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทโอแฮร์ที่ยึดเมืองธนีดวิลล์ได้ในที่สุด 
ลอแรกซ์พาสัตว์ป่าอพยพหนีไป ทิ้งไว้แต่อักษรสลักบนก้อนหินว่า "เว้นเสียแต่ว่า"


หนังการ์ตูนมีเนื้อเรื่องแตกต่างจากหนังสือพอสมควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการเปิดเผยตัวตนของวันซ์เลอร์ 
อันที่จริง จะเป็นการไม่ยุติธรรมเท่าไรนักหากเปรียบหนังกับหนังสือ เพราะหนังสือของ ดร.เซอูซเป็นหนังสือเด็กที่ส่งข่าวสารให้แก่เด็กด้วยภาพและคำที่สละสลวยเพื่อสร้างภาพและคำในสมองของเด็กอย่างมีจังหวะจะโคนเป็นเลิศ จนมั่นใจได้ว่าไม่สามารถทำเป็นหนังได้ เมื่อกลายเป็นหนังจึงควรดูเพียงว่าหนังจะบอกอะไร หนังการ์ตูนเรื่องนี้บอกเรื่องพิษภัยของการตัดไม้ทำลายป่าได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง

เมื่อทำลายป่า สัตว์ป่าสามชนิดก็หมดไป ดิน น้ำ และอากาศ เป็นพิษ คนเราต้องสร้างเมืองโลหะและพลาสติกเพื่ออยู่อาศัยและปิดล้อมตนเองไว้หลังกำแพงใหญ่ แม้แต่อากาศที่เคยเหลือเฟือก็ต้องซื้อหา (เหมือนที่ห้าสิบปีก่อน ไม่มีใครนึกภาพอนาคตที่น้ำสะอาดต้องบรรจุขวดขายได้เลย)
ที่แย่ของแย่ที่สุดคือจิตวิญญาณของคนที่หายไป ไม่เคยมีใครเห็นดิน ชาวเมืองรู้สึกว่าธรรมชาติเป็นเรื่องสกปรก และไม่มีใครต้องการต้นไม้อีกแล้ว 
นั่นทำให้การต่อสู้ระหว่างเท็ดและโอแฮร์ในตอนท้ายดุเดือดคุ้มค่าดูมาก (เมื่อเทียบกับมาตรฐานของเนื้อหาในการ์ตูนทั่วไป)

อักษรจารึกที่ลอแรกซ์ทิ้งไว้หมายถึง 'เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนแคร์' คือเว้นเสียแต่ว่าจะมีคนแคร์ต้นไม้หรือป่าไม้ นั่นทำให้ผมนึกถึงการตัดต้นไม้ใหญ่เพื่อสร้างตึกสูงหรือขยายถนนซึ่งเกิดขึ้นทุกปีรอบบ้านหรือสำนักงานใดๆ และนึกถึงภูเขาลูกแล้วลูกเล่าสุดลูกหูลูกตาที่เคยขับรถผ่านแล้วพบว่าไม่มีต้นไม้ใหญ่ในสายตาให้เห็นเลย เรื่องแบบนี้จะแก้ได้ต่อเมื่อ "เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนแคร์" ความยากอยู่ที่ว่าคนที่ว่าแปลว่าอะไร ดูในการ์ตูนนั้นง่าย 
ในโลกแห่งความจริงคงมิใช่หมายถึงคนคนเดียวอย่างแน่นอน



ย้อนไปยี่สิบปี หนังป่าไม้อีกเรื่องคือ FernGully : The Last Rainforest ปี 1992 เล่าเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าด้วยโทนเรื่องที่ต่างกันออกไป เป็นหนังการ์ตูนที่สนุกและคุ้มค่าการดู
ย้อนกลับมาประเทศไทยปี 2012 อีกครั้ง การ์ตูนไทยสามมิติ เอกโค่ จิ๋วก้องโลก (Echo Planet) โดยกันตนาและคมภิญญ์ เข็มกำเนิด เล่าเรื่องเด็กชาวกะเหรี่ยงหน่อวาและจ่อเป ร่วมมือกับ แซม ลูกชายประธานาธิบดีแห่งแคปิตัลสเตทช่วยกันยับยั้งมหันตภัยโลกร้อน
นี่คือหนังการ์ตูนสิ่งแวดล้อม 3 เรื่องที่เหมาะมากสำหรับให้นักเรียนได้ดูและศึกษาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นความใฝ่รู้เรื่องป่าไม้และโลกร้อน ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการศึกษาในศตวรรษที่ 21

การศึกษาที่ดีไม่ควรเริ่มในห้องเรียนแต่ให้เริ่มที่ความเป็นจริงของชีวิตนอกห้องเรียน ด้วยการกำหนดเป้าหมายของการเรียนรู้ให้ชัดเจนว่าในเด็กแต่ละช่วงชั้นเราอยากให้รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องป่าไม้ สิ่งแวดล้อม และโลกร้อน จากนั้นจึงให้นักเรียนสร้างโครงงานที่สามารถบูรณาการกลุ่มสาระวิชาทั้งหมด ได้แก่ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ สุขภาพ ความเป็นพลเมือง และสิ่งแวดล้อมในโครงงานนั้น โดยยึดหลักว่าเด็กเรียนรู้ได้เองโดยไม่ต้องสอน
เหมือนเท็ดที่เริ่มเรียนรู้ด้วยแรงจูงใจที่อยากจูบสาว แต่โครงงานที่ย่าและวันซ์เลอร์มอบให้นั้นน่าสนใจมากเพราะเป็นโครงงานของชีวิตจริง นั่นทำให้เท็ดใฝ่เรียนรู้ เทียวกลับมาพบวันซ์เลอร์แม้พบการขัดขวางจากโอแฮร์ และมุ่งมั่นที่จะรู้เรื่องทั้งหมดโดยมีแรงผลักดันคือความอยากรู้ มิใช่การจูบอีกต่อไป


วิธีเรียนรู้ของเท็ดคือโครงร่างของการศึกษาสมัยใหม่


++

ป่าผี ว่าด้วยจิตวิทยาของความกลัว(ผี)
โดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์  คอลัมน์ การ์ตูนที่รัก
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1679 หน้า 60


พูดถึงหนังไทย หนังผีเป็นตระกูลสำคัญตระกูลหนึ่ง
พูดถึงการ์ตูนไทย การ์ตูนผีก็เป็นตระกูลสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่เรียกว่าการ์ตูนเล่มละบาท 

ป่าผี เป็นผลงานของ A-best Limlamai (อเบศ ลิ้มละมัย) กลุ่มไทคอมิค วิบูลย์กิจ เล่ม 1 พิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2546 เป็นหนึ่งในผลงานของไทคอมิคที่ตีพิมพ์ในรูปเล่มขนาดใหญ่กว่าพ็อกเก็ตบุ๊ก มิใช่การ์ตูนเล่มละบาท ย่อมถูกคาดหวังให้เขียนได้ดีกว่า
จุดเด่นของป่าผีคือการผูกเรื่องในตอนต้นที่ปูพื้นไว้หลายๆ เรื่องพร้อมๆ กันรอเวลาสะสาง ลายเส้นทำได้ดีเมื่อวาดรูปผี พอใช้ได้เมื่อวาดรูปคน ควรปรับปรุงเมื่อวาดรูปหญิงสาว 
ส่วนที่การ์ตูนที่รักชอบคือความเชื่อเรื่องผีแบบไทยๆ ที่แทรกเข้ามาเป็นระยะๆ


เล่ม 1 เปิดฉากแรกกองกำลังไม่ปรากฏนามสองฝ่ายสาดปืนกลใส่กันอย่างดุเดือดในป่าแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะพบว่าสถานที่แห่งนี้คือป่าผี จากนั้นเป็นฉากรถคว่ำตายหมู่ก่อนที่จะตัดมาที่ฉากเปิดตัวพระเอกชื่อ ก้า นักศึกษารุ่นพี่ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง  
ก้าเป็นคนชอบดูหนัง เป็นเพื่อนกับก๊อบเจ้าของแผงหนังสือที่ก้าซื้อนิตยสารหนังอ่านเป็นประจำ เช้าวันนั้นก้าได้นิตยสารเล่มใหม่เดินออกจากร้านแล้วเห็นเงาของเพื่อนสนิทวัยเด็กชื่อ "เครา" หายแว็บไปกับตา รถคันหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ร้านของก๊อบแหลกเหลว
ฉากต่อมา ก้าช่วยชีวิตเด็กชายคนหนึ่งรอดจากการถูกรถชน เขาสังเกตเห็นร่องรอยของอุบัติเหตุถึงตายหลายครั้งที่โคนต้นไม้ซึ่งมีใครบางคนมาจุดธูปเซ่นไหว้
หลังจากนั้น จึงเป็นฉากสำคัญคือรับน้องในบ้านผีสิง รุ่นน้องที่ฝ่าฝืนกฎจำนวนหนึ่งถูกทำโทษให้เดินเข้าไปในบ้านผีสิงหลังหนึ่งทีละคน

ฉากนี้เป็นเช่นเดียวกับหนังไทยตระกูลหนังผีทั่วไปนั่นคือน่ากลัว ความน่ากลัวเกิดจากเงาของผีที่ปรากฏให้เห็นแต่ไม่ชัด แม้เมื่อปรากฏตัวในชุดไทยก็รู้สึกได้ว่าน่ากลัวไม่ชวนมอง 
ต่างจากฝูงผีป่าตอนต้นเรื่องและผีอีกหลายตนนับจากนี้ที่ดูโจ่งแจ้งแบบผีหนังฝรั่งแม้ว่าจะมีลายเส้นสวยงามแต่ก็ลดทอนความน่ากลัว 
เป็นความจริงที่ว่าผีน่ากลัวเพราะมันอยู่ในใจเรา ใจเราสามารถสร้างภาพ เสียง และบรรยากาศเพื่อหลอกหลอนตัวเองได้น่ากลัวมากเสมอ ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมแบบไทยๆ แล้วจะยิ่งน่ากลัวเป็นพิเศษ ในทางตรงข้ามผีต่างชาติมักไม่น่ากลัว ที่เห็นในหนังผีทั่วไปยามเห็นตัวชัดๆ ยิ่งไม่น่ากลัว การ์ตูนมิใช่ข้อยกเว้น วาดชัดไม่น่ากลัว วาดให้ไม่เห็นแต่รู้สึกได้จึงน่ากลัว


เล่มสอง รุ่นน้องคนหนึ่งหายไปในบ้านผีสิง ก้าอาสาเข้าไปตาม ก้าพารุ่นน้องออกมาได้สำเร็จโดยไม่รู้ว่าระหว่างนั้นมีสายตาหลายคู่จากอีกภพหนึ่งจับตาดูเขาอยู่ตลอดเวลา พอก้าเดินออกจากบ้าน ผีไทยโบราณห้าตนก็ถูกปลดพันธะลอยตามก้าออกมา 
ก้าและเพื่อนผู้ชายสองคนชวน "วา" นักศึกษาสาวสวยและเพื่อนสาวร่วมมหาวิทยาลัยอีกคนหนึ่งไปเที่ยวบ้านก้าที่ต่างจังหวัด ตามท้องเรื่องว่าคือริมแม่น้ำมูล พวกเขาขับรถออกจากกรุงเทพมหานครในตอนกลางคืน ที่ติดหลังคารถไปด้วยคือผีไทยโบราณห้าตนจากบ้านผีสิงหลังนั้น
ผีไทยห้าตนเป็นชายร่างกำยำหนึ่ง ชายชราหนึ่ง หญิงชราหนึ่ง และหญิงสาวเปลือยอกสองนาง ระหว่างที่รถของก้าฝ่าความมืดไปตามถนน มีผีเร่ร่อนมากมายล่องลอยตามรถของก้าไปด้วย ขณะเดียวกันบนท้องฟ้ายามค่ำคืนปรากฏร่างของผีเสื้อคลุมลอยตามรถอยู่ห่างๆ โดยที่นักอ่านยังไม่รู้สาเหตุแน่ชัด ผีเสื้อคลุมร่อนลงมาต่อสู้กับผีชายไทยร่างกำยำนั้นอย่างดุเดือดเป็นเหตุให้ปั๊มน้ำมันที่รถของก้าแวะซ่อมหม้อน้ำถึงกับพินาศไปเป็นแถบๆ 
จึงว่าเป็นการ์ตูนผีที่ดูเหมือนจะมีการผสมผสานวัฒนธรรมระหว่างหนังผีข้ามชาติพอสมควร

ผีเสื้อคลุมและผีไทยร่างกำยำต่อสู้กันข้ามมาถึงเล่มสามผีเสื้อคลุมจึงล่าถอยจากไป หมอผีวัยกลางคนคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรวมทั้งมองเห็นฝูงผีที่ติดตามรถของก้าไปเรื่อยๆ จึงรู้ว่าก้าเป็นคนมีบุญบารมีพิเศษ 
บุญบารมีของก้าสามารถดึงดูดวิญญาณเร่ร่อนให้ติดตามเขาไปที่แห่งหนึ่ง ที่แห่งนั้นจะช่วยให้วิญญาณไปผุดไปเกิด หากไม่มีก้าผ่านมา วิญญาณทั้งหลายต้องรอให้ญาติทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้จึงจะได้ไปผุดไปเกิดซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร

ไม่ทราบว่าปัจจุบันธรรมเนียมไปวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตายลดน้อยถอยลงไปมากเพียงไรแล้ว ทุกปีใหม่เมืองตามธรรมเนียมล้านนาชาวบ้านจะตานขันข้าวที่วัดตอนเช้าวันที่ 15 เมษายนเพื่อทำบุญให้แก่ผู้ตาย จะมีพระออกมานั่งรอรับของทำบุญและสวดอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้วายชนม์ตามกระดาษที่ญาติได้เขียนชื่อนามสกุลผู้ตายให้พระอ่าน ในกรณีเช่นนี้พระทำหน้าที่คล้ายนายแพทย์ที่ออกตรวจรักษาผู้ป่วยตามโรงพยาบาล ขณะที่นายแพทย์นั่งตรวจรักษาโรคทางกายแต่พระออกมานั่งเพื่อช่วยเหลือจิตวิญญาณของชาวบ้าน และช่วยเหลือวิญญาณของผู้ตายด้วย 
พระภิกษุในพุทธศาสนามีหน้าที่สืบทอดพระพุทธศาสนาก็จริง แม้ว่าภารกิจด้านจิตวิญญาณและวิญญาณนี้จะไม่ใช่แก่นของพุทธ แต่ก็มีความสำคัญต่อชาวบ้านมากมาย หากพระภิกษุไม่ออกมานั่งตรวจรักษาจิตวิญญาณเช่นนี้มีหวังได้ใช้จิตแพทย์ออกมานั่งตรวจเพิ่มอีกหลายคน

ปลายเล่มสามต้นเล่มสี่เปิดตัวชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งกินเหล้าเคล้านารีในร้านคาราโอเกะข้างถนน เมื่อลูกสมุนคนหนึ่งดื่มได้ที่แล้วออกจากร้านไปยิงกระต่ายไม่ดูที่ทาง ผีตนหนึ่งเกาะหลังเขากลับเข้ามาด้วย ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าสามารถมองเห็นผีและขับไล่ไปได้พร้อมทั้งกล่าวเตือนว่าต่อไปจะไปยืนปัสสาวะที่ไหนให้ดูด้วย


เล่มสี่ ผีเสื้อคลุมยังคงติดตามก้าไปห่างๆ พร้อมทั้งกำจัดผีบางพวกรายทาง ในขณะเดียวกันดูเหมือนมันจะสะสมบริวารเป็นเหล่าผีตายโหงตามถนนจุดต่างๆ เพื่อนำไปสู่จุดนัดพบที่ปลายทางของก้า ในที่สุดก้าก็เดินทางถึงบ้าน ได้พบ "เครา" เพื่อนที่เขาคิดว่า "เห็น" ที่กรุงเทพฯ ตอนต้นเรื่อง ได้พบแม่ และไม่รู้ว่ามีผีจำนวนหนึ่งยืนดูเขากลับเข้าบ้าน 
เรื่องข้อห้ามปัสสาวะใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ทราบว่าพ่อแม่สมัยใหม่ยังสอนลูกหลานกันอยู่หรือเปล่า เรื่องขับรถผ่านศาลเพียงตาที่ศักดิ์สิทธิ์หรือเฮี้ยนให้ขับรถช้าลงแล้วบีบแตรทักทายไม่ทราบว่ายังทำกันมากน้อยเพียงไร ดูด้วยสายตาก็เชื่อว่าลดน้อยถอยลงไปกว่าเมื่อแต่ก่อนมากแล้ว ข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม 
เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของยุคสมัยที่ผียังมีหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์กติกา


เล่มห้า ก้าและวาพบกับชายหาปลาซึ่งตายไปแล้ว
เล่มหก ก้าและเพื่อนๆ ไปเที่ยวค้างคืนริมแม่น้ำโดยหารู้ไม่ว่ามีฝูงผีร้ายเรียงรายอยู่รอบข้าง ยังดีที่มีควายธนูของหมอผีวัยกลางคนคนนั้นเข้ามาช่วยไว้ได้
เล่มเจ็ด ก้าและเพื่อนๆ ไปเที่ยวน้ำตกโดยไม่รู้ตัวว่าฝูงผีร้ายกำลังรุมล้อมเข้ามาอีก ครั้งนี้เป็นผีสาวเสือสมิงที่ติดตามมาจากบ้านผีสิงในเล่มหนึ่งออกมาช่วยพวกเขาไว้ได้

ดูเหมือนก้าไปไหนจะมีผีร้ายตามอยู่ตลอดเวลา ที่ตามมาห่างๆ คือผีเสื้อคลุมซึ่งอาจจะเป็นยมทูต ผีไทยโบราณห้าตนจากบ้านผีสิงคอยปกปักรักษาเขา ในเวลาเดียวกันขบวนการค้ายาเสพติดที่มีหัวหน้าแก๊งเป็นหมอผีเช่นกันก็เดินทางมาถึง "ป่าผี" แห่งนี้
ก็ต้องยอมรับว่าโครงเรื่องซับซ้อนกว่าการ์ตูนผีทั่วไป


ผีคืออะไร ผีคือเรื่องชั่วในใจเราเองที่เรายอมรับไม่ได้ กลไกทางจิตจึงป้องกันตัวด้วยการ "โยน" เรื่องชั่วๆ นั้นออกไปนอกร่างกายและจิตใจ แต่เพราะว่าเรื่องชั่วๆ ที่ว่าก็ไม่ชัดเจนนักว่าคืออะไร มันจึงมักปรากฏเป็นผีที่เห็นเพียงเงาแว็บไปแว็บมา หรือเป็นใจเราที่ระแวดระวังไปก่อน อะไรที่อยู่ใต้เตียง อะไรอยู่ในตู้เสื้อผ้า อะไรรอเราอยู่ในกระจกเงา ผีเหล่านี้น่ากลัวเพราะไม่ชัดนั้นเอง ในอีกแง่หนึ่งหากเรื่องชั่วร้ายนั้นชัด ผีก็มักปรากฏตัวชัด ซึ่งแม้จะน่ากลัวแต่รับรองได้ว่าน่ากลัวน้อยกว่า

ป่าผีมีทั้งหมด 34 เล่มจบไปแล้ว



.